“ยินดีต้อนรับคุณครามกับคุณลออจันทร์ครับ ที่นี่โรงเรียนนานาชาติไอซิสของเรามีการจัดการเรียนการสอนทุกระดับชั้น ตั้งแต่อนุบาลจนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 ....” ลลิตซบไหล่ของครามที่เดินดูบริเวณรอบโรงเรียนนานาชาติพร้อมกับผู้อำนวนการโรงเรียนที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง
“และส่วนนี้คือที่เราให้เด็กอนุบาลวิ่งเล่นครับ” ผู้อำนวยการผายมือไปยังเครื่องเล่นขนาดย่อมที่ย่อส่วนออกมา เมื่อลลิตได้เห็นเครื่องเล่นก็ตาโตดิ้นลงจากอ้อมแขนครามทันที
“ป๊ะป๋า ลลิตอยากไปเล่นตรงโน้นฮะ” นิ้วมือเล็กชี้ไปที่สนามเด็กเล่นที่มีเด็กบางคนเล่นกองทรายอยู่ไม่ไกล
“นะคับ ผมอยากไปเล่นก่อทรายกับเด็กที่อยู่ตรงนู้น” เสียงเจื้อยแจ้วออดอ้อนจนครามใจอ่อน
ครามหันไปมองลออจันทร์เชิงขออนุญาต ลออจันทร์พยักหน้ายิ้มอย่างอ่อนโยน ลลิตคงจะเบื่อที่พวกเขาเอาแต่เดินไปเดินมา
“หนูเล่นตรงนี้ อย่าไปที่ไหนนะครับ”
“คับป๋ม” ลลิตรับคำก่อนจะวิ่งฉิวไปยังสนาม
เสียงหอบหายใจดังขึ้นในห้องนอนกว้าง สองร่างที่ถาโถมเข้าหากันตั้งแต่ตอนหัวค่ำจนกระทั่งผ่านไปค่อนคืนก็ยังไม่ยอมหยุด "อื้อ พี่ครามพอได้แล้วครับ” ลออจันทร์หอบหายใจพลางดันหน้าท้องแกร่งให้ถอนตัวตนออกไป “อีกนิดนะครับ” ชายหนุ่มยังคงสอบสะโพกเข้าหาช่องทางนุ่มเป็นจังหวะเนิบนาบ จังหวะที่ตัวตนโยกเข้าออกดังเฉอะแฉะจากน้ำรักที่ถูกปลดปล่อยไปก่อนหน้านี้ จังหวะเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นอีกระลอกท่ามกลางเสียงครางระงม ผ่านไปสักพักทั้งสองก็จับจูงมือไปถึงฝั่งฝันระเบิดอารมณ์ออกมาพร้อมกัน “เมื่อไหร่ลออจะยอมมีน้องให้ลลิตนะ” ครามค่อย ๆ ถอนตัวตนออกมาจนน้ำรักที่อยู่ภายในช่องทางไหลเยิ้มออกมาด้วย ชายหนุ่มมองเมล็ดพันธุ์ของตนอย
“ต้องขอโทษคุณปราบอีกครั้งนะครับ เดี๋ยวทางเราจะส่งตัวแทนไปคุยสัญญาอีกรอบนะครับ” “ทางนี้ก็ต้องขอโทษเหมือนกันครับ แทนลูกขอโทษหนูลลิตด้วยสิ” ปกติลูกชายคนโตของเขาเป็นเด็กเรียบร้อย ไม่เคยทำตัวเกเรสักครั้งแต่วันนี้มาแปลกสงสัยคงจะชอบหนูลลิตมากทีเดียว “.....” แทนไทมองไปยังร่างเล็กที่หลบอยู่หลังผู้เป็นพ่อไม่ยอมออกมา ครามเห็นแววตาสำนึกผิดของหนูน้อยแทนไทก็ดันหลังลูกชายออกมาเผชิญหน้า “พี่ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้นะ”แทนไทกล่าวขอโทษก่อนจะก้าวเข้าไปจุ๊บแก้มกลมป่องเบา ๆ หนึ่งที “แงงงงงง ป๊ะป๋า” ครั้งนี้ลลิตตกใจจริง ๆ ครามรีบอุ้
