“ถ้าข้าผังซื่อเต๋อจะไปเสียอย่าง เจ้าคิดว่าเจ้าจะขวางข้าได้หรือ?”ผังซื่อเต๋อท่วงทำนองน่าเกรงขาม ความกดดันไร้ลักษณ์ปะทุออกมาจากตัว ท่าทางแข็งแกร่ง ทำให้ฉินอวิ๋นฮุยที่อยู่ด้านข้างเริ่มหายใจลำบากเวลานี้คนที่อยู่ข้างหลังผังซื่อเต๋อก็ตั้งท่ารอรับมือแล้วเหมือนกัน เตรียมตัวรับศึกทุกเมื่อ!“ความสามารถไม่พอ ยังจะฝืนอีก?”จางหมาจื่อเหยียดยิ้มตรงมุมปาก เขาไม่หวั่นเกรงต่อความแข็งกร้าวของผังซื่อเต๋อสักนิด กระทั่งมีนัยว่ากุมชัยอยู่ในมือเขาพูดอย่างไม่ยี่หระ “ต่างเป็นยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ ใครแพ้ใครชนะยังไม่แน่ แต่ยังไงระดับเดียวกันก็แบ่งสูงต่ำ ท่านว่าอย่างไร? ท่านผู้นำตระกูลผัง?”“อ้อ? ความก็เป็นยอดฝีมือเขตปรมาจารย์เหมือนกันหรือ?”ผังซื่อเต๋อรูม่านตาหดเล็ก ประหวั่นพรั่นพรึงที่สุด ลางร้ายผุดขึ้นมาในหัวใจ จางหมาจื่อกล้าพูดกับเขาแบบนี้ มันชี้ให้เห็นปัญหาหนึ่ง เขาต้องมั่นใจว่าจะชนะแน่ มิเช่นนั้นจะไม่กล้าพูดกับเขาเช่นนี้เด็ดขาดยอดฝีมือเขตปรมาจารย์คือตัวตนดังขนหงส์เขากิเลนของโลกใบนี้ แน่นอนว่าไม่ต้องเอ่ยถึงฝีมือ ไม่มีใครเอาชีวิตมาล้อเล่นในเวลานี้หรอก“ถูกต้อง!”จางหมาจื่อยิ้มมุมปาก “ถือโอกาสนี้ป
“เหอะ สมกับที่เป็นผู้นำตระกูลผัง ฝีมือร้ายกาจนัก!”จางหมาจื่อสะบัดแขนเสื้อเบา ๆ กล่าวด้วยสีหน้าสงบ “แต่ถ้าท่านมีฝีมือเพียงเท่านั้น จะเอาชนะข้า... เกรงว่าจะเป็นไปไม่ค่อยได้!”พูดจบ จางหมาจื่อเคลื่อนไหวบ้างแล้ว เขามีความเร็วเหนือกว่า กำลังมากกว่า ปรากฏอยู่ตรงหน้าผังซื่อเต๋อด้วยความไวเพียงเสี้ยวนาทีเหมือนกัน เขาส่งหมัดหนักออกไป คลื่นพลังที่มองไม่เห็นขุมหนึ่งกระแทกต้นไม้รอบด้านแหลกเดี๋ยวนั้น!ด้วยการโจมตีของพลังมหาศาล ผังซื่อเต๋อถูกกระแทกจนเลือดลมปั่นป่วน ถอยกรูดอย่างต่อเนื่องสิบกว่าก้าวจึงจะทรงตัวได้ ในทางกลับกัน จางหมาจื่อถอยเพียงสามเก้าเท่านั้นจากการตัดสินจากพลัง จางหมาจื่อเป็นฝ่ายนำเล็กน้อย!“จะเป็น จะเป็นไปได้ยังไง? เจ้ามีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้เลยรึ?!”ในดวงตาของผังซื่อเต๋อคือความตื่นตระหนก เขาเป็นยอดฝีมือชั้นนำในขอบเขตปรมาจารย์นานแล้ว มั่นใจว่าตัวเองคือตัวตนยอดพีระมิดในด้านรากฐานและพรสวรรค์ ไม่นึกว่าจางหมาจื่อจะเก่งกว่าเขา?“ถ้าข้าไม่เก่งพอ จะกล้าขวางท่านได้ยังไง?”จางหมาจื่อยิ้มมุมปากเล็กน้อย พูดอย่างมั่นใจ “จุดประสงค์ของข้าคือชีวิตของฉินอวิ๋นฮุย ถ้าพวกท่านยินดีทิ้งเขาไว้ ข้า
จางหมาจื่อที่มั่นใจเต็มร้อยหัวใจว้าวุ่นในพริบตา ลูกน้องของเขาล้วนเป็นยอดฝีมือเขตยุทธ์แท้ ทั้งยังอยู่อันดับต้น ๆ ของระดับนั้นอีก กลับถูกฆ่าในกระบวนท่าเดียว?!“จางหมาจื่อ คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า!”ผังซื่อเต๋อไม่ออมมืออีก เขารู้ว่าตัวเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางหมาจื่อ แต่หากจางหมาจื่อต้องการเอาชนะเขาในช่วงเวลาสั้น ๆ จะไม่ใช่เรื่องง่ายเด็ดขาด!“บ้าเอ๊ย!”ยามนี้ จางหมาจื่อจึงรู้ว่าตัวเองตัดสินใจผิดไป ตระกูลผังกลับมียอดฝีมือเขตปรมาจารย์คนหนึ่ง? หากเป็นเช่นนี้ นั่นคือยุ่งใหญ่แล้ว!“เอาไงดี?”เวลานี้ชายชุดดำคนหนึ่งเริ่มใจสั่นแล้ว พวกเขาย่อมไม่หวั่นยอดฝีมือเขตยุทธ์แท้ แต่ชายตรงหน้ากลับเป็นยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ นั่นต้องคิดให้ดีแล้ว!ทว่าน้องรองของตระกูลผังไม่ให้โอกาสพวกเขาแม้แต่น้อย เขาเคลื่อนไหวแล้ว เงาร่างประหนึ่งผีร้ายพุ่งตัวออกไปในเสี้ยววินาที“ยะ แย่แล้ว!”ชายชุดดำเห็นสภาพการณ์พลังร้องอุทานเสียงดัง แต่ในตอนที่เขาเตรียมจะหนีมันก็สายไปแล้ว น้องรองของตระกูลผังหนึ่งหมัดชกไปที่ใบหน้า ศีรษะกระจุยเดี๋ยวนั้น!“ซี้ด...”พอชายชุดดำคนอื่น ๆ เห็นต่างพากันสูดลมเย็นเข้าปอด หน้าถอดสี แต่ในเวลานี้เอง
ผังซื่อเต๋อตวาดออกไป“ได้!”น้องรองของตระกูลผังไม่ลังเลอีก ทุกคนรีบพาฉินอวิ๋นฮุยออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งจางหมาจื่อที่ทำหน้าสับสนอยู่!“บัดซบ! ผังซื่อเต๋อ ไม่นึกว่าเจ้าจะเหลือทางหนีเอาไว้? ข้าประมาทเจ้าไปแล้ว!”นาทีนี้จางหมาจื่อเดือดดาลถึงที่สุด แทบอยากสับผังซื่อเต๋อเป็นหมื่น ๆ ชิ้น สถานการณ์ที่อยู่ในกำมือกลับมีช่องโหว่ในช่วงเวลาสำคัญ?“หึ เราต่างมีนาย ถ้าไม่เผื่อทางหนีทีไล่เอาไว้ วันนี้มิต้องตายอยู่ที่นี่หรือ?”ครั้นฉินอวิ๋นฮุยจากไป ผังซื่อเต๋อตัดความกังวลด้านหลังโดยสิ้นเชิง เขาไม่สนความเป็นความตายแต่แรกแล้ว ไม่ว่าเวลาใด ขอเพียงฉินอวิ๋นฮุยยังอยู่ ตระกูลผังจะไม่ตกอับ!“เจ้านึกว่าเจ้าเผื่อทางหนีทีไล่แล้ว วันนี้จะรอดหรือ?!”จางหมาจื่อบันดาลโทสะ พลังปะทุอีกครั้ง วิธีการเหี้ยมโหดกว่าเดิม ไม่ว่าจะเป็นความเร็วในการโจมตีหรือพลังล้วนแล้วแต่เพิ่มเป็นเท่าตัว ภายใต้การโจมตีอย่างหนัก ผังซื่อเต๋อลำบากมากขึ้น!ตั้งแต่วินาทีที่น้องชายพาตัวฉินอวิ๋นฮุยจากไป เขาก็รู้จุดจบของตัวเองแล้ว ตอนนี้เขาทำได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือประวิงเวลา ถ่วงเวลาได้นานเท่าไร โอกาสที่ฉินอวิ๋นฮุยจะรอดก็ยิ่งสูงดังคาด ภ
