บทที่ 21วันรุ่งขึ้น เป็นการถ่ายฉากสุดท้ายที่ญี่ปุ่นของริต้าและคิมหันต์ เพราะไม่ได้มีฉากต้องถ่ายทำให้วันนี้ปลายฝนและต้นหนาวพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คอยแต่ลูบแก้มตัวเองของน้องสาวที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ สร้างความสงสัยให้ต้นหนาวไม่น้อย จนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“มีความสุขอะไร ไหนเล่ามาสิ เอ้...หรือเพราะซีนนอกบทของพี่คิมเมื่อวาน”“พี่เหนือก็ อย่าแซวกันสิ” เวลานี้ปลายฝนเขินแม้กระทั่งพี่ชายของตัวเอง“อาการแบบนี้ต้องใช่แน่ๆ เล่ามาเลย มีอะไรกัน”“ไม่ได้มีอะไรกัน หมอกยังไม่ได้เสียจิ้น” ปลายฝนรีบแย้งพี่ชายด้วยประโยคทะลึ่งตึงตัง นั่นทำให้ต้นหนาวอยากดีดหน้าผากของผู้เป็นน้องเหลือเกิน“ทะลึ่ง พี่หมายถึงไปคุยอะไรกันมา”“ก็ทั่วไป แต่คือหมอกกำลังสับสน เป็นพี่เหนือพี่เหนือจะคิดยังไง”“ก็เล่ามาก่อนสิ พี่จะได้หาคำตอบให้&rdqu
บทที่ 22“ครับ...ไหนๆ ก็อยู่ญี่ปุ่นแล้ว เลยอยากอยู่เที่ยวที่นี่อีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ”“อ๋อ...” ต้นหนาวร้องอ๋อเสียงยาว แม้ใจนั้นไม่อยากจะเชื่อเหตุผลที่พระเอกดังเอ่ยมาสักเท่าไหร่ก็ตาม“พี่คิมอยากไปเที่ยวที่เมืองไหนเหรอคะ” เสียงหวานของปลายฝนเอ่ยถามขึ้น“ยังไม่มีแผนเลยครับ”“อ้าว!” คนฟังสองพี่น้องถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน“เพราะพี่กะว่าจะขอติดสอยห้อยตามหมอกกับเหนือไป ไม่ทราบว่าจะรังเกียจไกด์ต่างถิ่นอย่างพี่ไหม” คิมหันต์เอ่ยบอกความต้องการไปตรงๆ“ไม่เลยครับ”“พี่เหนือ” ปลายฝนรั้งต้นแขนของพี่ชายไว้ นั่นเพราะคิดว่ามันไม่เหมาะที่เธอกับคิมหันต์จะไปเที่ยวด้วยกัน ขืนมีใครเห็นคงได้เป็นข่าวอีกแน่นอน แต่ดูเหมือนต้นหนาวจะไม่สนใจท่าทางของน้องสาวเสียแล้ว“ดีเสียอีกได้พี่คิมเป็นไกด์ให้”&ldquo
บทที่ 23ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องพักที่ดังขึ้นติดกันหลายครั้ง ทำให้คิมหันต์ที่นอนยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก เนื่องจากปลายฝนไม่ตอบรับไมตรีที่เขายื่นให้หยัดตัวลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปเปิดประตูจึงเห็นว่าเป็นต้นหนาว“หมอกอยู่กับพี่คิมหรือเปล่าครับ”“เปล่าครับ เราแยกกันได้สองสามชั่วโมแล้ว แต่พี่เห็นหมอกเดินตรงมาที่โรงแรมแล้วนี่นา”“แต่หมอกไม่ได้กลับมาที่ห้องครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน” ต้นหนาวเอ่ยด้วยความร้อนใจ นั่นเพราะเขาก็คิดว่าปลายฝนอาจอยู่กับคิมหันต์ จึงเดินมาถามเขา“แย่จริง ทางการเพิ่งออกประกาศว่าคืนนี้จะมีพายุหิมะด้วย” สีหน้าของคิมหันต์บ่งบอกว่าเขาเป็นห่วงปลายฝนมาก“เหนือคิดว่าหมอกคงกำลังหลงทางอีกแน่” คิ้วดกหนาของต้นหนาวขมวดเข้าหากัน เรื่องทิศเรื่องทางนี่ไว้ใจน้องสาวเขาไม่ได้เลยจริงๆ“เราจะไปตามหมอกกันที่ไหนดีครับพี่คิม”“ลงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ที่นี่กันก่อน เสร็จแล้วเราค่อยออกไปตามหาหมอกกัน ถ้าหลงก็คงอาจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”“ครับๆ&
“อย่าทำอะไรดิฉันเลยนะคะคุณหญิง” ขณะเอ่ยประโยคนี้ หญิงสาวที่นั่งอยู่กับพื้นบ้านด้วยท่าทางเจียมเนื้อเจียมตัวก็ยกมือไหว้ร้องขอความเมตตาจากหญิงสาวอีกคน ที่การแต่งตัวนั้นแตกต่างจากเธอมาก บ่งบอกถึงฐานันดรศักดิ์ที่สูงกว่ามากมาลัยคือหญิงสาวคนที่นั่งอยู่กับพื้น เธอเป็นแค่หญิงชาวบ้านธรรมดาๆ แต่หน้าตานั้นสะสวย ในขณะที่หญิงผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าเป็นถึงลูกหลานของตระกูลเชื้อพระวงศ์ คุณหญิงพริ้งคือภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของหม่อมเจ้านุวัตร ท่านชายผู้ที่เพียบพร้อมไปด้วยชาติ ตระกูลและสมบัติ จนมีหญิงสาวมากมายพร้อมพลีกายให้ท่านได้เชยชม บางคนก็เพราะรักบางคนหวังเพียงแค่ความสุขสบายเท่านั้น“หล่อนมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน” น้ำเสียงห้วนๆ ของคุณหญิงเอ่ยถามขึ้น พร้อมกับแววตาอันแข็งกระด้าง ดุดันและเต็มไปด้วยความเกลียดชัง จนแทบไม่มีใครกล้าสบด้วย “เพราะ…เอ่อ” คนพูดดูอ้ำๆ อึ้งๆ ไม่กล้าเอ่ย ส่วนคนฟังนั้นพอจะรับรู้ได้เอง แต่ก็ยังเซ้าซี้ให้ได้ยิน “เพราะอะไร เพราะอะไร” เสียงตะคอกดังลั่นบ้านสไตล์ยุโรป ที่ถูกปลูกขึ้นเพื่อไว้เป็นเรือนหออีกครั้ง “เพราะดิฉันเองก็ได้ชื่อว่าเป็นเมียของท่านชายเช่นเดียวกับคุณหญิง”เพี๊ยะ เสียงต
“คัตครับ”“เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจของคุณหญิงพริ้งหรือเวลานี้คือปลายฝน นักแสดงหน้าใหม่แต่ทว่าฝีมือเยี่ยมดังขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงว่า ‘คัต’ เช่นเดียวกัน “เยี่ยมมากครับน้องหมอก ทั้งอารมณ์ทั้งอินเนอร์มาเต็มแบบนี้ ปลายปีรอรับรางวัลนักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมแห่งปีอีกแน่นอน” คำชมของผู้กำกับละครชื่อดังทำให้ปลายฝนยิ้มรับ แต่ก็ออกตัวไว้ก่อน“ไม่หรอกค่ะผู้กำกับ หมอกขอตัวไปดูน้องพลอยใสก่อนนะคะ เมื่อกี้หมอกทั้งตบจริงทั้งข่วนจริงอะไรจริงน้องไปตั้งหลายครั้ง”“พลอยไม่เป็นอะไรคะพี่หมอก ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง” ยังไม่ทันที่ปลายฝนจะได้ลุกจากเก้าอี้เพื่อไปดูพลอยใส นักแสดงน้องใหม่แต่มากฝีมือผู้ซึ่งรับบทมาลัย พลอยใสก็เดินเข้ามาหาเสียก่อน“ทุกอย่างที่แสดงก็ตามบทที่ซ้อมกันมาทั้งนั้น อย่าคิดมากเลยหมอก” ผู้กำกับแก้ต่างให้ เพราะฉากตบจริงทุกฉากนักแสดงล้วนเสนอมาเองทั้งนั้น บอกเพื่อความสมจริงของละคร“แต่ว่า…”“พลอยไม่เป็นอะไรจริงๆ ค่ะพี่หมอก” “หน้าพลอยบวมเชียว งั้นไปนอนพักในรถบ้านพี่ก่อนไหมคะ เดี๋ยวพี่เอาผ้าเย็นไปประคบให้ อย่าเกรงใจ” ปลายฝนเอ่ยรวบรัดชนิดที่ไม่ปล่อยให้พลอยใสได้ค้าน “งั้นก็ได้ค่ะ” “จ้ะ” ปลายฝนยิ้มรับ
ในขณะที่ริต้าเป๊ะเรื่องงานราวกับเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ ปลายฝนเองก็ต้องพยายามให้หนักขึ้นเช่นกัน นั่นเพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงของทุกๆ คน เธออาศัยความตั้งใจ พยายามฝึกฝนเพื่อให้ตัวเองทำงานได้ง่ายขึ้น การถ่ายทำละครพีเรียดเรื่องแรกของเธอดำเนินไปในทุกๆ วัน แต่ยิ่งใกล้ปิดกล้องกลับมีข่าวให้ปลายฝนต้องเสียสมาธิอยู่บ่อยๆ และดูเหมือนไม่ใช่เธอคนเดียวที่ไม่ชอบใจข่าวนี้ “เฮ้อ!” เสียงถอนหายใจดังขึ้น ไม่นานก็ตามมาด้วยเสียงโยนหนังสือพิมพ์ลงบนโต๊ะ นั่นทำลายความเงียบสงบจนหญิงสาวหนึ่งเดียวที่นั่งอ่านบทอยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมองคนโยนซึ่งก็ไม่ใช่ใครอื่น พี่ชายแท้ๆ ของเธอนั่นเอง ส่วนคนโยนเวลานี้ทิ้งน้ำหนักลงนั่งบนโซฟาตัวนุ่มเต็มแรง จนโซฟาเนื้อดีราคาเหยียบแสนยวบลงไปอย่างไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่นัก สีหน้าและท่าทางก็บ่งบอกว่ากำลังหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด“เป็นอะไรพี่เหนือ” เสียงสดใสเอ่ยถามพี่ชายคนเดียว ต้นหนาวกลับเมินใส่ผู้เป็นน้อง แต่แค่ไม่นานก็ยอมเอ่ยตอบ “ลองอ่านข่าวพวกนั้นดูสิ” เสียงห้าวทุ้มเอ่ยบอก ชื่อต้นหนาวแม่เป็นคนตั้งรวมไปถึงชื่อเล่นว่าเหนือก็ด้วย เพราะแม่ท้องพี่ชายเธอตอนไปเที่ยวภาคเหนือพอดี“ว้าว! ไม่อยากเชื่อว