“คุมปู่ คุมย่า แงงงงงง” เมื่อรถกอล์ฟจอดสนิทที่ลานหน้าบ้านโยธินตระกูล ลลิตก็รีบลงจากรถวิ่งร้องไห้เรียกทั้งคุณปู่ทั้งคุณย่าเสียงลั่น“ลลิต หลานเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ” คุณพิศาลที่จิบกาแฟอยู่แทบจะพ่นออกมาเมื่อได้ยินเสียงหลานรักร้องไห้วิ่งเข้ามาในบ้าน“ลลิตหลานย่า” คุณไพลินเดินออกมาห้องครัวก่อนจะรับร่างที่ยังอยู่ในชุดนอนโผเข้ามาหา“หม่าม้า ฮึก หม่าม้า” ลลิตร้องไห้พร้อมกับพูดไปด้วยทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองจับใจความไม่ได้ จนกระทั่งป้าจิตรีบเดินเข้ามาพร้อมกับอธิบายเรื่องที่ลออจันทร์หมดสติและตอนนี้เจ้านายหนุ่มของตนพาภรรยาไปส่งโรงพยาบาลจึงขอฝากลลิตไว้กับพ่อแม่ก่อน“ฮึก คุมย่า ลลิตอยากไปหาหม่าม้า” หนูน้อยซบอกออดอ้อนคุณไพลินจนใจแทบละลาย“ได้จ้ะ เดี๋ยวลลิตไปเปลี่ยนชุดลงมาทานข้าวเช้าก่อนนะจ๊ะ แล้วย่าจะพาหนูไปหาหม่าม้า” ลลิตรับปากอย่างว่าง่ายก่อนจะถูกคุณไพลินจูงมือขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ส่วนคุณพิศาลสั่งให้คนขับรถเตรียมรถไว้สำหรับเดินทาง
“หม่าม้า ระวังคับ” ลออจันทร์ยิ้มขำเมื่อลูกชายตัวเล็กคอยเดินนำหน้าเฝ้าระวังภัยให้โดยการกำจัดสิ่งกีดขวางเล็ก ๆ ไม่เว้นแม้แต่ก้อนหินและกิ่งไม้แห้ง“ลลิตหนูมาเดินจับมือหม่าม้าดีกว่าครับ”“จะดีเหยอฮะ” คิ้วเล็กขมวดเป็นโบเมื่อได้ยินคำแนะนำของแม่“ดีสิครับ มาเร็วคนเก่ง” ลออจันทร์ยื่นมือมาจับมือน้อยก่อนจะเดินเข้าบ้านได้เสียที ลออจันทร์ออกจากโรงพยาบาลได้สามวันแล้วแต่ก็ต้องหัวหมุนกับพ่อลูกที่แสดงความเป็นห่วงเกินไปจนลออจันทร์ต้องคอยห้ามปรามเป็นระยะคนลูกไม่เท่าไหร่แต่คนพ่อนี่สิตั้งแต่รู้ว่าเขาตั้งครรภ์ครามสั่งเปลี่ยนกระเบื้องในบ้านให้เป็นแบบกันลื่นและแทบจะปูพรมทั้งบ้าน ดีที่เขาได้ยินคำสั่งนี้เสียก่อนเรื่องนี้จึงถูกระงับไว้ทันแต่ครามก็อิดออดขอเปลี่ยนตรงบริเวณห้องครัวที่ลออมักจะขลุกอยู่ที่นั่นเป็นประจำแทนลออจันทร์จึงได้แต่พยักหน้ายอมอ่อนข้อให้ คราม
“นี่แน่ะ กล้าแย่งของลลิตเหรอ” ลลิตนั่งทับร่างเล็กที่สูงกว่าตนไม่เท่าไหร่ นิ้วมือป้อมขย้ำกลุ่มผมนุ่มไปมา“โอ๊ย ยงไปนะ” แทมมาลีนร้องเสียงหลง จนในที่สุดครูพี่เลี้ยงก็แงะร่างของลลิตออกไปจนได้สภาพเด็กทั้งสองต่างดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดถ้าไม่มีครูคอยรั้งตัวเอาไว้ต่างฝ่ายต้องกระโจนใส่กันอีกรอบแน่ ๆ“พวกหนูสองคนเล่นกันแบบนี้ไม่ได้นะคะ” คุณครูพยายามสอนเด็กทั้งสองอย่างใจเย็นที่สุดจึงใช้วิธีทำโทษให้เด็กสองคนกอดกันและกล่าวขอโทษแต่ก็สูญเปล่าเมื่อเห็นทั้งสองต่างหันหลังให้กันเชิดหน้าไปทางอื่น“งั้นคุณครูคงต้องแจ้งผู้ปกครองนะคะ” เด็กวัยนี้กลัวผู้ปกครองที่สุดและมันก็ใช้ได้ผลเมื่อเด็กน้อยทั้งสองหันมากางแขนโอบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดแต่ดูเหมือนจะใช้แรงมากไปหน่อย“อึก เราขอโทษนะ” แทมมาลีนกัดฟันขอโทษลลิต คิดถึงแม่ใจร้ายที่บ้านแล้วเขายอมขอโทษก็ได้
“หม่าม้า ลลิตอยู่ตรงนี้คับ” ลลิตรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปยังจุดที่หม่าม้ายืนอยู่ ลออจันทร์แม้จะสวมเสื้อคลุมตัวหลวมแต่ก็ปิดปังหน้าท้องกลมโตไม่มิด ชายหนุ่มยืนมองลูกชายตนที่วิ่งมาหา“ไปโรงเรียนวันแรกสนุกไหมครับ” ลออจันทร์เช็ดเหงื่อบนหน้ากลมป้อมอย่างอ่อนโยน“คับ สนุกดีคับ”ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาหยุมหัวแทมมาลีนตอนเช้าน่ะนะ“แล้วคนข้างหลังหนู ใช่เพื่อนใหม่ลลิตไหมจ๊ะ” ลลิตหันขวับกลับทันทีก็เห็นแทมมาลีนยืนกระมิดกระเมี้ยนท่าทางเขินอาย“หวัดดีคับ ผมแทมคับ” แทมมาลีนแนะนำตัวต่อตัวละครตัวโปรดด้วยใบหน้าแดงก่ำแม่เจ้าโว้ย ลออจันทร์ตัวจริงสวยยิ่งกว่าดาราตัวท็อปอีก“สวัสดีจ้ะ เรียกน้าลออก็ได้นะจ๊ะ”“คับ นี่สำหรับคุณน้าคับ” แทมมาลีนยื่นดอกกุหลาบที่ลลิตไม่รู้ว่าแอบไปตัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ยื่นมาให้ลออจันทร์ โอเมก้าแม่ลูกสองเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะและยื่นมือไปรับไว้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเด็ก
สองเดือนผ่านไป“เป็นอะไย ทำไมหน้าบึ้งแบบนั้น” ลลิตถามแทมมาลีนด้วยความสงสัย เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึ้งตึงตั้งแต่เข้าโรงเรียนมา“ก็พระเอกน่ะสิ ทำตัวน่าโมโหชะมัด” ไอ้เรารึอุตส่าห์หวังดีนำของกินไปให้ตอนกลางคืน กะว่าจะสานสัมพันธ์พี่น้องสักหน่อย กลับถูกไล่กลับห้องแถมถูกตอบกลับด้วยเสียงเย็นชาอีก“คราวหน้าไม่ต้องมาเคาะประตูด้วยเรื่องไร้สาระอีก”ปัง เสียงปิดประตูทำให้หนูน้อยวัยสามขวบโกรธจัด เตรียมไปฟ้องผู้ปกครองที่อยู่ในห้องนอนแต่ก็ต้องเลี้ยวกลับแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงร่วมรักอย่างหนักหน่วงดังลอดออกมาให้ตาย ครอบครัวนี้มีคนปกติบ้างไหมเนี่ย“เหม่ออะไยอีกแย้ว” ลลิตเรียกคนที่หน้าตาคล้ายพระเอกแต่มีความหวานมากกว่า คงได้จากป้าดาหวันมาเยอะ“ไม่มีแย้ว ว่าแต่นายจะแอ๊บเด็กไปถึงไหน” แทมมาลีนเอ่ยอย่างสงสัย เขาเพิ่งมาที่นี่ไม่ถึงเดือนเอง ภายในร่างเด็กน้อยมีความคิดของผู้ชายวัยสามสิบอยู่เต็มเปี่ยมถึงแม้จะยังพูดไม