“ทะ ท่านว่าอะไรนะ? ท่านผู้นำตระกูลผังตายแล้ว?!”จังหวะที่ได้ยินฝันร้ายนี้ ฉินอวิ๋นฮุยตัวกระตุก เพิ่งเตรียมพักผ่อนถ่ายเบาสักหน่อยก็ต้องอั้นกลับไปอีก เขาเห็นฝีมือของผังซื่อเต๋อด้วยตาตัวเองมาแล้ว สุดยอดมาก กลับถูกจางหมาจื่อสังหารเร็วขนาดนี้เชียวหรือ?“พี่ชายข้าเก่งมาก แต่จางหมาจื่อเก่งกว่า ในตอนที่พี่ชายข้าให้ข้าพาท่านหนีไปให้เร็ว เขาก็เตรียมตัวตายแล้ว มีแต่อย่างนี้จึงจะประวิงเวลาหนีให้ท่านได้!”น้องรองของตระกูลผังเอ่ยอย่างเศร้าสลด“หา?! ท่านก็เป็นยอดฝีมือเขตปรมาจารย์เหมือนกันมิใช่หรือ? พวกท่านพี่น้องร่วมมือกันจัดการไอ้จางหมาจื่อนั่นก็ได้แล้วนี่?!”เสียยอดฝีมือไปคนหนึ่ง ฉินอวิ๋นฮุยปวดใจนัก ซาบซึ้งใจกับการกระทำยิ่งใหญ่นี้ของผังซื่อเต๋อด้วย แต่เขาไม่เข้าใจเลย ในเมื่อพวกเขาสองคนต่างเป็นยอดฝีมือเขตปรมาจารย์ ฝีมือน่ากลัวออกอย่างนั้น ร่วมมือกันยังจัดการจางหมาจื่อคนเดียวไม่ได้?“เหอะ องค์ชายรอง พี่ชายข้าเป็นยอดฝีมือเขตปรมาจารย์มาสิบปีแล้ว เรื่องความแข็งแกร่งของพลัง คงไม่ต้องให้ข้าอธิบายกระมัง? แต่ถึงจะอย่างนี้ เขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจางหมาจื่อ!”น้องรองของตระกูลผังดูหน้าขมขื่น “ข้าเป็นแค่
ในเมื่อเป็นเช่นนั้น เราก็มาสู้ตายกันเถอะ!“สู้!”ในฐานะที่เป็นคนของตระกูลผัง ย่อมมีจิตใจห้าวหาญ บัดนี้พวกเขาจนมุมแล้ว ยังมีเหตุผลอะไรไม่สู้ตายอีก?“ไม่ประมาณตน! ข้าบอกว่าให้พวกเจ้าไปได้แล้วหรือ?!”ในดวงตาของจางหมาจื่อเต็มไปด้วยจิตสังหาร เขาไม่มีทางให้ฉินอวิ๋นฮุยหนีรอดออกจากป่าผืนนี้ ทันทีที่ออกไปได้ จะไม่สามารถไล่ฆ่าเขาได้อีก“จางหมาจื่อ เจ้าอย่างคิดจะโอหังนะ เอาชีวิตมา!”น้องรองของตระกูลผังไฟโกรธพุ่งขึ้นฟ้า เนื้อตัวบนล่างแผ่ความน่ากลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้ เขาไวยิ่ง! พุ่งตัวตรงดิ่งไปตรงหน้าจางหมาจื่อทันที“หึ! พี่ชายเจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า แล้วเจ้ายังคิดจะทำร้ายข้า? ฝันไปเถอะ!”แม้จางหมาจื่อจะบาดเจ็บหนัก แต่เขายังมีพื้นฐานน่ากลัวอยู่ เผชิญกับการโจมตีของน้องรองตระกูลผัง เขาไม่กริ่งเกรงแม้แต่น้อย แข็งแกร่งไร้เทียมทาน ผลักฝ่ามือออกไปรับทันทีตูม...คลื่นพลังแข็งแกร่งขุมหนึ่งปะทะกันในพริบตา ร่างจางหมาจื่อถอยกรูดอย่างเร็ว กระแทกต้นไม้หักหลายต้นจึงจะทรงตัวอยู่ ส่วนน้องรองของตระกูลผังก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน กระแทกจนเลือดสดทะลักออกมาจากมุมปาก บอบช้ำอย่างหนักคนอื่น ๆ ในตระกูลผังตะลุม
“รับทราบ!”ครั้นเหล่าทหารได้ยินก็ตั้งค่ายรับศึกทันที มือธนูสองร้อยคนเข้าประจำที่ทันที ฉินอวิ๋นฮุยไหนเลยจะสนใจความเป็นความตายของพวกเขา แค่ถ่วงเวลาได้ ไม่ว่าอะไรเขาก็สละได้หมดด้วยการคุ้มครองของผังไห่ ฉินอวิ๋นฮุยวิ่งอ้าวลงเขาต่อ จางหมาจื่อในเวลานี้ตามมาอีกครั้ง หากที่ต้อนรับเขาย่อมคือฝูงธนูที่ยิงมาพร้อมกันกลุ่มหนึ่งแม้จางหมาจื่อจะเก่งอย่างนี้ก็ยังจำต้องหยุดฝีเท้าป้องกันตัว ต่อให้ทหารหลายร้อยคนนี้เรียงแถวให้เขาฆ่า เขาก็ยังต้องฆ่ากว่าครึ่งวัน ถึงตอนนั้นฉินอวิ๋นฮุยก็หายหัวไม่เห็นเงานานแล้ว ยามนี้เขาใจร้อนดังไฟเผา มีเวลารบราฆ่าฟันกับคนพวกนี้ที่ไหน?