ร้อยรักยอมให้เขาพาไปยังเตียงง่ายๆ เธอเองก็ต้องการอ้อมกอดของเขา ต้องการคนตัวโตเช่นกัน เพียงแค่เขาปรารถนาในตัวเธอ แค่นี้เธอก็ดีใจมากแล้ว ทันทีที่แผ่นหลังปะทะกับเตียงเล็กของตนเองพร้อมกับเขาเคลื่อนตัวมาคร่อมทับ เธอก็ตวัดเรียวแขนโอบกอดคนเหนือร่าง
“อือ...เธอเองก็ร้อนใช้ได้เลยนี่ ต้องการฉันเหมือนกันใช่ไหม” ถามเสียงพร่าพร้อมกับโน้มลงไปบดจูบปากน้อย
“อ่ะ...อื้อ...”
เสียงครางอู้อี้ดังลอดออกมาจากริมฝีปากที่บดคลึงกันหนักหน่วง ร้อยรักจูบตอบคนเหนือร่างด้วยความโหยหา หล่อนแอ่นยกเร่าร่างอวบอิ่มของตัวเองขึ้นหาเขาด้วยกายปรารถนา
“อ่า...หวานเหลือเกินรัก อือ...ปากเธอหวานเหมือนครั้งแรกที่ฉันจูบ อ่า...”
ผละออกมาไล้ปลายลิ้นเลียริมฝีปากเล็กแล้วเคลื่อนมาจูบคางมนของเธอเลยมายังต้นคอระหง แล้วสองมือก็บดบีบขยำสองเต้าอวบอูมของเด็กสาว และเหมือนว่าสองเต้าที่เคยล้นมือจะใหญ่กว่าเดิม ร่างเล็กที่เคยผอมบางก็อวบอิ่มมีน้ำมีนวลหอมรัญจวนน่าหลงใหลที่สุดตอนนี้
“อือ...คุณติณณ์...”
“อือ...ฉันรู้ว่าเธอต้องการฉันยัยเฉิ่ม อือ...”
เขาเคลื่อนไล้จูบซอกคอระหงไล่มายังแอ่งชีพจรที่เคลื
หลังจากศึกรักมาราธอนตั้งแต่เช้าจนตอนนี้บ่ายโมง ติณณ์เพิ่งจะปล่อยให้ร้อยรักได้รับอิสระ เขาลุกขึ้นเดินตัวเปลือยไปยังตู้เย็นเพื่อหาน้ำเย็นๆ มาดื่ม พอดื่มน้ำอิ่มแล้วก็มองไปยังเตียงเล็กที่ตอนนี้ร้อยรักนอนอ่อนแรงอยู่ เขาก็แสยะยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะพูดจาถากถางหล่อน “เธอมันง่ายถึงได้ท้องแบบนี้ไงล่ะ คงง่ายกับทุกคนสินะ” “รักไม่ได้ง่ายนะคะ รักมี...” หึ... “อย่าปฏิเสธเลย เธอมันง่าย ร่าน สำส่อนถึงได้ท้องกับไอ้เด็กนั่นไงล่ะ” ร้อยรักยังไม่ทันได้แก้ตัวให้ตัวเอง เขาก็พูดแทรกตัดประโยคความขึ้นมาก่อน “ใช่ค่ะ รักมันง่าย สำส่อน และคุณก็คงไม่ต่างจากรักหรอกค่ะ” ในเมื่อเขาพูดทำร้ายจิตใจของเธอได้ เธอก็พูดว่าเขาได้เช่นกัน “ก็ยังดีกว่าเธอที่ร่านจนทำให
“แต่เรา...” “อาร์มเป็นเพื่อนที่ดีของรักนะ อาร์มช่วยเหลือรักเยอะมาก และพาไปไหนมาไหนตลอด ดูแลดีจนรักเกรงใจอาร์มตอนนี้” “ไม่เป็นไรหรอกรัก อาร์มเต็มใจ อีกอย่างรักอยู่หอพักคนเดียวด้วย ยิ่งช่วงนี้เจ้าตัวเล็กโตขึ้นทำให้รักไปไหนมาไหนคนเดียวไม่สะดวกและลำบาก เราเต็มใจจะช่วยเหลือ” รู้ดีว่าตัวเองไปแทนที่ผู้ชายที่เป็นพ่อของลูกร้อยรักไม่ได้ แต่ขอแค่ได้ดูแลเธอแบบนี้ก็พอ เพียงพอแล้วสำหรับความรักของอานนท์ “พยาบาลเรียกรักแล้ว รักไปก่อนนะอาร์ม” “อือ...ไม่ให้อาร์มเข้าไปด้วยจริงๆ นะ” “ไม่เป็นไรหรอกอาร์ม ขอบคุณนะ” แล้วเธอก็ลุกเดินเข้าไปในห้องตรวจที่พยาบาลยืนยิ้มรออยู่หน้าห้อง อานนท์นั่งเล่นโทรศัพท์ระหว่างรอร้อยรักตรวจ และก็มีหนังเรื่องที่น่าดูช่วงนี้กำลังฉายในโรงหนัง
