เบียร์ขับรถพาเนยกลับเข้ากรุงเทพ ระหว่างที่อยู่ในรถ เขาหันมองเนยเป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่าเธอหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า เขายิ้มบางๆ อย่างเอ็นดูเมื่อพวกเขามาถึงคอนโดของเบียร์ในช่วงเย็น เบียร์ช่วยเนยขนกระเป๋าเข้าห้องพัก ทันทีที่ประตูปิดลง เบียร์ก็ถอนหายใจเบาๆ รู้สึกโล่งใจที่ได้กลับมายังที่พักที่เงียบสงบเสียที“นายเหนื่อยมั้ย?” เนยถามเบาๆ หลังจากที่เธอนั่งพักบนโซฟาแล้วมองหน้าเบียร์ที่กำลังจัดของ“ไม่เท่าไหร่” เบียร์ตอบยิ้มๆ พลางเดินเข้ามานั่งข้างเธอ ดึงตัวเธอมากอดเอาไว้“เธอสิ...เหนื่อยมั้ย?” เบียร์โอบเอวเธอไว้หลวมๆ พลางกระซิบถามเธอเบาๆ ที่ข้างหู“นิดหน่อย...” เนยพึมพำเบาๆ พลางเอนตัวพิงอกของเบียร์ สองแขนโอบรอบคอเขา ใบหน้าซุกลงที่ซอกคอ ลมหายใจอุ่นที่รดอยู่ใกล้ๆ ทำให้หัวใจของเบียร์เต้นแรงขึ้น“หืม? ทำแบบนี้จะไม่ได้พักนะ” เบียร์กระซิบข้างหูเธอด้วยน้ำเสียงยั่วเย้า“ยังไงนายก็ไม่ให้ฉันพักอยู่แล้วนี่” เนยเงยหน้าขึ้น ยิ้มยั่วยวน ก่อนจะใช้นิ้วไล้ไปตามกรอบหน้าคมของเขาเบาๆ“นั่นสินะ...” เบียร์ตอบเสียงแผ่ว รั้งท้ายทอยเธอเข้ามาประกบริมฝีปาก จูบอย่างดูดดื่ม รสสัมผัสร้อนแรงและล้ำลึก เขาสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปาก
ลักษณ์ เดชากุล หรือที่รู้จักในชื่อ ลูคัส เดลกาโด้ (Lucas Delgado) หัวหน้าแก๊งเรดสเคล ขว้างไอแพดลงกับพื้นอย่างแรง ความโมโหพุ่งพล่านเมื่อเห็นข่าวโกดังสตอร์มฮาร์เบอร์ที่เขาใช้เป็นแหล่งเก็บของถูกระเบิดเสียหายไม่เหลือซาก ยิ่งไปกว่านั้น โคราเล็กซ์ อินเวสท์เมนท์ กรุ๊ป แหล่งฟอกเงินของแก๊ง ยังสูญเสียเงินมหาศาลไปในชั่วข้ามคืน โดยไร้ร่องรอยว่าถูกใครโจมตี“บ้าเอ๊ย!” ลักษณ์คำราม พลางทุบโต๊ะเสียงดังลั่น ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ลูกน้องของเขายืนตัวสั่นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง“บอกมา ว่าใครเป็นคนทำ!” ลักษณ์ตวาดพลางจ้องหน้าลูกน้องอย่างดุเดือด สายตาคมกริบราวกับเสือที่พร้อมจะตะปบเหยื่อ ลูกน้องพากันก้มหน้ากลัวจนตัวสั่น แต่ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากตอบ“พวกเราถูกเล่นงานแบบนี้ แล้วพวกแกยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำงั้นเรอะ!”ลักษณ์คำรามออกมาอีกครั้ง สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สภาพภายในแก๊งเรดสเคลตอนนี้เหมือนกำลังจะล่มสลาย แต่เขายังไม่รู้แม้แต่น้อยว่าใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง“ไม่มีใครรู้ได้ยังไง! ฉันจ่ายพวกแกไปเท่าไหร่กัน แล้วนี่คือผลที่ฉันได้รับ?” ลักษณ์พ่นลมหายใจอย่างเดือดดาล ก่อนจะหันมองลูกน้องที่ยืนเง
