เช้าวันต่อมาเอริ ฐิติมน....พรึบ"ริจะไปไหนแต่เช้าอ่ะ?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยออกมาอย่างสงสัยฉันที่แต่งตัวเรียบร้อยเพื่อจะไปสมัครงานก็หันไปหาขุนศึกที่ตอนนี้เขากำลังนั่งอยู่ในโซนของห้องนั่งเล่นและข้างหน้าของเขาก็มีเอกสารกองโตวางอยู่ ฉันจึงเดินไปหาขุนศึกก่อน"พอดีริจะไปสมัครงานน่ะ....ว่าแต่ขุนกำลังทำอะไรอยู่เหรอ?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยพลางมองดูเอกสารที่เขากำลังอ่านอยู่ไปด้วย"ขุนกำลังศึกษาเพื่อจะเอาบริษัทSMและบริษัทในเครือของบริษัทSMกลับมาและจะเอาบริษัทKAกลับมาด้วยนะ"ขุนศึกเอ่ยตอบฉันมาแววตาของเขาดูมุ่งมั่นเเบบที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน"เงินจนทะเบียนการเปิดบริษัทSMหนึ่งพันล้าน....ถ้าขุนพ้นคดีขุนก็สามารถได้ทรัพย์สินที่ถูกทางการยึดไปตรวจคืนแต่ถ้าไม่ได้คืนหรือแพ้คดีขุนก็จะซื้อบริษัทนี้กลับมาให้ได้เพื่ออนาคตของลูก""และขุนจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อกลับมาถ้าบริษัทถูกขายทอดตลาดหุ้น"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัย เขาก็มองหน้าฉันแต่ไม่ได้มีสีหน้าที่ดูกังวลเลยนะเหมือนเขาคิดว่าเขาจะสามารถนำบริษัทกลับมาได้น่ะ ท่าทางที่ดูมั่นอกมั่นใจแบบนั้นของขุนศึก ฉันไม่เคยเห็นเลยนะ "ตอนนี้บริษัทถูกเปลี่ยนผู้บริหารโดยให้ค
"ยังไงๆเขาก็เป็นลูกริเหมือนกัน"ฉันเอ่ยบอกขุนศึกไปอย่างมั่นใจให้เขาคลายความกังวลลง เขาก็มองหน้าฉันอย่างนิ่งเฉยแววตาสั่นไหวเหมือนก่อนหน้านี้เหมือนเขาไม่อยากให้ฉันทำงานจริงๆนั้นแหละๆ"ริจำเป็นต้องทำค่าใช้จ่ายยังอีกเยอะ.....""ขุนขอโทษนะที่มาเป็นภาระให้ริต้องมาเผชิญความลำบากแบบนี้....อันที่จริงริไม่จำเป็นต้องช่วยขุนก็ได้....""ไม่จำเป็นต้องเอาเงินห้าสิบล้านมาให้ขุนแทนที่ริจะได้เก็บไว้ใช้อย่างสบายแต่กลับต้องมาเหนื่อยและลำบากแบบนี้""เราเป็นเพื่อนกันนะขุน.....ขุนเคยช่วยเหลือริในตอนที่ริลำบากเกือบจะโดนไล่ออกจากมหาลัยถ้าไม่ได้ความช่วยเหลือจากขุนในวันนั้นชีวิตเด็กกำพร้าแบบริก็คงจะไม่มีชีวิตดีๆแบบในวันนี้""และอีกอย่างริเป็นต้นเหตุให้ชีวิตขุนต้องมาพังจนยับเยินแบบนี้""ถ้าขุนไม่โกรธ.....ขุนคงจะไม่ทำร้ายแก้มหวานแบบนั้น""มันไม่ใช่เพราะเธอ....เอริ""หมายความว่ายังไง?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยพลางจ้องหน้าเขาอย่างไม่เข้าใจ ขุนศึกที่แสดงสีหน้าออกอย่างชัดเจนว่าเขามีเรื่องปิดบังฉันอยู่"ขุนมีเรื่องที่ปิดบังริอยู่ใช่ไหม?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปเสียงเข้มพร้อมกับจ้องเขาเขม่นอย่างจับผิดขุนศึก เขาก็มีสีหน้า