มือใหญ่เปิดไฟที่มุมประตูห้องแล้วก็เดินผ่านร้อยรักไปข้างในห้อง โดยเดินไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อเอาบุหรี่มาจุดไฟแล้วสูบเพื่อบรรเทาความเครียด ความสับสนในใจของตัวเองว่าตอนนี้ตัวเองเป็นอะไรกันแน่ ด้านร้อยรักเห็นเจ้าของห้องเดินไปสูบบุหรี่ เธอก็ยืนเคว้งคว้างอยู่กลางห้องไม่รู้จะทำยังไงดี จะเดินไปนั่งที่เตียงเขาก็กลัวเขาจะต่อว่า จึงเลือกยืนอยู่กลางห้อง “จะยืนโง่อีกนานไหม” ติณณ์ถามอย่างหงุดหงิด แค่ตอนนี้เขาหงุดหงิดตัวเองก็มากพอแล้ว ยังต้องมาหงุดหงิดให้กับความเซ่อซ่าของร้อยรักอีก “คะ...ค่ะ” ร้อยรักในชุดนอนคลุมท้องยาวสีชมพูและมีเสื้อแขนยาวคลุมอีกชั้นเดินไปนั่งที่ปลายเตียงนุ่มของเขา “แน่ใจนะว่าเด็กในท้องเป็นลูกมันจริง” เมื่อมาคิดทบทวนดูแล้วเด็กในท้องอาจเป็นลูกของเขาก็ได้ไม่ใช่ลูกของเด็กหนุ่มคนนั้น “ทำไมคุณติณณ์ถึงถามแบบนี้คะ ทั้งๆ ที่คุณ
อากาศเย็นตอนเช้าทำให้ร้อยรักขยับตัวกระแซะเข้าหาคนตัวโต จนตอนนี้นอนแนบเนื้อกันกว่าเดิม แล้วเธอก็ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อนึกได้ว่าตัวเองนอนที่ห้องของติณณ์ และพอตื่นก็เห็นว่าตัวเองนอนกอดเขาอยู่ และขาของเธอก็พาดกับเอวของเขา เธอจึงยกขาตัวเองออกจากเอวหนาแล้วก็แขนที่โอบกอดเขาออก แต่ติดที่เขาโอบกอดเหมือนกันเลยทำให้ผละตัวถอยห่างออกยาก เมื่อคืนเธอเพลียเลยไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตอนไหน “อือ” ติณณ์ครางพร่าพร้อมกับขยับพลิกตัวเล็กน้อยและกระชับกอดให้แน่นกว่าเดิม ‘ตายแล้วยัยรัก อย่าบอกนะว่านอนกอดเขาทั้งคืนแบบนี้’ หล่อนครวญในใจพร้อมกับพยายามดันตัวเองออกจากอ้อมกอดของอีกฝ่าย และการที่เธอขยับตัวดิ้นออกจากวงแขนของติณณ์นั้น มันก็ทำให้เขารู้สึกตัวตื่น “อือ...ตื่นเช้าจังนะยัยกาฝาก” เปิดเปลือกตาหนาพร้อมถาม
ร้อยรักย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านได้สองอาทิตย์แล้ว อานนท์ก็แวะมาเยี่ยมบ่อยๆ เธอเองก็ไม่เข้าใจติณณ์ เขากลับบ้านไว ไม่ไปเที่ยวกลางคืน กลับมาทานมื้อเย็นพร้อมเธอทุกวัน บางวันก็มีของบำรุงครรภ์กลับมาให้เธอด้วย ความใส่ใจของเขาทำให้ใจเต้นแรงทุกครั้งเพียงแค่เขาหยิบยื่นมาให้ แม้จะเพียงเล็กน้อย แต่หัวใจดวงน้อยก็อิ่มเอมสุขเหลือเกิน แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ยิ่งไปกว่านั้น