เบียร์นั่งอยู่หน้าแล็ปท็อปในห้องพักของเขา แสงไฟสลัวจากหน้าจอส่องกระทบใบหน้าที่เคร่งขรึม เขารู้ดีว่า แม้พวกแก๊งเรดสเคลจะถูกโจมตีไปบ้างแล้ว แต่พวกมันไม่มีทางยอมจบเรื่องแค่นี้ การสืบค้นข้อมูลเพิ่มเติมจึงเป็นเรื่องสำคัญที่เขาต้องทำในตอนนี้นิ้วของเบียร์กดลงบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว เขาเจาะเข้าไปในระบบที่ซับซ้อนของแก๊งเรดสเคล เพื่อดูว่าใครที่ยังคงเป็นสมาชิกคนสำคัญในเครือข่ายนี้ การแฮกข้อมูลของเขาดำเนินไปอย่างคล่องแคล่ว ด้วยทักษะที่มีระดับสูง เบียร์สามารถข้ามผ่านระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้นได้โดยไม่มีใครทันรู้ตัวไม่กี่นาทีต่อมา ข้อมูลสำคัญก็ปรากฏขึ้นบนหน้าจอ ชื่อของสมาชิกคนสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงินและการยักย้ายทรัพย์สินของแก๊งเรดสเคลทั้งหมด เบียร์ไล่ดูรายชื่อทีละคน มีหลายคนที่เขารู้จัก และหลายคนที่ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน“ไม่แปลกใจเลย พวกมันมีคนในวงการธุรกิจอีกเยอะ”เบียร์พึมพำเบาๆ ขณะที่สายตาของเขาจับจ้องไปที่ชื่อสำคัญชื่อหนึ่ง นั่นคือ ‘ลักษณ์ เดชากุล’ หรือ ‘ลูคัส เดลกาโด้’ ชื่อที่เขาได้ยินจากข้อมูลของมิสเตอร์พีแล้ว แต่อีกชื่อหนึ่งที่ปรากฏทำให้เขาชะงักธีรวัฒน์ พงศ์พิสุทธิ์ ผู้อำนวยการ
“เจอกันอีกแล้วนะ” เนยเอ่ยด้วยน้ำเสียงหวาน แต่แฝงความเยียบเย็นอย่างน่ากลัว รอยยิ้มร้ายประดับอยู่บนใบหน้าขณะที่เธอค่อยๆ ก้าวเข้าไปใกล้ ดาร์โก้ที่เห็นเธอเดินเข้ามา ใบหน้าซีดเผือดทันที เขารู้ดีว่าเธอมาที่นี่เพราะอะไรเนยหยุดยืนตรงหน้าเขา จ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ก่อนจะล้วงมือเข้าไปใต้ชุดเดรส หยิบมีดพับเล่มเล็กออกมา เธอเปิดมันขึ้นมา เสียงแกร๊ก ดังขึ้นในความเงียบ สายตาของดาร์โก้เบิกกว้าง รู้สึกถึงความตึงเครียดที่แผ่ซ่านไปทั่ว“ฉันยังไม่ได้ตอบแทนเรื่องวันนั้นเลยนะ” เนยกระซิบเสียงหวานใกล้หูของดาร์โก้ ปลายมีดในมือเธอเขี่ยเบาๆ ที่ปลายคางของเขา ดวงตาคมของเธอจับจ้องใบหน้าที่ซีดเผือดของเขา ราวกับสนุกกับความหวาดกลัวที่เห็น“ไม่รู้ว่าคนอย่างแกรู้สึกเจ็บเป็นมั้ย แต่ฉันอยากให้แกได้สัมผัสบ้าง... ความเจ็บปวดที่เพื่อนฉันต้องเจอมันเป็นยังไง” เสียงของเนยเยียบเย็น แต่กลับเต็มไปด้วยความโกรธที่ซ่อนอยู่เธอพูดโดยไม่แสดงอารมณ์บนใบหน้า แต่สายตาของเธอแฝงไปด้วยความเคียดแค้นที่พร้อมจะเผาผลาญทุกอย่างที่ขวางหน้าเนยไม่รอช้า เธอเริ่มกรีดมีดลงบนแขนของดาร์โก้อย่างช้าๆ และจงใจให้เขารู้สึกถึงความเจ็บปวดทุกวินาที แผลที่ถูกเป
เมื่อมาถึงห้องควบคุม เคนรอพวกเขาอยู่แล้ว เขายืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ที่สามารถมองเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในห้องใต้ดินได้อย่างชัดเจน“มาทันเวลาพอดี” เคนพูดขณะจ้องไปยังภาพที่ปรากฏตรงหน้า ดาร์โก้ที่ถูกล้อมรอบด้วยลูกน้องของดานเต้ กำลังถูกทรมานอย่างไร้ความปรานีเนยเดินไปยืนข้างเคน มองผ่านกระจกด้วยแววตาไร้อารมณ์ สายตาของเธอว่างเปล่า ไม่มีความรู้สึกผิดหรือเสียใจ ราวกับกำลังมองละครฉากหนึ่งที่ไม่มีความหมายใดๆ ฮิโร่ยืนข้างๆ สายตาของเขาก็เยือกเย็นไม่แพ้กันภาพตรงหน้าของดาร์โก้ช่างโหดร้ายและน่าสยดสยองเกินกว่าจะบรรยาย ลูกน้องของดานเต้กำลังทรมานเขาอย่างไร้ความปรานี พวกมันใช้มีดกรีดเนื้อของดาร์โก้อย่างไม่เหลือความเมตตา แต่ความรุนแรงนี้ยังไม่จบเพียงเท่านั้น—บางคนยังคงทารุณเขาจากด้านหลังอย่างต่อเนื่อง เสียงกรีดร้องของดาร์โก้ที่สะท้อนก้องไปทั่วห้องเต็มไปด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัสอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโหดร้ายเหล่านั้น เสียงครางอย่างสุขสมอันวิปริตกลับดังขึ้นพร้อมกัน ยายูโฟเรีย-เอ๊กซ์ที่เขาถูกบังคับให้เสพทำให้ร่างกายของเขาตอบสนองในแบบที่ผิดปกติ ราวกับเป็นการบิดเบือนความจริง ทั้งหมดนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศในห้
หลังจากผ่านไปหลายชั่วโมงที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานอย่างสาหัส ร่างของดาร์โก้ก็เริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ จนไม่อาจทนรับความโหดร้ายที่ถูกกระทำได้อีกต่อไปร่างกายของเขาสั่นสะท้าน หายใจหอบถี่ สายตาพร่าเลือนด้วยความเหนื่อยล้า เสียงร้องครวญครางด้วยความทรมานดังแผ่วเบาลอดออกมาเป็นระยะจากลำคอที่แหบแห้ง การทรมานที่พวกมาโซกระทำไม่ได้แค่ทำลายร่างกายของดาร์โก้เท่านั้น แต่พวกเขากดดันจนจิตใจของดาร์โก้แตกสลาย พังทลายลงอย่างช้าๆท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความโหดร้าย ดานเต้ก้าวเข้ามาอย่างเยือกเย็น เขามองดูดาร์โก้ที่ตอนนี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะขัดขืน ก่อนที่จะคว้าขวดยา ‘ไวท์ทริธ’ ออกมา ยารีดความจริงสูตรลับเฉพาะของตระกูลไทระที่ขึ้นชื่อว่าออกฤทธิ์รุนแรงที่สุด ดันเต้เปิดขวดยานั้นและกรอกเข้าไปในปากของดาร์โก้ที่ไร้สติทันทีที่ยาเริ่มออกฤทธิ์ ดาร์โก้สะดุ้งสุดตัว ร่างกายที่ไร้เรี่ยวแรงก่อนหน้านี้เริ่มกระตุกด้วยความเจ็บปวดภายใน ขณะที่ความจริงที่เขาพยายามซ่อนเร้นถูกบังคับให้ออกมาจากปากของเขาอย่างไม่มีทางปกปิดอะไรได้อีกต่อไป“ลูคัส...มันมีฐานลับอีกแห่งสำคัญกว่าคฤหาสน์ใต้ดิน” ดาร์โก้พึมพำ เสียงแผ่วแต่ชัดเจนพอให้ทุกค
“อ๊า...นาย...เดี๋ยว...อื๊อ...ขออาบน้ำก่อน..อ๊า...” เนยพยายามใช้มือบางดันหน้าอกของเบียร์เบาๆ เป็นเชิงห้าม แต่เสียงของเธอกลับขาดห้วง เมื่อความเสียวซ่านเริ่มแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เบียร์ลากลิ้นไปตามหน้าอกของเธออย่างเชื่องช้า ก่อนจะก้มลงเม้มดูดยอดอกอย่างรุนแรง ทำให้เนยครางออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ มือของเธอบีบที่บ่าของเขาแน่น พยายามบรรเทาความเสียวที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่อาจต้านทานได้“อืม...อ่า...ค่อยอาบ...” เบียร์พึมพำเสียงพร่า ขณะที่มือของเขาดันหลังเนยให้แอ่นอกเข้าหาปากของเขา ปลายลิ้นของเขาไล้วนบนยอดอกของเธอสลับกับเม้มดูดทั้งสองข้างอย่างชำนาญ ในขณะเดียวกัน มืออีกข้างของเขาลูบไล้สะโพกเธอเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว“อ๊า..