เช้าวันต่อมาเอริ ฐิติมน....พรึบ"ริจะไปไหนแต่เช้าอ่ะ?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาอย่างสงสัยฉันที่แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อจะไปสมัครงานก็หันไปหาขุนศึกที่ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในโซนของห้องนั่งเล่นและข้างหน้าของเขาก็มีเอกสารกองโตวางอยู่ ฉันจึงเดินไปหาขุนศึกก่อน"พอดีริจะไปสมัครงานน่ะ....ว่าแต่ขุนกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยพลางมองดูเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่ไปด้วย"ขุนกำลังศึกษาเพื่อจะเอาบริษัทSMและบริษัทในเครือของบริษัทSMกลับมาและจะเอาบริษัทKAกลับมาด้วยนะ"ขุนศึกเอ่ยตอบฉันมาแววตาของเขาดูมุ่งมั่นเเบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน"เงินจนทะเบียนการเปิดบริษัทSMหนึ่งพันล้าน....ถ้าขุนพ้นคดีขุนก็สามารถได้ทรัพย์สินที่ถูกทางการยึดไปตรวจคืนแต่ถ้าไม่ได้คืนหรือแพ้คดีขุนก็จะซื้อบริษัทนี้กลับมาให้ได้เพื่ออนาคตของลูก""และขุนจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อกลับมาถ้าบริษัทถูกขายทอดตลาดหุ้น"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัย เขาก็มองหน้าฉันแต่ไม่ได้มีสีหน้าที่ดูกังวลเลยนะเหมือนเขาคิดว่าเขาจะสามารถนำบริษัทกลับมาได้น่ะ ท่าทางที่ดูมั่นอกมั่นใจแบบนั้นของขุนศึก ฉันไม่เคยเห็นเลยนะ "ตอนนี้บริษัทถูกเปลี่ยนผู้บริหารโดยให้ค
"ยังไงๆเขาก็เป็นลูกริเหมือนกัน"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปอย่างมั่นใจให้เขาคลายความกังวลลง เขาก็มองหน้าฉันอย่างนิ่งเฉยแววตาสั่นไหวเหมือนก่อนหน้านี้เหมือนเขาไม่อยากให้ฉันทำงานจริงๆนั้นแหละๆ"ริจำเป็นต้องทำค่าใช้จ่ายยังอีกเยอะ.....""ขุนขอโทษนะที่มาเป็นภาระให้ริต้องมาเผชิญความลำบากแบบนี้....อันที่จริงริไม่จำเป็นต้องช่วยขุนก็ได้....""ไม่จำเป็นต้องเอาเงินห้าสิบล้านมาให้ขุนแทนที่ริจะได้เก็บไว้ใช้อย่างสบายแต่กลับต้องมาเหนื่อยและลำบากแบบนี้""เราเป็นเพื่อนกันนะขุน.....ขุนเคยช่วยเหลือริในตอนที่ริลำบากเกือบจะโดนไล่ออกจากมหาลัยถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากขุนในวันนั้นชีวิตเด็กกำพร้าแบบริก็คงจะไม่มีชีวิตดีๆแบบในวันนี้""และอีกอย่างริเป็นต้นเหตุให้ชีวิตขุนต้องมาพังจนยับเยินแบบนี้""ถ้าขุนไม่โกรธ.....ขุนคงจะไม่ทำร้ายแก้มหวานแบบนั้น""มันไม่ใช่เพราะเธอ....เอริ""หมายความว่ายังไง?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยพลางจ้องหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ขุนศึกที่แสดงสีหน้าออกอย่างชัดเจนว่าเขามีเรื่องปิดบังฉันอยู่"ขุนมีเรื่องที่ปิดบังริอยู่ใช่ไหม?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปเสียงเข้มพร้อมกับจ้องเขาเขม่นอย่างจับผิดขุนศึก เขาก็มีสีหน้า