“อ้าปาก”“ไม่เอา ลลิตจะกินเอง” มือเล็กพยายามคว้าช้อนตักไอติม“ลลิตกินเลอะ อ้าปากเร็ว”“ก็ได้” ปากจิ้มลิ้มอ้าปากรับเอาไอติมที่ถูกป้อนโดยพระเอกของเรื่อง ส่วนแทมมาลีนนั้นถูกดาหวันนั่งเทศนาไปด้วยป้อนไปด้วย“เก่งจริงลูกฉัน ตัวกะเปี๊ยกเดียวยังกล้าไปกระโดดกัดผู้ใหญ่อีก อ้าปาก”“อ้าม ก็ยัยป้านั่นผลักพี่จ๋านี่นา”เสียงเล็กเอ่ยแย้งผู้เป็นแม่ก่อนจะอ้าปากรับไอติมคำต่อไป“ยังจะเถียงอีก ลูกได้นิสัยใครมาเนี่ย” ดาหวันยังคงบ่นกระปอดกระแปด ปราบและครามที่ก้าวเข้ามาในร้านอดยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้“ลลิต พ่อมารับแล้วครับ”“ป๊ะป๋ามาแย้ว” ลลิตละจากช้อนที่แทนไทป้อนกระโดดลงเก้าอี้วิ่งกระโจนสู่อ้อมอกพ่อตัวเอง“กินไอติมอร่อยไหมครับ” หอมไปที่ขมับลูกน้อยก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้โดยที่จับลลิตนั่งลงบนตัก“ป๊ะป๋าป้อนให้ดีกว่า” ครามส่งสายตาอ
อึก อึกแรงดูดน้องคีย์ทำให้ลออจันทร์ถึงกับนิ่วหน้า นับวันเด็กน้อยยิ่งดูดแรงขึ้นตามอายุที่เพิ่มขึ้น ตอนที่ลลิตน้อยดูดนมจากหน้าอกของลออจันทร์ไม่เจ็บเลยสักนิด ลลิตตอนเป็นทารกดูดนมด้วยแรงอันน้อยนิดเหมือนรู้ว่าการกระทำของตัวเองทำให้มารดาเจ็บ“น้องคีย์ ดูดแรงไปแล้วนะ” ลลิตเห็นแม่ตัวเองขมวดคิ้วก็ดุน้องชายแต่ที่ได้รับกลับมาคือแววตากลมแป๋วไร้เดียงสา“ยังจะดูดอีกเหรอ อีกข้างของพี่นะ” ลลิตน้อยถึงแม้ตอนนี้จะห้าขวบแล้วแต่ยังมีนิสัยที่แก้ไม่หายคือติดจุ๊บหน้าอกก่อนนอนเมื่อก่อนก็ไม่ติดขนาดนี้หรอกแต่ตั้งแต่น้องคีย์คลอดออกมาลลิตก็ยิ่งหวง ใบหน้าน่ารักบูดบึ้งเตรียมโน้มตัวไปจุ๊บหน้าอกที่ว่างอีกข้างแต่ถูกครามคว้าตัวไว้เสียก่อน“ไม่ต้องเลยครับ นั่นของพ่อทั้งหมดแหละ” ครามทำหน้าหนาตอบลลิตก่อนจะใช้จมูกฟัดพุงกลมของลูกชายจนเด็กน้อยหัวเราะคิกคักไม่หยุด“งื้อ ป๊ะป๋าไม่เอา มันจั๊กจี้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ลลิตนอนหัวเราะจนหมดแรงวันนี้พ่อแม่ลูกสี่คนนอนค้างที่