“ยิงต่อไป! ยิงมันให้ตายไปเลย!”หัวหน้าทหารคนหนึ่งออกคำสั่งโจมตีอีกครั้ง ลูกศรปานห่าฝนยิงกระหน่ำไปทางจางหมาจื่ออีกครั้ง จางหมาจื่อพยายามต้านเอาไว้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี แต่การจะฝ่าวงล้อมออกไปยังลำบากอยู่บ้าง ลูกศรหนาแน่นเกินไป“เจ้าพวกงี่เง่า! หลีกไปนะ! ไม่อย่างนั้นวันนี้พวกเจ้าต้องตายหมด!”จางหมาจื่อโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยงจนแยกเขี้ยวยิงฟัน ร้อนรนหมื่นส่วน เห็นเงาร่างของฉินอวิ๋นฮุยห่างออกไปทุกที เขาโกรธจนกระอักเลือด ทว่าเขาบาดเจ็บหนักเกินไป คิด
“แม่งเอ๊ย! มันน่าโมโหชะมัด!”หลัวเทียนเป้าเดือดดาลถึงขีดสุด โกรธจนสาละวนอยู่ในห้อง สมองขับเคลื่อนใช้ความคิดอย่างเร็วรี่ ก็ตอนนี้เอง จู่ ๆ เขาก็หันไปทางฮั่วจื้อจวินและพูดว่า “แม่ทัพฮั่ว ฉินอวิ๋นฮุยหนีไปแล้ว เรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานจะมาทลายรังโจร ถึงเวลาคงไม่ล้มหมดหรอกนะ?”“หือ? นี่ก็ไม่แน่”ฮั่วจื้อจวินขมวดคิ้วพูดหลัวเทียนเป้าไร้ยางอายนัก ฮั่วจื้อจวินมีอคติกับเขาอย่างรุนแรง เรื่องทลายรังโจรดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้ว หลุดจากการควบคุมของพวกเขาโดยสมบูรณ์ เขาไม่หวังว่าจะดำเนินเรื่องทลายรังโจรต่อสำหรับลูกคิดสมปรารถนาในใจของหลัวเทียนเป้า มีหรือที่เขาจะไม่รู้? เขาจะไม่เดินตามเส้นทางที่หลัวเทียนเป้าต้องการอยู่แล้ว!“อย่างนั้นรึ? เช่นนั้นพวกท่านก็ต้องเติมเชื้อไฟสักหน่อย พวกเราลงเรือลำเดียวกันแล้ว จะยุติการทลายรังโจรทั้งอย่างนี้เพราะฆ่าฉินอวิ๋นฮุยไม่สำเร็จไม่ได้!”หลัวเทียนเป้าจ้องฮั่วจื้อจวินและเอ่ยเสียงเย็น“อ้อ? แม่ทัพหลัว ท่านพูดเช่นนี้จะไม่เหมาะสมกระมัง?”ฮั่วจื้อจวินเลิกคิ้ว พูดด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ “การปูทางที่เราควรทำในช่วงแรกก็ทำแล้ว ยอดฝีมือที่ควรหาก็หามาแล้ว สุดท้ายภารกิจล้มเหลว สาเ
“เอ่อ... แต่เพียงแต่ข้าที่กังวลเช่นนี้ เกรงว่าทุกคนก็คงมีความกังวลนี้เหมือนกันกระมัง? อย่างไรเสีย ของอย่างบัญชีก็สามารถปลอมแปลงได้”เห็นฉินอวิ๋นฟานพูดตามตรง ฉินอวิ๋นฮุยจึงไม่อ้ำอึ้งอีก การยกเรื่องไม่ดีมาพูดแต่แรกมิใช่เรื่องน่าอายอันใด เพราะมันเกี่ยวพันถึงผลประโยชน์ของพวกเขา เขาไม่อยากถูกฉินอวิ๋นฟานหลอก!“ฮ่า ๆ ๆ...”ฉินอวิ๋นฟานลั่นเสียงหัวเราะทันที “พี่รองทำงานรอบคอบดังคาด น้องเจ็ดเลื่อมใส แต่ท่านคิดมากไปแล้ว ถ้าต้องดูแลเมืองการค้าสามเมือง คนของข้าไม่มีทางพอ ถ้าพวกท่านไม่ส่งคนมาช่วยงาน ข้าคงทำเรื่องนี้ไม่สำเร็จ”“อ้อ? น้องเจ็ดพูดจริงรึ?!”