"ท่านประธานบอกดิฉันไว้แล้วค่ะว่าคุณฐิติมนจะเข้ามาสมัครงาน"เสียงหวานใสเอ่ยขึ้น ฉันก็มองหน้าของพนักงานฝ่ายบุคคลพร้อมกับยิ้มบางๆไปให้เธอ เธอที่่อ่านเอกสารการสมัครงานของฉันเสร็จก็ยิ้มให้ฉัน "คุณฐิติมนพร้อมเมื่อไหร่เริ่มทำงานได้ทันทีเลยนะคะ""ค่ะ....ว่าแต่จะให้ดิฉันทำเเผนกอะไรหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามพนักงานไปอย่างสงสัย เธอก็ยิ้มกรุ่มกริ่มให้ฉันก่อนจะตอบฉันมา"ผู้ช่วยของเลขาท่านประธานค่ะ""ผู้ช่วยของเลขาท่านประธาน?"ฉันทวนตำแหน่งงานที่ฉันจะได้ทำกับพนักงานฝ่ายบุคคลไปอีกครั้งเพื่อย้ำว่าตัวเองไม่ได้ฟังผิด"ใช่ค่ะคุณฐิติมนพร้อมเมื่อไหร่เริ่มงานได้ทันทีค่ะ""โอเคค่ะ.....งั้นฉันเริ่มงานตั้งแต่วันพรุ่งนี้ก็แล้วกันนะค่ะ""ได้เลยค่ะ....ดิฉันจะแจ้งท่านประะธานให้ทราบค่ะ""ค่ะขอบคุณมากค่ะงั้นฉันขอตัวก่อน""ค่ะ"เธอเอ่ยขึ้นพร้อมกับลุกขึ้นยืนและก้มศีรษะให้ฉันอย่างเคารพฉันก็โค้งตัวให้เธอกลับไปเช่นกันเอาอีกแล้วฉันได้ทำงานในตำแหน่งดีๆเพราะเป็นเด็กเส้นของท่านประธานอีกแล้วพรึบ"รอนานเปล่า?"ฉันเปิดประตูรถขึ้นมาฝั่งคนขับและหันไปเอ่ยถามคนที่นั่งประจำตำแหน่งคนนั่งข้างคนขับอย่างขุนศึกเขาก็ยิ้มบางๆให้ฉันพลางส่ายศีรษะไ
ตลอดระยะเวลาในการรอเราสองคนก็ไม่ได้พูดอะไรกัน เพียงแต่มองไปที่บริเวณรอบๆของโรงพยาบาลแห่งนี้ที่มีผู้ป่วยนั่งรอคิวอยู่เต็มไปหมด ฉันกับขุนศึกก็นั่งไปสักพักก็มีนางพยาบาลเดินตรงมาหาฉันพร้อมกับรอยยิ้มที่หวานหยดย้อย"คุณฐิติมนใช่ไหมคะ?""ใช่ค่ะ...."ฉันตอบนางพยาบาลไปพร้อมกับยิ้มให้เธอไปด้วย"ค่ะ...เรียนเชิญที่ห้องตรวจเลือดนะคะ....เรียนเชิญคุณพ่อด้วยค่ะ....เราจะตรวจหาโรคธาลัสซีเมียกันนะคะ"นางพยาบาลว่าพร้อมกับมองหน้าฉันสลับกับมองหน้าขุนศึก ฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึกเช่นกัน เขาก็จ้องมองกลับมาที่ฉันแววตาตื่นเต้นเป็นประกายแสดงถึงความดีใจของเขาอย่างชัดเจน"ได้ค่ะ""เชิญทางนี้ค่ะ"นางพยาบาลว่าพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญให้ฉันเดินตามเธอไป ฉันก็หันไปมองหน้าขุนศึกอีกครั้งก่อนจะเดินตามหลังของนางพยาบาลไปโดยมีขุนศึกเดินตามหลังฉันมาติดๆเราสองคนเข้าไปตรวจเลือดเรียบร้อยนางพยาบาลก็ให้เรามานั่งรอหน้าห้องตรวจเพื่อทำการพบคุณหมอและฟังผลเลือด"ขุนว่า....ขุนจะเอารถไปขายและไปซื้อรถมือสองที่ถูกๆกว่านี้"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ฉันที่เห็นว่าระหว่างเรามันมีแต่ความเงียบครอบงำจึงหันไปมองหน้าขุนศึกกับประโยคที่เขาพูดอ