“น้องคีย์ คลานมาทางนี้สิ” ลลิตส่งเสียงเรียกน้องชายตัวอวบอ้วนที่ค่อย ๆ ยันตัวคลานมาที่ตนนั่งอยู่“อา อา” คีย์น้อยอายุได้แปดเดือนแล้วในขณะที่ลลิตอายุห้าขวบอย่างเป็นทางการเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อนแต่ร่างกายไม่ได้ยืดขึ้นแต่อย่างใดมีเพียงคำพูดที่ฟังชัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด“เร็วเข้า ไม่งั้นพี่จะออกไปเล่นกับแพนเค้กแล้วนะ” คีย์น้อยเมื่อได้ยินว่าพี่ชายจะทิ้งตนไปเล่นกับเจ้าแพนเค้กก็ออกแรงคลานจนมาถึงจุดที่ลลิตอยู่ด้วยความเร็วสูงสุด“เก่งมากเลย น้องใครกันนะ”“อาอาอา”“พูด ลาาา ลิตตต” ลลิตพยายามให้น้องฝึกพูดชื่อตัวเอง“อาาาาา” เจ้าหนูน้อยก็เลียนเสียงเก่งเสียด้วย พยายามทำเสียงตามพี่ชายด้วยตากลมแป๋ว“ไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด” ลลิตเบ้ปากเมื่อได้ยินเสียงน้องชาย“น้องเพิ่งแปดเดือนเองครับ ตอนหนูแปดเดือนก็เป็นแบบนี้แห
“ตาคราม ลออเป็นยังไงบ้าง” คุณไพลินกับคุณพิศาลมาถึงโรงพยาบาลอย่างรวดเร็ว หญิงวัยกลางคนมาถึงก็ถามไถ่อาการของลูกสะใภ้ทันที“ตอนนี้หมอกำลังผ่าคลอดครับ” ครามนั่งหน้าห้องโดยที่กอดตัวลลิตที่คอพับคออ่อนไว้กับตัว“แม่จัดการเรื่องห้องพักไว้แล้ว ให้ลลิตไปนอนที่ห้องก่อนเถอะ”คุณไพลินเข้ามาอุ้มร่างของหลานชายไว้ก่อนจะเดินไปยังห้องพักวีไอพี“ฝากคุณแม่ด้วยนะครับ”ให้ลลิตไปนอนรอที่ห้องน่าจะดีกว่าอยู่กับเขา เมื่อเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ครามก็ยิ่งอย่างกระวนกระวายใจคุณพิศาลตบบ่าให้กำลังใจลูกชาย “แกไม่ต้องตื่นเต้นขนาดนี้ก็ได้ เป็นพ่อลูกสองแล้วนะ”“ตอนลลิตเกิดผมไม่ได้อยู่ด้วยนี่ครับ” คราวของอัยวาเขาก็ไม่ได้อยู่ด้วยเหมือนกัน ชายหนุ่มลงจากเครื่องมาดูหน้าอัยวาแค่แวบเดียวก่อนจะนั่งเครื่องเพื่อไปทำงานต่อครามนึกด่าตัวเองในใจทำไมเขาถึงไม่ย้อนเวลามาเร็วกว่านี้นะตอนลออจันทร์คลอดลลิตต้องลำบากแค่ไหน ตอนที่เขาดูแลลออจันทร์ในช่วงหลายเดือนมานี้เ
“อ้าปาก”“ไม่เอา ลลิตจะกินเอง” มือเล็กพยายามคว้าช้อนตักไอติม“ลลิตกินเลอะ อ้าปากเร็ว”“ก็ได้” ปากจิ้มลิ้มอ้าปากรับเอาไอติมที่ถูกป้อนโดยพระเอกของเรื่อง ส่วนแทมมาลีนนั้นถูกดาหวันนั่งเทศนาไปด้วยป้อนไปด้วย“เก่งจริงลูกฉัน ตัวกะเปี๊ยกเดียวยังกล้าไปกระโดดกัดผู้ใหญ่อีก อ้าปาก”“อ้าม ก็ยัยป้านั่นผลักพี่จ๋านี่นา”เสียงเล็กเอ่ยแย้งผู้เป็นแม่ก่อนจะอ้าปากรับไอติมคำต่อไป“ยังจะเถียงอีก ลูกได้นิสัยใครมาเนี่ย” ดาหวันยังคงบ่นกระปอดกระแปด ปราบและครามที่ก้าวเข้ามาในร้านอดยิ้มกับภาพตรงหน้าไม่ได้“ลลิต พ่อมารับแล้วครับ”“ป๊ะป๋ามาแย้ว” ลลิตละจากช้อนที่แทนไทป้อนกระโดดลงเก้าอี้วิ่งกระโจนสู่อ้อมอกพ่อตัวเอง“กินไอติมอร่อยไหมครับ” หอมไปที่ขมับลูกน้อยก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้โดยที่จับลลิตนั่งลงบนตัก“ป๊ะป๋าป้อนให้ดีกว่า” ครามส่งสายตาอ
