“บ่าวจะไม่ทำให้นายหญิงผิดหวังเจ้าค่ะ”สองนายบ่าวยกยิ้มร้าย ก่อนจะมองสำรวจบริเวณเรือนด้วยความรู้สึกเจ็บปวด เจ้าของเรือนที่สิ้นบุญไปแล้ว เคยอยู่แบบใดกันนะ ไยทั้งเรือนจึงรกร้างไร้คนเหลียวแลเช่นนี้“คุณหนูรองคงลำบากมิน้อยเลยนะเจ้าคะ”“ข้าผิดเอง ที่ไม่เคยเข้ามาดูนางเลยสักครั้ง ข้าไม่คิดว่าเฉินห้าวหนานจะใจดำถึงเพียงนี้”ฮั่วเหลียนชินพูดด้วยน้ำเสียงเจ็บแค้น นางต้องทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้ตัวหลานชายกลับไปด้วย สตรีใดจะรักห้าวหยางของนางได้มากเท่านางหามีไม่แล้วในโลกนี้หญิงสาวกดจมูกลงยังแก้มเป็นพวงของหลานชาย นางจะมอบทุกอย่างที่ล้ำค่าแก่เขา มิว่าทรัพย์สินหรืออำนาจ เฉินห้าวหยางจะต้องเหนือกว่าผู้ที่เคยหมิ่นเกียรติมารดาของเขาเวลาผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูป ถิงถิงกลับมาพร้อมเถ้าแก่ฉง ชายหนุ่มรีบก้าวยาว ๆ เข้าไปหาผู้เป็นนาย พร้อมประสานมือทำความเคารพอย่างนอบน้อม“ทำเสมือนข้าคือลูกค้ามิใช่นาย เร่งลงมือเถอะ อย่างน้อยคืนนี้ห้าวหยางต้องได้นอนบนเตียงที่อบอุ่นและสะอาด”“ฮูหยินโปรดวางใจ ข้าน้อยจะจัดเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนมื้อค่ำแน่นอนขอรับ”“ดี!”เถ้าแก่ฉงสั่งการคนของตนอย่างเคร่งครัด ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยาม
“เจ้าคิดว่าเป็นผู้ใดกัน จึงกล้าทำเช่นนี้ในจวนของข้า” “ทำสิ่งใด” “เจ้าให้คนนอก เข้ามาทำอะไรในจวนของข้า” “ท่านแม่ทัพคงลืมไปแล้วกระมัง ว่าข้าคือใคร…และตัวข้ากับลูกมีสิทธิ์ครึ่งหนึ่งในจวนแห่งนี้ และนี่คือเรือนของข้ากับห้าวหยาง ข้าจะทำอะไรก็ย่อมได้ เป็นข้าเสียอีกที่ต้องถามท่าน ว่านี่หรือเรือนของภรรยาเอก ข้าแค่ไปคลอดลูกที่บ้านเกิดมารดา แต่เรือนของข้าไม่ต่างอะไรกับวัดร้าง หรือท่านคิดว่าข้ากับลูกตายไปแล้ว หึ ๆ คงหลงดีใจมากเลยสินะ แต่น่าเสียดาย…ที่ข้าเป็นพวกหนังหนาหน้าทน อย่างที่ท่านแม่ทัพชอบกล่าวหาเลยยังยืนอยู่ตรงนี้ ให้เป็นที่ขัดเคืองใจท่านสามีข้า” “ข้าถามแค่สั้น ๆ ไยเจ้าต้องตอบเสียยาวเหยียด” “ข้าต่อว่า! มิได้ตอบ!” “เช่นนั้นรึ!” ฮั่วเหลียนชินขยับถอยหลังในทันที เมื่ออยู่ ๆ คนตรงหน้าได้ก้าวเข้าประชิดนางเสียอย่างนั้น “แค่ข้ายินยอมร่วมเตียงกับเจ้าจนมีห้าวหยาง ก็นับว่าข้าเมตตาเจ้าไม่น้อยเลยนะ” “ฮ่า ๆ ช่างน่าภูมิใจยิ่งนัก ในเมื่อรังเกียรติข้าขนาดนั้น หย่าสิ! ข้าพร้อมที่จะไปเสมอ และไม่คิดที่จ