วันต่อมา.... คอนโดเควิน ห้องเอริ เอริ ฐิติมน..... "ทำอะไรเนี่ยขุน?"ฉันเอ่ยถามขุนศึกไปอย่างสงสัยทันทีที่ฉันเดินมาถึงห้องอาหารก็พบกับอาหารมากมายวางอยู่บนโต๊ะอาหาร โดยมีขุนศึกกำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหารอยู่ เขาใส่ผ้ากันเปื้อนสีชมพูทำให้ฉันแอบขำขึ้นมา เพราะมันก็ดูเหมาะกับเขาดีนะ "ทานข้าวเช้าก่อนริ.....ขุนทำไว้ให้แล้ว....มีแต่ของมีประโยชน์ทั้งนั้นเลยนะ"ขุนศึกว่าพร้อมกับเดินมาหาฉันและใช้มือดันแผ่นหลังฉันเบาๆเพื่อให้เดินไปที่โต๊ะอาหารและยังแย่งกระเป๋าสะพายของฉันไปถือไว้อีก ฉันก็มองหน้าเขาพลางเบะปากใส่แต่ก็ยอมเดินไปที่โต๊ะอาหารนะ ก็พบกับอาหารหลากหลายเมนูที่ประกอบไปด้วยอาหารห้าหมู่ครบถ้วน ที่ขุนศึกกระตือรือร้นแบบนี้ก็เพราะว่าเมื่อวานที่ไปฝากครรภ์มาคุณหมอบอกให้ฉันทานอาหารให้ครบห้าหมู่ลูกจะได้แข็งแรง ขุนศึกก็เลยขุนฉันเอ้ยทำอาหารให้ฉันกินโดยครบห้าหมู่ และแต่ละอย่างก็น่ากินทั้งนั้นเลย "กว่าลูกจะคลอด....ริคงได้เป็นแม่หมูแน่ๆ"ฉันหันไปเอ่ยบอกขุนศึกที่ยืนตักข้าวไรซ์เบอร์รี่ให้ฉันด้วยน้ำเสียงประชดประชัน "ไม่เป็นไรเดี๋ยวลูกคลอดริค่อยไปฟิตเนสเอาก็ได้....ริน่ะไม่อ้วนง่ายๆหรอก" "อ้อจ้าาาาาา"ฉันแกล
"เอ่อขุน""หืม?"ขุนศึกที่กำลังให้ความสนใจรถบนท้องถนนอยู่ก็หันกลับมาหาฉันที่นั่งอยู่ที่ประจำคนนั่งข้างที่อยู่ๆฉันที่เงียบมาตลอดตั้งแต่คอนโดจนมาได้กลางทางฉันก็เอ่ยขึ้นมา"ริติดต่อหมอที่เชี่ยวชาญกับอัมพฤกษ์มาทำกายภาพบำบัดให้แม่ขุนแล้วนะ"ฉันเอ่ยออกไปอย่างนึกขึ้นได้ เกือบลืมไปแหนะ ว่าฉันไปติดต่อหมอนวดแผนไทยที่เก่งที่สุดให้มาทำกายภาพบำบัดให้คุณหญิงนฤมิตรได้แล้ว หมอคนนี้มีชื่อเสียงและคิวของเขาก็แน่นมากขุนศึกก็หันมามองหน้าฉันด้วยแววตาสั่นไหวพลางเม้มปากเป็นเส้นตรง"ขอบคุณนะที่ดีกับขุนและแม่ของขุน""ถ้าขุนไม่ได้ริ.....ขุนกับแม่คงแย่กว่านี้แน่""ไม่เป็นไรริเต็มใจ....ส่วนเรื่องค่ารักษาเดี๋ยวริออกเองนะ""เงินเดือนริก็พอจะเอามาใช้จ่ายในบ้านได้""ขอโทษและขอบคุณ.....ขุนนี่แย่จังที่ทำให้ริต้องลำบาก""ขุนสัญญาเลยนะว่าขุนจะพยายามทำตัวให้ดีที่สุดจะพยายามทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวให้ดีที่สุดให้ได้มากกว่านี้ด้วย""ลูกของเราจะต้องสุขสบาย"ขุนศึกเอ่ยออกมาด้วยแววตามุ่งมั่นและมีความหวัง ฉันก็มองเขาพร้อมกับยิ้มกริ่มออกมาอย่างซึ่งใจที่ขุนศึกมีความคิดที่เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาแบบนี้ได้เสียทีเขาดูโตกว่าเมื่อก่อนที่ใช้ชี