"ท่านประธานบอกดิฉันไว้แล้วค่ะว่าคุณฐิติมนจะเข้ามาสมัครงาน"เสียงหวานใสเอ่ยขึ้น ฉันก็มองหน้าของพนักงานฝ่ายบุคคลพร้อมกับยิ้มบางๆไปให้เธอ เธอที่่อ่านเอกสารการสมัครงานของฉันเสร็จก็ยิ้มให้ฉัน "คุณฐิติมนพร้อมเมื่อไหร่เริ่มทำงานได้ทันทีเลยนะคะ""ค่ะ....ว่าแต่จะให้ดิฉันทำเเผนกอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามพนักงานไปอย่างสงสัย เธอก็ยิ้มกรุ่มกริ่มให้ฉันก่อนจะตอบฉันมา"ผู้ช่วยของเลขาท่านประธานค่ะ""ผู้ช่วยของเลขาท่านประธาน?"ฉันทวนตำแหน่งงานที่ฉันจะได้ทำกับพนักงานฝ่ายบุคคลไปอีกครั้งเพื่อย้ำว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด"ใช่ค่ะคุณฐิติมนพร้อมเมื่อไหร่เริ่มงานได้ทันทีค่ะ""โอเคค่ะ.....งั้นฉันเริ่มงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะค่ะ""ได้เลยค่ะ....ดิฉันจะแจ้งท่านประะธานให้ทราบค่ะ""ค่ะขอบคุณมากค่ะงั้นฉันขอตัวก่อน""ค่ะ"เธอเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะให้ฉันอย่างเคารพฉันก็โค้งตัวให้เธอกลับไปเช่นกันเอาอีกแล้วฉันได้ทำงานในตำแหน่งดีๆเพราะเป็นเด็กเส้นของท่านประธานอีกแล้วพรึบ"รอนานเปล่า?"ฉันเปิดประตูรถขึ้นมาฝั่งคนขับและหันไปเอ่ยถามคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนนั่งข้างคนขับอย่างขุนศึกเขาก็ยิ้มบางๆให้ฉันพลางส่ายศีรษะไ
ตลอดระยะเวลาในการรอเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกัน เพียงแต่มองไปที่บริเวณรอบๆของโรงพยาบาลแห่งนี้ที่มีผู้ป่วยนั่งรอคิวอยู่เต็มไปหมด ฉันกับขุนศึกก็นั่งไปสักพักก็มีนางพยาบาลเดินตรงมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่หวานหยดย้อย"คุณฐิติมนใช่ไหมคะ?""ใช่ค่ะ...."ฉันตอบนางพยาบาลไปพร้อมกับยิ้มให้เธอไปด้วย"ค่ะ...เรียนเชิญที่ห้องตรวจเลือดนะคะ....เรียนเชิญคุณพ่อด้วยค่ะ....เราจะตรวจหาโรคธาลัสซีเมียกันนะคะ"นางพยาบาลว่าพร้อมกับมองหน้าฉันสลับกับมองหน้าขุนศึก ฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึกเช่นกัน เขาก็จ้องมองกลับมาที่ฉันแววตาตื่นเต้นเป็นประกายแสดงถึงความดีใจของเขาอย่างชัดเจน"ได้ค่ะ""เชิญทางนี้ค่ะ"นางพยาบาลว่าพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเดินตามเธอไป ฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึกอีกครั้งก่อนจะเดินตามหลังของนางพยาบาลไปโดยมีขุนศึกเดินตามหลังฉันมาติดๆเราสองคนเข้าไปตรวจเลือดเรียบร้อยนางพยาบาลก็ให้เรามานั่งรอหน้าห้องตรวจเพื่อทำการพบคุณหมอและฟังผลเลือด"ขุนว่า....ขุนจะเอารถไปขายและไปซื้อรถมือสองที่ถูกๆกว่านี้"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉันที่เห็นว่าระหว่างเรามันมีแต่ความเงียบครอบงำจึงหันไปมองหน้าขุนศึกกับประโยคที่เขาพูดอ
