ไท่ซั่งหวงพอใจกับการแสดงออกของฉินอวิ๋นฟานมาก ระดับวรรณกรรมเช่นนี้ เพียงพอแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและท่วงทำนองแคว้นใหญ่ได้จางเต้าหลินที่เงียบมาตั้งแต่ต้นจนจบ ยามนี้เขากำลังจ้องฉินอวิ๋นฟานด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่ง เผยอารมณ์เหนือคาดออกมา“บ้าเอ๊ย!”ตอนนี้องค์ชายใหญ่กำลังเดือดดาลสุดขีด สีหน้าเขียวปัด เพื่อชัยชนะรอบนี้ แม้แต่หน้าตาเขายังละทิ้ง พยายามอยู่นานสองนาน ไม่นึกว่าตัวเองนั่นแหละที่เป็นตัวตลกคนนั้นสิ่งที่ทำให้เขาไม่ไม่ถึงยิ่งกว่าคือ ฉินอวิ๋นฟานกลับมีระดับวรรณกรรมน่ากลัวอย่างนี้ บุกจนเขารับมือไม่ทันเลย“องค์ชายใหญ่...”เหลียงคังจวิ้นขาอ่อนล้มพับกับพื้นตรง ๆ ใบหน้าปราศจากสีเลือด ตื่นตระหนกหวาดกลัวที่สุด เช่นคำพูดนั้น แรกเริ่มยโสเพียงใด ตอนนี้อนาถเพียงนั้น “ไสหัวไปซะ!”องค์ชายใหญ่ถีบเหลียงคังจวิ้นออกไป ในดวงตาคือความรังเกียจทั้งหมด มาถึงขั้นนี้แล้ว มากสามารถยังจะมีประโยชน์อันใดอีก? การประลองทุกรอบเกี่ยวพันถึงชะตาในอนาคต หากนั่งบัลลังก์ไม่ได้ทุกอย่างก็คือเพ้อเจ้อแพ้เท่ากับหมดสิ้นคุณค่าใช้สอย เขาไม่อยากเสียงอ่อนขอร้องรักษาชีวิตบัณฑิตอ่อนแอคนหนึ่งในตอนที่กำลังแข่งขันดุเดือดอย่าง
ฉินอวิ๋นฟานสีหน้าสงบ ไม่ลังเลใด ๆ ย่างเท้ามาถึงตรงหน้ามู่หรงจิ่นก่อนจะยิ้มบางเอ่ย “ได้ แต่โทษตายละเว้นได้ โทษเป็นยากจะหลีกหนี”“อะไรนะ? ท่าน ท่านไม่ตรองสักหน่อยก็ตอบตกลงแล้วหรือ”“รัชทายาท ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่? เหลียงคังจวิ้นคือศัตรูของท่านนะ เป็นคนที่ลบหลู่ท่านกับพระชายารัชทายาทต่อหน้าผู้คน ท่านจะละเว้นชีวิตเขาหรือ?”“นี่พระชายารัชทายาทกำลังขอร้องแทนศัตรูของท่านอยู่นะ จะรับปากได้ยังไง?”......ทุกคนต่างประหลาดใจ เมื่อครู่ฉินอวิ๋นฟานยังมีท่าทีต้องเอาชีวิตเหลียงคังจวิ้นให้ได้ ทำไมแค่พระชายารัชทายาทเอ่ยขอคำเดียวก็ตอบตกลงแบบไม่คิดสักนิดแล้วเล่า?“น้องเจ็ด เจ้าบ้าไปแล้วกระมัง? เหลียงคังจวิ้นคือคนที่อยากจะเอาชีวิตเจ้านะ แล้วยังอยากได้ชายาของเจ้าด้วย เจ้าจะปล่อยคนประเภทนี้ไปอย่างนั้นหรือ? เจ้าไม่ควรสั่งสอนชายาของเจ้าต่อหน้าทุกคนหรือ? ทำไมยังรับปากคำขอของนางอีก?”องค์ชายรองดวงหน้าฉงนสนเท่ห์ แล้วยังสงสัยด้วยว่าตัวเองหูฝาก อิสตรีออกสิทธิ์ออกเสียงในราชสำนักได้ที่ไหน? แล้วยังเป็นปรปักษ์กับสามีตัวเองอีก ผู้หญิงประเภทนี้เรียกได้ว่าขาดการอบรมฉินอวิ๋นฟานไม่สนใจการถามอย่างสงสัยของทุกคน ทั
