"แค่ใช้การตรวจเลือดของคุณแม่ครับ.....ทางโรงพยาบาลของเรามีห้องแล็บที่ทันสมัยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำตรวจก็ทราบผลได้เหมือนกันครับ"คุณหมออธิบายมาพร้อมกับยิ้มแย้มให้เราทั้งคู่คุณหมอแนะนำดีมากเลยนะ ขุนศึกหันมามองหน้าฉันฉันก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัย ว่าเขาจะมองหน้าฉันแล้วทำสายตาละห้อยทำไมกันนะ "ริยอมไหม....จะเจ็บหรือเปล่า?"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแววตาห่วงใจ น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมันฟังดูอบอุ่นจัง และไหนจะสายตาที่มองฉันด้วยความเห็นใจอีกฉันจึงยิ้มให้ขุนศึกไป"ไม่เจ็บหรอก....เพื่อลูกริทำได้ทุกอย่าง""ริเชื่อนะว่าลูกของเราจะต้องเกิดมาครบสามสิบสองแน่นอน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างให้กำลังใจขุนศึกและตัวเองขุนศึกก็ยิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉัน"ฉันพร้อมที่จะเจาะเลือดเลยค่ะคุณหมอ"ฉันละสายตาจากขุนศึกหันไปบอกคุณหมอที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉัน คุณหมอก็ยิ้มอย่างสุภาพให้ฉัน"โอเคครับ....งั้นเดี๋ยวหลังจากคุณฐิติมนออกจากห้องตรวจผมจะให้พยาบาลพาคุณฐิติมนไปย้งห้อวเจาะเลือดนะครับ""ได้ค่ะ....""งั้นขอเชิญที่เตียงครับ....หมอจะขอดูทารกในครรภ์เสียหน่อย"คุณหมอเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉ
พระเอกชื่อเล่น ขุนศึก ชื่อจริง นาย ขุนณรงค์ ชัชชัยวรรณ อายุ29ปีนักธุรกิจเจ้าของ อสังหาริมทรัพย์ และเจ้าของบริษัท CEO ห้างสรรพสินค้า KAที่มีสาขาทั้งในประเทศและต่างประเทศ บุตรชายเพียงคนเดียวของคุณหญิง นฤมิตร....."ผมมี...ผู้หญิงที่ผมรักอยู่แล้วครับ...""เธอก็ยอมรับแบบที่ผ่านมาไม่ได้เหรอ...เพราะตลอดเวลาที่เราคบกัน...ฉันก็ไม่ได้มีอะไรกับเธอแค่คนเดียว..."นางเอก ชื่อเล่น เอริชื่อจริง นางสาว ฐิติมน ยิ้มมโหทัย อายุ29ปีผู้หญิงที่สวยขยันทำงานเป็นเลขาของเจ้าของบริษัทที่หล่อรวยที่สุดอย่างขุนศึก ที่เธอควบตำแหน่งเพื่อนลูกจ้างและแฟนของเขาในเวลาเดียวกัน แต่เธอต้องอยู่ในสถานะของคนในความลับ"ฉันไม่อยากอยู่ในสถานะนี้อีกแล้ว...ฉันเหนื่อยอ่ะ..""นายก็รู้ว่าเรื่องของเรา...มันไม่มีทางเป็นไปได้...""ฉันไม่อยากเป็นแค่ตัวสำรองอีกแล้ว..."ร่วมด้วยชื่อเล่น จอมพลชื่อจริง ขจรฤิต ชัชชัยวรรณ อายุ30ปีท่านรองประธานบริษัทKAหนุ่มเจ้าสำราญ หล่อเอาใจเก่ง พี่ชายต่างมารดากับขุนศึก ถึงชอบทำตัวกร่างหาเรื่องน้องชาย แต่เขานี่แหละที่ห่วงและหวังดีกับน้องชายหัวดื้อตลอด“พี่ชอบ….เอรินะ…”ชื่อเล่น นามิชื่อจริง นางสาว นาม