นาย...ไหนบอกจะแผ่วไง...อึ๊..” เนยพูดเสียงกระท่อนกระแท่น พลางใช้มือดันอกของเขา แต่แรงต่อต้านนั้นกลับยิ่งกระตุ้นให้เขารุกหนักขึ้น“ฉันเคยพูดเหรอ?” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั้นผุดขึ้นที่ริมฝีปากก่อนจะกดจูบลงบนปากของเธออย่างแนบแน่น ลิ้นของเขาสอดเข้าไปในโพรงปากของเธอ เคลื่อนไหวอย่างเร่าร้อนจนทำให้เนยแทบจะหยุดหายใจ“อื๊อ..อื๊อ....” เนยพยายามทุบไหล่เขาเบาๆ ราวกับขอให้เขาผ่
“อ๊า...แฮ่กๆ ...ไม่ไหวแล้ว...พะ..พอ...อ๊าย...”เนยครางเสียงกระเส่า ร่างกายของเธอเกร็งแน่นขณะที่ถึงจุดสุดยอดหลายครั้งติดกัน ทำให้เบียร์รู้สึกเสียวซ่านมากกว่าที่คาดไว้ เขาพยายามควบคุมตัวเอง แต่ความรู้สึกที่ท่วมท้นนั้นเริ่มทำให้เขาใกล้จะทนไม่ไหว“ฉันใกล้แล้ว...” เบียร์พึมพำเสียงพร่าขณะที่จังหวะการเคลื่อนไหวของเขาหนักและเร็วขึ้นเรื่อยๆ ปล่อยให้ความร้อนแรงพุ่งทะยานจนใกล้จะถึงจุดสูงสุด“อื๊อ...นาย...จะอึดไปไหน...อ๊ะ..อ๊า...”เนยถามเสียงกระท่อนกระแท่น เสียงครางของเธอเริ่มสั่นเครือ ร่างกายของเธออ่อนล้าหลังจากถึงจุดสุดยอดหลายครั้งติดต่อกัน รอยเล็บที่ฝากไว้บนหลังของเบียร์มีมากจนนับไม่ถ้วน เธอแทบไม่มีแรงเหลือ แต่เขายังคงเร่งจังหวะอย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอยิ่งเสียวซ่านจนแทบทนไม่ไหว“อืม...” เบียร์พึมพำเสียงพร่า เสียงครางของเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ความเสียวซ่านทวีคูณ“อ๊ะ..อ๊า..นาย...ไม่ไหวแล้ว...อร๊าย...” เนยไม่สามารถกลั้นเสียงครางไว้ได้อีกต่อไป เมื่อเบียร์เร่งจังหวะหนักหน่วงจนเธอรู้สึกถึงแรงดึงดูดที่ท่วมท้นในร่างกาย เสียงครางของทั้งคู่ผสานกันในห้อง เมื่อเขากระแทกเข้ามาในจังหวะที่หนักแน่นและลึ
แสงแดดอ่อนๆ ยามเย็นสาดส่องผ่านม่านโปร่งเข้าสู่ห้องนอนอันเงียบสงบ เนยค่อยๆ ลืมตาขึ้น ความเมื่อยล้าจากค่ำคืนอันเร่าร้อนยังคงสะสมอยู่ในทุกอณูของร่างกาย เบียร์จัดเธอหนักจนถึงเช้า ทำให้เธอรู้สึกเหมือนพลังถูกสูบออกไปจนแทบหมดสิ้น เธอพยายามยันตัวลุกขึ้นนั่ง แต่ความปวดหน่วงในท้องน้อยทำให้ต้องนิ่วหน้าด้วยความทรมานเล็กน้อย“อือ...บ้าจริง” เนยพึมพำเบาๆ พลางลูบท้องเพื่อบรรเทาความปวด เธอกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง แต่ไม่เห็นเบียร์อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงความเงียบและกลิ่นหอมอ่อนๆ ของเขาที่ยังหลงเหลือบนหมอนข้างๆ ทำให้เธอย่นคิ้วเล็กน้อย“ไปไหนนะ?” เธอเอ่ยพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะหยิบเสื้อคลุมมาปกปิดร่องรอยรักที่กระจายอยู่ตามผิวกาย เนยเดินโซเซไปยังห้องน้ำ หวังว่าจะพบเบียร์ที่นั่น แต่กลับพบเพียงความว่างเปล่าขณะที่เธอขมวดคิ้วครุ่นคิดว่าชายคนรักหายไปไหน สายตาก็เหลือบไปเห็นกล่องสีดำใบเล็กวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง ริบบิ้นสีทองที่ผูกอย่างประณีตสะดุดตาเธอ“กล่องอะไรน่ะ?” เธอพูดกับตัวเองพลางเดินเข้าไปหยิบขึ้นมาดูภายในกล่องมีการ์ดใบหนึ่งวางอยู่ เมื่อเธอเปิดออกก็พบตัวอักษรที่ดูเหมือนรหัสมอร์สเรียงรายเต็มการ์ด เนยยืนมองการ์ด