นางจะคิดได้ยังไงว่าฉินอวิ๋นฟานให้ความสำคัญกับนางขนาดนี้ กระทั่งไม่สนใจศักดิ์ศรี การที่รัชทายาททำเช่นนั้น มันทำให้หัวใจนางหวั่นไหวเล็กน้อยทันที“ขอบคุณรัชทายาทที่ละเว้นชีวิต ขอบคุณพระชายารัชทายาทที่ขอร้องให้ ขอบคุณขอรับ!”เหลียงคังจวิ้นตื้นตันใจคุกเข่าโขกศีรษะกับพื้นอย่างบ้าคลั่ง พ้นเคราะห์มาได้ อย่าพูดเลยว่าดีใจแค่ไหน ทว่าคำพูดต่อมาของฉินอวิ๋นฟานกลับทำลายความหวังของเขาอีกครั้ง“ข้าแค่บอกว่าไม่ฆ่าเจ้า ไม่ได้บอกว่าจะปล่อยเจ้าไป เจ้าตื้นตันอะไร...”เห็นเพียงฉินอวิ๋นฟานยิ้มร้าย “ทหาร เอาตัวเหลียงคังจวิ้นไปตอนซะ”“อะไรนะ...”ครั้นได้ยินว่าจะถูกตอน เป้ากางเกงของเหลียงคังจวิ้นเย็นเฉียบทันที ไอเย็นยะเยือกแทรกเข้ากระดูกพุ่งขึ้นสมอง ล้มกองกับพื้นสีหน้าสิ้นหวังอีกหนท่ามกลางสายตาของทุกคน เหลียงคังจวิ้นเฉกเช่นสุนัขตัวหนึ่ง ถูกลากออกไปอย่างไร้อารมณ์ แม้จะเป็นองค์ชายใหญ่ก็ยังทำหน้าเย็นชาสามารถรักษาชีวิตของเหลียงคังจวิ้นได้ มู่หรงจิ่นใช้ความกรุณาและคุณธรรมที่สุดแล้ว ถ้านางยังขอร้องให้เหลียงคังจวิ้นอีก จะไร้มารยาทแล้วจริง ๆ ยังไม่ต้องพูดถึงว่าฉินอวิ๋นฟานจะรับปากหรือไม่ แต่ไท่ซั่งหวงผู้อยู่สูง
การแข่งขันอยู่ตรงหน้า องค์ชายรองไม่ยอมถอยแม้แต่น้อย ต่อหน้าพวกเขากำลังชิงสิทธิ์ในการตอบคำถามก่อน แต่ความจริงคือการชิงตำแหน่งในราชสำนักระหว่างพวกเขาสองคน ตอนนี้เขากับองค์ชายใหญ่ยังคงอยู่ในลู่วิ่งเดียวกัน ย่อมไม่ยอมให้องค์ชายใหญ่ข่มได้“ความสามารถหรือ? เจ้าก็เป็นแค่คนที่เคยแพ้ข้า มีสิทธิ์อะไรมาช่วงชิงกับข้า? หลีกไป!”องค์ชายใหญ่พูดเสียดสี“ท่าน... ท่านเองก็เคยแพ้น้องเจ็ดมิใช่หรือ มีสิทธิ์อะไรมาวางมาดต่อหน้าพวกเรา!”ถูกองค์ชายใหญ่ถากถางต่อหน้าสาธารณชน องค์ชายรองบันดาลโทสะ แม้รอบก่อนหน้านี้เขาจะแพ้องค์ชายใหญ่ก็จริง แต่ต่างก็เป็นผู้แพ้เหมือนกัน ยังจะทำตัวเด่นดังอะไร“พอที!”“ที่นี่คือราชสำนัก มิใช่สถานที่ที่ให้พวกเจ้าด่าสาดกัน!”ทั้งสองต่างไม่ลดราวาศอก ถกเถียงไม่จบไม่สิ้น ไท่ซั่งหวงสีหน้าอึมครึม ที่นี่คือราชสำนัก ขุนนางบุ๋นบู๊กำลังดูอยู่ อีกอย่างฮ่องเต้หญิงแคว้นเหมียวทางชายแดนตะวันตกก็อยู่ด้วย มีอย่างที่ไหน?“เสด็จปู่!”ครั้นถูกเสด็จปู่ตำหนิ ทั้งสองใบหน้าเปลี่ยนสี รีบค้อมตัวปิดปาก ไม่ต่อล้อต่อเถียงต่อทันทีเหมียวชิงอีมิได้ใส่ใจกับสถานการณ์เช่นนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบ แววตานางอยู่ที่ตัวฉ