ผลจากข่าวที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้ปลายฝนคิดอยากจะลาวงการอยู่บ่อยครั้ง แต่หากออกไปจากวงการบันเทิงแล้วเธอจะไปทำอาชีพอะไร ปลายฝนก็ยังมืดแปดด้านเช่นกัน ตอนนี้จึงทนทำงานเก็บเงินไว้ในบัญชีให้มากอีกสักหน่อย เพราะบ้านหลังนี้ก็ซื้อด้วยเงินที่หามาได้จากน้ำพักน้ำแรงของเธอ รถสองคันที่จอดอยู่หน้าบ้านนั่นก็ด้วย ถ้าเวลานี้พ่อกับแม่ยังคงมีชีวิตอยู่ก็คงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไม่น้อย คิดแล้วเธอก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้นปลายฝนสูดอากาศเข้าปอดลึกๆ นั่นเพราะชื่อที่โชว์อยู่บนหน้าจอโทรศัพท์คือชื่อของคุณธิดา เลขาส่วนตัวของเจ้านายเธอนั่นเอง“สวัสดีค่ะพี่ธิดา”“สวัสดีค่ะน้องหมอก” น้ำเสียงที่เอ่ยทักทายกลับมานั้นบ่งบอกถึงความเอ็นดูได้เป็นอย่างดี นั่นเพราะในฐานะเลขาส่วนตัวของเจ้านายใหญ่ ธิดาจึงได้พบปลายฝนบ่อยและนั่นทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของปลายฝนมากกว่าใครเช่นกัน หญิงสาวผู้ซึ่งรับบทร้ายในละครจนดังเปรี้ยงมาหลายต่อหลายเรื่อง แต่ใครเลยจะรู้ว่าชีวิตจริงของปลายฝนนั้นต่างกันคนละขั้วกับเรื่องงาน “นายเห็นข่าวนั่นแล้วใช่ไหมคะ”“ใช่จ้ะ”“อารมณ์นายเป็นยังไงบ้างคะพี่ธิดา” เพ
“อ้อ...พอดีฉันมากับพี่ชายนะคะ เขาชอบกินขนมพวกนี้” ปลายฝนแก้ต่างให้ตัวเอง พร้อมส่งยิ้มแห้งๆ ให้ชายตรงหน้า “แต่ถ้าให้ดี เหลือแซนวิชให้ผมสักชิ้นก็ได้นะครับ”“ได้ค่ะ” เอ่ยจบก็ส่งยิ้มให้เขา จากนั้นก็เดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อให้พนักงานที่เวลานี้เสียอาการมากกว่าเธอได้คิดเงิน แต่กว่าที่พนักงานหญิงคนดังกล่าวจะดึงสติกลับมาทำงานได้ก็ยืนสตั้นอยู่หลายนาที ผิดกับปลายฝนที่ยังคงไม่แสดงอาการใดๆ ราวกับไม่รับรู้ถึงความโด่งดังของคิมหันต์แม้แต่น้อย นั่นทำให้พระเอกหนุ่มเสียเซลฟ์ไปอยู่เหมือนกัน เพราะไม่คิดว่าจะมีคนเฉยชาใส่เขาแบบนี้มาก่อน จนอยากจะถามออกไปว่าเธอรู้จักเขาไหม หรือเคยเห็นเขาผ่านทีวีบ้างหรือเปล่า“ขอถ่ายรูปหน่อยได้ไหมคะ”“ได้ครับได้” คิมหันต์เอ่ยตอบรับแฟนคลับ ที่พอรู้ว่าเขาอยู่ในร้านก็กรูกันเข้ามาขอถ่ายรูปและขอลายเซ็น ปลายฝนอาศัยจังหวะนั้นปลีกตัวออกไปหาพี่ชายที่นั่งอยู่อีกมุม ซึ่งเป็นมุมที่ไพรเวทของร้านจึงอยู่ไกลเสียหน่อย“พี่เหนือ”“ไปสั่งเค้กหรือไปเจอเสือมานั่น ทำไมหน้าตาตื่นเชียวน้องสาว” ต้นหนาวตกใจที่เห็นหน้าของปลายฝนดูตื่นตระหนกแบบนั้น “หมอกเจอพี่คิม”“พี่คิม คิมหันต์นะเหรอ” คราวนี้คนที