เรือนใหญ่ ภายในห้องหนังสือ ร่างสูงยืนมองออกไปยังนอกหน้าต่าง ความรู้สึกมากมายอัดอั้นอยู่ภายในใจ แม่ทัพหนุ่มหลับตาลงด้วยความเหนื่อยล้าสองปีก่อนหน้า แม่ทัพหนุ่มเฝ้ารอการมาของเจ้าสาว ฮั่วเยว่อิงคนรักที่เขาไม่เคยสนว่านางจะเกิดจากภรรยารอง แม้เขาและนางจะไม่ค่อยได้พบกันบ่อนเท่าใดนัก ด้วยตัวเขาต้องอยู่ชายแดนมากกว่าในเมืองหลวง ในวันนี้เขาขอย้ายกลับมาอยู่เมืองหลวง พร้อมสู่ขอนางมาเป็นภรรยาอย่างสมเกียรติ แม่ทัพหนุ่มตื่นเต้นยินดี เมื่อเห็นขบวนเกี้ยวเจ้าสาวใกล้เข้ามา ชายหนุ่มยิ้มกว้างด้วยความเปรมปรี เมื่อเกี้ยวเจ้าสาวหยุดลง แม่ทัพหนุ่มได้ทำตามขั้นตอนประเพณีจนเสร็จสิ้น แนจะอุ้มเจ้าสาวก้าวข้ามธรณีประตู ทุกอย่างราบลื่นไร้ที่ติใด ๆ จนถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ เขาอยากที่จะเข้าไปพบหน้าเจ้าสาวแล้ว แต่เพราะถูกแขกในงานและสหายรั้งเอาไว้ “ท่านแม่ทัพ สุรานี่ข้าถือเป็นของขวัญให้แก่ท่านกับลูกอิง” ฮั่วฮูหยินยื่นสุราให้แก่แม่ทัพหนุ่ม จอกหนึ่งสองยังมิพอ ถึงห้าจอกสำหรับบุตรเขยเช่นเขา ชายหนุ่มรู้ดีว่าในสุรานั้นมีสิ่งใดแปลกปลอมอยู่ แต่สำหรับคืนนี้เขาย
เวลาผ่านไปกว่าสองเดือน เฉินห้าวหนานถึงกับใบหน้าซีดเผือด เมื่ออ่านเนื้อความในจดหมาย แม่ทัพหนุ่มไม่รอช้า เขารีบออกจากจวนไปในทันทีโดยไม่บอกสิ่งใดกับใครเลย ชายหนุ่มฮ้อม้าตรงไปยังชายแดนตะวันออก เพื่อดูให้เห็นกับตาว่าตอนนี้ลูกชายของเขาปลอดภัยดี สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือจะเสียลูกไปอีกคน เขาไม่เคยรักนางแม้แต่น้อย ทว่าก็ไมเคยคิดที่จะเห็นนางตาย ยิ่งการตายของนางเกิดขึ้นเพราะเขา มันเป็นการตอกย้ำว่าเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นสามีของผู้ใดเลย แม่ทัพหนุ่มเดินทางหลายวัน ด้วยเขาไม่คิดจะหยุดพักค้างแรม นอกจากพักม้าและดื่มกิน เขาแทบไม่ได้นอนเลยทีเดียว ร่างสูงยืนอยู่ห่างจากสุสานของภรรยาไปไม่มาก โดยมีคนสนิทยืนเคียงข้าง สิ่งที่เขาเห็นในตอนนี้ คือหญิงสาวอีกคนที่หน้าตาเหมือนกับภรรยา จะแตกต่างกันที่สีผิวและการแต่งกาย สตรีที่กำลังอุ้มบุตรชายของเขาเอาไว้ ดูองอาจห้าวหาญ แววตาดุดันไร้ความอ่อนโยน เช่นภรรยาที่ตายไปแล้ว เบื้องหลังของหญิงสาวผู้นั้น มีบุรุษและสตรียืนอยู่ด้วยความยำเกรง นางไม่ธรรมดาจริง ๆ บุตรสาวที่ถูกทอดทิ้งกลับมีอำนาจอยู่ในมือไม่น้อย หากบุตรชายของเขาอยู่กับนาง