“หมื่นลี้เพื่อสิ่งใด ตรวจตรากำแพงเมืองยาว”“ข้าใช่เปี่ยมด้วยสามารถ ล้วนด้วยบรรพบุรุษสร้างสม”“กลศึกรัดกุมแสนหมื่น ล้วนเพื่อปวงประชา”เสียงซึ่งมีน้ำหนักของฉินอวิ๋นฟานเต็มไปด้วยพลัง ครั้นเอ่ยปากก็พาทุกคนเข้าสู่สมรภูมิหมื่นขุนศึกอันยิ่งใหญ่ พาลให้ทุกคนเกิดอารมณ์ตื่นเต้นทั่วตัวครั้นสะบัดพู่กันก็คือลายเส้นอันชดช้อย การจรดพู่กันที่ราวกับเมฆาคล้อยสายน้ำไหลมีพลัง ร่ายรำอยู่บนกระดาษเซวียนจื่ออย่างต่อเนื่อง ประดุจม้วนภาพงามวิจิตร ฝากเลือดร้อนของกษัตริย์และแม่ทัพที่ปกป้องบ้านเมืองแคว้นเว่ยเมื่อกลอนแต่ละวรรคออกมาจากปากของฉินอวิ๋นฟาน ทุกคนเคร่งขรึมให้ความเคารพ ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง แต่ฉินอวิ๋นฟานมิได้จบเพียงเท่านี้!“มิกล้าไม่คิดไม่กังวล นอนสุขสมอยู่ในวัง”“พบขุนศึกที่น้ำเหนือ ธงรบหมื่นคัน”“ขุนเขานทีราง ๆ ทอดตามองหญ้าไกล ๆ”“ตีฆ้องหยุดทัพ ลั่นกลองเคลื่อนพล”“พันทหารหมื่นขุนพล ม้าดื่มชลข้างกำแพงยาว”“สารทอัสดงเมฆครึ้ม จันทร์กระจ่างเหนือหอเมือง”“ม้าเร็วห้อตะบึง สงครามปะทุแจ้งเกิด”“ขุนนางพิทักษ์เมืองรายงาน พบข่านลำพัง”“ภูผาฟ้าครามควันสลาย แสงสาดตะวันฉายเหนือนภา”“สันติสุขได้
“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”ในแววตาขององค์ชายใหญ่เต็มไปด้วยความทึ่ง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผลงานล้ำเลิศเช่นนี้จะออกมาจากมือของฉินอวิ๋นฟาน? เขาร่ำเรียนวรยุทธ์แต่เล็ก มีฝึกประสบการณ์ในค่ายทหารสามสิบกว่าปี มีกลอนชายแดนอะไรบ้างที่ไม่เคยเห็น?อีกทั้งเขาเป็นคนที่เข้าใจเรื่องสงครามชายแดนมากที่สุดในบรรดาองค์ชาย ภาพห้ำหั่นเช่นนั้นเขารู้ซึ้งดี แต่อย่างไรเขาก็คิดไม่ถึง เขาเตรียมตัวดีอย่างนั้นแล้ว เมื่อต่อหน้าฉินอวิ๋นฟาน กลับสู้ลมผายสุนัขไม่ได้สีหน้าองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุยแย่มากกว่า เดิมการประลองด้านบุ๋นเป็นขอบข่ายที่เขาชำนาญมากที่สุด นึกว่าจะสะกดข่มทุกคนในด้านนี้ได้ เอาชนะแบบสบาย ๆ ไม่คิดว่ามาถึงก็ถูกเหลียงคังจวิ้นฉีกหน้าและคิดไม่ถึงว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องที่อนาถที่สุด ฉินอวิ๋นฟานแซงหน้ากะทันหัน กลับเอาชนะเหลียงคังจวิ้นอัจฉริยะอันดับหนึ่งได้ในเสี้ยววินาที ทั้งยังมีระดับพรสวรรค์พู่กันสูงยิ่งนิราศม้าดื่มน้ำข้างกำแพงยาวหนึ่งบท! ทำให้ทุกคนหุบปากสนิทใครจะกล้าสงสัยทักษะด้านวรรณกรรมของฉินอวิ๋นฟาน? ถ้าเขาสร้างผลงานสุดยอดแห่งยุคขึ้นมาอีกบทจะทำอย่างไร? นั่นมิใช่ฉีกหน้าหรือ? ดูท่าคนที่สามารถเอาชน
ดูจากการประลองด้านบุ๋น ฉินอวิ๋นฟานได้รับชัยชนะไปแล้ว แต่ฉินอวิ๋นฮุยกลับไม่ยินยอม ดนตรีคือรายการที่พิเศษอย่างยิ่งในการประลองด้านบุ๋น องค์ชายใหญ่ได้ใช้คนนอกช่วยไปแล้ว เช่นนั้นเขาจึงได้แต่ยอมแพ้ในเรื่องดนตรีดังนั้น สำหรับองค์ชายรอง นี่น่าจะเป็นการแข่งที่เขาต้องชนะเท่านั้น“เจ้าเชิญแม่นางเสี่ยวซวงกับแม่นางต้าซวงดังคาด เตรียมตัวดีจริงนะ”ทันทีที่ได้ยินชื่อแม่นางทั้งสอง สีหน้าองค์ชายใหญ่ก็บึ้งตึงทันที