บทที่ 23ก๊อก ก๊อก ก๊อกเสียงเคาะประตูห้องพักที่ดังขึ้นติดกันหลายครั้ง ทำให้คิมหันต์ที่นอนยกมือขึ้นมาก่ายหน้าผาก เนื่องจากปลายฝนไม่ตอบรับไมตรีที่เขายื่นให้หยัดตัวลุกขึ้น แล้วเดินตรงไปเปิดประตูจึงเห็นว่าเป็นต้นหนาว“หมอกอยู่กับพี่คิมหรือเปล่าครับ”“เปล่าครับ เราแยกกันได้สองสามชั่วโมแล้ว แต่พี่เห็นหมอกเดินตรงมาที่โรงแรมแล้วนี่นา”“แต่หมอกไม่ได้กลับมาที่ห้องครับ ไม่รู้ว่าตอนนี้ไปอยู่ที่ไหน” ต้นหนาวเอ่ยด้วยความร้อนใจ นั่นเพราะเขาก็คิดว่าปลายฝนอาจอยู่กับคิมหันต์ จึงเดินมาถามเขา“แย่จริง ทางการเพิ่งออกประกาศว่าคืนนี้จะมีพายุหิมะด้วย” สีหน้าของคิมหันต์บ่งบอกว่าเขาเป็นห่วงปลายฝนมาก“เหนือคิดว่าหมอกคงกำลังหลงทางอีกแน่” คิ้วดกหนาของต้นหนาวขมวดเข้าหากัน เรื่องทิศเรื่องทางนี่ไว้ใจน้องสาวเขาไม่ได้เลยจริงๆ“เราจะไปตามหมอกกันที่ไหนดีครับพี่คิม”“ลงไปแจ้งเจ้าหน้าที่ที่นี่กันก่อน เสร็จแล้วเราค่อยออกไปตามหาหมอกกัน ถ้าหลงก็คงอาจอยู่ไม่ไกลจากที่นี่”“ครับๆ&
บทที่ 22“ครับ...ไหนๆ ก็อยู่ญี่ปุ่นแล้ว เลยอยากอยู่เที่ยวที่นี่อีกสักสองสามวันแล้วค่อยกลับ”“อ๋อ...” ต้นหนาวร้องอ๋อเสียงยาว แม้ใจนั้นไม่อยากจะเชื่อเหตุผลที่พระเอกดังเอ่ยมาสักเท่าไหร่ก็ตาม“พี่คิมอยากไปเที่ยวที่เมืองไหนเหรอคะ” เสียงหวานของปลายฝนเอ่ยถามขึ้น“ยังไม่มีแผนเลยครับ”“อ้าว!” คนฟังสองพี่น้องถึงกับอุทานออกมาพร้อมกัน“เพราะพี่กะว่าจะขอติดสอยห้อยตามหมอกกับเหนือไป ไม่ทราบว่าจะรังเกียจไกด์ต่างถิ่นอย่างพี่ไหม” คิมหันต์เอ่ยบอกความต้องการไปตรงๆ“ไม่เลยครับ”“พี่เหนือ” ปลายฝนรั้งต้นแขนของพี่ชายไว้ นั่นเพราะคิดว่ามันไม่เหมาะที่เธอกับคิมหันต์จะไปเที่ยวด้วยกัน ขืนมีใครเห็นคงได้เป็นข่าวอีกแน่นอน แต่ดูเหมือนต้นหนาวจะไม่สนใจท่าทางของน้องสาวเสียแล้ว“ดีเสียอีกได้พี่คิมเป็นไกด์ให้”&ldquo
บทที่ 21วันรุ่งขึ้น เป็นการถ่ายฉากสุดท้ายที่ญี่ปุ่นของริต้าและคิมหันต์ เพราะไม่ได้มีฉากต้องถ่ายทำให้วันนี้ปลายฝนและต้นหนาวพักผ่อนอยู่ที่โรงแรมอาการยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ คอยแต่ลูบแก้มตัวเองของน้องสาวที่มีมาตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ สร้างความสงสัยให้ต้นหนาวไม่น้อย จนอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น“มีความสุขอะไร ไหนเล่ามาสิ เอ้...หรือเพราะซีนนอกบทของพี่คิมเมื่อวาน”“พี่เหนือก็ อย่าแซวกันสิ” เวลานี้ปลายฝนเขินแม้กระทั่งพี่ชายของตัวเอง“อาการแบบนี้ต้องใช่แน่ๆ เล่ามาเลย มีอะไรกัน”“ไม่ได้มีอะไรกัน หมอกยังไม่ได้เสียจิ้น” ปลายฝนรีบแย้งพี่ชายด้วยประโยคทะลึ่งตึงตัง นั่นทำให้ต้นหนาวอยากดีดหน้าผากของผู้เป็นน้องเหลือเกิน“ทะลึ่ง พี่หมายถึงไปคุยอะไรกันมา”“ก็ทั่วไป แต่คือหมอกกำลังสับสน เป็นพี่เหนือพี่เหนือจะคิดยังไง”“ก็เล่ามาก่อนสิ พี่จะได้หาคำตอบให้&rdqu