สองวันถัดมา ณ จวนเสนาบดีฮั่วเทียน ฮั่วเหลียนชินก้าวเข้าไปภายในจวน ก่อนจะมองทุกอย่างโดยรอบ การตกแต่งนับว่ามีรสนิยมที่ดี แต่เมื่อเทียบกับสำนักคุ้มภัยของนางแล้ว ช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับ นางมิใช่แค่คนคุ้มกัน แต่ยังทำการค้าทุกรูปแบบ สิ่งใดล้ำค่าย่อมต้องผ่านมือนางมาแล้วทั้งนั้น นางมาวันนี้เพื่อดูปฏิกิริยาของทุกคน ในยามที่เห็นว่าฮั่วเหลียนฮวายังคงมีลมหายใจอยู่ แน่นอนว่านางจับสังเกตคนในจวนแม่ทัพมาจนถี่ถ้วนแล้ว ครานี้ถึงตาคนในครอบครัวบ้างแล้ว “คุณหนูรอง จะมาที่จวนไยมิบอกกล่าวก่อนเล่าเจ้าคะ”สาวใช้สกุลฮั่วพูดกับคุณหนูของบ้าน ด้วยน้ำเสียงไร้ความเคารพ นี่เป็นอีกเรื่อง ที่น้องสาวของนางไม่เคยเล่าให้ฟังมาก่อนเลย “มาบ้านบิดาตนเอง ต้องแจ้งก่อนเช่นนั้นรึ อืม! ข้าเพิ่งรู้ธรรมเนียมใหม่ ช่างเป็นความรู้ที่ข้าต้องจดจำสินะ ว่าไปไหนมาไหนต้องบอกบ่าวในทุกบ้านแทนที่จะบอกแก่ผู้เป็นนาย” “ย่อมมิใช่เช่นนั้นเจ้าค่ะ” “ช่างเถอะ ข้ามาเยี่ยมท่านพ่อ ไม่ได้อยากสนทนากับผู้อื่น” “ท่านเสนาบดีไม่ว่างเจ้าค่ะ” “ท่านพ่อทำสิ่งใดอยู่หรื
“ไม่ต้องลำบากหรอกเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งคลอดลูกได้ไม่กี่เดือน ทั้งยังพึ่งเดินทางมาถึงเมืองหลวง คิดถึงท่านพ่อเลยรีบมาเยี่ยมเยียน อ่อ…ข้ามีของฝากเล็กน้อยจากชายแดนมามอบให้ด้วยนะเจ้าคะ” “ไม่เห็นต้องลำบาก แค่เจ้าคิดถึงข้าก็ดีใจมากแล้ว” “ดีใจแน่หรือเจ้าคะ” “ไยเจ้าถึงได้ถามออกมาเช่นนี้ เจ้าคิดจะทำให้พ่อของตนเองเป็นที่น่าขบขันต่อผู้อื่นเช่นนั้น” “ผู้อื่นที่ใดกันเจ้าคะท่านพ่อ ที่นั่งอยู่ตรงนี้ นอกจากเขาแล้ว ทุกคนก็คือญาติพี่น้องทั้งสิ้น อีกอย่างเรื่องใดที่ข้าทำให้ท่านพ่อถูกมองว่าน่าขบขันกันเจ้าคะ” ฮั่วเหลียนชินชี้ไปที่ท่านชายเว่ยเหลียง ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งแขก ชายหนุ่มยกชาขึ้นจิบ ทว่าแท้จริงเป็นการปกปิดอาการขำขัน ในคำพูดของหญิงสาวมากกว่า ชายหนุ่มรู้สึกเสียดายอยู่บ้างที่หญิงสาวตรงหน้า ออกเรือนไปเสียแล้ว หากได้นางมาเคียงข้าง ชีวิตของเขาคงไม่ไร้สีสันอย่างแน่นอน “ตกลงว่าเจ้าจะมาเยี่ยมบิดาเช่นข้า หรือมาเพื่อสร้างความอับอายให้แก่สกุลฮั่วของข้ากันแน่” “อันนี้ข้ามิอาจให้คำตอบได้เจ้าค่ะ เพราะมันขึ้นอยู่กับมุมมองของท่านพ่อว่าจะใ