ก่อนหน้านี้เขาก็ไปหาแม่นางต้าซวงและแม่นางเสี่ยวซวงเหมือนกัน ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะปิดประตูไม่รับแขกตามการสันนิษฐานของเขา เป็นไปได้มากว่าจะถูกฉินอวิ๋นฮุยชิงตัดหน้า ไม่คิดว่าจะเป็นเช่นนั้นจริง“ย่อมเป็นเช่นนั้น เรื่องสนุกยังอยู่ข้างหลัง พี่ใหญ่ต้องเตรียมใจไว้ให้ดีนะ”องค์ชายรองยิ้มร้าย“หึ เล่นลูกไม้!”องค์ชายใหญ่ไม่ได้ตระหนักความหมายเชิงลึกขององค์ชายรองในประโยคนี้ และเพราะว่าเขาไม่ให้ค่า จึงทำให้เขาเสียเปรียบในการประลองด้านบุ๋นเป็นอย่างมาก“เฮ้ย แฝดหรือนี่?”ทันทีที่แม่นางทั้งสองก้าวเข้ามาในตำหนักใหญ่ ฉินอวิ๋นฟานตาโตจนเกือบร้องอุทานออกมาการปรากฏตัวของทั้งสองกลายเป็นจุดวิวที่โดดเด่น สาย
“ไร้ยางอาย!”องค์ชายใหญ่ด่าทอคำหนึ่งด้วยหน้าตาบึ้งตึงแม้รอบนี้องค์ชายทุกคนสามารถเข้าร่วมการแข่งขันชิงบัลลังก์ได้ แต่ตามกติกาการแข่งขัน นี่คือการแข่งตัดสินระหว่างเขากับองค์ชายรองฉินอวิ๋นฮุย คนอื่นเข้าร่วมก็เป็นได้แต่ไม้ประดับเดิมการประลองด้านบุ๋นเป็นรายการถนัดของฉินอวิ๋นฮุย เป้าหมายแรกขององค์ชายใหญ่คือชนะรอบเดียวก็พอแล้ว ถ้ามีคู่ต่อสู้ที่มีฝีมือสูสีกันในการแข่งพู่กัน โดยรวมแล้วก็คือสำเร็จภารกิจในการประลองด้านบุ๋นด้านการประลองด้านบู๊ เขามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมว่าจะกดองค์ชายรองได้ทุกด้าน เช่นนี้เขาจะกุมบัลลังก์ได้อย่างมั่นคงแล้วจู่ ๆ ฉินอวิ๋นฟานก็แซงโค้งมา เอาชนะสองรอบติดต่อกัน เหนือความคาดหมายของพวกเขาสองคนโดยสมบูรณ์ แต่สำหรับองค์ชายใหญ่ นี่คือเรื่องดีอย่างไม่ต้องสงสัย ประลองด้านบุ๋นจบแต่เพียงเท่านี้ เท่ากับว่าฉินอวิ๋นฮุยแพ้ในการประลองด้านบุ๋นราบคาบ!คิดไม่ถึงว่าผลการประลองด้านบุ๋นจะชี้ชัดแล้ว แต่ฉินอวิ๋นฮุยก็ไม่คิดยอมแพ้ กลับเชิญแม่นางเสี่ยวซวงต้าซวงสองพี่น้องมาด้านดนตรี ทักษะของพวกนางสองพี่น้องเรียกได้ว่ารู้กันทั่ว นี่มิใช่ชัยชนะที่ตัดสินอยู่แล้วหรือ?องค์ชายรองพูดถากถาง “เ
ในที่สุดเหมิงฉาก็รับไม่ไหว ร้องตะโกนคำที่แทบจะเป็นความอัปยศนั้นการแข่งขันทางบู๊นี้ก็ปิดฉากลงท่ามกลางความตกตะลึงพรึงเพริดของทุกคน...เรื่องหักเหจากการคาดหมายของทุกคนเหลียงจ้านอิงและเหลียงเทียนจื้อต่างคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้จะล้วงปืนสั้นออกมาพลิกสถานการณ์ในการแข่งขันด้านบู๊นี้กระทั่งว่าเหลียงเทียนจื้อไม่มีโอกาสจะได้ออกโรงเลย...เช่นละครอย่างไรอย่างนั้น เนื่องจากเหมิงฉากลัวสุดขีดจึงยกมือยอมแพ้ดังนั้นเหลียงเทียนอี้จึงคว้าชัยชนะการแข่งขันรอบนี้ได้อย่างง่ายดายโดยไม่เปลืองแรงภาพมหัศจรรย์เกิดให้แบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงลุ้นระทึกและไม่มีเลือดร้อนพลุ่งพล่านที่ใครคาดหวัง!