ติณณ์ทำเหมือนกับหึงหวงเธอกับอานนท์ วันไหนอานนท์มาทานมื้อเย็นด้วย เขามักไม่พอใจและแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเธออย่างชัดเจน จนแอบคิดไม่ได้ว่าเขามีใจให้ตนเอง แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก เขาแค่ทำเพราะหมั่นไส้เท่านั้น วันนี้เธออยู่บ้านคนเดียวจึงเอาหนังสือแม่และเด็กไปอ่านที่สวนหลังบ้าน และไม่ลืมหยิบโทรศัพท์ติดมือไปด้วย หนังสือแม่และเด็กที่มีก็เป็นหนังสือที่ติณณ์ซื้อมาให้ทั้งนั้น เขาซื้อมาให้เธอจนตอนนี้อ่านไม่ทันแล้ว พอเดินมาถึงกำลังจะอ่านก็มีเสียงวิดีโอคอลดังขึ้น พอเปิดด
ได้เวลามื้อเย็นแล้ว อาหารตั้งโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ติณณ์กับเรียมก็มานั่งรอพร้อมทานกันแล้ว แต่ยังขาดร้อยรัก ติณณ์จึงให้มดขึ้นไปตามมาทานข้าว และมดก็กลับมาคนเดียว ไร้เงาของใครบางคน ติณณ์กำมือแน่นด้วยความกรุ่นโกรธ “ไม่เป็นไรหรอกติณณ์ น้องรักอาจไม่หิวก็ได้” “ไม่หิวก็ต้องกิน จะเป็นแม่คนแล้วแค่นี้ยังคิดไม่ได้ มันน่าหงุดหงิดไหมล่ะเรียม” “เอาน่า เดี๋ยวน้องรักหิวก็คงมากินเองแหละ” “เรียมกินก่อนเลยนะ เราจะขึ้นไปตามเด็กดื้อมากินข้าวเย็น” “อย่าดุน้องมากนะติณณ์ น้องกำลังท้องอยู่ คนท้องต้องการคนเอาใจ” “ติณณ์จะพยายาม” แล้วก็ลุกเดินก้าวเร็วๆ ออกไปทันที ส่วนเรียมก็มองอาหารตรงหน้าที่เต็มโต๊ะ แล้วก็หยิบแก้วน้ำข้างๆ ขึ้นมาดื่มพร้อมกับบอกกับเด็กรับใช้
“ก็หนูบอกว่าไม่หิว ทำไมคุณติณณ์ต้องบังคับด้วยคะ” เธอตอบเสียงเบา“ถึงไม่หิวยังไงก็ต้องกิน เธอจะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะรัก อีกอย่างเธอทำแบบนี้ไม่ให้ฉันคิดว่าเธอหึงฉันคงไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย”ติณณ์มั่นใจว่าตัวเองพูดไม่ผิดแน่ ร้อยรักต้องหึงเขา ถ้างั้นแสดงว่าเจ้าหล่อนก็ต้องรักเขาน่ะสิ รักงั้นเหรอติณณ์ เขาเคยหวังอะไรแบบนี้จากเด็กของคุณแม่ได้ยังไง เขาเกลียดเธอไม่ใช่เหรอ ใช่...เขาเกลียดเธอ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับอยากกอดเธอนานๆ ไม่อยากปล่อยร่างอวบนี้เลย“รักไม่ได้หึงคุณติณณ์ ไม่มีวันหึงด้วย เพราะรักเกลียดคุณติณณ์ ได้ยินไหมคะว่ารักเกลียดคุณติณณ์ รัก...อ่ะ...อื้อ”แล้วประโยคของร้อยรักก็พูดไม่สุดความเมื่อติณณ์ทนฟังคำว่า ‘เกลียด’ ตัวเองจากปากเล็กไม่ไหว เขาจึงประคองหน้าเล็กแล้วก็บดจูบหนักหน่วงทันที พร้อมดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปทำโทษเรียวลิ้นน้อยของเธอด้วยความกรุ่นโกรธและโหยหาในคราเดียวกัน“อ่า...หวานเหลือเกินรัก ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอทุกวัน” เขาถอนจูบร้อนรุ่มที่แสนปรารถนาและรอคอยมาตลอดออกมพึมพำกับใบหน้างามแล้วก็โน้มก้มหน้าต่ำไปจูบปากน้อยที่เผยอรอท่าอยู่อีกครั้ง