“จะมากเกินไปแล้วฮั่วเหลียนฮวา อย่าได้คิดว่าได้แต่งเป็นเมียเอกในท่านแม่ทัพ แล้วจะวางอำนาจต่อข้าและน้องของเจ้าได้ตามอำเภอใจนะ” บรรยากาศงานเลี้ยงน้ำชา เหมือนจะแปรเปลี่ยนเป็นสงครามขนาดย่อม แน่นอนว่าฮั่วเหลียนชินไม่ถือว่าเป็นความผิดตน หากคนพวกนี้ไม่คิดล้ำเส้นนางจนเกินไป มีหรือคนอย่างนางจะไร้น้ำใจ ทำลายความสนุกของทุกคน “ข้าแค่พูดความจริง” “พอกันได้แล้ว พวกเจ้ายังเห็นหัวข้ากันอยู่ไหม ชีเหนียงเจ้าควรพาลูกของเจ้ากลับไปอบรมให้มากกว่านี้ ไยถึงได้ทำตัวเยี่ยงสตรีร้านตลาดไปได้ พี่สาวเดินทางมาไกลเพื่อเยี่ยมเยียน ท่านชายเว่ยเองก็สละเวลามาดื่มชา แต่ลูกสาวเจ้ากลับใช้คำพูดหมิ่นพี่สาวต่อหน้าทุกคน หากข้ามิเห็นแก่ฮั่วเทียน เจ้าสองแม่ลูกคงถูกข้าสั่งโบยไปนานแล้ว กลับไปสำนึกผิดที่เรือนจนกว่าข้าจะพอใจ” ฮูหยินผู้เฒ่าสั่งลงโทษสองแม่ลูกต่อหน้าทุกคน ทั้งยังแสดงชัดว่าเวลานี้ผู้เป็นย่ายืนอยู่ข้างใคร “ท่านย่าไยลำเอียงเช่นนี้ นังเหลียนฮวาแย่งคนรักของข้าไป ทั้งยังใช้เล่ห์กลทำให้ตนเองตั้งครรภ์ นางกีดกันข้ากับพี่ห้าวหนาน ท่านย่ายัง…” “เอาตัวนางออกไป!
“ไยมาที่นี่ไม่บอกข้าสักคำ” “แล้วท่านเล่าเจ้าคะ จะมาบ้านพ่อตาไม่เห็นคิดจะชวนข้าที่เป็นภรรยาสักคำ” “อย่าหยอกย้อน” “เช่นนั้นก็อย่าถามเจ้าค่ะ” “จะมากเกินไปแล้วนะฮั่วเหลียนฮวา เจ้ายังเห็นข้าอยู่ในสายตาอยู่หรือไม่” “ไม่!” อื้อ! ยังไม่ทันที่จะได้ก้าวออกห่างจากสามี ร่างบางถูกรวบพลิกให้หันหน้ากลับมาเผชิญกับอกแกร่งของสามี ก่อนจะถูกมือหยาบเชยคางมนให้เชิดขึ้น พร้อมกันนั้นเรียวปากอวบอิ่มถูกปิดลงอย่างรวดเร็ว ด้วยริมฝีปากหนาของชายหนุ่ม ฮั่วเหลียนชินแข็งทื่อไปทั้งร่าง เมื่อนางถูกจูบโดยมิทันตั้งตัว ทั้งยังต่อหน้าสาวใช้ของนางอีกด้วย “กรี๊ดดด! บัดสีที่สุด!” เสียงกรีดร้องของฮั่วเยว่อิง ไม่ได้ทำให้แม่ทัพหนุ่มคิดจะปล่อยร่างบางออกจากอ้อมแขน ชายหนุ่มยกยิ้มร้าย เมื่อถอนริมฝีปากออก แต่ยังคงคลอเคลียไม่ห่างจากใบหน้างามของหญิงสาว ฮั่วเหลียนชินทำเพียงซุกใบหน้าลงกับอกแกร่ง ในเมื่อเฉินห้าวหนานเป็นที่ยำเกรงของสกุลฮั่วอยู่มาก นางก็เพียงลอยตามน้ำไปก่อน อีกอย่างน้องสาวคนดี ดูเหมือนจะยังขุดหลุมฝังตนเองไ
สามเดือนต่อมา หลังจากการสืบสวนของศาล ผลสรุปของคดี ฉีชางพร้อมด้วยมารดาเลี้ยงของเขา ได้รับโทษประหาร ส่วนฮั่วเยว่อิงและมารดารวมถึงเฉินป๋อหยาถูกส่งไปใช้แรงงานในเหมือง ในฐานะนักโทษเป็นเวลาสิบปี ทางด้านเด็กน้อยเสี่ยวเป่า ฮั่วเสารับดูแลในฐานะลูก โดยทุกคนได้รับคำสั่งไม่ให้พูดเรื่องชาติกำเนิดแท้จริงกับเด็กน้อย เฉินห้าวหนานยืนมองเป้าหมาย ที่กำลังนั่งเหม่ออยู่ไม่ไกล เขาหอบลูกติดตามหญิงสาวมาจนถึงชายแดนตะวันออก