ถึงขั้นว่าลวงตามากแต่ผลลัพธ์เป็นของจริงแท้แน่นอน เหลียงเทียนอี้ชนะแล้ว......“ดูท่าครั้งนี้ฟานเอ๋อร์จะช่วยข้าได้มากอีกแล้ว”เหลียงเทียนอี้กลับมาถึงด้านในก็คืนปืนสั้นให้ฉินอวิ๋นฟานและพรูลมหนัก ๆ“เหอะ ๆ เสด็จน้าชมเกินไปแล้ว ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ของท่านทั้งหมด ไม่เกี่ยวกับข้าสักหน่อย”ฉินอวิ๋นฟานยักไหล่ มิได้กล่าวอะไรอีกถ้าจะบอกว่าเขาทำอะไรเพื่อเหลียงเทียนอี้ นั่นก็แค่บอกเขาว่าความจริงการแข่งขันนี้สามาร
การกระทำของเหลียงเทียนอี้ทำให้ทุกคนในนั้นตกตะลึงแม้แต่เหลียงจ้านอิงที่อยู่บนปะรำก็ยังหยุดการดื่มน้ำชาไม่ได้ มองไปด้วยสีหน้าประหลาดใจ“เขาคิดจะทำอะไรกันแน่?”เหลียงเทียนจื้อมองเหลียงเทียนอี้ที่ปราศจากเครื่องป้องกันใด ๆ ด้านข้าง ใบหน้าแปลกใจนี่คือการแข่งขันบู๊นะ คือสถานที่ตีรันฟันแทง ถ้าไม่ระวังอาจต้องคมศาสตราได้จริง ๆ ศีรษะย้ายที่อยู่ หากไม่ใช่เพราะมั่นใจกับฝีมือของตัวเองมาก กอปรกับวางแผนร่วมกับทางซยงหนูดีแล้วเขาคงต้องสวมชุดเกราะหนักมารับมือกับการแข่งขันด้านบู๊วันนี้เหมือนกันทว่าการกระทำเช่นนี้ของเหลียงเทียนอี้ต่างจากการรนหาที่ตายอย่างไร?ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแปลก เหลียงเทียนจื้อหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย...ทั้งที่เขาควรดีใจกับเวลานี้ ถ้าเหลียงเทียนอี้เกิดอุบัติเหตุในการแข่งขันรอบนี้ เช่นนั้นบัลลังก์ต้องเป็นของเขาแน่แล้วแต่ใจกับกระวนกระวาย อย่างไรก็ไม่เป็นสุข“หรือว่าเขาแอบวางแผนอะไร?”ทันใดนั้นเหมิงฉาเริ่มบุกโจมตีก่อนแล้วร่างสูงใหญ่นั้นหวดขวานใหญ่หนักร้อยชั่งพลางเข้าใกล้เหลียงเทียนอี้อย่างต่อเนื่องภายใต้แสงสุริยา คมมีดนั้นน่ากลัวเช่นนี้ ราวกับแค่ถากเถือเบา ๆ ก็เฉือนศีรษ
“ข้าเอง!”ทันใดนั้นเหลียงเทียนอี้ก็ก้าวออกมาช้า ๆโง่อย่างที่คิด...เหลียงเทียนจื้อยืนยิ้มเยาะอยู่ในใจข้างหลังเขารู้นิสัยของพี่ชายดี และรู้ว่าเหลียงเทียนอี้เป็นคนดื้อรั้นมากเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ก็มักจะดาหน้าออกไปทันทีแม้เผชิญหน้ากับพันขุนศึกหมื่นอาชาก็ยังปราศจากความกลัวเกรง พลีตนจนตัวตาย...แต่พฤติกรรมวู่วามเช่นนี้ กลัวแต่ต้องจบอย่างอนาถในท้ายที่สุด“ฮ่า ๆ ๆ รัชทายาทกล้าหาญดังคาด!” เหมิงฉาหัวเราะเสียงดัง “ปกติยังนึกว่าท่านเป็นแต่สะบัดพู่กันขีดเขียน วันนี้ข้าอยากลองดูสิว่าฝีมือดาบกระบี่ของท่านจะล้ำลึกหรือไม่?”