เมื่อเวลาค่ำมาถึง พนักงานของเดอะ ริทซ์-คาร์ลตัน มัลดีฟส์ ก็มาจัดเตรียมดินเนอร์สุดหรูบนระเบียงกลางแจ้งของวิลล่า แสงเทียนในโคมแก้วที่จัดวางไว้รอบโต๊ะส่องแสงอ่อนโยน ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกที่มีเพียงแสงดาวและเสียงคลื่นทะเลเป็นฉากหลังบนโต๊ะดินเนอร์ถูกจัดวางอย่างประณีตด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวสะอาดตา พร้อมช่อดอกไม้เล็กๆ ในแจกันแก้วใส อาหารค่ำที่จัดเตรียมมาเป็นเมนูพิเศษจากเชฟของโรงแรมเริ่มจาก ซุปล็อบสเตอร์บิสค์ ที่เสิร์ฟมาในชามเซรามิกขอบทอง กลิ่นหอมของสมุนไพรและเครื่องเทศลอยมากระทบจมูก ตามด้วยจานหลักเป็น สเต็กปลากะพงย่างราดซอสเนยมะนาว เสิร์ฟคู่กับผักย่างและมันบดเนื้อเนียนละเอียดและไฮไลต์ของค่ำคืนนี้คือ ของหวานเค้กมูสมะพร้าว เสิร์ฟในเปลือกมะพร้าวขัดเงา ตกแต่งด้วยซอสมะม่วงราดอย่างละเมียดละไม ความหวานของมูสมะพร้าวเข้ากันดีกับรสเปรี้ยวสดชื่นของมะม่วง เป็นเมนูที่ทั้งตาและลิ้นต้องหลงรักเบียร์นั่งจิบไวน์ขาวที่เสิร์ฟเคียงกับอาหาร ขณะที่มองเนยที่กำลังตักซุปขึ้นมาชิม ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและหลงใหล เนยที่สวมชุดเดรสผ้าชีฟองสีฟ้าอ่อนซึ่งพริ้วไหวตามลมทะเล ดูราวกับนางฟ้าท่ามกลางแสงเทียน“รสชาติเป็นไงบ
ฮิโร่และวาเลนไทน์ยืนเคียงข้างกันอย่างเงียบสงบที่จุดชมวิวริมแม่น้ำปิง แสงไฟจากริมฝั่งสะท้อนลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย สายตาของทั้งคู่เหม่อมองออกไปไกลราวกับกำลังครุ่นคิดถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านเข้ามาในชีวิต“ไม่มีแบล็ควอล์คอีกแล้ว...” ฮิโร่พูดขึ้น ทำลายความเงียบที่รายล้อมแววตาของวาเลนไทน์สะท้อนไหววูบเล็กน้อย แต่ไม่นานนักเธอก็ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง“พังไปแบบนั้นก็ดีแล้ว”ฮิโร่หันมามองเธอด้วยความแปลกใจเล็กน้อยในคำพูดนั้น“หืม?”วาเลนไทน์ยังคงเหม่อมองสายน้ำไหล คล้ายกำลังดิ่งลึกลงไปในห้วงอดีตของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยออกมาช้าๆ“ชีวิตฉัน...ถูกไมค์ช่วยเอาไว้ก็จริง แต่เขาก็เป็นคนที่ทำลายมันลงเหมือนกัน...” เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่งามสะท้อนแสงไฟริมน้ำ“เพราะงั้น...การที่มันพังไปแบบนั้น...ถือว่าดีแล้ว”วาเลนไทน์หันกลับมาสบตากับฮิโร่ ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความซับซ้อน ทั้งความเศร้าและความโล่งใจที่ผสมปนเปกันฮิโร่จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของวาเลนไทน์ คิ้วหนาขมวดเล็กน้อยเหมือนกำลังไตร่ตรอง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ“แล้วเธอคิดจะทำอะไรต่อไปล่ะ”วาเลนไทน์นิ่งไปครู่หนึ่ง ราวกับคำถามนั้นกระทบใจเธออ
เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่เนยเดินทางกลับจากมอสโก ข่าวใหญ่ก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งโทรทัศน์และเว็บไซต์ข่าวออนไลน์ทุกสำนัก รายงานเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกับผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป ขณะเดินทางเยี่ยมชมสาขาในรัสเซียข่าวระบุว่าเกิดอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ตกท่ามกลางภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมดสี่ราย ได้แก่ นักบินประจำลำ ไมเคิล เวสท์ ผู้บริหารสูงสุดของยูนิโอนิค กรุ๊ป วินเซนต์ เกรย์ รองประธานฝ่ายบริหาร และเซเลสเท ลาโนว่า ผู้ช่วยส่วนตัวของวินเซนต์ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงไปทั่วโลกธุรกิจ การสูญเสียบุคคลสำคัญระดับนี้ไม่เพียงกระทบต่อบริษัท ยูนิโอนิค คาร์ด กรุ๊ป เท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความมั่นคงของอุตสาหกรรมการเงินระดับโลกอีกด้วย“หมอนั่น ทำให้ข่าวออกมาแบบนี้เหรอเนี่ย” เบียร์พูดขึ้น ขณะเลื่อนดูข่าวบนหน้าจอแท็บเล็ต ร่างสูงนั่งเอนตัวสบายๆ บนโซฟาภายในคอนโด โดยมีเนยนั่งอยู่บนตักของเขา“ก็ไม่แปลกนี่ อีตาสูทดำถนัดทำเรื่องแบบนี้อยู่แล้วนี่นา” เนยหัวเราะเบาๆ ขณะมองภาพข่าวที่แสดงอยู่บนหน้าจอ“แล้วแบบนี้บริษัทเธอจะทำยังไงต่อล่ะ?” เบียร์เลิกคิ้วถามพลางโอบเอวเธอไว
ทันใดนั้น ก็มีเสียงที่ดัดแปลงด้วยเอไอดังออกมาจากโทรศัพท์ของเนยที่เปิดสปีกเกอร์โฟน ราวกับเป็นเงาที่มองไม่เห็นของเกมนี้“แน่ใจเหรอ?” เสียงนั้นแทรกขึ้นมาท่ามกลางความเงียบไมเคิลขมวดคิ้วแน่น สายตาที่เต็มไปด้วยความโกรธและสงสัยจับจ้องไปยังโทรศัพท์ในมือของเนย“นายคิดว่า แบล็ควอล์คไม่สามารถถูกทำลายได้จริงเหรอ?” เสียงนั้นยังคงดังออกมาราวกับเยาะเย้ย“แกเป็นใคร!!” ไมเคิลตะโกนลั่น เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบ“ไม่สำคัญหรอก” เสียงนั้นหัวเราะเบาๆ ราวกับเพลิดเพลินกับความโกรธของไมเคิล“ฉันจะมอบของขวัญให้นายเอง ของขวัญแห่งความพินาศที่ชื่อว่า ‘แบล็คเฮเซล’ ”คำพูดนั้นเหมือนน้ำมันที่ราดลงบนเปลวไฟ ไมเคิลกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด สายตาเขาเต็มไปด้วยคำถามและความเคียดแค้น“เขาว่างั้นล่ะ”เนยยกยิ้มบางพลางเดินเข้าไปหาไมเคิลที่ยังคงยืนตัวแข็งด้วยความโกรธ เธอเอื้อมมือดึงตัวเขาขึ้นจากพื้น ก่อนกดตัวเขานั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้กับจอมอนิเตอร์ไมเคิลมองจอมอนิเตอร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ ภาพข้อมูลบริษัท การฟอกเงิน การขนส่งของผิดกฎหมาย และฐานย่อยที่เป็นความลับระดับสูงสุด กำลังถูกเปิดเผยต่อหน้าต่อตาเขา“นี่มัน...”