ทว่าทางสำนักคุ้มภัยบอกแก่เขาว่านางอยู่ที่นี่ หลังจากทำการเจรจากับท่านตาและท่านยายของหญิงสาวเป็นที่เรียบร้อย เขาจึงได้มาหานางที่นี่ ชายหนุ่มวางบุตรชายเอาไว้บนพื้นหญ้า ก่อนจะทำให้เจ้าก้อนแป้งส่งเสียงร้องงอแง ฮั่วเหลียนชินหันหาที่มาของเสียงร้อง ที่นางคุ้นเคยในทันที ก่อนที่นางจะเดินตามเสียงนั้นเสมือนต้องมนต์ แม้ในใจจะคิดว่านางคงกำลงคิดถึงหลานชายจนหูแว่ว “ห้าวหยาง!” ร่างบางวิ่งเข้าอุ้มหลานชายขึ้นสู่อ้อมแขนในทันที หญิงสาวกดจมูกลงบนแก้มอวบอ้วนด้วยความคิดถึง “เจ้ามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไรกัน บิดาเจ้ารังแกเช่นนั้นรึ หลี
“ท่านแม่! ข้าเป็นลูกของท่านพ่อใช่หรือไม่ ข้ามิใช่ลูกเขาใช่ไหมขอรับ” เฉินป๋อหยาเอ่ยถามมารดา ด้วยน้ำเสียงแหบแห้งกว่าปกติหลายเท่านัก มารดาบอกแก่เขาว่าตนเป็นลูกของนางอย่างแท้จริง แต่เฉินห้าวหนานเป็นลูกชายของน้องสาว ที่แต่งมาเป็นอนุของบิดา ทว่าตอนนี้ไยทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเขา ที่มิใช่สายเลือดสกุลเฉินไปได้ “แม่ขอโทษป๋อหยา’ ไม่ต้องมีคำอธิบายใด ๆ อีกแล้ว ทุกอย่างกระจ่างชัดจนชายหนุ่มทนรับมันต่อไปไม่ได้ ร่างสูงก้าวช้า ๆ ตรงไปยังประตูห้องจัดเลี้ยง เขาไม่ใช่คนสกุลเฉิน แต่เป็นลุกพ่อบ้านจวนสกุลฮั่ว หนำซ้ำคนผู้นั้นยังเป็นคนอยู่เบื้องหลังการตายของใครอีกหลายคน มารดาของเขาคือฆาตกรสังหารน้องสาวตนเอง เพื่อช่วงชิงลูกของนางมาเป็นของตนเอง ทุกอย่างมันร้ายแรงเกินกว่าที่เขาจะทนรับมันได้ ทว่าเพียงก้าวพ้นประตู เฉินป๋อหยาก็ถูกทหารรวบตัวเอาไว้ เพราะมีส่วนร่วมในการลอบสังหารฮูหยินในท่านแม่ทัพเฉินห้าวหนาน เฉินป๋อหยาไม่มีท่าทีขัดขืนใด ๆ ชายหนุ่มเหม่อลอยจนน่าตกใจ ก่อนที่เขาจะหันกลับเข้าไปในห้องจัดเลี้ยง มารดาถูกคุมตัวนั่งเคียงข้างบิดาที่เขาเพิ่งรู้จัก อีกข้า
“หยุดนะห้าวหนาน วันนี้เป็นวันดีของน้องชาย เจ้าจะเอาเรื่องไร้สาระเช่นนี้ มาเล่าเพื่อสิ่งใดกัน” “อย่าได้ร้อนตัวสิขอรับท่านแม่ อย่างไรก็ฟังให้จบเสียก่อนจะดีกว่า” “นั่นสิ! เฉินฮูหยินให้หลานชายข้าเล่าต่อให้จบเถิด” ท่านเจ้ากรมการคลัง ได้พูดแทรกขึ้น เพราะเขาเองก็อยากจะฟังเรื่องนี้ให้จบ เพื่อความแน่ใจว่าสิ่งที่เขาเคยได้ยินมานั้น มันมิใช่สิ่งที่คิดไปเอง ซึ่งแขกในงานต่างแสดงความต้องการ เช่นเดียวกันกับท่านเจ้ากรม “เช่นนั้นต่อเลยนะขอรับ ในวันที่น้องสาวของนางคลอดบุตรชาย ตัวนางเองก็คลอดบุตรชายเช่นกัน อ่อ! ในตอนนั้น