เพิ่งกล่าวจบ เหมิงฉาก็กวัดแกว่งขวานใหญ่พลางเดินประชิดไปทางเหลียงเทียนอี้ทีละก้าวรูปร่างใหญ่นั้น ร่างกายแข็งแรงนั้น แค่ยืนอยู่ก็สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็นแล้วทำให้หลาย ๆ คนเห็นแล้วอดเกิดใจกลัวอย่างหนึ่งขึ้นมาไม่ได้“อุ๊ย ท่านพี่จะเอาชนะสัตว์ประหลาดตัวนี้ยังไง?”เหลียงจื่อฝูที่อยู่บนปะรำหน้าทุกข์ร้อน สองมือบีบผ้าเช็ดหน้าแน่น สีหน้าซีดไปเล็กน้อยนางจ้องเหลียงเทียนอี้กลางลานฝึกซ้อม“ท่านพี่ไม่มีความสามารถด้านนี้เท่าไร ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมิงฉา!”ผู้เป็นน้องสาว
เหลียงเทียนอี้ขมวดคิ้วแน่น ใบหน้าราบเรียบ มองอารมณ์ไม่ออกแต่ในใจเขารู้ดี การต่อสู้ครั้งนี้ได้เปิดฉากอย่างเป็นทางการตั้งแต่เหมิงฉาเริ่มพูดแล้วนี่คือการหยามหน้า คือการหยามเหยียดอย่างชัดเจนไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย“เป็นยังไง? องค์ชายสาม?”เหมิงฉาเมินเหลียงเทียนอี้ที่อยู่อีกทางหนึ่ง แล้วใช้สายตาท้าทายมองไปทางเหลียงเทียนจื้อ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็น “ได้ยินว่าฝีมือการใช้ดาบกระบี่ขององค์ชายสามค่อนข้างร้ายกาจ วันนี้ข้าขอท้าทายสักหน่อยเถิด”“มิเป็นไร” เหลียงเทียนจื้อฉีกยิ้ม ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความกระหยิ่มใจจากนั้นก็ชักกระบี่ล้ำค่าคู่กายออกมาจากตรงเอวช้า ๆการต่อสู้ครั้งนี้ คือของเขาเท่านั้น!และเป็นเขาได้เท่านั้น!เขาต้องการให้ทุกคนรู้ว่าเขาเหลียงเทียนจื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะในท้ายที่สุดคนนั้น คือคนที่สามารถเอาชนะซยงหนูได้อย่างแท้จริง!......“ดูท่าทุกอย่างจะดำเนินไปตามแผนนะ”เหลียงจ้านอิงดื่มน้ำชาสบายใจเฉิบอยู่บนปะรำมองผลสะท้อนกลับอย่างอบอุ่นของเหล่าผู้ชม จิตใจยิ่งฮึกเหิมตื่นเต้นไม่พูดไม่ได้เลย ถ้อยคำนั้นของเหมิงฉาทำให้เกิดผลดีเยี่ยม สามารถชักจูงอารมณ์ของทุกคนได้ในพริบตาเขาเช
ตกลงไว้แต่แรกว่าเป็นการแข่งขันรูปแบบปิด และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร นอกจากราชวงศ์จะมิมีผู้ใดล่วงรู้ทว่าตอนนี้กลับแข่งขันในลานกว้างต่อหน้าธารกำนัล?หากท่านพี่แพ้มิต้องเป็นที่หัวเราะไปทั่วหรือ?“นี่ก็คือผลลัพธ์ที่ทางเหลียงชินอ๋องต้องการกระมัง?”ฉินอวิ๋นฟานนั่งลงด้านข้าง ยิ้มพูดอย่างเฉยชา “ในฐานะที่เป็นละครฉายซ้ำของวันนี้ พวกเขาแค่ต้องการให้ทุกคนได้เห็นความประดักประเดิดของเสด็จน้าเท่านั้น”แต่แพ้จากการต่อสู้เช่นนั้นผลลัพธ์ต้องเทข้างแน่โอรสสวรรค์ของต้าเหลียงที่กล่าวขานกลับแพ้ให้กับคนป่าเถื่อน ทั้งความสามารถยังมิสู้องค์ชายสามเหลียงเทียนจื้อขอเพียงมีการพูดประเภทนี้ต่อไป ไม่นานอัตราการสนับสนุนเหลียงเทียนจื้อก็จะพุ่งสูงลูกไม้พรรค์นี้ช่างโหดเหี้ยมนัก“น่ารังเกียจจริง ๆ...” คิ้วงามเหลียงจื่อฝูย่นยู่เล็กน้อย อดกระตุกมุมปากไม่ได้ “ไม่เคยคิดเลยว่าพวกเขาจะใช้วิธีการต่ำช้าเช่นนี้”“เมื่อวานท่านพี่ชนะการแข่งขันด้านบุ๋นกับซยงหนูในท้องพระโรง พวกเขาไม่เห็นจะพูดกันเลย เลวทรามจริง ๆ!”