สองเดือนผ่านไป“เป็นอะไย ทำไมหน้าบึ้งแบบนั้น” ลลิตถามแทมมาลีนด้วยความสงสัย เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำหน้าบึ้งตึงตั้งแต่เข้าโรงเรียนมา“ก็พระเอกน่ะสิ ทำตัวน่าโมโหชะมัด” ไอ้เรารึอุตส่าห์หวังดีนำของกินไปให้ตอนกลางคืน กะว่าจะสานสัมพันธ์พี่น้องสักหน่อย กลับถูกไล่กลับห้องแถมถูกตอบกลับด้วยเสียงเย็นชาอีก“คราวหน้าไม่ต้องมาเคาะประตูด้วยเรื่องไร้สาระอีก”ปัง เสียงปิดประตูทำให้หนูน้อยวัยสามขวบโกรธจัด เตรียมไปฟ้องผู้ปกครองที่อยู่ในห้องนอนแต่ก็ต้องเลี้ยวกลับแทบไม่ทันเมื่อได้ยินเสียงร่วมรักอย่างหนักหน่วงดังลอดออกมาให้ตาย ครอบครัวนี้มีคนปกติบ้างไหมเนี่ย“เหม่ออะไยอีกแย้ว” ลลิตเรียกคนที่หน้าตาคล้ายพระเอกแต่มีความหวานมากกว่า คงได้จากป้าดาหวันมาเยอะ“ไม่มีแย้ว ว่าแต่นายจะแอ๊บเด็กไปถึงไหน” แทมมาลีนเอ่ยอย่างสงสัย เขาเพิ่งมาที่นี่ไม่ถึงเดือนเอง ภายในร่างเด็กน้อยมีความคิดของผู้ชายวัยสามสิบอยู่เต็มเปี่ยมถึงแม้จะยังพูดไม
“หม่าม้า ลลิตอยู่ตรงนี้คับ” ลลิตรีบวิ่งออกจากห้องเรียนไปยังจุดที่หม่าม้ายืนอยู่ ลออจันทร์แม้จะสวมเสื้อคลุมตัวหลวมแต่ก็ปิดปังหน้าท้องกลมโตไม่มิด ชายหนุ่มยืนมองลูกชายตนที่วิ่งมาหา“ไปโรงเรียนวันแรกสนุกไหมครับ” ลออจันทร์เช็ดเหงื่อบนหน้ากลมป้อมอย่างอ่อนโยน“คับ สนุกดีคับ”ถ้าไม่นับเรื่องที่เขาหยุมหัวแทมมาลีนตอนเช้าน่ะนะ“แล้วคนข้างหลังหนู ใช่เพื่อนใหม่ลลิตไหมจ๊ะ” ลลิตหันขวับกลับทันทีก็เห็นแทมมาลีนยืนกระมิดกระเมี้ยนท่าทางเขินอาย“หวัดดีคับ ผมแทมคับ” แทมมาลีนแนะนำตัวต่อตัวละครตัวโปรดด้วยใบหน้าแดงก่ำแม่เจ้าโว้ย ลออจันทร์ตัวจริงสวยยิ่งกว่าดาราตัวท็อปอีก“สวัสดีจ้ะ เรียกน้าลออก็ได้นะจ๊ะ”“คับ นี่สำหรับคุณน้าคับ” แทมมาลีนยื่นดอกกุหลาบที่ลลิตไม่รู้ว่าแอบไปตัดมาตั้งแต่เมื่อไหร่ยื่นมาให้ลออจันทร์ โอเมก้าแม่ลูกสองเลิกคิ้วก่อนจะหัวเราะและยื่นมือไปรับไว้ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเด็ก
“นี่แน่ะ กล้าแย่งของลลิตเหรอ” ลลิตนั่งทับร่างเล็กที่สูงกว่าตนไม่เท่าไหร่ นิ้วมือป้อมขย้ำกลุ่มผมนุ่มไปมา“โอ๊ย ยงไปนะ” แทมมาลีนร้องเสียงหลง จนในที่สุดครูพี่เลี้ยงก็แงะร่างของลลิตออกไปจนได้สภาพเด็กทั้งสองต่างดูไม่ได้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดถ้าไม่มีครูคอยรั้งตัวเอาไว้ต่างฝ่ายต้องกระโจนใส่กันอีกรอบแน่ ๆ“พวกหนูสองคนเล่นกันแบบนี้ไม่ได้นะคะ” คุณครูพยายามสอนเด็กทั้งสองอย่างใจเย็นที่สุดจึงใช้วิธีทำโทษให้เด็กสองคนกอดกันและกล่าวขอโทษแต่ก็สูญเปล่าเมื่อเห็นทั้งสองต่างหันหลังให้กันเชิดหน้าไปทางอื่น“งั้นคุณครูคงต้องแจ้งผู้ปกครองนะคะ” เด็กวัยนี้กลัวผู้ปกครองที่สุดและมันก็ใช้ได้ผลเมื่อเด็กน้อยทั้งสองหันมากางแขนโอบตัวอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอดแต่ดูเหมือนจะใช้แรงมากไปหน่อย“อึก เราขอโทษนะ” แทมมาลีนกัดฟันขอโทษลลิต คิดถึงแม่ใจร้ายที่บ้านแล้วเขายอมขอโทษก็ได้
“หม่าม้า ระวังคับ” ลออจันทร์ยิ้มขำเมื่อลูกชายตัวเล็กคอยเดินนำหน้าเฝ้าระวังภัยให้โดยการกำจัดสิ่งกีดขวางเล็ก ๆ ไม่เว้นแม้แต่ก้อนหินและกิ่งไม้แห้ง“ลลิตหนูมาเดินจับมือหม่าม้าดีกว่าครับ”“จะดีเหยอฮะ” คิ้วเล็กขมวดเป็นโบเมื่อได้ยินคำแนะนำของแม่“ดีสิครับ มาเร็วคนเก่ง” ลออจันทร์ยื่นมือมาจับมือน้อยก่อนจะเดินเข้าบ้านได้เสียที ลออจันทร์ออกจากโรงพยาบาลได้สามวันแล้วแต่ก็ต้องหัวหมุนกับพ่อลูกที่แสดงความเป็นห่วงเกินไปจนลออจันทร์ต้องคอยห้ามปรามเป็นระยะคนลูกไม่เท่าไหร่แต่คนพ่อนี่สิตั้งแต่รู้ว่าเขาตั้งครรภ์ครามสั่งเปลี่ยนกระเบื้องในบ้านให้เป็นแบบกันลื่นและแทบจะปูพรมทั้งบ้าน ดีที่เขาได้ยินคำสั่งนี้เสียก่อนเรื่องนี้จึงถูกระงับไว้ทันแต่ครามก็อิดออดขอเปลี่ยนตรงบริเวณห้องครัวที่ลออมักจะขลุกอยู่ที่นั่นเป็นประจำแทนลออจันทร์จึงได้แต่พยักหน้ายอมอ่อนข้อให้ คราม
“คุมปู่ คุมย่า แงงงงงง” เมื่อรถกอล์ฟจอดสนิทที่ลานหน้าบ้านโยธินตระกูล ลลิตก็รีบลงจากรถวิ่งร้องไห้เรียกทั้งคุณปู่ทั้งคุณย่าเสียงลั่น“ลลิต หลานเป็นอะไร ร้องไห้ทำไมครับ” คุณพิศาลที่จิบกาแฟอยู่แทบจะพ่นออกมาเมื่อได้ยินเสียงหลานรักร้องไห้วิ่งเข้ามาในบ้าน“ลลิตหลานย่า” คุณไพลินเดินออกมาห้องครัวก่อนจะรับร่างที่ยังอยู่ในชุดนอนโผเข้ามาหา“หม่าม้า ฮึก หม่าม้า” ลลิตร้องไห้พร้อมกับพูดไปด้วยทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองจับใจความไม่ได้ จนกระทั่งป้าจิตรีบเดินเข้ามาพร้อมกับอธิบายเรื่องที่ลออจันทร์หมดสติและตอนนี้เจ้านายหนุ่มของตนพาภรรยาไปส่งโรงพยาบาลจึงขอฝากลลิตไว้กับพ่อแม่ก่อน“ฮึก คุมย่า ลลิตอยากไปหาหม่าม้า” หนูน้อยซบอกออดอ้อนคุณไพลินจนใจแทบละลาย“ได้จ้ะ เดี๋ยวลลิตไปเปลี่ยนชุดลงมาทานข้าวเช้าก่อนนะจ๊ะ แล้วย่าจะพาหนูไปหาหม่าม้า” ลลิตรับปากอย่างว่าง่ายก่อนจะถูกคุณไพลินจูงมือขึ้นไปอาบน้ำด้านบน ส่วนคุณพิศาลสั่งให้คนขับรถเตรียมรถไว้สำหรับเดินทาง