นางเลือกที่จะพาน้องสาวกลับไปคลอดยังบ้านเกิดมารดา อีกทั้งสามีที่เป็นแม่ทัพก็มิอาจปลีกตัวติดตามไปได้ ข่าวดีและร้ายได้เกิดขึ้นในวันเดียวกัน นั่นคือท่านแม่ทัพได้บุตรชายสองคน ทว่าเพียงสองชั่วยามภรรยาและลูกชายอีกคนได้สิ้นใจลงอย่างน่าอนาถ” “แล้วมันยังไง ก็แค่เมียเอกกับเมียน้อยคลอดลูกพร้อมกัน ส่วนเรื่องคลอดลูกแล้วตกเลือดจนตายก็นับเป็นเรื่องที่มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย เด็กไม่แข็งแรงจะสิ้นใจก็ไม่แปลก” “แปลกตรงที่แท้จริงเมียเอกมิได
ตลอดสามวันที่เขาปล่อยข่าวว่าออกนอกเมืองไป มันทำให้เขาได้รู้เห็นเรื่องในบ้าน จนเรียกว่าเจ็บจนแทบจะกระอักเลือดเลยก็ว่าได้ “สัญญากับข้า อย่าได้แหวกหญ้าให้งูตื่น เพียงเพราะโทสะของท่าน” “ข้าสัญญา เจ้าก็ต้องรับปากข้า ว่าจะไม่เอาตนเองมาเสี่ยงเช่นนี้อีก เข้าใจหรือไม่” “เราเป็นอะไรกันเช่นนั้นรึ จึงต้องทำตามคำขอของท่าน ซึ่งมันมิใช่ส่วนรวมเช่นคำขอของข้าเลยสักนิด” “เจ้ากับลูกเป็นทุกสิ่งของข้า” “อย่าได้หมิ่นเกียรติข้าเกินไปนัก รู้ตนเองบ้างว่าท่านกับข้าเป็นใคร” “เพราะรู้ข้าถึงกล้ายอมรับมัน” “…” ฮั่วเหลียนชินมิอาจเอ่ยสิ่งใดตอบโต้ชายหนุ่มได้ นางทำเพียงก้าวเคียงข้าเขาไปเงียบ ๆ เพราะคร้านจะโต้แย้ง “ความรู้สึกมิใช่เงินตราก็ซื้อหาได้ ข้าคิดเช่นไรก็พูดออกไปเช่นนั้นมิได้โป้ปด ทุกอย่างสุดแท้แต่เจ้าจะมองเห็นเหลียนชิน” เฉินห้าวหนานเอ่ยขึ้นเบา ๆ พร้อมกระชับร่างบางให้แนบกายมากขึ้น ด้วยเกรงว่าเขาจะมิได้ชิดใกล้นางเช่นนี้อีก หลังจากกลับมาถึงจวน เฉินฮูหยินได้รีบมาที่เรือนของลูกสะใภ้ พร
“หึ ๆ ไม่นึกว่าวันนี้จะได้ยลโฉมคุณหนูใหญ่สกุลฮั่ว” เสียงจากด้านหลังหินก้อนใหญ่กลางสวน ไม่ได้ทำให้หญิงสาวทั้งสามรู้สึกตื่นเต้นเลยสักนิด ยิ่งอีกฝ่ายเรียกนางได้อย่างถูกต้อง นั่นแสดงว่าจิ้งจอกพิการทั้งสอง รนรานกลับไปหานายเก่าแล้ว และหากนางเดาไม่ผิดทั้งสองคนไร้ลมหายไปแล้วเช่นกัน “รวดเร็วทันใจดีแท้ หึ ๆ” หญิงสาวเอ่ยเบา ๆ กับสาวใช้ทั้งสอง ก่อนจะมองไปยังคนที่เผยตัวออกมาอย่างใจเย็น ทว่าเขายังคงปิดบังใบหน้าตนเองเอาไว้ “ไยต้องบิดบังใบหน้าด้วยเล่า ช่างไร้มารยาทในการพบเจอยิ่งนัก” “ไม่นึกเลยว่าเด็กขี้โรคเมื่อวันวาน จะกลายเป็นหญิงงามในวันนี้” “ขอบคุณที่ชม แต่ข้าก็ยังแปลกใจอยู่ดี ว่าเหตุใดกันเจ้าจึงมารอพบข้าที่นี่ อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องบังเอิญ มันย่อมไม่มีทางเป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะความบังเอิญนี้มันเหมาะเจาะจนเกินไป” ฮั่วเหลียนชินกระชับอ้อมแขนรัดร่างอ้วนให้แน่นขึ้น นางสัมผัสได้ถึงไอสังหารที่อีกฝ่าย ตั้งใจปลดปล่อยออกมาเพื่อกดดันนาง อีกอย่างคือกำลังประเมินฝีมือของนางไปในตัว “จะกล่าวเช่นนั้นก็ย่อมได้ น่าเสียดา
