ที่โกดังเก็บของหลังโรงแรม เนกับแพรหายใจหอบแฮ่กพลางก้มตัวหลบอยู่หลังกล่องสินค้าใหญ่ พวกเขาทั้งสองรู้ตัวดีว่าไม่อาจหนีไปได้ไกลอีก เพราะเสียงฝีเท้าของลูกน้องกรห้าคนที่ตามล่าพวกเขาอยู่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ“ไม่คิดว่าพวกมันจะบ้าตามมาไกลขนาดนี้...”เนหันมากระซิบแพรเบา ๆ พร้อมจับแขนเธอไว้แน่นเพื่อปลอบโยน เมื่อเห็นสีหน้าซีดของเธอทันใดนั้น เสียงฝีเท้าก็หยุดลงตรงด้านหน้าประตูโกดัง เหล่าลูกน้องกรกระจายตัวอย่างรวดเร็ว เตรียมพร้อมสำหรับการบุก เนหันกลับมามองแพร แววตาจริงจัง“พี่แพร ซ่อนตัวไว้หลังกล่องพวกนี้ ห้ามขยับออกมานะ ผมจะจัดการเอง”แพรพยักหน้า แม้จะกังวลใจแต่ก็เชื่อใจเน เธอซ่อนตัวแน่นในมุมมืดที่เนบอก ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง สายตาคมกวาดมองไปยังกลุ่มศัตรูที่เริ่มกระจายตัวเข้ามาในโกดัง“ไอ้หมอนั่นไง! ฆ่ามัน!” หนึ่งในพวกมันตะโกนพร้อมกับพุ่งเข้ามาหาเนเนก้าวถอยหลังเล็กน้อยเพื่อปรับระยะให้ได้เปรียบ ทันทีที่ชายคนแรกเข้ามาใกล้ เขาหลบหมัดของมันด้วยความเร็ว ก่อนจะต่อยสวนกลับที่คางอย่างหนักหน่วง ชายคนนั้นล้มลงกับพื้นทันทีลูกน้องคนอื่น ๆ เริ่มกรูเข้ามาใส่เนพร้อมกันอีกสี่คน เนโยกตัวหลบไปด้านข้าง
ในอีกด้านหนึ่ง เนยกับฮิโร่เคลื่อนไหวอย่างเงียบเชียบ ฝ่าดงการ์ดรอบคฤหาสน์ของเรดสเคลด้วยท่าทางคล่องแคล่ว ทั้งคู่จัดการกับการ์ดที่เฝ้าระวังโดยไม่ให้เกิดเสียงดัง เลือกจุดจู่โจมที่แม่นยำและรวดเร็ว การ์ดรอบนอกถูกทำให้หมดสติอย่างไร้ร่องรอยในไม่กี่นาทีเบียร์นั่งอยู่ในรถตู้ที่จอดอยู่ด้านนอก แว่นตาที่เขาใส่สะท้อนแสงหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่กำลังแฮกระบบรักษาความปลอดภัย“ระบบปลดล็อกเรียบร้อยแล้ว ทางสะดวก” เขารายงานผ่านหูฟัง“พวกนายทำตามแผนได้เลย”เคนและอาคิระบุกเข้าคฤหาสน์ตามแผน พวกเขารู้ตำแหน่งของเป้าหมายชัดเจน ขณะที่เนยและฮิโร่ยังคงจัดการการ์ดตามจุดต่างๆ อย่างต่อเนื่อง การบุกครั้งนี้เป็นไปอย่างเงียบเชียบและรวดเร็วในห้องควบคุมด้านในคฤหาสน์ ลักษณ์ยืนมองจอมอนิเตอร์ที่แสดงภาพจากกล้องวงจรปิดที่ดับไปทีละตัว เขาขมวดคิ้ว เอะใจว่าเหล่าผู้บุกรุกที่เข้ามาต้องมีแฮกเกอร์มือฉมังคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังแน่นอน“การ์ดทุกจุดเตรียมรับมือผู้บุกรุกทันที!” ลักษณ์สั่งเสียงเข้มผ่านวิทยุ เสียงของเขาแฝงด้วยความระแวดระวัง ก่อนจะหันไปสั่งริคาร์โด้ ชายร่างใหญ่ผมยาวสีน้ำตาลที่ยืนรอคำสั่งอยู่ด้านข้าง“ริคาร์โด้ ฉันต้อง