เมื่อนั้นหัวใจที่ตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ของฉินอวิ๋นฮุยจึงสงบลง หากเขาสามารถให้คนเข้าร่วมอยู่ในเมืองการค้าทั้งสามเมืองได้ เช่นนั้นเขาจะวางใจได้แล้ว เพราะจะรับประกันผลประโยชน์ของเขาได้ทั้งหมด!“พี่ใหญ่ พี่รอง พวกท่านวางใจได้เลย ระหว่างพวกเราพี่น้องแม้เป็นคู่ต่อสู้กัน แต่ต่อหน้าผลประโยชน์ของบ้านเมือง พวกเราต้องรวมใจเป็นหนึ่ง มีเพียงเช่นนี้ต้าเฉียนเราจึงจะเฟื่องฟูได้นิรันดร์”ฉินอวิ๋นฟานเอ่ยเสียงหนัก “ดังนั้นในเรื่องการค้า เครือเหิงไท่จะรับผิดชอบกิจการหลักท
ฉินอวิ๋นฟานกล่าวอย่างจริงจัง “ต่อให้ใครกล้ามีความคิดส่วนตัวก็เปล่าประโยชน์ เพราะพวกเราต้องร่วมกันทำงาน หากไม่อยากเสียเมืองไป ไม่อยากตาย ทหารทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือ เป็นหนึ่งเดียวสู้กับภายนอก”“ดี ดีมาก ความคิดนี้ไม่เลว!”เมื่อฉินอวิ๋นฟานกล่าวออกมา ไท่ซั่งหวงรู้อยู่แล้วว่าฉินอวิ๋นฟานต้องทุ่มเทเพื่อแผนการนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีทางคิดแผนการสมบูรณ์แบบเช่นนี้ออกมาได้“อื่ม ไม่เลว!”ฉินอวิ๋นฮุยไม่ได้ดีใจกับแผนการสมบูรณ์แบบไร้ที่ติของฉินอวิ๋นฟาน เพราะแม้เช่นนี้จะเป็นเรื่องดีต่อบ้านเมืองจริง หากไร้ประโยชน์อันใดต่อพวกเขา ในทางกลับกัน พวกเขายังจะกลายเป็นคนที่ถูกฉินอวิ๋นฟานใช้งานอีกด้วยพวกเขาส่งทหารรักษาเมือง ฉินอวิ๋นฟานกอบโกยกำไรอย่างบ้าคลั่ง คิดแล้วฉินอวิ๋นฮุยก็อยากตบหน้าตัวเองสักฉาด ลักไก่ไม่สำเร็จเสียข้าวอีกหนึ่งกำมือโดยแท้!ทว่าไท่ซั่งหวงแสดงท่าทีชัดเจนแล้ว เขายังจะทำอะไรได้อีก?ฉินอวิ๋นฟานรู้ความคิดของพวกเขาดี อีกอย่าง ถ้าครองผลงานเองในเวลานี้จะเป็นการเลือกที่ไม่ฉลาดเอามาก ๆ ฉินอวิ๋นฟานไม่ทำเรื่องเบาปัญญาเช่นนี้หรอก!โบราณกล่าว ตบหน้าฉาดหนึ่งต้องให้พุทราหวานหนึ่งลูก อีกฝ่ายส่งทหารม
ขณะนี้ ทั่วทั้งท้องพระโรงเงียบกริบ ถ้อยคำชวนให้คนมีจิตใจฮึกเหิมของฉินอวิ๋นฟานวนเวียนอยู่ในหัวของ แม้ไท่ซั่งหวงเองก็ยังตกตะลึงพรึงเพริดกับคำพูดนี้ของฉินอวิ๋นฟาน!รัชทายาทวัยสิบแปดสิบเก้าคนหนึ่ง ช่างเป็นชายชาตินักรบเลือดร้อนไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดิน หากคนเช่นนี้เป็นจักรพรรดิ ไยต้องกลัวอนาคตต้าเฉียนจะไม่ศิวิไลซ์?