ฉินอวิ๋นฟานหัวเราะอย่างไม่ออกความเห็นเขากลับไม่ใส่ใจว่าเมื่อวานจะชนะหรือแพ้ วันนี้ต่างหากที่เป็นส่วนสำค
สำหรับเหลียงเทียนอี้ การแข่งขันในวันนี้ค่อนข้างน่าตกใจแต่ยังดีที่สุดท้ายเขาสามารถคลี่คลายได้อย่างน่าอัศจรรย์ ทำให้พวกซยงหนูหน้าบึ้งตึง โจมตีจนพวกเขารับมือไม่ทันดูท่าปกติว่างเว้นจากการงานอ่านหนังสือให้มากจะมีประโยชน์...หลังประชุมเช้า เหลียงเทียนอี้ก็อดรนทนไม่ไหวบอกข่าวดีกับฉินอวิ๋นฟาน อยากแบ่งปันความสุขและความเปรมปรีดิ์ของตนแต่พอได้ยินฉินอวิ๋นฟานตอบกลับ เขาจึงตระหนักว่าเรื่องราวไม่ได้เรียบง่ายธรรมดาอย่างที่เขาคิดอย่างนั้น“การแข่งขันทางบู๊ในวันพรุ่งนี้จึงจะเป็นส่วนสำคัญอย่างแท้จริง”คำพูดราบเรียบประโยคหนึ่งของฉินอวิ๋นฟานทำให้ความยินดีปรีดาของเหลียงเทียนอี้ในแต่เดิมสูญสิ้น สีหน้าอึมครึมมากขึ้นเรื่อย ๆ“ข้าย่อมรู้ดี...แต่ปกติ คนที่จะชนะในการแข่งขันทางบู๊คงจะเป็นน้องสาม”เกี่ยวกับจุดนี้แทบไม่มีอะไรให้ลุ้นเพราะเหลียงเทียนจื้อร่ำเรียนกับเหลียงจ้านอิงแต่เล็ก อีกทั้งยังเคยเข้าสนามรบฟาดฟันกับศัตรู ด้านประสบการณ์การรบ จึงมีความคล่องมากกว่าเป็นธรรมดาเช่นนี้ หากคิดจะชิงคะแนนหนึ่งมาจากมือของเหลียงเทียนจื้อ คาดว่าต้องยากเป็นพิเศษเมื่อเห็นเหลียงเทียนอี้มีท่าทางปราศจากใจฮึดสู้ ฉินอวิ
“พันทุบหมื่นเจาะจึงได้แผ่นดิน ไฟโหมเผาไหม้เป็นอาจิณ ร่างแหลกกายเหลวมิหวั่น คงไว้ซึ่งความบริสุทธิ์ในโลกา”ฝุ่นหินหนึ่งบททำให้หลิ่วเหวินเซี่ยมั่นใจมากขึ้นไม่น้อยครั้งนี้เขาไม่ออมมืออีก ทั้งยังท่องออกมาจนจบ ไม่เปิดโอกาสใด ๆ ให้กับเหลียงเทียนอี้เช่นเดียวกัน เขาทำนอกเหนือแผนเดิม ไม่คิดสนใจความรู้สึกของเหลียงเทียนจื้ออีก“นี่ นี่มันกลอนอะไร?”เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ด้านหลังเหงื่อตก ในหัวถึงขั้นว่าไม่มีความทรงจำอะไรเกี่ยวกับกลอนบทนี้แน่นอน ด้วยความทึ่มทื่อของเขาจะต่อกลอนได้อย่างไร ได้แต่เกาหลังศีรษะยิก ๆทว่าเหลียงเทียนอี้ยังใจเย็นเหมือนเดิม เพียงครู่เดียวก็ตอบ“หวงคะนึงความทุกข์เข็ญในการสอบ บัดนี้ไฟสงครามสงบผ่านพ้นสี่ปี”“บ้างเมืองไหวเอนดังกิ่งหลิว ใครเล่ามิใช่ผิวน้ำฝนซัดสาด”“หวงข่งทานปราชัยพรั่นพรึงถึงวันนี้ หลิงติงหยางอ้างว้างถอนหายใจ”“นับแต่โบราณใครบ้างมิดับสูญ เหลือใจรักชาติในพงศาวดาร”ครั้นกล่าวออกมาก็ได้รีบเสียงปรบมือดังสนั่นขุนนางบุ๋นบู๊ที่ชมละครฉากเด็ดในแต่เดิม ยามนี้ยอมสยบกับความสามารถทางวรรณกรรมของเหลียงเทียนอี้แล้วไม่ว่าจะเป็นกลอนในสมัยใด เหลียงเทียนอี้ก็เหมือน