วันต่อมา.... คอนโดเควิน ห้องเอริ เอริ ฐิติมน..... "ทำอะไรเนี่ยขุน?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยทันทีที่ฉันเดินมาถึงห้องอาหารก็พบกับอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะอาหาร โดยมีขุนศึกกำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหารอยู่ เขาใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูทำให้ฉันแอบขำขึ้นมา เพราะมันก็ดูเหมาะกับเขาดีนะ "ทานข้าวเช้าก่อนริ.....ขุนทำไว้ให้แล้ว....มีแต่ของมีประโยชน์ทั้งนั้นเลยนะ"ขุนศึกว่าพร้อมกับเดินมาหาฉันและใช้มือดันแผ่นหลังฉันเบาๆเพื่อให้เดินไปที่โต๊ะอาหารและยังแย่งกระเป๋าสะพายของฉันไปถือไว้อีก ฉันก็มองหน้าเขาพลางเบะปากใส่แต่ก็ยอมเดินไปที่โต๊ะอาหารนะ ก็พบกับอาหารหลากหลายเมนูที่ประกอบไปด้วยอาหารห้าหมู่ครบถ้วน ที่ขุนศึกกระตือรือร้นแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อวานที่ไปฝากครรภ์มาคุณหมอบอกให้ฉันทานอาหารให้ครบห้าหมู่ลูกจะได้แข็งแรง ขุนศึกก็เลยขุนฉันเอ้ยทำอาหารให้ฉันกินโดยครบห้าหมู่ และแต่ละอย่างก็น่ากินทั้งนั้นเลย "กว่าลูกจะคลอด....ริคงได้เป็นแม่หมูแน่ๆ"ฉันหันไปเอ่ยบอกขุนศึกที่ยืนตักข้าวไรซ์เบอร์รี่ให้ฉันด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "ไม่เป็นไรเดี๋ยวลูกคลอดริค่อยไปฟิตเนสเอาก็ได้....ริน่ะไม่อ้วนง่ายๆหรอก" "อ้อจ้าาาาาา"ฉันแกล
"เอ่อขุน""หืม?"ขุนศึกที่กำลังให้ความสนใจรถบนท้องถนนอยู่ก็หันกลับมาหาฉันที่นั่งอยู่ที่ประจำคนนั่งข้างที่อยู่ๆฉันที่เงียบมาตลอดตั้งแต่คอนโดจนมาได้กลางทางฉันก็เอ่ยขึ้นมา"ริติดต่อหมอที่เชี่ยวชาญกับอัมพฤกษ์มาทำกายภาพบำบัดให้แม่ขุนแล้วนะ"ฉันเอ่ยออกไปอย่างนึกขึ้นได้ เกือบลืมไปแหนะ ว่าฉันไปติดต่อหมอนวดแผนไทยที่เก่งที่สุดให้มาทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงนฤมิตรได้แล้ว หมอคนนี้มีชื่อเสียงและคิวของเขาก็แน่นมากขุนศึกก็หันมามองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวพลางเม้มปากเป็นเส้นตรง"ขอบคุณนะที่ดีกับขุนและแม่ของขุน""ถ้าขุนไม่ได้ริ.....ขุนกับแม่คงแย่กว่านี้แน่""ไม่เป็นไรริเต็มใจ....ส่วนเรื่องค่ารักษาเดี๋ยวริออกเองนะ""เงินเดือนริก็พอจะเอามาใช้จ่ายในบ้านได้""ขอโทษและขอบคุณ.....ขุนนี่แย่จังที่ทำให้ริต้องลำบาก""ขุนสัญญาเลยนะว่าขุนจะพยายามทำตัวให้ดีที่สุดจะพยายามทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวให้ดีที่สุดให้ได้มากกว่านี้ด้วย""ลูกของเราจะต้องสุขสบาย"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยแววตามุ่งมั่นและมีความหวัง ฉันก็มองเขาพร้อมกับยิ้มกริ่มออกมาอย่างซึ่งใจที่ขุนศึกมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแบบนี้ได้เสียทีเขาดูโตกว่าเมื่อก่อนที่ใช้ชี