จากขึ้นมาตามลงไปทานข้าวจนตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ติณณ์เพิ่งจะถอนกายอุ่นร้อนออกจากกายฉ่ำของร้อยรัก เขามองร่างเปลือยเปล่าที่อวบอิ่มแล้วสายตาเข้มก็มาหยุดที่ท้องโตของเธอก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ รวมถึงเสื้อผ้าของร้อยรักด้วย “แต่งตัวสิ ไปกินข้าว ป่านนี้กับข้าวเย็นหมดแล้วมั้ง” “พะ...เพราะคุณติณณ์นั่นแหละ แล้วพี่เรียมอีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คุณติณณ์ปล่อยพี่เรียมไว้คนเดียวได้ยังไง” ทั้งอายและโกรธเขาที่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ “เรียมคงรอเราหรอก นี่สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้ว แต่งตัวไปกินข้าวได้แล้ว ท้องเธอร้องแล้วนะ” โครก! คราก! ทันทีที่สุดความของติณณ์ ท้องของร้อยรักก็ส่งเสียงออกมาให้อับอาย 
5 ปีต่อมา ตนุภัทรกับรติมาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่นหน้าบ้าน ตอนนี้หนูน้อยฝาแฝดทั้งสองอายุได้ 5 ขวบแล้ว ติณณ์กับร้อยรักนั่งที่เสื่อมองดูลูกๆ วิ่งเล่นกัน สนามเด็กเล่นหน้าบ้านติณณ์เพิ่งสร้างเมื่อต้นปีที่แล้วเพื่อให้ลูกๆ วิ่งเล่น และวันนี้เป็นวันหยุดจึงชวนร้อยรักมาปูเสื่อนอนเล่นที่สนามเด็กเล่นกัน ชายหนุ่มล้มตัวลงนอนหนุนตักภรรยาคนสวย ใครจะเชื่อว่าคนอย่างเขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคุณพ่อและสามีที่ดีของร้อยรักได้ แต่มันก็เป็นไปแล้ว ตลอดระยะเวลาที่อยู่กินด้วยกันฉันสามีภรรยาไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะทำให้ร้อยรักร้องไห้ วันนี้ที่บ้านหลังนี้ก็มีแค่เขากับร้อยรักอยู่ เพราะแม่ของเขาไปปฏิบัติธรรมที่วัดตั้งแต่เมื่อสองวันก่อน “รักจ๋า...” “คะพี่ติณณ์” “พี่รักรักนะครับ” 
ปัง! “อ่า...รักไม่ไหวแล้ว ฉันไม่ไหวแล้ว” ทันทีที่ปิดประตู ติณณ์ก็เดินก้าวยาวๆ ไปยังเตียงที่เต็มไปด้วยของเล่นของลูกๆ เขาไม่สนใจว่าจะทับหักหรือทำหัก ตอนนี้เขาร้อนรุ่มเหลือเกิน ต้องการแนบชิดบดเบียดในกายคับแน่นของร้อยรัก ต้องการให้หล่อนตอดรัดหนักหน่วง “อือ...ใจเย็นๆ ค่ะพี่ติณณ์ อ่า...” หล่อนบอกห้ามเขาและช่วยเขาถอดเสื้อผ้าของตัวเอง ตอนนี้เธอเองก็ใจร้อนไม่ต่างจากเขา “อือ...