ภายในห้องนอนที่เต็มไปด้วยบรรยากาศเร่าร้อน เอมิกับไมเคิลยังคงจมอยู่ในความสุขที่เขาและเธอสร้างขึ้นร่วมกัน ไฟในดวงตาของไมเคิลเต็มไปด้วยความหลงใหล ในขณะที่เอมิกลับมีประกายร้ายกาจแฝงอยู่ในแววตาทันใดนั้น เอมิก็ชะงักเล็กน้อย สัญชาตญาณของเธอเตือนว่าเหตุการณ์กำลังเปลี่ยนไป ความเคลื่อนไหวจากภายนอกกำลังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นที่มุมปากของเธอ“อะไรหรือ?” ไมเคิลถามพลางมองเธอด้วยสายตาสงสัย เมื่อเห็นเธอนิ่งไปชั่วครู่เอมิหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอียงหน้ามองเขา รอยยิ้มร้ายกาจของเธอฉายชัด“ดูท่า ความสนุกของเราจะหมดลงแค่นี้แล้วล่ะ” เธอเอ่ยเสียงเย้ายวน แต่เต็มไปด้วยความหมายลึกลับไมเคิลเลิกคิ้ว ดวงตาสีฟ้าของเขาหรี่ลงอย่างจับสังเกต ขณะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติจากด้านนอก เสียงฝีเท้าและแรงระเบิดเล็กน้อยที่ดังมาจากระยะไกลส่งสัญญาณบางอย่างที่เขาไม่อาจมองข้ามไมเคิลลุกพรวดขึ้นจากเตียงทันที เขาเร่งสวมกางเกงอย่างรวดเร็ว ก่อนจะก้าวตรงไปยังโต๊ะทำงานข้างห้องพร้อมกดปุ่มลับที่ซ่อนอยู่ ไม่นานนัก มอนิเตอร์หลายสิบจอก็ปรากฏภาพตรงหน้า เขามองภาพสถานการณ์ที่เกิดขึ้นรอบฐานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดภาพการพ่ายแพ้ของล
ภายใต้ความมืดของยามค่ำคืน ฮิโร่และเนยเคลื่อนตัวอย่างเงียบงัน ฝ่าหมอกควันที่ลอยตลบจากระเบิดควันที่ฮิโร่ปาออกไปตามทางเป็นระยะ เพื่อบดบังการเคลื่อนไหว ทั้งคู่ใช้ทางเดินด้านหน้าของอาคารหลัก บุกเข้าไปโดยไร้เสียงฮิโร่เคลื่อนตัวอย่างคล่องแคล่ว ดาบคาตานะในมือของเขาวาววับเมื่อสะท้อนแสงไฟสลัว เขาพุ่งตัวเข้าใกล้ศัตรูคนแรกที่ยืนเฝ้าทางเข้า ดาบในมือฟาดออกด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ เสียงเฉือนเบา ๆ ดังขึ้นก่อนที่ร่างของสมุนจะล้มลงโดยไร้เสียงโวยวาย ฮิโร่ใช้เท้าขยับร่างศัตรูเข้าข้างกำแพง ซ่อนร่างไว้ก่อนส่งสัญญาณให้เนยเดินตามเนยตามติดเขาไปอย่างว่องไว ดวงตาคมกริบของเธอจ้องจับทิศทางศัตรูคนถัดไปที่ยืนอยู่บริเวณมุมตึก เธอพุ่งตัวไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว มีดสั้นในมือปักเข้าที่ต้นคอของศัตรูจากด้านหลัง ร่างของเขาทรุดลงอย่างเงียบงัน ก่อนที่เธอจะวางร่างลงกับพื้นอย่างเบามือทั้งคู่เคลื่อนไหวราวกับเงา ไร้เสียง ไร้การสะดุดเมื่อเจอกับกลุ่มศัตรูที่อยู่เป็นทีมเล็ก ๆ ฮิโร่ใช้สัญญาณมือสั่งให้เนยหยุดรอ ก่อนที่เขาจะพุ่งตัวออกไปในพริบตา ดาบของเขาสะบัดฟาดในจังหวะเดียวล้มศัตรูสองคนที่ยืนหันหลังให้ ส่วนคนที่สามที่หันมาเห็นเหตุ