บทที่ 20“จริงเหรอคะพี่แอน” ต้นหนาวที่นั่งฟังอยู่ถึงกับตาโต ส่วนปลายฝนนั้นยังไม่เก็ตจึงนั่งเงียบๆ“จริงสิ พี่พูดคำไหนคำนั้น นักแสดงนิสัยน่ารัก ฝีมือการแสดงก็ยอดเยี่ยมแบบหมอกต้องดันให้สุดตัว ไม่ดังเปรี้ยงก็ให้มันรู้ไป”“กราบขอบพระคุณมากครับพี่แอน ที่เอ็นดูหมอกจนอยากได้ไปเป็นนางเอก” ต้นหนาวยกมือไหว้ขอบคุณแอนที่เอ็นดูปลายฝนมากขนาดนี้“ถึงขั้นกราบกันเลยหรือเหนือ” ผู้จัดละครยิ้มออกมา นั่นเพราะชอบในนิสัยของทั้งคู่อยู่แล้ว“ครับพี่ ข่าวดีแบบนี้ไม่กราบไม่ได้จริงๆ” ต้นหนาวรีบรับ“หมอกจะได้เล่นเป็นนางเอกเหรอคะ” ปลายฝนที่จับต้นชนปลายได้แล้วถึงกับยิ้มกว้างออกมา“ใช่...หมอกเตรียมตัวไว้เลย พี่จะดันเราเอง”“แล้วผมจะได้เล่นเป็นพระเอกไหมครับพี่แอน” เสียงทุ้มของคิมหันต์ดังขึ้นอีกคน ปลายฝนที่นั่งประคบเย็นอยู่ถึงกับหันขวับไปมองเ
บทที่ 19“แต่ทำไมพี่ถึงมองว่าพี่คิมชวนหมอกไปเดทกันนะ”“พี่เขาไม่ได้ชอบหมอกสักหน่อย จะมาดงมาเดทด้วยทำไม”“ไม่แน่หรอก อาจจะแอบชอบอยู่ก็ได้” ต้นหนาวเอ่ยยิ้มๆ เพราะใครจะไปรู้ว่าอนาคตอะไรจะเกิดขึ้นบ้าง ตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรแต่ใช่ว่าจะไม่มีหวัง เพราะเขาก็เป็นผู้ชายย่อมมองอะไรออกสิ “เพ้อเจ้อแล้วพี่เหนือ”“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งพี่คิมชวนหมอกไปเดทขึ้นมาจริงๆ หมอกจะทำยังไง”“ก็....ไปสิถามได้”“รีบตอบเชียวนะ”“รีบตอบเพราะมั่นใจว่ามันไม่มีวันนั้นหรอกค่ะ”“อย่าเอาเรื่องของอนาคตมาเดาเล่นๆ น้องรัก” ต้นหนาวส่ายหน้าให้ “ไม่คุยเรื่องนี้แล้ว ไปๆ หาอะไรกินกันเถอะ หมอกหิว”“ไปสิ” เอ่ยรับเสร็จ ต้นหนาวก็คว้าแขนน้องสาวขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ จากนั้นสองพี่น้องก็เดินออกไปหาของอร่อยๆ อุ่นๆ กินแก้หนาว ระหว่างนั่งกินอยู่นั้น จู่ๆ ต้นหนาวก็เอ่ยขึ้น “พรุ่งนี้มีฉากตบกับริต้า” สีหน้าของต้นหนาวดูกังวลกับฉากนี้มากกว่าฉากที่ปลายฝนต้องเข้าฉากจูบกับคิมหันต์เสียอีก“ค่ะ” พอพูดถึงเรื่องนี้ปลายฝนก็หน้าเครียดขึ้นมาทันที “ยัยนางเอกนิสัยเสียตอนซ้อมนี่ก็ตบหลอกอยู่หรอก แต่พอถ่ายจริงไม่ยั้งมือเชียว” นั่นเพราะต้นหนาวทำงานกับริต้ามาห