ฉันอ่านเอกสารกองโตตรงหน้าของฉันเสร็จพร้อมกับจัดเรียงเอกสารอีกกองแยกเป็นชุดรวมทั้งหมดยี่สิบชุดจนเสร็จเรียบร้อย ก็รู้สึกได้ถึงแววตาของใครสักคนที่จ้องมองมาอย่างไม่วางตาจนฉันต้องหันกลับไปมองก็พบว่าเลขาของท่านประธานบริษัทนี้กำลังมองมาที่ฉันด้วยสายตาที่ไม่พอใจเท่าไหร่นัก เธอคงจะตกใจล่ะสิว่าฉันรู้และทำมันถูกต้องได้ยังไงในเมื่อเธอไม่ได้บอกฉันสักคำ"ฉันถ่ายเอกสารและจัดแยกเป็นชุดเตรียมพร้อมจะแจกจ่ายให้กับผู้ประชุมทุกท่านแล้วค่ะ""และตารางงานของท่านประธานฉันก็ทำเรียบร้อยแล้ว""จะให้ฉันเข้าไปรายงานหรือคุณจะเข้าไปคะ""อย่าสะเออะ"คำเดียวสั้นๆที่กระแทกใส่หน้าฉัน ฉันไม่พูดอะไรต่อ หันกลับมาทำงานของฉันต่อโดยไม่สนใจเธอคนที่นั่งโต๊ะข้างๆฉันเธอไม่ชอบฉันเพราะอะไรนะ ทั้งๆที่เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรือไม่ชอบฉันเพราะคิดว่าฉันเป็นเด็กเส้นของท่านประธานอย่างงั้นเหรอกริ๋งงงงงงง"ฮัลโหลค่ะท่านประธาน""อ้อได้ค่ะ....เดี๋ยวจะให้เข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะ..ค่ะสวัสดีค่ะ"เลขาที่แต่งตัวสวยกริบเพราะดูจากหน้าตาและเสื้อผ้าลุคที่เธอใส่อายุน่าจะไม่เกินยี่สิบหกปีรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้นบนโต๊ะของเธอเธอก็พูดเสียงหวานหยดย้อยพร้อมกับยิ้ม
"ค่ะได้ค่ะ"ฉันยิ้มตอบคุณเควินไป "งั้นผมไม่รบกวนเวลาคุณเอริแล้วครับ""ค่ะ...งั้นริขอไปทำงานต่อก่อนนะคะ""เชิญครับ""เอ่อคุณเอริครับ""คะ?"ฉันหยุดกระชักฝีเท้าลงพร้อมกับมือที่กำลังจับลูกบิดประตูหมุนเพื่อจะเปิดประตูออกก็หยุดกระชักลงและหันไปมองเสียงเรียกของคุณเควินแทน"เที่ยงนี้ไปทานข้าวกับผมนะครับ""ขอโทษทีนะคะ....แต่ริเห็นว่ามันไม่สมควร""เอาอย่างงั้นก็ได้ครับ....."คุณเควินเอ่ยเสียงเศร้าพร้อมกับหน้าที่สลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฉันก็ยิ้มให้เขาก่อนจะเปิดประตูออกมาจากห้องทำงานของเขา ฉันไม่ควรจะทำตัวสนิทสนมกับคุณเควินมากกว่าเจ้านายกับลูกน้องฉันอยากทำงานที่นี่ไปนานๆด้วยฝีมือของฉันไม่ใช่เพราะฉันเป็นเด็กเส้นที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ"หึ.....หน้าด้าน"เสียงเเค่นดูถูกเอ่ยขึ้นทันทีที่ก้นของฉันถึงเบาะนั่งของเก้าอี้โต๊ะทำงานของฉันพอดีฉันจึงหันขวับไปมองคนที่ว่าฉันทันที"ด้านได้....แต่อายอด"ฉันยิ้มเยาะขึ้นพลางลอยหน้าลอยตาพูดแบบลอยๆไปทำให้เลขาสุดสวยถึงกับกรี๊ดเบาๆอย่างไม่พอใจฉันที่ฉันกล้าต่อล้อต่อเถียงกับเธอถ้าฉันยอมฉันก็จะโดนกดขี่อยู่แบบนี้ เธอจะยิ่งได้ใจ ฉันควรจะตอบโต้เธอกลับไปบ้างเพื่อให้เธอรู้ว่าฉันก็ไม่
"และมีมันไว้ริจะได้อุ่นใจ""และอีกอย่าง....ไม่มีผู้หญิงคนไหนเต็มใจที่จะอยู่กับคนที่มีแต่ตัวอย่างขุนหรอก....