สามวันถัดมา เฉินฮูหยินได้ให้สาวใช้มาแจ้งแก่ฮั่วเหลียนชิน ว่าจะพานางกับลูกไปไหว้พระ เพื่อขอพรให้กับครอบครัว หญิงสาวได้ตอบรับคำเชิญของแม่สามี หญิงสาวยกยิ้มร้าย เมื่อกล้าท้าทายนางก็พร้อมท้าชนเช่นกัน “บาดแผลของนายหญิง ยังไม่หายดีนะเจ้าคะ” “บาดแผลหนักกว่านี้พวกเราก็ผ่านกันมาแล้ว หากให้ผู้อื่นรู้ว่าข้าบาดเจ็บย่อมต้องเป็นสงสัยของทุกคน แค่เขารู้คนเดียวข้าก็หนักใจอยู่ไม่น้อย” ฮั่วเหลียนชินรู้สึกเช่นนั้นจริง ๆ เพราะถึงแม้ตอนนี้นางไม่รู้ว่าจะวางใจเฉินห้าวหนานได้มากแค่ไหน แม้เขาจะพูดกับนางอย่างตรงไปตรงมา ถึงความรู้สึกที่มีต่อน้องสาวของนาง ‘แม้ข้ามิได้รักนาง แต่ข้าก็มิคิดที่จะให้นางกับลูกตาย ห้าวหยางคือลูกชายของข้า ไยข้าจะชิงชังเขาได้เล่า แต่ข้าไม่นึกว่าการเดินทางของนาง จะเป็นการจากไปมิหวนคืนเช่นนี้’ “จิ้งจอกถูกปล่อยแล้วใช่หรือไม่” “เจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านพี่ฉงอานกำลังจับตาดูอยู่เจ้าค่ะ” “ดี! มองอยู่เงียบ ๆ รอให้สาวถึงปลาตัวใหญ่ ค่อยลงมือในคราเดียว” “สาวใช้จากเรือนหลีหยา มาป้วนเปี้ยนบ่อยยิ่งนักเจ
ตอนสาย ณ เรือนเหลียนฮวา หลี่เยี่ยน กำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับมารดาของท่านแม่ทัพ ที่อยู่ ๆ วันนี้ต้องการพบลูกสะใภ้ ทั้งที่ทุกครั้งหากต้องการพบกับฮูหยินของนาง เฉินฮูหยินจะให้สาวใช้มาเชิญนายหญิงของนางไปพบ “เหลียนฮวาไปที่ใด นี่ก็สายมากแล้ว ไยนายเจ้ายังไม่ตื่นอีกเล่า” “เอ่อ…” “ท่านแม่มีสิ่งใดหรือขอรับ วันนี้จึงได้มารบเร้าอยากเจอสะใภ้ถึงเรือนเล่าขอรับ” เฉินฮูหยินถึงกับตัวชาไปทั้งร่าง ก่อนจะรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติ หญิงสูงวัยคลี่ยิ้มกว้างส่งให้บุตรชาย “แม่แค่อยากชวนฮวาเอ๋อร์ออกไปดื่มชา กับบรรดาฮูหยินยังเหลาชีเหลียงเท่านั้นเอง” “เมื่อคืนนางแทบมิได้นอน ข้าเลยสั่งให้นางพักต่ออีกสักหน่อยขอรับ” “เจ้าค้างที่นี่เช่นนั้นรึ” “ข้าย้ายมาอยู่กับลูกเมียนานแล้วขอรับ เพียงแต่มิได้บอกผู้ใด เพราะนี่ถือเป็นเรื่องปกติของสามีภรรยามิใช่หรือขอรับ ข้าไม่นึกว่าท่านแม่อยากทราบเลยมิได้บอกขอรับ” “เช่นนั้นแม่กลับก่อนดีกว่า หากแม่รู้ว่าเจ้าอยู่ด้วยจะไม่มากวนใจพวกเจ้าผัวเมียเลย แม่ยิ่งอยากได้หลานเพิ่มอีกส