“เกี่ยวกับการสร้างเมืองการค้าสี่แห่งในสี่ทิศของต้าเฉียน ทุกคนคัดค้านอย่างหนัก ข้าเข้าใจความรู้สึกของทุกคนมาก แต่ในเมื่อจะทำเรื่องนี้ ข้าก็ต้องยอมรับเสียงและความเห็นที่แตกต่าง ทุกคนว่ามาเถอะ”ฉินอวิ๋นฟานไม่รีบร้อน มีแต่ต้องทำให้ทำคนยอมรับเรื่องนี้จากใจจริง เขาจึงจะยึดสิทธิ์ความเป็นผู้นำได้ มิเช่นนั้นต่อให้ใช้กำลังผลักดันเรื่องนี้ คนเหล่านี้ต้องเล่นตุกติกลับหลังเขาแน่ เช่นนี้มีแต่จะทำให้รำคาญดังนั้นฉินอวิ๋นฟานเตรียมตัวกับการคัดค้านและความคิดของทุกคนแต่แรกแล้ว ต้องการแค่โอกาสประจวบเหมาะหนึ่ง เพราะคนที่ป่วยเป็นโรคอิจฉาตาร้อนมีมากเหลือเกิน มีแต่ต้องคิดหาทางหยดยาดวงตาให้พวกเขาสักหน่อย จึงจะขจัดต้นตอของปัญหาได้ “นี่...”ผู้คนมากมายแน่นขนัดพูดไม่ออกสักคำ เพราะต่างมีความกังวลอยู่ในใจ ฉ
นาทีนี้ถังเจิ้นไห่ถูกโจมตีทำร้ายทางจิตใจอย่างหนัก ฉินอวิ๋นฟานปากคอเราะรายน่ากลัวจริง ๆ การโจมตีของเขารวดเร็วนัก เขาต้านทานไม่ไหวเลยเขาจนปัญญากับการโจมตีของฉินอวิ๋นฟานแล้ว ได้แต่ใช้สถานะข่มขู่ฉินอวิ๋นฟาน หวังว่าฉินอวิ๋นฟานจะหยุดโจมตีเขาน่าเสียดาย แต่ไหนมาฉินอวิ๋นฟานก็ไม่ใช่คนใจบุญสุนทานอะไร และไม่เคยเป็นพวกยอมเสียเปรียบ หากมีคนโจมตีเขา ฉินอวิ๋นฟานจะไม่ใจอ่อนเด็ดขาด!ต้องถล่มอีกฝ่ายจนแพ้ราบคาบ นี่สิจึงจะเป็นเป้าหมายความเป็นคนของเขา และถังเจิ้นไห่ก็แตะเขตต้องห้ามของเขาพอดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ฉินอวิ๋นฟานย่อมไม่ไว้หน้าเขา!ครั้นพวกฉินอวิ๋นฮุยเห็นสภาพการณ์เช่นนี้ก็พากันมอบสายตาเห็นใจให้ถังเจิ้นไห่ พวกเขาเคยได้รับการสั่งสอนด้วยหมัดหนักจากฉินอวิ๋นฟานมานานแล้ว ในสถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจเต็มร้อย หากหาเรื่องฉินอวิ๋นฟานก็เท่ากับรนหาที่ตาย!ไท่ซั่งหวงและจางเต้าหลินฉายรอยยิ้มพึงพอใจ แม้ถ้อยคำของฉินอวิ๋นฟานจะหยาบคายไม่รื่นหูไปบ้าง แต่สะใจยิ่งนัก! นักวางแผนร้ายเฒ่าเจ้าเล่ห์คนหนึ่ง ถูกฉินอวิ๋นฟานฟาดกลับจนต้องสงสัยในชีวิต เด็ดสะระตี่แท้!“เกินไป? ตอนนี้ท่านรู้ว่าเกินไป? ตอนที่ท่านสาดน้ำคลำใส่
“ท่าน...”ถูกฉินอวิ๋นฟานด่าว่าหน้าด้าน ถังเจิ้นไห่โกรธจนหน้าเขียว แทบอยากสับฉินอวิ๋นฟานเป็นหมื่น ๆ ชิ้น เขาจำต้องยอมรับว่าฉินอวิ๋นฟานร้ายจริง ๆ! ในสภาวการณ์เช่นนี้ เขากลับไม่กลัวแม้แต่น้อย?“ท่านเทิ่นอะไร ท่านมันหน้าด้านเหม็นโฉ่ อายุอานามห้าสิบกว่าแล้ว มีแต่ความชั่วร้ายอยู่เต็มอก น่ารังเกียจโดยแท้!”ฉินอวิ๋นฟานไม่ไว้หน้าถังเจิ้นไห่สักนิด เอ่ยต่อ “เมื่อวานข้าเพิ่งเดินทางกลับมาจากเมืองอู่โจว ท่านรู้ได้ยังไงว่าข้าไม่คิดกระจายการเพาะปลูกทั่วแคว้น? ท่านให้โอกาสข้าพูดแล้วหรือยัง?!”“อีกอย่าง ปริมาณเมล็ดพันธุ์ที่ข้ามอบให้ทุกแคว้นมีจำกัด ใครกล้าไม่เคารพต้าเฉียน? ข้าคือบิดรมารดาปากท้องของพวกเขา ใครกล้าหือ?!”“แม้นมีแคว้นใดไม่เป็นเด็กดี ข้าจะระงับการส่งมอบเมล็ดพันธุ์ให้พวกเขาทันที ข้าจะดูสิว่าไอ้ไม่ดูตาม้าตาเรือหน้าไหนกล้าท้าทายขอบเขตต่ำสุดของข้า?!”ครั้นกล่าวออกมา ทุกคนต่างมองหน้ากัน ไม่มีผู้ใดกล้าพูด หากเทียบกับการเคลือบแคลงสงสัยเมื่อครู่ การพูดเช่นนี้ของฉินอวิ๋นฟานยิ่งสามารถทำให้เขายืนอย่างมั่นคงมากขึ้นฉินอวิ๋นฟานคลี่คลายประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการได้แล้ว ถังเจิ้นไห่หน้าตึงจนน