ริคาร์โด้เดินตรงมาที่ซากรถตู้ที่ถูกระเบิด เขามองดูซากเหล็กที่ไหม้เกรียมด้วยความหัวเสีย พยายามค้นหาว่ามีใครหลงเหลืออยู่หรือไม่ แต่หลังจากค้นหาอย่างละเอียดก็ไม่พบร่องรอยใดๆ ของเบียร์หรือทีมแฮกเกอร์ที่เขาตามหา มีเพียงซากรถที่กลายเป็นเถ้าถ่านเท่านั้น“บ้าชิบ! พวกมันหนีไปได้ยังไง…” ริคาร์โด้กัดฟันกรอดด้วยความหงุดหงิด จ้องมองซากรถอย่างไม่เชื่อสายตาแต่แล้วก็เหมือนมีบางอย่างผุดขึ้นมาในหัว เขาคิดได้ทันทีว่า หากแฮกเกอร์หลบหนีไปได้ แสดงว่าพวกนั้นต้องมุ่งหน้ากลับไปที่คฤหาสน์เพื่อหาทางลอบโจมตีจากด้านใน“พวกมันอาจจะบุกกลับมาที่คฤหาสน์…” ริคาร์โด้พึมพำกับตัวเอง สายตาเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันหลังกลับ รีบวิ่งกลับเข้าคฤหาสน์ทันที ขณะที่หยิบวิทยุสื่อสารขึ้นมารายงานสถานการณ์ไปยังลักษณ์ขณะที่ทีมของเคนและอาคิระเคลื่อนตัวลึกเข้าไปในคฤหาสน์ บรรยากาศภายในเต็มไปด้วยความตึงเครียด เสียงฝีเท้าของพวกเขาเบาและรัดกุม แต่ทว่าทันทีที่พวกเขาผ่านโถงใหญ่ การ์ดที่ซุ่มอยู่ตามมุมต่างๆ ก็ปรากฏตัวออกมาอย่างไม่ทันตั้งตัว“ศัตรู!” เคนตะโกนสั่งการ ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นทั่วห้องโถง การปะทะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เ
ขณะที่เบียร์นั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์ในห้องควบคุม เขาพิมพ์คำสั่งอย่างคล่องแคล่ว จนพบกับแผนผังลับของคฤหาสน์ รวมถึงระบบป้องกันฉุกเฉินที่แฝงอยู่ในอาคารแห่งนี้ ดวงตาของเขาจับจ้องกับภาพสัญลักษณ์เตือนสีแดงบนจอ — เป็นภาพแผนการติดตั้งระเบิดที่พร้อมจะทำลายคฤหาสน์ทั้งหลัง“พวกมันเตรียมระเบิดไว้ทั่วคฤหาสน์…แสดงว่าเราสามารถใช้ระบบนี้เพื่อปิดเส้นทางหนีของศัตรูได้” เขาพึมพำอย่างได้ไอเดียใหม่ ก่อนจะเชื่อมต่อหูฟังของเขาเข้ากับสัญญาณทีมทั้งหมด“ฉันเจอแผนผังทางลับและระเบิดที่ติดตั้งรอบคฤหาสน์นี้ไว้เต็มไปหมด ฟังตามแผนที่ฉันจะบอก เราจะใช้ระเบิดเพื่อทำลายเส้นทางของพวกมันไปพร้อมกัน” เบียร์รายงานผ่านหูฟังด้วยเสียงมั่นคง ทุกคนในทีมตั้งใจฟังอย่างเงียบๆ ขณะที่เบียร์อธิบาย“ฉันจะจุดระเบิดทีละจุดตามทางเดินหลักเพื่อปิดเส้นทางหลังจากที่เราผ่านไป พวกมันจะติดตามเราไม่ได้ ส่วนพวกนายให้เคลื่อนตัวตามเส้นทางในแผนที่ที่ฉันส่งให้ — มีทางลับไปยังชั้นใต้ดินที่จะนำเราออกไปข้างนอกได้”เสียงเคนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด“เข้าใจแล้ว ทำตามแผนเลย”เบียร์เตรียมตัวเริ่มแผน จุดระเบิดในจุดต่างๆ เพื่อปิดเส้นทาง แต่ทันใดนั้น เสียงประตูห้