ริสบายใจได้"คำพูดของขุนศึกที่ดูมั่นอกมั่นใจทำให้ฉันต้องรีบเปิดเอกสารในซองสีน้ำตาลที่ขุนศึกเพิ่งจะยื่นให้ฉันเมื่อกี้เปิดดูทันทีเพราะคำพูดของเขามันแปลกๆเขาพูดเหมือนจะยกทุกอย่างที่เขามีให้เป็นของฉัน เพราะเขาพูดเหมือนเขาจะเหลือแต่ตัวและก็เป็นไปอย่างที่ฉันคิดจริงๆเอกสารที่เขายื่นให้ฉันเมื่อกี้นี้เป็นเอกสารโอนยกมรดกให้เป็นชื่อฉันแต่เพียงผู้เดียวทั้งบ้านหลังนี้ และบริษัทSMครึ่งหนึ่งที่เคยเป็นของคุณหญิงนฤมิตรแต่ก่อนหน้านี้คุณหญิงเพิ่งจะโอนให้เป็นของขุนศึกก็ถูกโอนให้มาเป็นของฉันและรวมถึงบริษัทAKด้วยที่ชื่อการจดทะเบียนบริษัทก็เป็นชื่อฉัน และยังดำรงตำแหน่งประธานบริษัทคนใหม่ให้อีกด้วย"ทุกอย่างในนี้คงจะเป็นเครื่องหมายการันตีให้ริเห็นแล้วใช่ไหม....ว่าขุนจริงใจกับริแค่ไหน""แต่ริไม่ต้องกังวลนะ...ขุนจะยังคงทำงานแบบเดิมเหมือนตอนที่ขุนยังคงดำรงตำแหน่งอยู่""ริทำใจให้สบายคอยเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวให้ขุนและคอยรับเงินปันผลรายปีก็พอ"ขุนศึกเอ่ยออกมาพร้อมกับยิ้มกริ่มไปด้วยรอยยิ้มที่อิ่มเอมใจ เขาเต็มใ
"ริ.....ขอโทษนะขุน....แต่ริยังไม่พร้อม"เมื่อคำพูดออกจากปากฉัน ทุกอย่างรอบตัวก็ดูเหมือนจะเงียบลงไปผู้ชายที่คุกเข่าตรงหน้าฉันในตอนนี้ เขากลับยิ้มให้ฉันถึงมันจะเป็นรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความเศร้าก็เถอะแต่ทำไมเขายังยิ้มได้เหมือนเขาจะรู้ในคำตอบของฉันอยู่แล้วว่ามันจะออกมาเป็นแบบไหน"ริยังไม่อยากแต่งงานกับขุนก็ไม่เป็นไร.....แต่ขุนจะขอริแต่งงานแบบนี้ไปทุกๆปี""จนกว่าริจะยอมแต่งงานกับขุน"ขุนศึกเอ่ยออกมาเสียงเข้มหน้าตายิ้มแย้มอย่างมีความหวัง เขาค่อยๆยันตัวลุกขึ้นยืนเผชิญหน้ากับฉันฉันก็จ้องเขากลับไป ด้วยแววตาที่เรียบนิ่งไร้ความรู้สึกใดๆ"ริไม่อยากจะเชื่อในคำพูดของขุน....แต่ริจะขอคอยดูก็แล้วกันว่าขุนจะทำแบบที่ขุนพูดได้จริงๆ"ฉันเอ่ยออกไปตามความจริง ความที่ฉันยังไม่มั่นใจในคำพูดและตัวของเขาได้จริงๆ"ขุนรู้....ว่าที่่ผ่านมาขุนไม่เคยทำให้ริมีความสุข....ขุนเอาแต่คอยทำร้ายจิตใจริ....เอาแต่นอกกายริ""แต่ขุนไม่เคยนอกใจริสักครั้งหนึ่งเลยนะ....""เพราะขุนรู้.....ว่าไม่มีผู้หญิงคนไหน...ดีเท่ากับริอีกแล้ว""แต่ขุนก็รู้ตัวดีว่าขุนไม่พร้อมที่จะเสียริไปอีกแล้ว""ในวันนี้ถึงริยังไม่อยากแต่งงานกับขุน""แต่ขุนขอร
ติ๋งเมื่อลิฟท์มาถึงชั้นล่างของบ้านฉันก็เดินออกมาจากลิฟท์ก่อนจะเดินมุ่งตรงไปยังห้องครัวแต่พอเดินไปถึง ก็กลับพบว่า แก๊สที่ป้าบัวบอก ในขณะนี้มันไม่ได้ตั้งอะไรไว้เลยเสียด้วยซ้ำ"สงสัยป้าบัวแกคงจะลืม.....อย่างนี้ฉันควรมีเวลาให้แกได้พักผ่อนซะแล้ว"ฉันเอ่ยออกไปพลางส่ายศีรษะไปด้วยอย่างเป็นห่วงป้าบัว ที่เขาดูแลคนอื่นจนลืมที่จะดูแลตัวเอง"ไปนอนดูหนังที่ห้องนั่งเล่นสักชั่วโมงค่อยขึ้นห้องดีกว่า"ฉันพึมพำออกมาอย่างคนที่ขี้เกียจมากๆ ฉันรู้ตัวว่าตัวเองเปลี่ยนไปมาก จากเมื่อก่อน ขยับตัวทีก็งาน งานและก็งาน แต่ตอนนี้ขี้เกียจ และไม่อยากจะทำอะไรเลยนอกจากกินแล้วก็นอน"อะไรเนี่ย?"