ฉันอ่านเอกสารกองโตตรงหน้าของฉันเสร็จพร้อมกับจัดเรียงเอกสารอีกกองแยกเป็นชุดรวมทั้งหมดยี่สิบชุดจนเสร็จเรียบร้อย ก็รู้สึกได้ถึงแววตาของใครสักคนที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตาจนฉันต้องหันกลับไปมองก็พบว่าเลขาของท่านประธานบริษัทนี้กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เธอคงจะตกใจล่ะสิว่าฉันรู้และทำมันถูกต้องได้ยังไงในเมื่อเธอไม่ได้บอกฉันสักคำ"ฉันถ่ายเอกสารและจัดแยกเป็นชุดเตรียมพร้อมจะแจกจ่ายให้กับผู้ประชุมทุกท่านแล้วค่ะ""และตารางงานของท่านประธานฉันก็ทำเรียบร้อยแล้ว""จะให้ฉันเข้าไปรายงานหรือคุณจะเข้าไปคะ""อย่าสะเออะ"คำเดียวสั้นๆที่กระแทกใส่หน้าฉัน ฉันไม่พูดอะไรต่อ หันกลับมาทำงานของฉันต่อโดยไม่สนใจเธอคนที่นั่งโต๊ะข้างๆฉันเธอไม่ชอบฉันเพราะอะไรนะ ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ชอบฉันเพราะคิดว่าฉันเป็นเด็กเส้นของท่านประธานอย่างงั้นเหรอกริ๋งงงงงงง"ฮัลโหลค่ะท่านประธาน""อ้อได้ค่ะ....เดี๋ยวจะให้เข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะ..ค่ะสวัสดีค่ะ"เลขาที่แต่งตัวสวยกริบเพราะดูจากหน้าตาและเสื้อผ้าลุคที่เธอใส่อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบหกปีรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นบนโต๊ะของเธอเธอก็พูดเสียงหวานหยดย้อยพร้อมกับยิ้ม
"ค่ะได้ค่ะ"ฉันยิ้มตอบคุณเควินไป "งั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณเอริแล้วครับ""ค่ะ...งั้นริขอไปทำงานต่อก่อนนะคะ""เชิญครับ""เอ่อคุณเอริครับ""คะ?"ฉันหยุดกระชักฝีเท้าลงพร้อมกับมือที่กำลังจับลูกบิดประตูหมุนเพื่อจะเปิดประตูออกก็หยุดกระชักลงและหันไปมองเสียงเรียกของคุณเควินแทน"เที่ยงนี้ไปทานข้าวกับผมนะครับ""ขอโทษทีนะคะ....แต่ริเห็นว่ามันไม่สมควร""เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ....."คุณเควินเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันก็ยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของเขา ฉันไม่ควรจะทำตัวสนิทสนมกับคุณเควินมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องฉันอยากทำงานที่นี่ไปนานๆด้วยฝีมือของฉันไม่ใช่เพราะฉันเป็นเด็กเส้นที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ"หึ.....หน้าด้าน"เสียงเเค่นดูถูกเอ่ยขึ้นทันทีที่ก้นของฉันถึงเบาะนั่งของเก้าอี้โต๊ะทำงานของฉันพอดีฉันจึงหันขวับไปมองคนที่ว่าฉันทันที"ด้านได้....แต่อายอด"ฉันยิ้มเยาะขึ้นพลางลอยหน้าลอยตาพูดแบบลอยๆไปทำให้เลขาสุดสวยถึงกับกรี๊ดเบาๆอย่างไม่พอใจฉันที่ฉันกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเธอถ้าฉันยอมฉันก็จะโดนกดขี่อยู่แบบนี้ เธอจะยิ่งได้ใจ ฉันควรจะตอบโต้เธอกลับไปบ้างเพื่อให้เธอรู้ว่าฉันก็ไม่