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาใกล้ เบียร์หอบหายใจ เหลือบมองเห็นเงาคุ้นตาเข้ามาใกล้ ริคาร์โด้เองก็รู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหว จึงหันขวับไปทันทีเนยปรากฏตัวจากเงามืด ยกเท้าถีบเข้าที่กลางลำตัวของริคาร์โด้เต็มแรงจนเขากระเด็นออกไปชนกำแพงด้านหลัง! ริคาร์โด้ล้มลงกับพื้น ขณะที่เนยเข้าประชิดเบียร์ ย่อตัวลงข้างเขา ใบหน้าฉายแววห่วงใย“นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”เบียร์ฝืนยิ้มพลางพยักหน้า “มาทันเวลาพอดี…”“รอแป๊บนะ” เนยกระซิบเบาๆ ดวงตาเธอวาวโรจน์ด้วยโกรธ เธอหมุนคอและไหล่ ยืดเส้นสายเตรียมพร้อม ริคาร์โด้ที่ยันตัวลุกขึ้นยืนสบตาเธอด้วยสายตาดุเดือด แต่กลับเห็นแววขบขันในรอยยิ้มเหยียดๆ ของเนย“บังอาจทำร้ายผู้ชายของฉันเรอะ!”เนยพุ่งเข้าหาด้วยความเร็วที่เกินกว่าริคาร์โด้จะทันตั้งตัว หมัดแรกของเธอประทับเข้าที่ชายโครงซ้ายของเขาอย่างแรง ทำให้ริคาร์โด้ถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าวแม้จะเป็นชายตัวใหญ่และกำยำ แต่ริคาร์โด้กลับรับมือกับเนยได้ยากกว่าที่คิด ความคล่องแคล่วและความแม่นยำในการเคลื่อนไหวของเธอทำให้การโจมตีของเขาพลาดเป้าทุกครั้ง เนยหลบได้อย่างแคล่วคล่อง แล้วสวนหมัดกลับไปที่ช่วงท้องของเขาอย่างรวดเร็วริคาร์โด้ขมวดคิ้
ด้านเอมิพาเนและแพรเดินลัดเลาะออกจากโกดัง ท่ามกลางความมืดสลัว เธอนำทางผ่านซอยซับซ้อนในย่านสุขุมวิท จนมาหยุดที่ประตูเหล็กบานหนึ่ง ดูเผินๆ เหมือนประตูเก่าทั่วไป แต่เมื่อเอมิเคาะเป็นจังหวะเฉพาะ ประตูเปิดออกเผยให้เห็นทางเดินเล็กๆ ลึกเข้าไปในตรอก“ตามมา” เอมิกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะพาทั้งคู่ผ่านประตูและลงบันไดเล็กๆ ที่ทอดลึกลงไปด้านล่าง กลิ่นเหล้าหอมอ่อนๆ และเสียงเพลงแจ๊สเบาๆ ลอยมาแตะจมูก แสงไฟสลัวจากโคมที่แขวนบนเพดานสร้างบรรยากาศอบอุ่นปนลึกลับเมื่อเข้าไปถึงในร้าน ก็พบว่าภายในเต็มไปด้วยบรรยากาศของการเฉลิมฉลอง สมาชิกในทีมของเอมิทั้ง 10 คนกำลังนั่งกระจายอยู่ตามโต๊ะไม้ยาวในมุมต่างๆ ของร้าน แก้วเหล้าและขวดเบียร์เรียงรายเต็มโต๊ะ หัวเราะและพูดคุยกันอย่างครึกครื้น พวกเขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อเห็นเอมิ เน และแพรเดินเข้ามา“ลูกพี่มาช้านะครับ!” หนึ่งในทีมสมาชิกพูดขึ้น พลางยกแก้วเหล้าในมือขึ้นทักทายเอมิยิ้มมุมปากเล็กน้อย“ไม่ช้าหรอก แต่พวกนายคงเริ่มกันไปก่อนแล้วสินะ”เนที่กำลังถูกแพรพยุงอยู่นั้น หันไปสบตาเอมิก่อนจะพึมพำเบาๆ“พามาที่นี่นี่คิดถึงความปลอดภัยใช่ไหม?”“ก็ใช่สิ” เอมิตอบพลางดันแก้วเหล้าใส่มื