ไม่ไหวแล้วที่รัก ให้พี่เถอะนะ” ติณณ์โน้มหน้าไปบดจูบปากน้อย ส่วนมือก็ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออกด้วยความรีบร้อน และไม่นานติณณ์ก็ปลดเปลื้องชุดของตัวเองออกให้พ้นทางได้ ส่วนของร้อยรักเธอเองก็ถอดออกแล้วเช่นกัน “อ่า...สวยเหลือเกินรัก” มือหนาลูบไล้ผิวกายนวลเนียนของร้อยรักพร้อมกับเคลื่อนจูบไล้สัมผัสตามร่างเปลือยที่บิดเร่าร้อนไปมาอยู่ใต้ร่าง
“ทิ้งความเจ็บปวด ทิ้งสิ่งเลวๆ ที่ฉันทำกับเธอ ทิ้งและลืมคำพูดถากถาง ทิ้งคำพูดที่บั่นทอนจิตใจเธอ ทิ้งทุกอย่างที่ฉันทำไม่ดีกับเธอได้ไหม ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเธอนะรัก ฉันรักเธอ มันคือสิ่งเดียวที่ฉันอยากปฏิเสธ แต่ฉันปฏิเสธมันไม่ได้ เพราะฉันรักเธอ” เขาเคลื่อนมือมากุมมือเล็กที่ทาบทับหน้าอกของตนเองแล้วก็โน้มลงไปจูบแผ่วเบาที่หน้าผากมนของคนที่แหงนเงยขึ้นมองหน้าตนเองร้อยรักยืนนิ่งพูดไม่ออกและไม่ได้ปัดสัมผัสของเขา เพียงแค่สัมผัสแผ่วเบาที่ประทับจูบลงมาที่หน้าผากของเธอ เธอก็ใจสั่นระรัวเต้นแรงและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนจากสัมผัสแผ่วเบาของชายหนุ่ม“ถ้า...ถ้าไม่ได้เกลียดแล้วทำไมตอนเด็กๆ วันแรกที่หนูย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน คุณถึงวิ่งเข้ามาผลักหนูพร้อมกับกระชากกระเป๋าไปโยนทิ้ง” เรื่องนี้ในวัยเด็กมันคาใจเธอมาตลอด เพราะอะไรวันแรกที่เดินเข้ามา เขาถึงต้อนรับเธอแบบนั้น แสดงความไม่ชอบและเกลียดเธอชัดเจน“ฉัน...ฉันจะพูดยังไงดี ฉันเป็นผู้ชายตัวโต แต่ใจฉันแคบและเล็กมาก ฉันกลัว...กลัวว่าพ่อกับแม่จะไม่รักฉันถ้ามีเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย และพ่อกับแม่ก็ใส่ใจเธอ อะไรก็เธอ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้าเ
เมื่อกลับมาอยู่บ้าน ร้อยรักไม่ยอมไปอยู่ห้องกับติณณ์และลูก และขออนุญาตคุณท่านขนข้าวของของลูกน้อยย้ายมาไว้ที่ห้องตนเอง ส่วนติณณ์เธอก็ไม่ยอมให้เขาเข้ามาในห้อง เข้าใกล้ลูกๆ ได้ แต่อย่าเข้ามาใกล้เธอ ถ้าเธออยู่กับลูก เขาต้องไปอยู่ที่อื่น เพราะเธอไม่อยากเจอหน้าของเขา “เป็นอย่างไรบ้างลูก” ปรางทิพย์ถามร้อยรักที่กำลังนั่งให้นมลูกอยู่ในห้องนอนส่วนตัวของเธอ ส่วนติณณ์อยากเข้ามาด้วย แต่ถูกเจ้าของห้องมองตาขวาง เขาจึงได้แต่ยืนอยู่ที่หน้าประตูดูลูกน้อยดูดนมจากเต้าของหญิงสาว เขาอยากเข้าไปหา ไปโอบกอด ไปหอมแก้มนวลนั้นให้ชื่นใจ “รู้สึกแปลกนิดหน่อยค่ะ น้องตองว่าง่าย แต่น้องต้นดื้อนิดหน่อยค่ะ” หล่อนยิ้มให้กับตนุภัทรที่กำลังดูดนมของตนเองอยู่ ส่วนรติมานั้นอิ่มแล้วนอนกอดตุ๊กตาอยู่ข้างๆ เธอ “แล้วน้ำนมออกดีไหมลูก” นางถามเพราะร้อยรักนอนนานตั้งสองเดือนกว่า