"แค่ใช้การตรวจเลือดของคุณแม่ครับ.....ทางโรงพยาบาลของเรามีห้องแล็บที่ทันสมัยไม่ต้องเจาะน้ำคร่ำตรวจก็ทราบผลได้เหมือนกันครับ"คุณหมออธิบายมาพร้อมกับยิ้มแย้มให้เราทั้งคู่คุณหมอแนะนำดีมากเลยนะ ขุนศึกหันมามองหน้าฉันฉันก็มองหน้าเขาด้วยความสงสัย ว่าเขาจะมองหน้าฉันแล้วทำสายตาละห้อยทำไมกันนะ "ริยอมไหม....จะเจ็บหรือเปล่า?"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแววตาห่วงใจ น้ำเสียงของเขาที่เอ่ยออกมันฟังดูอบอุ่นจัง และไหนจะสายตาที่มองฉันด้วยความเห็นใจอีกฉันจึงยิ้มให้ขุนศึกไป"ไม่เจ็บหรอก....เพื่อลูกริทำได้ทุกอย่าง""ริเชื่อนะว่าลูกของเราจะต้องเกิดมาครบสามสิบสองแน่นอน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างให้กำลังใจขุนศึกและตัวเองขุนศึกก็ยิ้มกว้างให้ฉันก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉัน"ฉันพร้อมที่จะเจาะเลือดเลยค่ะคุณหมอ"ฉันละสายตาจากขุนศึกหันไปบอกคุณหมอที่นั่งอยู่ตรงหน้าของฉัน คุณหมอก็ยิ้มอย่างสุภาพให้ฉัน"โอเคครับ....งั้นเดี๋ยวหลังจากคุณฐิติมนออกจากห้องตรวจผมจะให้พยาบาลพาคุณฐิติมนไปย้งห้อวเจาะเลือดนะครับ""ได้ค่ะ....""งั้นขอเชิญที่เตียงครับ....หมอจะขอดูทารกในครรภ์เสียหน่อย"คุณหมอเอ่ยขึ้นพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉ
"ผลเลือดของคุณพ่อกับคุณแม่ผ่านนะครับ.....เท่าที่ผมดูไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง""สามารถให้คุณแม่ตั้งครรภ์ต่อไปได้ครับ""จะมีก็แต่เลือดของคุณแม่ที่ค่อนข้างจางนิดหน่อยแต่ไม่มากครับเอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะจัดยาบำรุงเลือดไปให้นะครับ""ทานก่อนนอน.....ห้ามทานพร้อมนมนะครับเดี๋ยวประสิทธิภาพของยาจะไม่ได้ผล"คุณหมอจุณภพเอ่ยขึ้นหลังจากที่เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแผ่นกระดาษสี่เหลี่ยมตรงหน้าของเขาที่เป็นผลเลือดของฉันกับขุนศึกเมื่อได้ยินหมอพูดแบบนั้นว่าเลือดของเราทั้งคู้ผ่านฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึก ขุนศึกก็ห้นมามองหน้าฉันก่อนที่เราสองคนจะยิ้มออกมาให้กันด้วยสายตาที่ดีใจมันมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกแต่ผลเลือดของฉันจางนิดหน่อย คงไม่เป็นอะไร คุณหมอก็บอกเองหนิฉันพยักหน้าให้คุณหมอที่เขาอธิบายการกินยาบำรุงเลือดให้ฉันฟัง "ตอนนี้คุณฐิติมนก็ตั้งครรภ์เข้าสัปดาห์ที่สิบเอ็ดของการตั้งครรภ์แล้วนะครับ""ถ้านับเป็นเดือนก็จะสามเดือนแล้วครับ""ผมอยากจะสอบถามว่าคุณฐิติมนกับคุณขุนณรงค์สนใจอยากจะตรวจคัดกรองดาวซินโดรมไหมครับ""ลูกฉันมีความเสี่ยงเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามคุณหมอไปด้วยน้ำเสี่ยงสั่นๆอย่างเป็นกังวลขุนศึกที่ได้ยินนำ้เสียงของฉันไม่สู