ฉันพึมพำออกมาเมื่อขาของตัวเองเดินย่างก้าวเข้าภายในห้องนั่งเล่นก็ต้องตกใจกับลูกโป่งสีชมพูสดใสที่ลอยอยู่กลางอากาศมากมายแต่ไม่ลอยจนติดเพดานบ้านเพราะถูกเชือกรั้งไว้ฉันก็ตื่นตาตื่นใจกับลูกโป่งสีชมพูอ่อนสวยสดใสก่อนที่จะยิ้มออกมาจนแด้มปริและเดินไปตามทางเรื่อยๆไม่รู้ว่าจะเดินไปไหนเพราะพื้นที่ทั้งห้องนี้เต็มไปด้วยลูกโป่งทั้งลูกเล็กและลูกใหญ่และฉันก็มาหยุดยืนเมื่อสิ้นสุดทางเดิน ที่ตรงหน้าของฉันเป็นกำแพงสีขาวแต่ข้อความบนกำแพงทำให้ฉันอึ้
วันต่อมา08:00น.บ้านชัชชัยวรรณ.....ห้องนอนเอริ เอริ ฐิติมน....."ชุดนี้น่ารักจังเลยนะคะป้าบัว"ฉันเอ่ยบอกป้าบัวไปในขณะที่ฉันกำลังหมุนรอบตัวเองเพื่อตรวจดูความเรียบร้อยที่ส่องกระจกฉายสะท้อนตัวเองกลับมา เป็นชุดมินิเดรสสีขาวแขนพองทรงเอประดับโบว์ไว้ที่ด้านหน้าของชุดตรงหน้าอกของฉัน ชุดเป็นลายดอกไม้ เป็นสไตล์ของยุโรป กระโปรงยาวเลยเข่าฉันมานิดหน่อยดูรวมๆแล้วมันก็สบายและน่ารัก ดี เหมือนเป็นชุดคลุมท้องเหมือนกันนะ"ป้าบัวเลือกเองหรือคะ?"ฉันเอ่ยถามป้าบัวไปอย่างสงสัย เพราะเมื่อกี้ก่อนหน้านี้ประมาณยี่สิบนาที ป้าบัวเดินถือเสื้อผ้าชุดนี้เข้ามาในห้องของฉันและบอกว่าท่านเป็นคนซื้อให้ ไม่รู้ว่าฉันจะชอบหรือเปล่า และฉันจะใส่ได้ไหม ท่านเลยให้ฉันลองใส่ดูก่อนผลก็ปรากฏว่าฉันใส่ได้ และฉันก็ชอบมันมาก มันดูน่ารักเป็นแนวสายแหวนดีนะสีก็ออกพาสเทลนิดๆดูน่ารักดี"ชะใช่จ๊ะ.....เป็นยังไงจ๊ะเอริชอบไหม?"ป้าบัวที่ยืนอยู่ด้านหลังของฉันที่คอยช่วยฉันจัดแจงชุดก็เอ่ยออกมาแต่น้ำเสียงและแววตาของท่านดูสั่นๆดูมีพิรุธนะถ้าเป็นคนอื่นอาจจะคิดว่าเขากำลังพูดโกหกอยู่แน่ แต่นี่เป็นป้าบัว ท่านจะโกหกฉันไปทำไมล่ะจริงไหม"ชอบนะคะป้าบั
ในวีดีโอมีผู้ชายอยู่หลายคนรวมๆห้าคนได้และสถานที่มืดๆที่มีไฟหลากหลายสีแบบนี้ก็คงจะเป็นผับที่ไหนสักแห่งหนึ่งในกรุงเทพนี้แหละฉันก็ตั้งใจมองก็พบว่ามีผู้ชายสามคนที่คุ้นตาฉัน หนึ่งคือฟิวสองคือทีและสามคือขุนศึกข้างกายของผู้ชายทุกคนจะมีผู้หญิงแต่งตัวโป๊ๆหน้าอกตู้มๆนั่งขนาบข้างแบบแทบจะสิงร่างกันโดยพวกเธอเป็นคนชงเหล้าให้เขาทั้งห้าคนและคอยปรนนิบัติพวกเขาอย่างใกล้ชิดและออดอ้อนออเซาะแต่จะมีผู้ชายอยู่คนหนึ่งที่นั่งเป็นคนสุดท้ายของเพื่อนที่มีสีหน้าเหมือนไม่ค่อยสบายใจแบบคนที่กำลังอมทุกข์และดูอึดอัดอะไรอยู่ในใจ(วันนี้หนุ่มๆเลือกอิหนูของเจ๊นี่ไปได้เลนนะคะ....น้องๆพวกนี้พร้อมดูแลจ๊ะ)เสียงหวานอย่างดัดให้เสียงเล็กลงจากปกติมากเอ่ยขึ้นมา ฉันว่าเธอคนที่พูดอยู่นี่น่าจะเป็นสาวสองและเป็นคนที่กำลังถ่ายวีดีโออยู่ในตอนนี้ด้วยนะ(มันแน่นอนอยู่แล้วครับเจ๊.....พวกผมน่ะจัดเต็มแน่)เป็นทีที่เอ่ยขึ้นมาพลางยิ้มกริ่มอย่างเจ้าชู้และเขาก็หันไปกอดรัดนัวเนียกับผู้หญิงข้างกายเขาอย่างไม่เอียงอายใคร(แล้วน้องคนนี้ล่ะจ๊ะ....สนใจอิหนูของเจ๊คนไหนเป็นพิเศษไหม?)เจ๊สาวสองแพลนกล้องไปจับยังขุนศึกที่นั่งอยู่ติดกับขอบเก้าอี้ด้านในสุดข