มหาลัย E09:00น.พรึบ“โอ้ย!”ฉันร้องออกมาด้วยความเจ็บเมื่อร่างกายของฉันโดนใครสักคนเดินชนเข้าอย่างจังทำให้ฉันล้มลงไปนั่งกับพื้นก้นกลมๆของฉันกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง ดีนะที่ฉันใส่รองเท้าผ้าใบน่ะ ถ้าเป็นส้นสูงเหมือนทุกวันมีหวังขาฉันพลิกแพลงแน่พรึบ“เราขอโทษ…เป็นอะไรรึเปล่าครับ?”เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายเอ่ยขึ้นพร้อมกับร่างสูงของผู้ชายในชุดนักศึกษาที่เข้ามานั่งยองๆและช่วยฉันเก็บตำราหนังสือเรียนหลายเล่ม เสื้อนักศึกษาของเขาไม่ได้ผูกเนคไทแสดงว่าเขาไม่ใช่เด็กปีหนึ่งรุ่นน้องของฉันเป็นแน่ อาจจะเป็นรุ่นพี่หรือไม่ก็รุ่นเดียวกัน“ไม่เป็นไรค่ะ..”ฉันตอบเขาไปเป็นในจังหวะเดียวกับที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปสบตาเข้ากับเขาพอดี ผู้ชายตรงหน้าฉัน โครงหน้ารูปไข่เรียวจมูกโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าที่ฟ้าประทานริมฝีปากหยักสีชมพูดวงตาคู่คมที่หวานและอ่อนโยนไปในขณะเดียวกันทำให้หัวใจดวงน้อยๆของฉันเต้นรัวเร็วขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุและไม่เคยเป็นมาก่อน“เราขอโทษนะ…พอดีเราคุยแชทกับแม่อยู่น่ะ..เลยไม่ได้มองทาง…”เขาว่าเสียงอ่อนแววตาของเขาสื่อว่าเขารู้สึกผิดจริงๆ“อืม…ไม่เป็นไรหรอก..”ฉันตอบเขาไปเสียงแผ่วเบา“เดี๋ยวเราช่วย…”เขาว่าอย่างเป
23:30น.ผับ Wขุนศึก ขุนณรงค์……พรึบ“หึ!….”ผมยกยิ้มที่มุมปากขึ้นพลางจับจ้องสายตาไปที่ร่างบางที่อยู่ในชุดเสื้อเกาะอกมีแขนสีขาวโชว์ที่ปิดแค่ช่วงหน้าอกโชว์เอวเล็กคอดและร่างกายที่เป็นส่วนเว้าส่วนโค้งของเธอและเธอก็สวมกางเกงยีนส์ขาสั้นสีดำโชว์เรียวขาขาวยาวที่ตอนนี้เธอกำลังขยับร่างกายของเธอโยกย้ายไปตามเสียงเพลงอยู่กับเพื่อนๆผู้หญิงในกลุ่มของเธอ“ไอ้ขุนนี้แม่งร้ายกาจ…”คำพูดของไอ้ทีทำให้ผมหันไปมองหน้ามันทันทีพลางลดแก้วเหล้าในมือลงเพื่อรอว่าเพื่อนผมมันจะเผาอะไรผม“ทำไมวะ?”ไอ้ฟิวเอ่ยขึ้นถามไอ้ทีด้วยสีหน้าของคนที่อยากเผือกเต็มๆ“ก็มันอ่ะชอบยัยเอริ…”ไอ้ทีเอ่ยขึ้นและหันมามองหน้าผมสลับกับหน้าไอ้ฟิว“เอริ?..คนที่สวยๆขาวๆนมโตๆที่หน้าตาเหมือนนางเอกเอวีญี่ปุ่นป่ะ?”ไอ้ฟิวว่าอย่างนึกคิด“เอ่อใช่คนนั้นแหละ…”ไอ้ทีว่าพลางชี้นิ้วไปที่ร่างเล็กๆของเอริที่อยู่ถัดจากโต๊ะของพวกผมไปสองโต๊ะ ตอนนี้พวกผมมากินเลี้ยงฉลองวันเกิดเพื่อนในกลุ่มที่อยู่คณะ เดียวและสายปาตี้อย่างผมไม่มีทางพลาดแน่นอน ผมเพิ่งรู้ว่ายัยตุ๊กตายางญี่ปุ่นอ้อหมายถึงเอริน่ะก็อยู่คณะเดียวกับผมด้วยเหมือนกัน แถมเพื่อนในกลุ่มของเธอยังเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียว
“มีของเหลือบ้างป่ะ?”