ฉันทำเป็นไม่ยืนมองรถแต่กลับรีบเดินจ้ำอ้าวเข้าไปในโรงพยาบาลแทน ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยยืนทักทายอยู่ตรงประตูเปิดอัตโนมัติด้านหน้าทางเข้าโรงพยาบาลฉันก็โค้งตัวให้เขาพร้อมกับยิ้มทักทายให้เขาก่อนจะรีบหันหลังเดินกลับมาที่ที่ฉันลงรถนั่นคือที่หน้าโรงพยาบาลฉันก็มองหารถเก๋งคันนั้นที่เลขทะเบียนฉันจำได้ขึ้นใจ ก็พบว่ามันขึ้นไปที่ชั้นจอดรถด้านบน ซึ่งโรงพยาบาลนี้มีทั้งหมดห้าชั้นสี่ตึก ถ้าเป็นคนที่ฉันคิดว่าใช่ รถเก๋งสี่ประตูคันนี้จะต้องไปจอดที่ชั้นสองแน่นอนเมื่อคิดได้อย่างนั้นฉันก็รีบเดินเข้าโรงพยาบาลตรงดิ่งไปที่ลิฟต์และขึ้นไปยังชั้นสองของโรงพยาบาลทันทีเดินไปดักหน้าประตูทางเข้า โชคดีที่เขาทำทางออกแค่ทางเดียว มันจึงง่ายสำหรับที่จะแอบจับผิดใครสักคนฉันยืนมองจนสายตาไปเจอเข้ากับรถยนต์เจ้าปัญหาและก็พบกับผู้ชายที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวพร้อมสวมใส่กางเกงยีนส์เปิดประตูลงมาจากรถคันที่มาส่งฉันฉันจึงหลบมุมทางเข้าทันทีเพื่อรอเขาคนนั้นให้เดินเข้ามาและฉันก็รอไม่นาน ผู้ชายคนนั้นก็เดินเข้ามาที่ประตู ฉันจึงก้าวขาออกไปขวางทางเขาได้จังหวะทำให้เขาที่ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างเร่งรีบเกือบชนฉันจนเขาต้องหยุ
วันเดียวกัน....."วันนี้ฉันขอลางานครึ่งวันนะคะ"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปหลังจากที่ฉันวางหนังสือการลาของฉันลงตรงหน้าของเขาแล้วคุณเควินก็มองหน้าฉันสักพักก่อนจะเปิดซองเอกสารของฉันดูที่ข้างในเป็นจดหมายลางานอย่างกระทันหันเพราะฉันลืมไปว่าวันนี้มีนัดกับคุณหมอเพื่อตรวจดูการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ของฉันว่าเป็นไปตามเกณท์ไหมและมีอะไรผิดพลาดหรือเปล่ารวมถึงฟังผลเลือดที่ตรวจเมื่ออาทิตย์ก่อนด้วย"ลางานปุ๊บปั๊บแบบนี้มันผิดกฎของบริษัทนะครับ"คุณเควินเอ่ยขึ้นพร้อมกับสบตาฉันด้วยแววตามีเลศนัยเมื่อคืนฉันก็ไปดินเนอร์กับเขากลับเกือบห้าทุ่มแหนะ ก็เขาน่ะสิ ชวนฉันคุยเรื่องงาน พอเป็นเรื่องงานเลยยาวเลยทีนี้เขาคงจะรู้ว่า ฉันยินดีที่จะคุยกับเขาแค่เรื่องงานเท่านั้น ไม่ยินดีที่จะคุยเรื่องส่วนตัว เขาจึงคุยกับฉันแค่เรื่องงานไม่มีเรื่องอื่นมาสอดแทรกเลยสักนิด ซึ่งฉันก็ว่ามันดี สบายใจดีน่ะซึ่งมันก็ดี มันไม่ทำให้ฉันอึดอัดดีน่ะ ว่าจริงๆคุณเควินก็ดีนะ พูดรอบเดียวเข้าใจและรู้เรื่อง เขาทั้งหล่อทั้งเก่งและฉลาดมากผู้หญิงคนไหนที่ได้ใจของคุณเควินไปครอง เธอคนนั้นต้องโชคดีมากแน่ๆฉันมั่นใจ"ฉันรู้ค่ะ.....แต่มันจำเป็นจริงๆให้ฉันทำง
"เพื่อทำการฟอกเงินที่ถูกโกงมาจากประเทศทางเอเชียใต้ทั้งหมด""แกรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?"นันฤดีเอ่ยออกมาเสียงแข็งแววตาสั่นไหว สีหน้าไม่พอใจที่นามิการู้มากอย่างนี้ "ฉันยังรู้มากกว่านี้อีกว่าไอ้บริษัทเทรดหุ้นที่เธอเสนอให้คุณหญิงนฤมิตรมันเป็นแค่ฉากบังหน้า.....เธอต้องการจะหลอกเอาเงินพวกคนโง่ที่โลภมากอยู่แล้ว""เธอรอรับเงินส่วนแบ่งอย่างสบายปล่อยให้ยัยคุณหญิงฟน้าโง่นั้นออกหน้าอยู่คนเดียวและพอโดนจับก็โดนจับคนเดียว""ฉันได้ยินมาว่าตอนนี้ขุนศึกมันได้รับประกันตัวไปแล้วตอนนี้อยู่ระหว่างการต่อสู้คดี.....