“ใจเย็นสิคะ...” เนยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ดวงตาพราวระยับ พร้อมยกมือบางขึ้นแตะที่ริมฝีปากของวินซ์ที่กำลังจะโน้มลงมา“หืม...นี่ผมใจเย็นสุดละ” วินซ์ตอบเสียงแหบพร่า แววตาเปี่ยมไปด้วยแรงปรารถนาเขาใช้มือจับข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะดึงมือเรียวเล็กออกจากริมฝีปากของเขา และกดริมฝีปากร้อนลงบนริมฝีปากบางของเธอทันทีจูบของเขาไม่รีบร้อน แต่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดที่เธอไม่อาจหลีกหนีได้ วินซ์สอดแทรกเรียวลิ้นเข้าไปในโพรงปากของเธอ ตักตวงรสหวานที่เขาต้องการมาตลอดเนยขืนตัวเล็กน้อย แต่ไม่นานนักก็ปล่อยตัวไปตามอารมณ์ มือบางที่เคยพยายามผลักไส เปลี่ยนมาจับที่บ่าของเขาเบาๆ ขณะที่ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มประสานกันวินซ์จรดริมฝีปากร้อนลงบนซอกคอขาวเนียนของเนย ไล้เบาๆ ด้วยความนุ่มนวลก่อนจะเลื่อนต่ำลงมาช้าๆ จนถึงเนินอก เผยให้เห็นความปรารถนาที่เขาเก็บซ่อนไว้ในแววตา ขณะที่มือของเขาลูบไล้ไปตามร่างกายของเธออย่างเชื่องช้า“คุณสวยมาก...” วินซ์พึมพำเสียงเบา ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองใบหน้าของเนย แต่แล้วเขาก็กระพริบตาถี่ๆ เมื่อรู้สึกเหมือนโลกเริ่มหมุน และภาพเบื้องหน้าพร่าเลือนไป“คุณอมลวัทน์...ทำไมผม...” วินซ์พูดแผ่ว ราวกับพยายามรวบรวม
ขณะเดียวกัน วินซ์พาเนยนั่งรถลีมูซีนกลับมายังโรงแรมท่ามกลางแสงไฟยามค่ำคืนของมอสโก บรรยากาศภายนอกเต็มไปด้วยความเงียบสงบ แต่ภายในรถกลับอึมครึมไปด้วยความเงียบระหว่างพวกเขา จนกระทั่งรถจอดสนิทที่หน้าโรงแรม วินซ์เปิดประตูรถให้เธอ“ขอบคุณค่ะ” เนยยิ้มขณะก้าวลงจากรถ“ผมจะเดินไปส่งคุณที่ห้อง” วินซ์เอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ แต่แววตาคู่นั้นกลับเต็มไปด้วยความลึกซึ้งเนยเลิกคิ้วเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบอะไร เพียงพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินนำเข้าไปในตัวโรงแรมเมื่อถึงหน้าห้องพักของเธอ วินซ์กลับเอ่ยขึ้นอีกครั้ง พร้อมรอยยิ้มที่ดูเหมือนตั้งใจมากกว่าครั้งก่อน“ถ้าจะให้ดี ผมขอเข้าไปดื่มกาแฟสักแก้วได้มั้ย? พอดีมีงานที่ต้องคุยกับคุณนิดหน่อย...ตอนที่คุณหายไป”เนยหลุดหัวเราะเบาๆ กับข้ออ้างที่ฟังดูน่าเอ็นดู รอยยิ้มของเธอเจือความรู้ทันอย่างชัดเจน เธอมองหน้าเขานิ่งๆ อยู่ชั่วครู่ ก่อนจะเอ่ยตอบ“แค่กาแฟแก้วเดียวนะคะ”วินซ์ยิ้มมุมปากราวกับได้สิ่งที่ต้องการ เขาก้าวตามเธอเข้าไปในห้องพัก ห้องที่ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยโทนสีทองและน้ำตาลอ่อน พร้อมวิวเมืองมอสโกยามค่ำคืนที่มองเห็นได้จากกระจกบานใหญ่เนยเดินตรงไปที่มุมครัวเล็กๆ ในห้อง หยิบเ