หลังจากค่ำคืนที่เต็มไปด้วยการปะทะและความระทึก เนยรีบพาเบียร์มายังโรงพยาบาลเอกชนชื่อดัง ‘ไทระเมดิคอลเซ็นเตอร์’ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลในเครือของตระกูลไทระ ตั้งอยู่ในย่านที่เงียบสงบและปลอดภัย พร้อมด้วยทีมแพทย์มืออาชีพที่รักษาเคสสำคัญมานับไม่ถ้วนเนยประคองเบียร์เข้ามาที่ห้องฉุกเฉิน ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ขณะที่เจ้าหน้าที่นำเปลเข็นเข้ามารับตัวเบียร์ไปยังห้องรักษาอย่างรวดเร็ว“ดูแลเขาให้ดีที่สุดนะคะ” เนยบอกพยาบาลด้วยเสียงจริงจัง ปนความกังวลในดวงตา แม้เธอจะพยายามเก็บความรู้สึก แต่ในใจก็ยังเต้นรัวด้วยความห่วงใยเบียร์ที่อยู่บนเปลพยายามฝืนยิ้มให้เธอเล็กน้อย“ไม่เป็นไรน่า...แผลแค่นี้เอง”“แค่นี้ตรงไหน นายโดนยิงนะ!” เนยขมวดคิ้ว รู้สึกโล่งใจขึ้นมานิดหน่อยเมื่อเห็นว่าเขายังมีแรงพูดเล่น แต่ก็ไม่วายเป็นห่วงทีมแพทย์พาเบียร์เข้าไปในห้องผ่าตัดเล็กเพื่อจัดการแผลอย่างรวดเร็ว เนยนั่งรออยู่ด้านนอกด้วยความกระวนกระวาย ขณะรอ เธอเหลือบมองไปยังหน้าต่างที่สะท้อนเงาตัวเอง ใจลอยกลับไปนึกถึงเหตุการณ์ทั้งหมดในค่ำคืนนี้หลังจากผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมง ประตูห้องผ่าตัดเล็กก็เปิดออก หมอประจำตัวของตระกูลไทระเดินออกมาหาเนย
เช้าวันถัดมา แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านหน้าต่างห้องพักฟื้น เบียร์ที่ยังรู้สึกเจ็บบริเวณบาดแผลเล็กน้อยค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นหลังจากการพักฟื้นทั้งคืน เขาเหลือบเห็นเนยที่รีบเดินเข้ามาดูด้วยใบหน้าเป็นห่วงทันที“เป็นไงบ้าง?” เนยถามเสียงอ่อน ขณะที่เบียร์ยิ้มบางๆ“เห็นหน้าเธอก็หายเจ็บแล้ว” เขาพึมพำเบาๆ พลางดึงเธอเข้ามาใกล้ ก่อนจะจูบเบาๆ อย่างอ่อนโยนเนยยิ้ม ยกคิ้วพลางหยอกล้อ “ลามกแต่เช้าเลยนะ”ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น มิสเตอร์พีและเคนเดินเข้ามา ท่าทางสบายใจและผ่อนคลาย หลังจากภารกิจสำเร็จเรียบร้อย“สวีทกันแต่เช้าเชียว” มิสเตอร์พีเอ่ยทักด้วยรอยยิ้มรู้ทัน เมื่อเห็นเนยนั่งอยู่ข้างเตียงเบียร์ ขณะที่เคนยกมือขึ้นส่งสัญญาณทักทายอย่างยิ้มๆเบียร์ถอนหายใจแผ่ว“ถ้าไม่มีพวกคุณเข้ามาขัดก็ดีหรอก” เขาพูดติดตลก พลางเอนหลังลงกับเตียงที่เนยช่วยปรับให้อย่างสบาย“เกาะดวงจันทร์…เป็นไงบ้าง?” เบียร์ถามขึ้น ขณะที่เคนเดินไปนั่งที่โซฟาด้วยท่าทางสบาย“ดูเหมือนจะเป็นแหล่งหลบซ่อนใหญ่ที่สุดของกลุ่มพวกเรดสเคล ที่นั่นเต็มไปด้วยเอกสารการเงิน มีทองคำที่น่าจะมาจากการฟอกเงิน และสมบัติอื่นๆ เต็มไปหมด”เบียร์ฟังอย่างตั้งใจ ขณะที่
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