“จริงนะคะ” “ครับ...เหมาร้านให้เลยก็ได้อะ”“อัดเสียงทันไหมเนี่ย”“ไม่ทันครับ” คิมหันต์หัวเราะออกมา พลอยทำให้ปลายฝนหัวเราะตามไปด้วย นั่นทำให้บรรยากาศการถ่ายทำที่ค่อนข้างเครียดเปลี่ยนไปทันทีก่อนการถ่ายทำ ปลายฝนปลีกตัวไปทำสมาธิอยู่คนเดียว กระทั่งเธอพร้อมก็เดินออกมาเพื่อจะเข้าฉาก ซึ่งมันไม่มีอะไรยากสำหรับนักแสดงมากมืออาชีพ แต่สำหรับปลายฝนมันยากและยากยิ่งกว่าเพราะต้องถ่ายทำกับคิมหันต์ ในฉากเธอต้องใส่ชุดนอนเบาบางแล้วเดินไปปลุกปล้ำคิมหันต์ที่กำลังนอนอยู่ เพื่อปลุกชายหนุ่มให้ตื่นไปทำงาน แต่ทว่าสุดท้ายเขาก็จะคว้าเธอเข้าไปกอดและเข้าไปอยู่ใต้ผ้าห่มด้วยกัน จากนั้นเธอกับเขาก็จะทำตามที่ซักซ้อมกันมาคือส่งเสียงรวมถึงตีผ้าห่มให้มันเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ภายใน“น้องหมอกพร้อมแล้วค่ะพี่สันต์” ต้นหนาวรีบเข้ามาบอกผู้กำกับเมื่อน้องสาวบอกว่าพร้อมถ่ายแล้ว จากนั้นทุกคนก็เข้าที่รวมไปถึงคิมหันต์เองก็ด้วยพอเห็นปลายฝนเดินเข้ามา ผู้กำกับก็ส่งสัญญาณความพร้อม นับห้า สี่ สาม สอง หลังคำว่าแอคชั่นกล้องก็จับไปที่ปลายฝนทันทีร่างบอบบางสมส่วนของปลายฝนที่เวลานี้อยู่ในชุดแสนวาบหวิวเดินตรงไปยังเตียงกว้าง เธอเม้มริมฝีปาก
ผู้จัดและผู้กำกับละครต่างมองหน้ากันและกัน ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาหนักๆ อย่างพร้อมเพรียง นั่นเพราะพวกเขาต่างรับรู้ถึงความลำบากใจที่เกิดขึ้น ส่วนคิมหันต์ที่รู้เรื่องนี้เข้าก็ไม่พอใจเช่นกัน แต่ก็ไม่อยากสร้างความลำบากใจให้ทีมงานมากไปกว่าที่เป็นอยู่ การเพิ่มบทมันค่อนข้างละเอียด คนหนึ่งให้เพิ่มบท แต่ทว่าอีกคนกลับคิดสวนทางกัน นั่นเพราะปลายฝนอยากให้ตัดฉากจูบระหว่างเธอกับคิมหันต์ออกบ้าง เพราะคิดว่ามันมีเยอะเกินไป แต่ทว่ากลับไม่มีใครทำตามที่เธอขอ “สติ สติ” ปลายฝนบอกตัวเอง เธอพยายามตัดความสับสนและรู้สึกวาบหวามยามได้สบตากับคิมหันต์ออกไป เวลางานเธอตั้งใจทำจนสำเร็จ แต่เมื่อไหร่ที่อยู่นอกเหนือเวลางาน เขาก็มักจะทำให้เธอหวั่นไหวอยู่เสมอๆ และยิ่งหวั่นไหว เพราะได้ทำงานด้วยกัน แถมยังเดินทางมาถ่ายทำถึงญี่ปุ่นแบบนี้ ความลำบากจากอะไรหลายๆ อย่าง ทำให้เธอได้เห็นตัวตนของคิมหันต์ ว่าเขานั้นเป็นคนมีน้ำใจและคอยห่วงคนอื่นเสมอๆ เขาไม่ได้ดูหยิ่งและที่สำคัญเขาเป็นแค่คู่จิ้นในจอกับริต้าจริงๆ เพราะนอกจอคิมหันต์แทบไม่คุยกับริต้าด้วยซ้ำ ยิ่งหวนคิดถึงตอนที่เขาเข้าไปช่วยเธอตอนหลงทางไว้ ยิ่งทำให้เขาดูเท่ห์ขึ้นอีกหลาย