ชั่วขณะ ท้องพระโรงเงียบกริบ สายตาของทุกคนรวมศูนย์อยู่กับตัวของเหลียงเทียนอี้แทบทั้งหมดในดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความยินดีหลังจากหลิ่วเหวินเซี่ยร่ายกลอนท่อนแรกออกมา เหลียงเทียนอี้กลับสามารถตอบสนองทันควันพร้อมต่อท่อนหลังความเร็วเช่นนี้เรียกว่าเร็วยิ่ง!“อวิ๋นเฉ่าสาทรฤดูมีเขียวแห่งวสันต์ของกวีราชวงศ์ซ่ง คือยอดบทกวีโดยแท้!”เหลียงเทียนอี้พยักหน้าอย่างสง่างาม ใบหน้าประดับรอยยิ้มมั่นใจงานนี้ทำให้เหลียงเทียนจื้อที่อยู่ข้างล่างหน้าตึงฉับพลันเหลียงจ้านอิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยิ่งหนักกว่า สายตาที่มองมาราวกับมีไฟพุ่งออกมาได้“บ้าเอ๊ย...ถูกชิงตัดหน้าไปก่อน!”เหลียงเทียนจื้อกัดฟันกรอด ในใจกรุ่นโกรธไม่หยุดทั้งที่เขาทำการบ้านมาล่วงหน้า ไม่ว่าหลิ่วเหวินเซี่ยจะท่องกลอนบทใดเขาก็เตรียมเอาไว้หมดแล้วแต่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับเร็วสู้เหลียงเทียนอี้ไม่ได้!และไม่รู้ว่าตัวเองโง่เขลาหรือเหลียงเทียนอี้เก่งจริงกันแน่!“รัชทายาททรงภูมิแท้ ข้าน้อยเลื่อมใส!”หลิ่วเหวินเซี่ยพยักหน้าด้วยสีหน้าคงเดิมทว่าในใจกลับไม่พอใจเล็กน้อยแล้วคิดไม่ถึงว่าเหลียงเทียนอี้ผู้นี้จะมีฝีมือ เขาจงใจเลือกบทกวี
การกระทำเช่นนี้คือการแสดงความยโสหยิ่งผยองของซยงหนูอย่างมิต้องสงสัย“เหมิงฉา คารวะรัชทายาท”“หลิ่วเหวินเซี่ย คารวะรัชทายาท”คนอื่น ๆ ก็ทักทายตามด้วยเหมือนกัน เมื่อนั้นเหลียงเทียนอี้จึงรู้ฐานะของพวกเขาดูแล้วหนึ่งคนในนั้นก็คือบุตรชายของเหมิงเก๋อเอ่อร์ หรือก็คือคนที่มาท้าทายเขาในครั้งนี้อย่างที่เหลียงจ้านอิงบอก การมาครั้งนี้ของเหมิงเก๋อเอ่อร์ก็เพื่อหยั่งเชิงเขาโดยอ้างเหตุผลเยี่ยมเยือนฮ่องเต้ต้าเหลียง ดังนั้นเรื่องที่เริ่มสนทนาในท้องพระโรงจึงเกี่ยวกับสุขภาพของฮ่องเต้ต้าเหลียงแทบจะทั้งหมดทว่าทุกคนในที่นั้นต่างรู้ดี จุดประสงค์ของผู้นิยมสุรามิได้อยู่ที่สุรานี่อย่างไร ครั้นเปลี่ยนเรื่อง เหมิงเก๋อเอ่อร์ก็กล่าวถึงการแข่งขันเลย“ได้ยินว่ารัชทายาทและองค์ชายสามเก่งทั้งบุ๋นแล้วบู๊มานาน คืออัจฉริยะของต้าเหลียง การมาเยือนต้าเหลียงครั้งนี้ นอกจากจะเยี่ยมฮ่องเต้ต้าเหลียงสหายเก่าท่านนี้ ก็อยากให้บุตรชายได้ประมือกับรัชทายาทและองค์ชายสักหน่อย”เหมิงเก๋อเอ่อร์สีหน้าขึงขัง ในที่สุดก็เข้าประเด็นชั่วขณะ ทุกคนในท้องพระโรงหัวใจจะหลุดออกมาอยู่แล้ว ต่างสังเกตสีหน้าเหลียงเทียนอี้อย่างแนบเนียนทว่าเ