รถสปอร์ตคันหรูแล่นฝ่าความมืดเข้ามาจอดสนิทที่ด้านหน้าหอพักของปราณปรียา แสงไฟจากหน้ารถสะท้อนกับตัวอาคารที่เงียบสงบ ท่ามกลางบรรยากาศยามค่ำคืนที่ไร้เสียงรบกวน หญิงสาวปลดเข็มขัดนิรภัยและเตรียมตัวลงจากรถ แต่ก่อนที่เธอจะทันได้เปิดประตู หยาง เฟยอวี่ก็หยิบช่อดอกไม้เจ้าสาวจากเบาะข้างหลังแล้วยื่นมาให้เธอปราณปรียานิ่งอึ้งกับการกระทำที่ไม่คาดคิด เธอมองช่อดอกไม้ในมือของเขาด้วยแววตาเต็มไปด้วยคำถาม ขณะที่หัวใจเต้นแรงแทบระเบิด“คุณหยางให้ดอกไม้ปริมทำไมคะ?” เธอถามเสียงแผ่ว ทั้งเขินอายและสับสนหยางเฟยอวี่สบตากับเธอ เขายิ้มเล็กน้อยก่อนตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ที่ผ่านมา การกระทำของพี่อาจยังไม่ชัดเจนพอ เพราะพี่รู้ว่าน้องปริมยังไม่พร้อมที่จะเริ่มความสัมพันธ์กับใคร แต่วันนี้พี่ตัดสินใจแล้วว่าจะเดินหน้าต่อ”เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ สายตาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและจริงใจ“เป็นแฟนกับพี่นะครับ ให้พี่ได้ดูแลน้องปริม”คำพูดของเขาทำให้ปราณปรียาใจสั่น เธอก้มหน้าหลบสายตา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ “คุณหยาง แต่ปริมไม่เหมาะกับคุณ…”หยางเฟยอวี่ยิ้มบาง ๆ เขาเอื้อมมือไปแตะแขนเธอเบา ๆ อย่างปล
ย้อนกลับไปสองชั่วโมงก่อนปราณปรียาเดินเข้ามาในห้องพร้อมรอยยิ้มบางๆ ก่อนจะเปิดผ้าม่านแง้มออกเล็กน้อย มองลงไปยังถนนเบื้องล่าง เมื่อเห็นรถของหยางเฟยอวี่ยังคงจอดอยู่ที่เดิม หญิงสาวก็อดยิ้มไม่ได้ หัวใจเธอพองโตกับความเอาใจใส่ของเขาหลังจากฮัมเพลงเบาๆ ขณะเก็บข้าวของให้เรียบร้อยแล้ว ปราณปรียาเดินเข้าไปในห้องน้ำ ไม่นานนักเสียงน้ำไหลก็หยุดลง เธอเดินออกมาด้วยชุดนอนสีอ่อนสบายตัว และหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเพื่อนสนิท เอมอร“ฮัลโหลปริม! เป็นยังไงบ้างจ๊ะ ได้ข่าวว่าปริมกับคุณหยางคบกันแล้วเหรอ” เสียงทะเล้นจากปลายสายหยอกล้อทันที ปราณปรียาหัวเราะเบาๆ“แหม อร เราเพิ่งคบกับพี่เฟยอวี่เอง ช่วงนี้ก็ปกติดี”“อุ๊ยๆ ตอนนี้เรียกคุณหยางว่าพี่แล้วเหรอยะ” เอมอรแกล้งลากเสียงล้อเลียนทันทีหญิงสาวยิ้มเขิน “ก็พี่เฟยอวี่ขอให้เรียกแบบนี้ เราก็เลยยอมเปลี่ยนให้ แค่นี้ก็แซวได้”“โอ๊ยยย ฉันล้อเล่นน่า ว่าแต่หล่อนเถอะ มีเดตอะไรพิเศษอีกหรือเปล่า?”“อรอย่าแซวเราเลย ว่าแต่เธอกลับจากฮันนีมูนหรือยังล่ะจ๊ะ?”“เพิ่งกลับมาเมื่อวานจ้า ตอนนี้ขอพักหน่อย เดี๋ยวต้องเข้าไปโรงงานดูผลผลิตที่ต่างเมืองต่อ” เอมอรเล่าพลางถอนหายใจเบาๆสองสาวพูดคุยกั
หยางเฟยอวี่พาหญิงสาวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของห้องชุด ด้านบนตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาวนวลตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดี เส้นสายของการออกแบบเผยถึงรสนิยมที่พิถีพิถันของเจ้าของห้อง เขาเปิดประตูห้องนอนหลัก ซึ่งภายในกว้างขวางและมีบรรยากาศอบอุ่น เตียงขนาดคิงไซซ์ปูด้วยผ้าปูสีขาวสะอาด และมีหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืน“คืนนี้น้องปริมพักที่นี่นะครับ” หยางเฟยอวี่พูดพลางหยิบผ้าคลุมเนื้อนุ่มจากตู้มาให้หญิงสาว “ห้องนี้เป็นห้องพี่เอง แต่พี่จะไปพักห้องข้างๆ ถ้าปริมต้องการอะไรเรียกพี่ได้ทันทีเลยนะ”ปราณปรียามองรอบห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันมาหาเขาด้วยสายตาอ่อนโยน “พี่เฟยอวี่คะ... ขอบคุณนะคะที่ดูแลปริม”หยางเฟยอวี่มองหญิงสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย เขาเอื้อมมือไปแตะเส้นผมนุ่มเบาๆ “ไม่ต้องขอบคุณหรอก นี่เป็นสิ่งที่พี่ควรทำเพื่อปริมอยู่แล้ว”หญิงสาวหลบสายตาเล็กน้อย รู้สึกอบอุ่นในใจจนเผลอยิ้มออกมา หยางเฟยอวี่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับออกจากห้องอย่างสุภาพ “พี่จะไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ ปริมอาบน้ำเสร็จแล้วจะได้พักผ่อนสบายๆ”“ค่ะ” ปราณปรียาตอบรับเสียงเบา มองดูแผ่นหลังกว้