“ได้!”ถังเจิ้นไห่พูดหน้าขรึม “ประการที่สองของความผิดร้ายแรงสามประการ รัชทายาทร่วมกันสร้างถนนกับแคว้นต่าง ๆ เรื่องนี้อึกทึกครึกโครมไปทั่ว ทันทีที่สร้างถนนที่กว้างยิ่งขึ้น การคมนาคมจะสะดวก คืออยากให้แคว้นรอบข้างรุกรานต้าเฉียนเราสะดวกยิ่งขึ้นหรือ? การกระทำเช่นนี้มิใช่แผนการล่มชาติแล้วมันคืออะไร?!”ซี้ด...เมื่อทุกคนได้ฟังต่างสูดลมเย็นเข้าปาก เกิดความสงสัยอย่างหนักกับจุดประสงค์ของฉินอวิ๋นฟาน ด้านหนึ่งมอบธัญพืช ด้านหนึ่งสร้างถนนกับทุกแคว้น จุดประสงค์จะชัดเจนเกินไปแล้วกระมัง?“ต่อ ประการที่สามเล่า!”ฉินอวิ๋นฟานยิ้มเรียบ เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะไปไกลขนาดไหน ช่างเป็นคนที่มีขอบเขตความรู้ความเข้าใจและวิสัยทัศน์โดยแท้ การกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เป็นเช่นนี้ดังคาดหากให้พวกเฮ่อชินอ๋องเรืองอำนาจจริง ต้าเฉียนมิต้องจบเห่หรือ? ให้สวะพวกนี้ดูแลบ้านเมือง บ้านเมืองนั้นยังจะมีความหวังอะไร?พวกเขานอกจากจะมีความชั่วร้ายอยู่เต็มอก มีความคิดดำมืดอยู่เต็มสมอง ยังจะทำอันใดได้อีก?“หึ!”ถังเจิ้นไห่แค่นเสียงแล้วจึงเอ่ย “ประการที่สาม รัชทายาทร่วมมือกับแคว้นต่าง ๆ กีดกันต้าเยียน สังหารบุตรชายคนที่สี่ข
“อ้อ? ความผิดร้ายแรงสามประการของฟานเอ๋อร์? ไหนลองว่ามาดูสิ!”ไท่ซั่งหวงตั้งสมาธิ นึกสนใจขึ้นมาทันที อย่างลับ ๆ เขาให้ความสนใจกับพฤติกรรมของฟานเอ๋อร์มาก ไม่เคยได้ยินความผิดร้ายแรงสามประการอันใด เขาก็อยากดูสิว่าถังเจิ้นไห่จะพูดอะไรความผิดร้ายแรงสามประการเสมือนระเบิดลูกใหญ่ ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกขึ้นมา ยามนี้สายตาของทุกคนในที่นั้นต่างรวมศูนย์อยู่ที่ตัวของถังเจิ้นไห่“ประการแรกของความผิดร้ายแรงสามประการ ได้ยินว่ารัชทายาททำเมล็ดพันธุ์ข้ามสายพันธุ์ขึ้นมา สามารถให้ผลผลิตสูงมาก เดิมนี่คือโอกาสดีที่สุดที่ต้าเฉียนเราจะแจ้งเกิด คิดไม่ถึงว่ารัชทายาทกลับมอบเมล็ดพันธุ์ผลผลิตสูงให้กับแคว้นต่าง ๆ รอบข้าง ช่วยให้พวกเขามั่งคั่งมากขึ้น”ถังเจิ้นไห่กล่าวเสียงหนัก “ขอถามทุกท่านในที่นี้ พฤติกรรมเช่นนี้ของรัชทายาทคือกำลังช่วยเหลือศัตรูน่ากลัวของเราหรือไม่? พฤติกรรมเช่นนี้ของเขา คือการขายชาติหรือไม่?!”ตูม...ครั้นถังเจิ้นไห่กล่าวถ้อยคำนี้ออกมา บรรดาขุนนางต่างอึกทึกครึกโครม คนทั้งโลกต่างรู้เรื่องที่เมืองจัวเก็บเกี่ยวอุดมสมบูรณ์แทบทุกคน และเรื่องที่ฉินอวิ๋นฟานลงนามสัญญากับแคว้นต่าง ๆ ก็รู