มันถามผมต่อ ของที่มันหมายถึงคงจะเป็นเครื่องป้องกันน่ะครับ“มึงกับกูขนาดคนละไซส์…จะแบ่งกันใช้ได้ไง”ผมแย้งมันไป ทำให้ไอ้ทีหน้าเสียทันทีเพราะขนาดท่อนเอ็นของผมมันมีขนาดที่ใหญ่โตกว่าของผู้ชายธรรมดาทั่วไปสงสัยพ่อผมคงจะรักผมมากเลยให้ผมมาเยอะน่ะครับ“ไปล่ะ…”ผมบอกไอ้ฟิวกับไอ้ทีพลางยกมือให้พวกมันเพื่อเป็นการบอกลา เพราะพอผมได้หญิงที่หมายตาไว้ก็จะออกไปจากที่นี้และไม่กลับมาที่โต๊ะอีก“เออๆ”พวกมันก็พยักหน้ารับรู้ ผมก็เดินเอามือล้วงกระเป๋าเดินผ่านฝูงชนนักท่องราตรีเดินตามแผ่นหลังเล็กของผู้หญิงสวยหมวยเอ็กซ์ไปพลางกระตุกรอยยิ้มที่มุมปากขึ้นอย่างพึงพอใจกับคู่นอนในค่ำคืนนี้ของผม เอริเธอเดินตรงดิ่งไปที่ห้องน้ำผู้หญิงโดยมีผมเดินตามไปอย่างเงียบๆเธอเข้าไปทำธุระส่วนตัวในห้องน้ำส่วนผมก็จัดการกดล็อคลงกลอนประตูหน้าห้องน้ำทันทีเพื่อไม่ให้คนอื่นเข้ามาขัดความสุขของผมและเธอพรึบแกร๊ก“หึ!”ผมหัวเราะออกมาเมื่อผมได้กดล็อคประตูห้องน้ำด้านหน้าเรียบร้อยแล้วเพื่อไม่ให้มีใครมาขัดจังหวะผม ผมเดินไปยืนรอเอริที่ด้านข้างของห้องน้ำห้องที่เธอใช้ รอสักพักเสียงกดชักโครกก็ดังขึ้นพร้อมๆกับร่างบางของเธอที่เปิดประตู
“แต่ฉันชอบเธอนะ….เอริ…”ผมเอ่ยกระซิบเสียงแหบพร่าไปที่ข้างหูของเธอ เธอก็หันกลับมามองหน้าผมอย่างไวทำให้เราสองคนผสานสายตาเข้าหากัน ผมสบตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอแล้วหัวใจของผมที่มันไม่เคยเต้นแรงแบบนี้มาก่อนก็เต้นโครมครามรัวเร็วขึ้นมาซะดื้อๆแบบนั้นตึกตักๆๆ“หึ!….นายมันคาสโนว่า…”เธอว่าผมพลางมองหน้าผม ผมก็ยกยิ้มมุมปากขึ้น“ถึงเราจะเป็นคาสโนว่าแล้วจะตกหลุมรัก…ใครสักคนไม่ได้หรือไง..”“ตกหลุมรักเพียงชั่วค่ำคืนเดียวน่ะสิ…”เธอย้อนผมกลับอย่างคนที่รู้ทันผมทำให้ผมเผลอยิ้มออกมากับคนที่รู้ทันผมอย่างเธอคนนี้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรกที่ทำให้ผมอยากจะจริงจังด้วยแต่ไม่ใช่คนที่จะทำให้ผมหยุดได้“หึ….บังเอิญว่าฉัน….ไม่เคลิ้มกับความหล่อและไม่อินกับความรวยของนาย..”เอริว่าพลางยกมือของเธอขึ้นมาปัดแขนผมให้ปล่อยทางให้เธอได้ออกไป แต่มีเหรอที่คนอย่างผมเวลาอยากได้อะไรแล้วจะปล่อยเธอไปง่ายๆแบบนี้น่ะพรึบ“ขุนศึก…”เธอเอ่ยเรียกผมเสียงเข้มทันทีที่ผมคว้าเอวคอดที่เปลือยเปล่าของเขาเธอดึงมากอดแนบกายผมอย่างไว แววตาโตๆของเธอจ้องผมเขม้นอย่างเอาเรื่องที่ผมทำยุ่มย่ามกับเธอ “นายอย่ามาเสียเวลากับคนอย่างฉันเลยนะ…”“ฉันไม่ได้มีค่ามากพอจะให้คน
วันต่อมา16:30น.ห้องพักอาจารย์มหาลัย Eเอริ ฐิติมน….พรึบ“เทอมนี้ทางมหาลัยขอเพิ่มค่าหน่วยกิตนะคะ….นางสาวฐิติมน…”“ค่ะ…อาจารย์”ฉันสบตากับอาจารย์พลางเอ่ยรับคำของท่านไปด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา“แต่หนูขอผ่อนจ่ายเป็นงวดๆได้ไหมคะ?”ฉันเอ่ยถามท่านต่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆอย่างกล้าๆกลัวๆ“ผ่อนจ่ายเป็นงวดๆ?…นี่เธอคิดว่าเป็นการเล่นขายของอย่างงั้นเหรอ?”อาจารย์เอ่ยถามฉันเสียงเข้มอย่างไม่พอใจ“นี่มันมหาลัยอินเตอร์นะ!”เสียงตะโกนของอาจารย์ทำเอาฉันสะดุ้งสุดตัวด้วยความตกใจ“ถ้าเธอไม่มีเงินมาจ่ายทั้งยอดเก่าจากการค้างค่าเทอมของเทอมที่แล้วกับค่าของหน่วยกิตในเทอมนี้..”“ฉันคงต้องให้คุณดรอปเรียนไว้ก่อน…”“แต่อาจารย์คะ…”ฉันกำลังจะเอ่ยแย้งอาจารย์“ฉันให้เวลาเธอสามวัน….