บ้านของเอริ20:30น.เอริ ฐิติมน.....ห้องนั่งเล่น......"ปกติแกกินข้าวเวลานี้ด้วยเหรอ?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันขึ้นในขณะที่เธอวางจานข้าวสวยร้อนๆลงตรงหน้าของฉันพร้อมกับต้มไก่ตุ๋นยาจีนต้นตำรับของคุณหญิงนฤมิตรที่ท่านสั่งให้ป้าบัวต้มไว้ให้ฉันทานบำรุงลูกๆทั้งสามในครรภ์ของฉัน"ตอนไม่ท้องก็กินบ้างไม่กินบ้าง....แต่พอท้องนี่แทบจะกินวันละหกเจ็ดมื้ออย่างต่ำอ่ะแก"ฉันเอ่ยบอกเพลงขวัญไปพลางใช้มือทั้งสองข้างหยิบช้อนกับส้อมขึ้นมาถือไว้พร้อมจะลงมือทานอาหารตรงหน้าที่มีกลิ่นหอมยั่วยวนด้วยแววตาที่เป็นประกายแพรวพราว"ไหนบอกว่าแกมีเรื่องไม่สบายใจ....?"เพลงขวัญเอ่ยถามฉันพลางเลิกคิ้วมองหน้าฉันอย่างสงสัยก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเดียวกันกับฉันฉันก็มองหน้าเธอนิ่งด้วยแววตาที่เป็นกังวลอยู่ในใจนั้นแหละ แต่ทำไงได้ ก็ท้องฉันมันหิวหนิ ขอกินก่อนล่ะกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากัน"เดี๋ยวฉันขอกินก่อน....เดี๋ยวค่อยคุย""โอเคจ๊ะ.....งั้นเดี๋ยวฉันขอไปโทรหาลูกก่อนไม่รู้ว่าป่านนี้พ่อเขาเอาเข้านอนแล้วหรือยัง?""โอเคจ้า"ฉันยิ้มให้เพลงขวัญเธอก็ยิ้มให้ฉันก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของเธอและเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นเมื่อเธอไปแล้ว ฉันก็หันกลับมาให้ค
เหล้า บุหรี่ ก็ไม่หนักทุกวันแบบเมื่อก่อน แต่เรื่องผู้หญิง ฉันก็ยังคงไม่มั่นใจอยู่ดี เพราะเขาไม่เคยทำให้ฉันเชื่อใจเขาได้สักครั้ง....จริงๆกับเรื่องนี้ฉันรอขุนศึกไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับรถวีลแชร์ เขายิ้มกว้างให้ฉันมาแต่ไกล ฉันก็ยิ้มให้เขากลับไป"เชิญครับคุณผู้หญิง""ขอบคุณค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันเอ่ยออกไปแกล้งขุนศึกที่เขาเข็นรถวีลแชร์มาหยุดตรงหน้าฉัน"ยินดีที่จะเป็นทุกอย่างให้เธอครับ""เลี่ยน"ฉันเอ่ยออกไปอย่างหมั่นใส่เขาก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีร่างของขุนศึกที่ถลาเข้ามาช่วยประคองฉันไว้อย่างรวดเร็วเล่นเอาซะตกใจเลยแหะขุนศึกจัดการช่วยฉันทุกอย่าง โดยที่เขาทำอย่างเบามือและทะนุถนอมเหมือนกลัวว่าฉันจะเจ็บ"พร้อมออกตัวแล้วครับ""ค่ะไปได้เลยค่ะคุณบุรุษพยาบาล"ฉันแกล้งแซวขุนศึกต่อ เขาก็ยิ้มขำก่อนจะเข็นรถวีลแชร์ไปยังทิศทางออกของโรงพยาบาล โดยมุ่งตรงไปที่ลานจอดรถเมื่อมาถึงที่รถเขาก็จัดการประคองร่างของฉันขึ้นจากรถวีลแชร์ย้ายมานั่งบนรถของเขาอย่างเบามือเช่นเดิมแต่ที่ทำให้ฉันแปลกใจและรู้สึกประทับใจขุนศึกอีกอย่างหนึ่งก็คือตอนนี้เขากลับมามีทุกอย่างไม่ว่าจะเงินทองหรือชื่อเสียงแต่เขาก็ยังคงทำตัวเหมือนขุนศึกค