ปราณปรียาค่อย ๆ เดินลงมาจากชั้นบนในชุดกระโปรงสีหวานที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ ชุดนี้เน้นความเรียบง่ายแต่ดูอ่อนหวานอย่างมีเสน่ห์ หยางเฟยอวี่ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ปลายโต๊ะถึงกับชะงัก ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวไม่วางตาเธอเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีที่ยังคงเขินอายเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงสายตาหลงใหลที่ไม่แม้แต่จะปิดบังของชายหนุ่ม“ชุดนี้เหมาะกับน้องปริมมากครับ” เสียงทุ้มที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจเอ่ยชมออกมา ทำให้ปราณปรียาชะงักไปเล็กน้อย เธอก้มหน้ามองเท้าของตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ รอยยิ้มขวยเขินปรากฏบนริมฝีปากในใจพลางคิด ทำไมช่วงนี้พี่เฟยอวี่ถึงได้ขยันป้อนคำหวานแบบนี้กันนะหยางเฟยอวี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขามองเธอด้วยสายตาอบอุ่น ไม่ละไปจากใบหน้าที่เขาแสนคุ้นเคยแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พี่อยากพาน้องปริมไปที่ที่หนึ่ง วันนี้ไปเดตกับพี่อีกวันนะครับ”คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้เธอหวาดกลัว ชายหนุ่มก็ไม่อยากปล่อยให้คนรักต้องอยู่เพียงลำพังปราณปรียายืนนิ่งไปชั่วครู่ เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ แม้จะรู้ส
ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข ทะเลสาบนอกเมืองไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบ แต่ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกันตลอดวัน หยางเฟยอวี่พาหญิงสาวนั่งเรือเล็กพายล่องไปตามผืนน้ำที่เป็นประกายระยิบระยับ แดดอ่อน ๆ ในยามสายสาดแสงลงมากระทบร่างของปราณปรียา ทำให้ผิวเนียนสว่างของเธอดูงดงามดุจต้องมนต์ หยางเฟยอวี่แอบมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภูมิใจ เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตัวเองโชคดีเพียงใดที่คว้าหญิงสาวผู้เปรียบดั่งนางฟ้าองค์นี้มาอยู่เคียงข้างได้ปราณปรียาหัวเราะเบา ๆ เมื่อหยางเฟยอวี่แกล้งพายเรือให้แกว่งเล็กน้อย น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นมาโดนผิวของทั้งคู่ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส“อย่าแกล้งปริมสิคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงขำขัน แต่ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อจากสายตาอบอุ่นของเขาที่มองมา“ถ้าพี่ทำให้ปริมยิ้มได้ พี่ยินดีจะแกล้งแบบนี้ทุกวัน” หยางเฟยอวี่ตอบพร้อมกับยิ้มละมุน เสียงของเขานุ่มนวลพอ ๆ กับสายลมที่พัดผ่าน แดดที่กำลังจางลงยิ่งเพิ่มความโรแมนติกให้ช่วงเวลานี้ จนเหมือนทั้งโลกหยุดหมุน มีเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งสองได้พักผ่อนกันไม่นาน เ
ปราณปรียาพักผ่อนจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามเย็น เมื่อรู้สึกตัวตื่น เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย แสงแดดอ่อน ๆ สาดลอดผ่านผ้าม่านบาง ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่น ในคราแรกเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ แต่เมื่อหญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางอย่างเรียบร้อยและมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยช่วยให้เธอคลายความกังวลลงได้ พลันความทรงจำก็ผุดขึ้นในหัว หยางเฟยอวี่ต้องเป็นคนพาเธอมานอนที่นี่อย่างแน่นอนปราณปรียาลุกขึ้นจากเตียงและเปิดประตูออกไป