ค่อยเข้ามาหาฉันอีกที…”แต่อาจารย์ก็เอ่ยเสียงเรียบตรึงตอบฉันกลับมาซะก่อน“เชิญ…”อาจารย์เอ่ยบอกฉันพลางยกมือผายไปทางประตูของทางออกห้องพักอาจารย์“ค่ะ…สวัสดีค่ะอาจารย์…”ฉันยกมือไหว้อาจารย์ท่านไม่ได้ยกมือรับไหว้ฉันแต่อย่างใด ก็เป็นอย่างนี้แหละที่คนจนๆอย่างฉันที่ยังจะดื้อดันทุรังตัวเองให้มาเรียนในรั้วมหาลัยอินเตอร์แบบนี้ ที่ฉันเลือกเรียนที่นี้ก็เพื่ออนาคตฉันจ
พรึบ“ขอนั่งด้วยคนนะ^_^”ขุนศึกว่าพลางยิ้มร่าให้ฉันอย่างคนที่ไม่รู้ไม่ชี้ เพราะฉันหันขวับกลับไปมองเขาอย่างเอาเรื่องที่เมื่อฉันไม่ยอมรับน้ำดื่มจากเขา เขาก็นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆตัวฉันทันทีแถมใกล้ชิดร่างฉันอีกด้วยพรึบฉันขยับหนีเขาเพื่อเว้นระยะห่างในการนั่งเขาก็ไหวไหล่เล็กน้อยกับอาการและท่าทางที่แสดงออกอย่างชัดเจนของฉันที่มีต่อเขา ไม่รู้ว่าเขาจะเอาอะไรจากฉันทั้งๆที่คนอย่างฉันก็ไม่ได้มีอะไรให้เขา“เห้อ!”ฉันผ่อนลมหายใจออกมา“เห้อ!”และเสียงผ่อนลมหายใจของคนข้างๆก็ตามมาติดๆทำให้ฉันหันไปมองหน้าเขาทันที เขาก็ทำเป็นยิ้มหวานจนแก้มปริตาปิดให้ฉัน ทำให้ฉันนึกไม่พอใจเขาที่กล้าล้อเลียนอารมณ์ฉันในตอนนี้ ใช่สิคนรวยๆแบบเขาจะไปเข้าใจอะไรกับคนจนๆอย่างฉันล่ะ“ไม่มีเรียนรึไง?”“ถึงได้มานั่งเลียนแบบท่าทางคนอื่นแบบนี้น่ะ?”ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยที่เขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกออกไปจากตรงนี้เลย แต่เขากลับทำท่าทางเลียนแบบอิริยาบถของฉันทุกอย่างแม้กระทั่งการนั่งไขว่ห้าง“แล้วเธอไม่มีเรียนเหรอ?”เขาไม่ตอบคำถามฉันแต่กลับทำหน้ากวนและถามฉันกลับทำให้ฉันมองหน้าเขาพลางทำสีหน้าหงุดหงิดใส่เขา“เรื่องอะไรที่ฉันจะต้องตอบนาย..”ฉัน
"แค่ใช้การตรวจเลือดของคุณแม่ครับ.....ทางโรงพยาบาลของเรามีห้องแล็บที่ทันสมัยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำตรวจก็ทราบผลได้เหมือนกันครับ"คุณหมออธิบายมาพร้อมกับยิ้มแย้มให้เราทั้งคู่คุณหมอแนะนำดีมากเลยนะ ขุนศึกหันมามองหน้าฉันฉันก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัย ว่าเขาจะมองหน้าฉันแล้วทำสายตาละห้อยทำไมกันนะ "ริยอมไหม....จะเจ็บหรือเปล่า?"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแววตาห่วงใจ น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมันฟังดูอบอุ่นจัง และไหนจะสายตาที่มองฉันด้วยความเห็นใจอีกฉันจึงยิ้มให้ขุนศึกไป"ไม่เจ็บหรอก....เพื่อลูกริทำได้ทุกอย่าง""ริเชื่อนะว่าลูกของเราจะต้องเกิดมาครบสามสิบสองแน่นอน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างให้กำลังใจขุนศึกและตัวเองขุนศึกก็ยิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉัน"ฉันพร้อมที่จะเจาะเลือดเลยค่ะคุณหมอ"ฉันละสายตาจากขุนศึกหันไปบอกคุณหมอที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉัน คุณหมอก็ยิ้มอย่างสุภาพให้ฉัน"โอเคครับ....งั้นเดี๋ยวหลังจากคุณฐิติมนออกจากห้องตรวจผมจะให้พยาบาลพาคุณฐิติมนไปย้งห้อวเจาะเลือดนะครับ""ได้ค่ะ....""งั้นขอเชิญที่เตียงครับ....หมอจะขอดูทารกในครรภ์เสียหน่อย"คุณหมอเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉ
"ผลเลือดของคุณพ่อกับคุณแม่ผ่านนะครับ.....เท่าที่ผมดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง""สามารถให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต่อไปได้ครับ""จะมีก็แต่เลือดของคุณแม่ที่ค่อนข้างจางนิดหน่อยแต่ไม่มากครับเอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงเลือดไปให้นะครับ""ทานก่อนนอน.....ห้ามทานพร้อมนมนะครับเดี๋ยวประสิทธิภาพของยาจะไม่ได้ผล"คุณหมอจุณภพเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมตรงหน้าของเขาที่เป็นผลเลือดของฉันกับขุนศึกเมื่อได้ยินหมอพูดแบบนั้นว่าเลือดของเราทั้งคู้ผ่านฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึก ขุนศึกก็ห้นมามองหน้าฉันก่อนที่เราสองคนจะยิ้มออกมาให้กันด้วยสายตาที่ดีใจมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแต่ผลเลือดของฉันจางนิดหน่อย คงไม่เป็นอะไร คุณหมอก็บอกเองหนิฉันพยักหน้าให้คุณหมอที่เขาอธิบายการกินยาบำรุงเลือดให้ฉันฟัง "ตอนนี้คุณฐิติมนก็ตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่สิบเอ็ดของการตั้งครรภ์แล้วนะครับ""ถ้านับเป็นเดือนก็จะสามเดือนแล้วครับ""ผมอยากจะสอบถามว่าคุณฐิติมนกับคุณขุนณรงค์สนใจอยากจะตรวจคัดกรองดาวซินโดรมไหมครับ""ลูกฉันมีความเสี่ยงเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณหมอไปด้วยน้ำเสี่ยงสั่นๆอย่างเป็นกังวลขุนศึกที่ได้ยินนำ้เสียงของฉันไม่สู
ฉันทำเป็นไม่ยืนมองรถแต่กลับรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในโรงพยาบาลแทน ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยยืนทักทายอยู่ตรงประตูเปิดอัตโนมัติด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาลฉันก็โค้งตัวให้เขาพร้อมกับยิ้มทักทายให้เขาก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับมาที่ที่ฉันลงรถนั่นคือที่หน้าโรงพยาบาลฉันก็มองหารถเก๋งคันนั้นที่เลขทะเบียนฉันจำได้ขึ้นใจ ก็พบว่ามันขึ้นไปที่ชั้นจอดรถด้านบน ซึ่งโรงพยาบาลนี้มีทั้งหมดห้าชั้นสี่ตึก ถ้าเป็นคนที่ฉันคิดว่าใช่ รถเก๋งสี่ประตูคันนี้จะต้องไปจอดที่ชั้นสองแน่นอนเมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็รีบเดินเข้าโรงพยาบาลตรงดิ่งไปที่ลิฟต์และขึ้นไปยังชั้นสองของโรงพยาบาลทันทีเดินไปดักหน้าประตูทางเข้า โชคดีที่เขาทำทางออกแค่ทางเดียว