แต่มันยังไม่ชนะเพราะพวกมันไม่มีหลักฐาน""ถ้าฉันเอาเรื่องนี้ไปบอกตำรวจและขอให้ตำรวจกันฉันไว้เป็นพยานมีหวังไอ้ขุนศึกมันชนะแน่และทีนี้ตำรวจก็จะพุ่งเป้ามาที่เธอแทน""คนที่ผิดจริงๆก็คือเธอ"นามิการ่ายยาวออกมาโดยเรื่องที่เธอพูดมามันคือเรื่องจริงทั้งหมด นันฤดีได้แต่คิดในใจว่านามิการู้เรื่องนี้ได้ยังไง ทั้งที่เธอไม่ได้บอก เธอบอกแค่ให้สองคนแม่ลูกนี้ไปพาคุณหญิงมาให้เธอรู้จัก เพื่อแลกกับเงินหนึ่งก้อนโตและไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรทุกอย่างให้นามิกาหรือคุณหญิงนวลปรางรู้เลยด้วยซ้ำ"แกจะเอาเท่าไหร่ว่ามา?"นันฤดีกดเสียงต่
วันต่อมาบริษัทของแก้มหวาน"คุณจะมาปล่อยเราสองคนแม่ลูกทิ้งกลางทางแบบนี้ไม่ได้นะคะ"เสียงแหลมที่โวยวายออกมาอย่างไม่พอใจดังขึ้นทำให้ผู้หญิงที่สวยสง่าและวางตัวดีที่นั่งประจำตำแหน่งของท่านประธานบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ถึงกับเงยหน้าขึ้นไปมองสองคนแม่ลูกที่เอาแต่พูดเสียงแว้ดๆจนน่ารำคาญอยู่ได้อย่างไม่พอใจและเบื่อหน่าย"ก็พวกคุณทำงานพลาดเอง......ไปไม่ถึงวันแต่ง.....""แล้วฉันผิดคำพูดตรงไหน.....เธอทำตามที่เราตกลงกันไว้ไม่ได้เองนะ"นันฤดีเอ่ยออกไปพลางทำสีหน้าที่เหนือชั้นกว่า ทำให้สองคนแม่ลูกอย่างคุณหญิงนวลปรางและนามิกาหันมองหน้ากันแทบจะทันทีที่เธอสองคนไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงอย่างนันฤดีที่เธอวางมาดราวกับเธอเป็นคนที่สูงส่งที่มาหลอกให้เธอสองคนแม่ลูกเข้าไปทำความสนิทและทำยังไงก็ได้ให้ขุนณรงค์หลงรักและแต่งงานกับนามิกาให้ได้และถ้าขุนณรงค์แต่งงานกับนามิกาแล้ว ก็ให้นามิกายกเลิกงานแต่งงานและบอกเลิกขุนณรงค์ซะแต่สองคนแม่ลูกก็ทำไม่สำเร็จเพราะครอบครัวของขุนณรงค์มามีปัญหาถูกจับเสียก่อนและแถมขุนณรงค์ยังเป็นฝ่ายยกเลิกงานแต่งงานกับนามิกาอีกทำให้นันฤดีไม่พอใจสองคนแม่ลูกที่ทำงานไม่ได้เรื่องนี้อย่างมา
แต่จะให้ฉันคาดคั้นอะไรเขาได้ในเมื่อเราสองคนมีสถานะแค่พ่อกับแม่ของลูกแค่นั้นไม่ใช่สามีภรรยากัน"คุณเอริใช่ไหมครับ?"เสียงทุ้มที่ฟังดูสุภาพเอ่ยขึ้นทันทีที่มีผู้ชายวัยกลางคนสวมใส่ชุดสูทสีดำลงมาจากรถตู้หรูคันสีดำเงาวับแถมป้ายแดงที่เพิ่งจะแล่นเข้ามาจอดลงตรงหน้าของฉันกับขุนศึก"อ้อใช่ค่ะ"ฉันตอบเขาไปพลางทำสีหน้างงๆและหันไปมองหน้าขุนศึกที่ยืนอยู่ข้างๆฉันเขาเองก็มองหน้าฉันกลับด้วยแววตาสงสัยไม่ต่างจากฉันเช่นกัน"คุณเควินให้ผมมารับคุณเอริครับ""อ้อค่ะ"ฉันพยักหน้าเข้าใจทันที ที่แท้ก็คุณเควินส่งคนมารับฉันนี่เอง ฉันจึงหันกลับมามองหน้าขุนศึกอีกครั้ง"งั้นเราไปก่อนนะ......ไว้เจอกัน"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปพร้อมกับยกมือลาเขาตามประสาเพื่อนที่นัดเจอกันพอจะกลับบ้านก็ยกมือโบกลากัน"เค"ขุนศึกตอบรับรู้ก่อนจะยกมือตอบกลับฉัน ฉันยิ้มน้อยๆให้ขุนศึกก่อนจะเดินไปยังรถตู้สุดหรูที่จอดรอรับฉันอยู่โดยมีคนบริการเปิดปิดกระตูให้ประหนึ่งว่าฉันเป็นเซเลบคนรวยคนหนึ่งเลยล่ะฉันมองไปยังด้านหลังของรถอย่างชะเง้อกลับไปเมื่อรถแล่นมาถึงทางเลี้ยวที่จะออกจากคอนโดแล้วก็พบว่าขุนศึกยังคงยืนมองอยู่แบบนั้น แววตาที่เศร้าสร้อยของเขา มันทำให้ฉัน