"แฝดทั้งสามคนปลอดภัยและเติมโตตามวัยครับ...ออกจะโตอย่างรวดเร็วเสียด้วยซ้ำ""เพราะเขาโตเกินเกณฑ์อายุเขาจริงๆไปหนึ่งสัปดาห์ครับคุณฐิติมนและคุณขุนณรงค์"คุณหมอเอ่ยขึ้นในขณะที่เขาอธิบายรายละเอียดรูปร่างของเจ้าแฝดทั้งสามคนของฉันผ่านหน้าจอสี่เหลี่ยมจากการอัลตร้าซาวด์หน้าท้องของฉันทำให้ฉันที่เห็นการเจริญเติบโตของลูกๆทั้งสามฉันทุกอาทิตย์ถึงกับยิ้มไม่หุบและมันตื้นตันอยู่ในใจของฉันจนบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลยล่ะเมื่อคุณหมอตรวจเสร็จก็กลับไปนั่งที่โต๊ะตรวจของเขาและฉันก็ลุกขึ้นจากเตียงอัลตร้าซาวด์โดยมีขุนศึกคอยประคองร่างฉันตลอดเวลาไม่ว่าฉันจะเดินหรือลุกนั่งก็ต้องมีเขาคอยประคองอยู่ตลอดเวลาเลยถึงตอนนี้ฉันจะท้องได้แค่สี่เดือนแต่ท้องของฉันเริ่มจะใหญ่กว่าคนท้องสาวทั่วไปถึงสองเท่าเพราะในท้องของฉันมีเด็กน้อยอยู่ตั้งสามคนแหนะจะไม่ให้ใหญ่เกินคนท้องสาวทั่วไปได้ยังไงล่ะเมื่อฉันกับขุนศึกมานั่งที่โต๊ะตรวจในห้องของหมอได้คุณหมอก็เอ่ยขึ้นบอกเราถึงกำหนดคลอดทันที"และกำหนดคลอดคืออีกยี่สิบหกสัปดาห์ข้างหน้า....แต่ครรภ์ของคุณฐิติในเป็นครรภ์แฝดสามคน....หมอกลัวว่าอาจจะมีโอกาสเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษเกิดขึ้นได้แทบจะตลอด
"ไม่รู้ว่าช่องในเจดีย์ของแม่เธอจะพอใส่อัฐิของพ่อเธอได้อีกอันไหม?"คุณแม่ของผมเอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆให้พี่จอมก่อนจะยื่นโกศสีขาวนวลที่ด้านในบรรจุเถ้ากระดูกของพ่อผมยื่นไปตรงหน้าของพี่จอมพี่จอมพลก็มองโกศในมือแม่ผมสลับกับมองหน้าผมด้วยแววตาแปลกใจและดูจะอึ้งไปนิดๆเหมือนเขาคิดไม่ถึงว่าคุณแม่ผมจะทำเรื่องแบบนี้ได้"ตอนนั้นคุณเป็นคนยืนกรานเองว่าจะเอาเถ้ากระดูกของพ่อไปเก็บไว้แต่ทำไมวันนี้กลับเอามาให้ผมเสียง่ายดายแบบนี้ได้ล่ะครับ....ทั้งที่ในตอนที่ผมกับแม่ของผมร้องขอคุณแทบจะกราบเท้า?"พี่จอมพลเอ่ยถามแม่ผมกลับมาเสียงเรียบ ในตาจ้องเขม่นมาที่แม่ผมอย่างต้องการคำตอบ"ในตอนนั้นที่ฉันไม่ให้อัฐิของพ่อให้แม่เธอก็เพราะตอนนั้นฉันมีทั้งอารมณ์โกรธอารมณ์เกลียดอยู่เต็มในอก""ฉันคิดได้อย่างเดียวคือว่า....ไม่ว่าพ่อของเธอจะเป็นหรือตายฉันก็จะไม่มีทางให้สองคนนี้ได้อยู่ด้วยกันเด็ดขาด""ฉันรู้ตัวว่าฉันมันแย่....กว่าจะมารู้ว่าความคิดของฉันมันไม่ดีต่อใครเลยรวมถึงตัวฉันเองด่วย....ก็เกือบจะสายไป""และฉันก็อยากจะขอบคุณเธอนะ....ที่ช่วยฉันออกมาจากกองเพลิงในวันนั้น""ถึงเธอจะไม่เต็มใจก็เถอะ....แต่ฉันก็อยากจะขอบคุณเธอ....และข