มันจึงง่ายสำหรับที่จะแอบจับผิดใครสักคนฉันยืนมองจนสายตาไปเจอเข้ากับรถยนต์เจ้าปัญหาและก็พบกับผู้ชายที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมสวมใส่กางเกงยีนส์เปิดประตูลงมาจากรถคันที่มาส่งฉันฉันจึงหลบมุมทางเข้าทันทีเพื่อรอเขาคนนั้นให้เดินเข้ามาและฉันก็รอไม่นาน ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาที่ประตู ฉันจึงก้าวขาออกไปขวางทางเขาได้จังหวะทำให้เขาที่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเร่งรีบเกือบชนฉันจนเขาต้องหยุ
วันเดียวกัน....."วันนี้ฉันขอลางานครึ่งวันนะคะ"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปหลังจากที่ฉันวางหนังสือการลาของฉันลงตรงหน้าของเขาแล้วคุณเควินก็มองหน้าฉันสักพักก่อนจะเปิดซองเอกสารของฉันดูที่ข้างในเป็นจดหมายลางานอย่างกระทันหันเพราะฉันลืมไปว่าวันนี้มีนัดกับคุณหมอเพื่อตรวจดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ของฉันว่าเป็นไปตามเกณท์ไหมและมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่ารวมถึงฟังผลเลือดที่ตรวจเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วย"ลางานปุ๊บปั๊บแบบนี้มันผิดกฎของบริษัทนะครับ"คุณเควินเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบตาฉันด้วยแววตามีเลศนัยเมื่อคืนฉันก็ไปดินเนอร์กับเขากลับเกือบห้าทุ่มแหนะ ก็เขาน่ะสิ ชวนฉันคุยเรื่องงาน พอเป็นเรื่องงานเลยยาวเลยทีนี้เขาคงจะรู้ว่า ฉันยินดีที่จะคุยกับเขาแค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่ยินดีที่จะคุยเรื่องส่วนตัว เขาจึงคุยกับฉันแค่เรื่องงานไม่มีเรื่องอื่นมาสอดแทรกเลยสักนิด ซึ่งฉันก็ว่ามันดี สบายใจดีน่ะซึ่งมันก็ดี มันไม่ทำให้ฉันอึดอัดดีน่ะ ว่าจริงๆคุณเควินก็ดีนะ พูดรอบเดียวเข้าใจและรู้เรื่อง เขาทั้งหล่อทั้งเก่งและฉลาดมากผู้หญิงคนไหนที่ได้ใจของคุณเควินไปครอง เธอคนนั้นต้องโชคดีมากแน่ๆฉันมั่นใจ"ฉันรู้ค่ะ.....แต่มันจำเป็นจริงๆให้ฉันทำง
"เพื่อทำการฟอกเงินที่ถูกโกงมาจากประเทศทางเอเชียใต้ทั้งหมด""แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?"นันฤดีเอ่ยออกมาเสียงแข็งแววตาสั่นไหว สีหน้าไม่พอใจที่นามิการู้มากอย่างนี้ "ฉันยังรู้มากกว่านี้อีกว่าไอ้บริษัทเทรดหุ้นที่เธอเสนอให้คุณหญิงนฤมิตรมันเป็นแค่ฉากบังหน้า.....เธอต้องการจะหลอกเอาเงินพวกคนโง่ที่โลภมากอยู่แล้ว""เธอรอรับเงินส่วนแบ่งอย่างสบายปล่อยให้ยัยคุณหญิงฟน้าโง่นั้นออกหน้าอยู่คนเดียวและพอโดนจับก็โดนจับคนเดียว""ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ขุนศึกมันได้รับประกันตัวไปแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี.....แต่มันยังไม่ชนะเพราะพวกมันไม่มีหลักฐาน""ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจและขอให้ตำรวจกันฉันไว้เป็นพยานมีหวังไอ้ขุนศึกมันชนะแน่และทีนี้ตำรวจก็จะพุ่งเป้ามาที่เธอแทน""คนที่ผิดจริงๆก็คือเธอ"นามิการ่ายยาวออกมาโดยเรื่องที่เธอพูดมามันคือเรื่องจริงทั้งหมด นันฤดีได้แต่คิดในใจว่านามิการู้เรื่องนี้ได้ยังไง ทั้งที่เธอไม่ได้บอก เธอบอกแค่ให้สองคนแม่ลูกนี้ไปพาคุณหญิงมาให้เธอรู้จัก เพื่อแลกกับเงินหนึ่งก้อนโตและไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรทุกอย่างให้นามิกาหรือคุณหญิงนวลปรางรู้เลยด้วยซ้ำ"แกจะเอาเท่าไหร่ว่ามา?"นันฤดีกดเสียงต่