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินห้าวหนานประคองร่างบางให้แนบกาย ก่อนจะมองไปยังกลุ่มคนสวมหน้ากาก ที่ยืนหันหลังให้แก่เขาและคนในอ้อมแขน จะมีเพียงแค่ชายหนุ่มที่เข้าช่วยเขาและนางในคราแรก ที่ยืนมองเขามิวางตา “ไม่ว่าท่านจะรูเห็นสิ่งใดในวันนี้ จงลืมมันเสีย” หญิงสาวขยับผละออกห่างอกแกร่ง หญิงสาวเดินไปหาคนสนิท หมับ! ทว่าก่อนที่มือของฉงอานจะทันได้แตะต้องตัวผู้เป็นนาย แม่ทัพหนุ่มได้คว้าร่างบางนั้นกลับมาชิดกายอีกครั้ง ก่อนจะช้อนอุ้มนางขึ้นสู่อ้อมแขน “ข้าจะไม่ยินยอมให้บุรุษใดแตะต้องเจ้า” ร่างสูงก้าวออกจากตรอกเล็ก ตรงไปยังทิศทางออก โดยไม่สนใจว่าคนสวมหน้ากากทั้งหมดจะมองเขาเช่นไร ฮั่วเหลียนชินไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน หญิงสาวจำต้องซบใบหน้ากับอกกว้างของชายหนุ่ม ก่อนที่ดวงตาคู่งามจะปิดลง “ท่านแม่ทัพ! โปรดตามข้าน้อยมาทางนี้เถอะขอรับ เราจะให้ผู้ใดรู้ว่านายหญิงบาดเจ็บไม่ได้เป็นอันขาด” เฉินห้าวหนานไม่เอ่ยสิ่งใด ร่างสูงก้าวตามชายผู้นั้นไปอย่างเร่งร้อน เสียงลมหายใจของคนในอ้อมแขน ดูจะเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เขากลัวเหลือเกินว่าลุกธนูนี้จะมียา
“เครื่องหอมนี้ข้ามิรู้ชื่อ แต่ข้ามีตัวอย่างนำมาให้ นายหญิงของข้าปรารถนาจะมีในครอบครอง” “วางลงตรงกล่องซ้ายมือ แล้วรอข้าสักครู่” ชายหนุ่มทำตามที่คนด้านในบอกทุกอย่าง ฮั่วเหลียนชินยังคงใจเย็นอยู่เช่นเดิม นางรู้กฎของคนค้าขายในเงามืดดี ทั้งเจ้าเล่ห์และคดโกง หมับ! ฟึ่บ! มือบางคว้าคอเสื้อของคนสนิทได้ทัน ก่อนทั้งคู่จะเบี่ยงกายหลบลูกดอก ที่พุ่งออกมาจากประตู แน่นอนว่ามันต้องอาบไปด้วยยาพิษ ฮั่วเหลียนชินไม่คิดที่จะบุ่มบ่ามเข้าไป หญิงสาวก้าวไปยังคบไฟที่ปักอยู่เสาเรือน ก่อนจะใช้วิชาตัวเบาขึ้นไปยืนอยู่บนหลังคา เมื่อให้เปิดประตูดี ๆ ไม่ทำ นางก็แค่เชิญคนด้านในอย่างเป็นมิตร เพียงครู่เดียวคนสนิทของหญิงสาวได้ขึ้นมายืนเคียงข้างผู้เป็นนาย โดยในมือมีขวดน้ำเต้าที่บรรจุเหล้าป่าเอาไว้ แน่นอนว่ามันคือหนึ่งในอาวุธที่นางชื่นชอบ ชายหนุ่มเปิดกระเบื้องออกอย่างเบามือ เมื่อแน่ใจว่าด้านล่างคือห้องเครื่องหอม ที่ไวต่อไฟในมือของผู้เป็นนาย เพล้ง! ฟรึ่บ! เพียงพริบตาไฟได้ลุกขึ้นลามไปที่เครื่องหอมและตัวบ้าน สองนายบ่าวยืนมองเปลวเพลิงค่อย ๆ ลุกลามไปเรื่อย ๆ