ณ ยุโรป กรุงโรมด้านปรางทิพย์ทันทีที่ได้รู้เรื่องจากลูกชาย นางก็นั่งไม่ติดรีบจัดการเก็บข้าวของกลับมาเมืองไทยทันที แม้จะโกรธและไม่อยากเชื่อสิ่งที่ติณณ์บอกเล่า แต่มันก็คือความจริง นางจึงต้องเดินทางกลับมาก่อนกำหนดที่ตั้งใจไว้“พี่ปรางเดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าป้อมไม่ติดต้องดูแลโทนี่ ป้อมก็จะไปด้วย” ตอนนี้สามีของป้อมใจป่วย นางจึงไม่สามารถเดินทางได้ในช่วงนี้“ไม่เป็นไรหรอกป้อม พี่ต้องกลับไปจัดการกับหลานตัวดีของป้อม และตอนนี้หนูรักก็ยังไม่ได้สติด้วย พี่ล่ะเหนื่อยใจจริงๆ กับลูกคนนี้ ไม่รู้จะเลวไปถึงไหน” นางพูดพร้อมกับยกมือขึ้นปาดน้ำตาที่รินไหลออกมา“พี่ปรางไม่คิดบ้างเหรอคะว่าตาติณณ์รักหนูรัก”“ก็เคยคิด แต่มันไม่มีทางเป็นไปได้เลยนะป้อม ถึงแม้ว่าหนูรักจะแอบรักตาติณณ์ก็เหอะ พี่ล่ะอุตส่าห์ดีใจที่หนูรักย้ายออกไปอยู่หอตอนพี่มาที่นี่ แต่ก็ยังไม่พ้นมือของเจ้าลูกเลว” พูดแล้วก็เจ็บใจและโกรธลูกชายตัวดีนัก ไม่รู้ทำกับร้อยรักแบบนั้นได้ยังไง เกลียดยังไงก็ไม่น่าย่ำยีเธอแบบนั้น“เอาน่าพี่ ไหนๆ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว เดินทางปลอดภัยนะคะ ถ้าโทนี่หายแล้วป้อ
นานห้าชั่วโมงที่ร้อยรักอยู่ในห้องผ่าตัด ติณณ์นั่งไม่ติดเดินวนเวียนไปมาหน้าห้องผ่าตัด เพราะมาถึงหมอก็ตรวจและบอกเขาว่าต้องรีบผ่าตัดด่วน ไม่งั้นจะไม่รอดทั้งแม่และลูก เนื่องจากร้อยรักเสียเลือดมาก และก็ไม่มั่นใจว่าลูกของเขาจะรอดปลอดภัย เพราะชีพจรเต้นอ่อนเหลือเกินตอนนี้ “ขอร้อง...อย่าทิ้งฉันไปนะรัก ขอร้อง...อยู่กับฉันก่อน อยู่ให้ฉันได้ชดใช้ความเลวของฉันก่อน อึก! ฮือๆๆ” ติณณ์นั่งคุกเข่าที่หน้าห้องผ่าตัดยกมือทาบอกตัวเองร้องไห้ เพราะนานเหลือเกินที่รอคอยประตูห้องผ่าตัดเปิดออก แต่รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะเปิดออก “ติณณ์ น้องรักเป็นยังไงบ้าง” ทันทีที่ได้รับสายจากติณณ์ เรียมก็รีบมาหาเพื่อนทันทีด้วยความเป็นห่วง อึก! “เรียม...ลูกกับเมียฉันอยู่ข้างใน จนตอนนี้ยังไม่ออกมาเลย หมอยังไม่ออกมาสักคนเลย พยาบาลก็ไม่เห็นออกมา อึ