วันต่อมาบริษัทของแก้มหวาน"คุณจะมาปล่อยเราสองคนแม่ลูกทิ้งกลางทางแบบนี้ไม่ได้นะคะ"เสียงแหลมที่โวยวายออกมาอย่างไม่พอใจดังขึ้นทำให้ผู้หญิงที่สวยสง่าและวางตัวดีที่นั่งประจำตำแหน่งของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองสองคนแม่ลูกที่เอาแต่พูดเสียงแว้ดๆจนน่ารำคาญอยู่ได้อย่างไม่พอใจและเบื่อหน่าย"ก็พวกคุณทำงานพลาดเอง......ไปไม่ถึงวันแต่ง.....""แล้วฉันผิดคำพูดตรงไหน.....เธอทำตามที่เราตกลงกันไว้ไม่ได้เองนะ"นันฤดีเอ่ยออกไปพลางทำสีหน้าที่เหนือชั้นกว่า ทำให้สองคนแม่ลูกอย่างคุณหญิงนวลปรางและนามิกาหันมองหน้ากันแทบจะทันทีที่เธอสองคนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงอย่างนันฤดีที่เธอวางมาดราวกับเธอเป็นคนที่สูงส่งที่มาหลอกให้เธอสองคนแม่ลูกเข้าไปทำความสนิทและทำยังไงก็ได้ให้ขุนณรงค์หลงรักและแต่งงานกับนามิกาให้ได้และถ้าขุนณรงค์แต่งงานกับนามิกาแล้ว ก็ให้นามิกายกเลิกงานแต่งงานและบอกเลิกขุนณรงค์ซะแต่สองคนแม่ลูกก็ทำไม่สำเร็จเพราะครอบครัวของขุนณรงค์มามีปัญหาถูกจับเสียก่อนและแถมขุนณรงค์ยังเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานกับนามิกาอีกทำให้นันฤดีไม่พอใจสองคนแม่ลูกที่ทำงานไม่ได้เรื่องนี้อย่างมา
แต่จะให้ฉันคาดคั้นอะไรเขาได้ในเมื่อเราสองคนมีสถานะแค่พ่อกับแม่ของลูกแค่นั้นไม่ใช่สามีภรรยากัน"คุณเอริใช่ไหมครับ?"เสียงทุ้มที่ฟังดูสุภาพเอ่ยขึ้นทันทีที่มีผู้ชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสูทสีดำลงมาจากรถตู้หรูคันสีดำเงาวับแถมป้ายแดงที่เพิ่งจะแล่นเข้ามาจอดลงตรงหน้าของฉันกับขุนศึก"อ้อใช่ค่ะ"ฉันตอบเขาไปพลางทำสีหน้างงๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเขาเองก็มองหน้าฉันกลับด้วยแววตาสงสัยไม่ต่างจากฉันเช่นกัน"คุณเควินให้ผมมารับคุณเอริครับ""อ้อค่ะ"ฉันพยักหน้าเข้าใจทันที ที่แท้ก็คุณเควินส่งคนมารับฉันนี่เอง ฉันจึงหันกลับมามองหน้าขุนศึกอีกครั้ง"งั้นเราไปก่อนนะ......ไว้เจอกัน"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปพร้อมกับยกมือลาเขาตามประสาเพื่อนที่นัดเจอกันพอจะกลับบ้านก็ยกมือโบกลากัน"เค"ขุนศึกตอบรับรู้ก่อนจะยกมือตอบกลับฉัน ฉันยิ้มน้อยๆให้ขุนศึกก่อนจะเดินไปยังรถตู้สุดหรูที่จอดรอรับฉันอยู่โดยมีคนบริการเปิดปิดกระตูให้ประหนึ่งว่าฉันเป็นเซเลบคนรวยคนหนึ่งเลยล่ะฉันมองไปยังด้านหลังของรถอย่างชะเง้อกลับไปเมื่อรถแล่นมาถึงทางเลี้ยวที่จะออกจากคอนโดแล้วก็พบว่าขุนศึกยังคงยืนมองอยู่แบบนั้น แววตาที่เศร้าสร้อยของเขา มันทำให้ฉัน