“อิจอะไร” เพราะสงสัยคำพูดของพี่ชาย ทำให้ปลายฝนเงยหน้าขึ้นมามอง “อิจฉาคนได้จูบกับพระเอกในดวงใจ” “บ้า! ก็แค่จูบในงานเถอะ” แม้จะพูดไปแบบนั้น แต่ใบหน้าสวยของปลายฝนก็ยังคงร้อนผ่าวไม่หยุด “แต่จูบนั่นก็ของจริงนะจ้ะ แล้วจูบแรกเป็นไง ไหนอธิบายความรู้สึกให้พี่ฟังหน่อยสิ” ต้นหนาวยิ้มกริ่มขณะรอฟัง นั่นเพราะแค่เห็นเธอก็ฟินแทนปลายฝนแล้ว “มันดีอ่ะ ดีมาก โอ้ยยยย เขิน” ใบหน้าของปลายฝนเวลานี้ยิ่งแดงก่ำเพราะความเขินอายที่มีล้นหัวใจเข้าไปอีก ดีหน่อยที่จบฉากจูบก็เลิกกอง ไม่อย่างนั้นเธอคงตำตัวลำบากกว่านี้แน่ “แต่หมอกเก่งมากนะที่เก็บอาการอยู่” “ก็เกือบแย่เอาเหมือนกัน นี่พี่เหนือลองจับดู” เอ่ยจบปลายฝนก็คว้ามือพี่ชายมาวางบนอกข้างซ้าย ตรงกับตำแหน่งของหัวใจที่ตอนนี้ยังเต้นไม่ได้จังหวะ “พักๆ เดี๋ยวหัวใจจะวายตายเอาเสียก่อน” “ค่ะ” ปลายฝนยิ้มกว้าง ก่อนจะซุกหน้ากับหมอนอีกครั้ง จากนั้นก็กลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียง ต้นหนาวส่ายหน้าให้น้องสาว แต่ก็อดชื่นชมในความเก่งของปลายฝนไม่ได้จริงๆ แบบนี้อนาคตในวงการบันเทิงต้องไกลมากแน่ๆ แต่ว่าปลายฝนเท่านั้นที่ใจเต้นแรง เพราะคิมหันต์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากเธอสักเท่าไหร่ ฉา
แต่เพราะใช้มุมกล้องทำให้ฟิลลิ่งของคู่รักที่รักกันมาก ขนาดยอมแลกได้ด้วยชีวิตไม่สมจริงหรือเพราะปลายฝนยังคงใหม่กับฉากทำนองนี้ ทำให้ทุกอย่างดูแข็งทื่อไปเสียหมด จนทางผู้จัดและผู้กำกับต้องสั่งคัตเพื่อเริ่มถ่ายทำกันใหม่ เทคแรกไม่ผ่าน เทคสองสามสี่ก็ยังไม่ผ่าน นั่นยิ่งเพิ่มความกดดันให้ปลายฝนเข้าไปอีก เพราะเธอทำให้ทุกคนต้องลำบากท่ามกลางอากาศที่กำลังติดลบ ยิ่งดึกที่นี่ก็ยิ่งหนาวจนจับขั้วหัวใจ “คิมกับน้องหมอกคิดยังไง ถ้าเกิดว่าฉากนี้คงต้องให้ทั้งสองคนจูบกันจริงๆ” ผู้กำกับเอ่ยถามกับนักแสดงทั้งสองคนขึ้น นั่นทำเอาปลายฝนถึงกับอุทานออกมาพร้อมตาโตเป็นไข่ห่าน “เอ้!” “พี่ว่ามุมกล้องมันไม่โอเค” สีหน้าของผู้กำกับเต็มไปด้วยความกังวล นั่นเพราะรู้กฎของคิมหันต์ดีรวมถึงไม่อยากให้ปลายฝนรู้สึกอึดอัดไปด้วย “เอ่อ” ปลายฝนอ้ำๆ อึ้งๆ นั่นเพราะเธอเองก็เคยตั้งกฎไว้ ว่าจะไม่ยอมแสดงฉากจูบจริงกับใครทั้งนั้นเช่นกัน “ได้ไหมน้องหมอก เพราะถ้ายังถ่ายไม่ได้พี่ว่าเราแย่แน่” “เอ่อ...ดะ...ได้ค่ะ” น้ำเสียงสั่นๆ ของเธอเอ่ยรับ เพราะไม่อยากเป็นตัวถ่วงของทุกคน อย่างน้อยถ้าถ่ายฉากนี้ผ่านทุกคนก็จะได้พักกันเสียที อีกอย่างที่ตอบรับไ