จากที่จะไปห้างสรรพสินค้าซื้อข้าวของเครื่องใช้เตรียมไว้ให้ลูกก็ต้องกลับมาบ้าน เพราะร้อยรักไม่ไป เธออยากกลับบ้าน เธอเพลีย เธออยากพักผ่อน พอมาถึงบ้านมดกับส้มก็เอาน้ำอุ่นมาให้เธอแช่เท้าทันที ตอนนี้สองสาวก็รู้เห็นทุกเรื่องของเธอกับติณณ์ แต่ก็ไม่มีใครปริปากพูดหรือถามเธอและโทรเล่าให้คุณท่านฟัง เพราะเขาสั่งห้ามไว้ ตอนนี้เขาก็นั่งอยู่ข้างๆ พร้อมกับชวนเธอพูดคุยถึงเรื่องชื่อลูกทั้งสอง แต่เหมือนเขาพูดคนเดียว เพราะหญิงสาวไม่โต้ตอบหรือออกความเห็นอะไรเลยสักอย่าง “เธอจะไม่พูดกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะรัก” ติณณ์ทนความเงียบไม่ไหว “คะ” “เธอเป็นอะไร” “เป็นกาฝากของบ้านค่ะ และท้องไม่มีพ่อ เรียนก็ไม่จบค่ะ” “ใครบอกว่าไม่มีพ่อ ก็ฉันนี่ไงพ่อของลูกเธอ และเป็นผัวเธอด้วย”&nbs
จากขึ้นมาตามลงไปทานข้าวจนตอนนี้สามทุ่มกว่าแล้ว ติณณ์เพิ่งจะถอนกายอุ่นร้อนออกจากกายฉ่ำของร้อยรัก เขามองร่างเปลือยเปล่าที่อวบอิ่มแล้วสายตาเข้มก็มาหยุดที่ท้องโตของเธอก่อนจะยิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้วเดินไปเก็บเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่ รวมถึงเสื้อผ้าของร้อยรักด้วย “แต่งตัวสิ ไปกินข้าว ป่านนี้กับข้าวเย็นหมดแล้วมั้ง” “พะ...เพราะคุณติณณ์นั่นแหละ แล้วพี่เรียมอีก ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง คุณติณณ์ปล่อยพี่เรียมไว้คนเดียวได้ยังไง” ทั้งอายและโกรธเขาที่เขาเป็นคนเห็นแก่ตัวแบบนี้ “เรียมคงรอเราหรอก นี่สามทุ่มจะสี่ทุ่มแล้ว แต่งตัวไปกินข้าวได้แล้ว ท้องเธอร้องแล้วนะ” โครก! คราก! ทันทีที่สุดความของติณณ์ ท้องของร้อยรักก็ส่งเสียงออกมาให้อับอาย 
“ก็หนูบอกว่าไม่หิว ทำไมคุณติณณ์ต้องบังคับด้วยคะ” เธอตอบเสียงเบา“ถึงไม่หิวยังไงก็ต้องกิน เธอจะเป็นแม่คนอยู่แล้วนะรัก อีกอย่างเธอทำแบบนี้ไม่ให้ฉันคิดว่าเธอหึงฉันคงไม่ได้หรอกนะเด็กน้อย”ติณณ์มั่นใจว่าตัวเองพูดไม่ผิดแน่ ร้อยรักต้องหึงเขา ถ้างั้นแสดงว่าเจ้าหล่อนก็ต้องรักเขาน่ะสิ รักงั้นเหรอติณณ์ เขาเคยหวังอะไรแบบนี้จากเด็กของคุณแม่ได้ยังไง เขาเกลียดเธอไม่ใช่เหรอ ใช่...เขาเกลียดเธอ แต่ทำไมตอนนี้เขากลับอยากกอดเธอนานๆ ไม่อยากปล่อยร่างอวบนี้เลย“รักไม่ได้หึงคุณติณณ์ ไม่มีวันหึงด้วย เพราะรักเกลียดคุณติณณ์ ได้ยินไหมคะว่ารักเกลียดคุณติณณ์ รัก...อ่ะ...อื้อ”แล้วประโยคของร้อยรักก็พูดไม่สุดความเมื่อติณณ์ทนฟังคำว่า ‘เกลียด’ ตัวเองจากปากเล็กไม่ไหว เขาจึงประคองหน้าเล็กแล้วก็บดจูบหนักหน่วงทันที พร้อมดุนดันปลายลิ้นสากเข้าไปทำโทษเรียวลิ้นน้อยของเธอด้วยความกรุ่นโกรธและโหยหาในคราเดียวกัน“อ่า...หวานเหลือเกินรัก ฉันอยากทำแบบนี้กับเธอทุกวัน” เขาถอนจูบร้อนรุ่มที่แสนปรารถนาและรอคอยมาตลอดออกมพึมพำกับใบหน้างามแล้วก็โน้มก้มหน้าต่ำไปจูบปากน้อยที่เผยอรอท่าอยู่อีกครั้ง