"จะไปไหนเหรอเอริ?"เสียงอบอุ่นเอ่ยถามฉันขึ้นอย่างเป็นห่วงจากทางด้านหลังของฉันที่ฉันกำลังมุ่งหน้าออกจากห้องนี้ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงและหันไปมองยังต้นเสียงที่เอ่ยถามฉันทันที"จะไปทานข้าวนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยตอบป้าบัวไปพร้อมกับยิ้มให้ท่านไปด้วย"กับคุณเควินน่ะเหรอ?""ใช่ค่ะ""จ้างั้นไปเถอะป้าไม่กวนแล้ว""ค่ะป้า....ว่าแต่หมอทำกายภาพบำบัดของคุณหญิงคนนี้โอเคไหมคะ?""คุณหญิงมีอาการดีขึ้นไหมคะ?""ก็ดีขึ้นนะ....เริ่มขยับนิ้วเองได้เริ่มอ้าปากทำเสียงได้บ้างแล้ว""คุณหมอแกรับประกันว่าไม่เกินปีคุณหญิงต้องกลับมาพูดได้และเดินได้แน่นอนค่ะ"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างมั่นใจป้าบัวก็ยิ้มให้ฉันพร้อมกับพยักหน้ารับรู้"ป้าก็ขอให้เป็นแบบที่เอริพูดนะ....สงสารคุณหญิงท่านน่ะ....ไหนจะเรื่องคดีไหนจะต้องมาล้มป่วยแบบนี้แถมเดินไม่ได้อีกตั้งหาก"ป้าบัวเอ่ยออกมาเสียงเศร้า แววตาสั่นไหวอย่างสงสารและเห็นใจคุณหญิงจากใจจริง"ค่ะ....ริจะพยายามเท่าที่ริช่วยได้นะคะป้า....""จ้าขอบใจริมากนะที่ไม่ทิ้งคุณขุนศึกและคุณหญิง""ค่ะ.....ว่าแต่นี่ขุนไปไหนเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปพลางชะโงกหน้ามองไปรอบๆห้องเพื่อหาขุนศึกที่ฉันไม่เจอหน้าเ
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ.....คุณเอริ?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาจากทางด้านหลังฉัน ฉันจึงละสายตาจากไรเดอร์ตรงหน้าหันกลับไปมองที่ด้านหลังของฉันก็พบกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาอยู่ในชุดสูทสีดำกำลังฉีกยิ้มให้ฉันอยู่แววตาสงสัยจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับเดินตรงดิ่งมาหาฉัน"เปล่าค่ะ....พอดีริสั่งของแล้วไรเดอร์เขาเหมือนจะไม่รับเงินจากริ"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปเขาก็ขมวดคิ้วงุนงงและสงสัยก่อนจะหันไปมองที่ไรเดอร์คนนั้นสลับกับมองหน้าฉัน"ทำไมเขาถึงจะไม่รับเงินจากคุณเอริล่ะครับ""ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"ฉันตอบคุณเควินไปพลางหันกลับมามองที่ไรเดอร์พรึบ"ไม่ต้องทอนนะครับ.....รับไว้เถอะครับ"คุณเควินเอ่ยเสียงละมุนพร้อมกับยื่นธนบัตรหนึ่งพันบาทให้ไรเดอร์ไปเขาก็ทำท่ายึกยักๆเหมือนจะลังเลว่าเขาจะรับดีไหม"เอาไปเถอะครับ......ค่าอาหารของคุณเอริ"คุณเควินว่าพร้อมกับยัดเงินแบงค์พันใส่กระเป๋าเสื้อด้านหน้าของไรเดอร์คนนั้นไปโดยที่ไรเดอร์ไม่ทันตั้งตัว"ผมหวังว่าคุณเอริจะไม่ลืมดินเนอร์ของเราคืนนี้นะครับ....ผมให้คนเอาเสื้อผ้าไปให้คุณเอริแล้วที่ห้อง"คุณเควินเอ่ยขึ้นมาขัดในขณะที่ไรเดอร์กำลังจะเอาเงินคืนคุณเควินแต่เขากลับทำเ