"จะไปไหนเหรอเอริ?"เสียงอบอุ่นเอ่ยถามฉันขึ้นอย่างเป็นห่วงจากทางด้านหลังของฉันที่ฉันกำลังมุ่งหน้าออกจากห้องนี้ทำให้ฉันต้องหยุดชะงักฝีเท้าลงและหันไปมองยังต้นเสียงที่เอ่ยถามฉันทันที"จะไปทานข้าวนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยตอบป้าบัวไปพร้อมกับยิ้มให้ท่านไปด้วย"กับคุณเควินน่ะเหรอ?""ใช่ค่ะ""จ้างั้นไปเถอะป้าไม่กวนแล้ว""ค่ะป้า....ว่าแต่หมอทำกายภาพบำบัดของคุณหญิงคนนี้โอเคไหมคะ?""คุณหญิงมีอาการดีขึ้นไหมคะ?""ก็ดีขึ้นนะ....เริ่มขยับนิ้วเองได้เริ่มอ้าปากทำเสียงได้บ้างแล้ว""คุณหมอแกรับประกันว่าไม่เกินปีคุณหญิงต้องกลับมาพูดได้และเดินได้แน่นอนค่ะ"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปอย่างมั่นใจป้าบัวก็ยิ้มให้ฉันพร้อมกับพยักหน้ารับรู้"ป้าก็ขอให้เป็นแบบที่เอริพูดนะ....สงสารคุณหญิงท่านน่ะ....ไหนจะเรื่องคดีไหนจะต้องมาล้มป่วยแบบนี้แถมเดินไม่ได้อีกตั้งหาก"ป้าบัวเอ่ยออกมาเสียงเศร้า แววตาสั่นไหวอย่างสงสารและเห็นใจคุณหญิงจากใจจริง"ค่ะ....ริจะพยายามเท่าที่ริช่วยได้นะคะป้า....""จ้าขอบใจริมากนะที่ไม่ทิ้งคุณขุนศึกและคุณหญิง""ค่ะ.....ว่าแต่นี่ขุนไปไหนเหรอคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปพลางชะโงกหน้ามองไปรอบๆห้องเพื่อหาขุนศึกที่ฉันไม่เจอหน้าเ
"มีอะไรกันหรือเปล่าครับ.....คุณเอริ?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาจากทางด้านหลังฉัน ฉันจึงละสายตาจากไรเดอร์ตรงหน้าหันกลับไปมองที่ด้านหลังของฉันก็พบกับผู้ชายรูปร่างสูงโปร่งหน้าตาหล่อเหลาอยู่ในชุดสูทสีดำกำลังฉีกยิ้มให้ฉันอยู่แววตาสงสัยจ้องมองมาที่ฉันพร้อมกับเดินตรงดิ่งมาหาฉัน"เปล่าค่ะ....พอดีริสั่งของแล้วไรเดอร์เขาเหมือนจะไม่รับเงินจากริ"ฉันเอ่ยบอกคุณเควินไปเขาก็ขมวดคิ้วงุนงงและสงสัยก่อนจะหันไปมองที่ไรเดอร์คนนั้นสลับกับมองหน้าฉัน"ทำไมเขาถึงจะไม่รับเงินจากคุณเอริล่ะครับ""ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ"ฉันตอบคุณเควินไปพลางหันกลับมามองที่ไรเดอร์พรึบ"ไม่ต้องทอนนะครับ.....รับไว้เถอะครับ"คุณเควินเอ่ยเสียงละมุนพร้อมกับยื่นธนบัตรหนึ่งพันบาทให้ไรเดอร์ไปเขาก็ทำท่ายึกยักๆเหมือนจะลังเลว่าเขาจะรับดีไหม"เอาไปเถอะครับ......ค่าอาหารของคุณเอริ"คุณเควินว่าพร้อมกับยัดเงินแบงค์พันใส่กระเป๋าเสื้อด้านหน้าของไรเดอร์คนนั้นไปโดยที่ไรเดอร์ไม่ทันตั้งตัว"ผมหวังว่าคุณเอริจะไม่ลืมดินเนอร์ของเราคืนนี้นะครับ....ผมให้คนเอาเสื้อผ้าไปให้คุณเอริแล้วที่ห้อง"คุณเควินเอ่ยขึ้นมาขัดในขณะที่ไรเดอร์กำลังจะเอาเงินคืนคุณเควินแต่เขากลับทำเ