“อื่ม! ดี!”ไท่ซั่งหวงเอ่ยเสียงหนัก “เช่นนั้นข้าขอประกาศอย่างเป็นทางการ แต่งตั้งหวังอันสือเป็นหัวหน้าสำนักศึกษาหลวง เจี่ยงฝานฝานเป็นรองหัวหน้า การรับตำแหน่งนี้มีผลอย่างเป็นทางการ หัวหน้าขันทีเฉา ร่างราชโองการเดี๋ยวนี้ ประกาศต่อใต้หล้า!”เมื่อเรื่องราวสิ้นสุดลง ใจที่กระวนกระวายของฉินอวิ๋นฟานก็สงบ เขามองจางเต้าหลินด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง!ทว่าคนอื่น ๆ กลับมีความรู้สึกที่แปลกออกไป หลังจากหวังอันสือได้ขึ้นตำแหน่ง ทำให้พวกเขาตระหนักว่าสถานการณ์ในราชสำนักกำลังหลุดจากการควบคุมอย่างช้า ๆ ฉินอวิ๋นฟานกำลังจะครองราชสำนัก“เอาละ เรื่องสำนักศึกษาหลวงก็สิ้นสุดแล้ว แต่จะละเลยผลงานการไปเมืองอู่โจวของฟานเอ๋อร์ครั้งนี้ไม่ได้”ไท่ซั่งหวงกล่าวเสียงเข้ม “ฟานเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ทำคำสัญญาเมื่อครึ่งปีก่อนสำเร็จ ยิ่งทำให้เศรษฐกิจต้าเฉียนเราพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว ท้องพระคลังเพิ่มพูนมากขึ้นเรื่อย ๆ พสกนิกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นอย่างช้า ๆ ทุกคนต่างเห็นความยอดเยี่ยมของฟานเอ๋อร์”“ฟานเอ๋อร์ ว่ามาเถอะ เจ้าอยากได้อะไรเป็นรางวัล? ขอเพียงสมเหตุสมผล ข้าจะให้เจ้าดังปรารถนา!”ฉินอวิ๋นฟานรู้สึกดีใจมากที่
“...”‘ไม่ว่าจะเป็นใคร คนผู้นั้นก็รู้อยู่แก่ใจดี’ ประโยคเดียวของฉินอวิ๋นฟานทำให้ถังเจิ้นไห่สยบ แม่งเอ๊ย เขาก็ต้องรู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว หากเขามีความจำเป็นพูดออกมาไม่ได้!การเล่นเกมเลี่ยงบาลีของฉินอวิ๋นฟานทำให้แนวป้องกันของถังเจิ้นไห่พังทลายลงโดยสิ้นเชิง เหล่าขุนนางต่างกัดฟันกรอด กลับทำอะไรไม่ได้ ฉินอวิ๋นฟานเฉกเช่นปลาหนีชิวลื่นไหลตัวหนึ่ง ทำอะไรเขาไม่ได้เลย!จางเต้าหลินที่อยู่ด้านข้างตกตะลึงกับการกระทำนี้ของฉินอวิ๋นฟาน เขาเคยเห็นคนหน้าด้าน กลับไม่เคยเห็นผู้ใดหน้าหนาไร้ยางอายเช่นฉินอวิ๋นฟานมาก่อน หน้าไม่อายที่สุด!คนคนหนึ่งปั่นหัวเหล่าขุนนางใหญ่เป็นว่าเล่น โมโหโทโสจนร่ำไห้หาพ่อร้องหาแม่ กลับจนปัญญา ดูสีหน้าเขียวปัดของถังเจิ้นไห่ จางเต้าหลินกลั้นหัวเราะอย่างหนัก กลั้นจนภายในจะบอบช้ำแล้ว“เอาละ ๆ ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสักหน่อย พอแค่นี้เถอะ!”ไท่ซั่งหวงเห็นว่าพอประมาณแล้ว จึงตัดสินเรื่องนี้ในที่สุด ได้แต่บอกว่าฟานเอ๋อร์ใช้ไหวพริบและผลลัพธ์ก็คือว่าเป็นที่น่าพอใจ“จางไท่เว่ย ในเมื่อมีสามตัวเลือก และทุกคนก็แสดงจุดยืนของตัวเองแล้ว ท่านมีความเห็นต่อเรื่องนี้อย่างไร?”ไท่ซั่งหวงไม่ได้ยอมรับคว