เธอพบว่าชายหนุ่มยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน เสียงกุกกักเบา ๆ ของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคมมองเธออย่างอ่อนโยน“ตื่นแล้วเหรอครับ ยังง่วงอยู่หรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอ เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทีนิ่งขึง“ไม่ค่ะ ปริมนอนเต็มอิ่มแล้ว เลยไม่ง่วงอีก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมส่งยิ้มหวานให้เขาหยางเฟยอวี่ยิ้มบางก่อนจะจูงมือเธออย่างนุ่มนวลพาไปนั่งที่โซฟา เขาจัดหมอนรองหลังให้เธออย่างใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นั่งพักตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่รีบเคลียร์งานให้เสร็จ”ปราณปรียามองเขาด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะหย
เช้าวันใหม่มาพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง แต่สิ่งที่ปลุกปราณปรียาให้ตื่นไม่ได้มาจากแสงแดด หากแต่เป็นความรู้สึกหนัก ๆ ที่บริเวณบั้นเอว เธอเลิกผ้าห่มขึ้นดูและต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นแขนแข็งแรงของหยางเฟยอวี่พาดอยู่บนตัวเธอ อีกทั้งยังมีลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างหู ใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมา“คนดี ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มสะลึมสะลือดังขึ้นเหนือหัว ราวกับรู้ว่าเธอกำลังทำตัวไม่ถูก ปราณปรียาทำได้เพียงพยักหน้าตอบเบา ๆหยางเฟยอวี่ลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับยิ้มอ่อนในใจเมื่อเห็นท่าทางกระต่ายตื่นตูมของคนในอ้อมแขน เขาเอื้อมมืออีกข้างมาลูบหัวเธอเบา ๆ“ข้างนอกยังเช้าอยู่เลย นอนต่ออีกนิดไหมครับ” เขาเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่คำพูดนั้นยิ่งทำให้ปราณปรียารู้สึกประหม่า“ปริมอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา แม้ว่าในความเป็นจริงเธอไม่ได้ต้องการเข้าห้องน้ำเลยก็ตามหยางเฟยอวี่หัวเราะเบา ๆ สูดกลิ่นหอมจากต้นคอของเธอเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะยอมปล่อยมืออย่างไม่เร่งรีบเมื่อได้รับอิสระ ปราณปรียารีบลุกจากเตียงทันที ร่างบางแทบจะวิ่งไปที่ห้องน้ำโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งให้หยางเ
หลังจากนั้นไม่นาน ปราณปรียาก็ได้รับรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้ถังเหมยหลินมาเกาะติดเธอเหมือนเงาตามตัวเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในกลุ่มเพื่อนเริ่มกระจายไปทั่ว หวังหย่วน หนุ่มเพื่อนร่วมคลาสที่เคยมีภาพลักษณ์ดี ทำผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเดียวกับถังเหมยหลินท้องโดยไม่รับผิดชอบ เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้ถังเหมยหลินอย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะรู้สึกโกรธแทนเพื่อนแล้ว ยังทำให้เธอเสียศูนย์ในความมั่นใจของตัวเองหญิงสาวที่เคยวางท่าโอหังและมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เธอเริ่มตั้งคำถามกับทุกความสัมพันธ์ในชีวิต ว่าใครกันแน่ที่จริงใจกับเธอ และใครที่อาจจะซ่อนมีดไว้ข้างหลังในสายตาของถังเหมยหลิน ปราณปรียาคือคนเดียวที่ดูแตกต่าง หญิงสาวที่มักวางตัวนิ่ง ๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือใส่ใจกับเรื่องวุ่นวายรอบตัว กลับดูเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด“ฉันแค่ต้องการเพื่อนที่จริงใจสักคน” ถังเหมยหลินพูดขึ้นในวันหนึ่งหลังจากเงียบอยู่นาน ปราณปรียาที่ได้ยินเช่นนั้นเพียงเงยหน้าจากหนังสือและยิ้มเล็กน้อย“ฉันไม่ไล่เธอหรอก ถ้าเธออยากจะเล่าอะไร ฉันรับฟังได้เสมอ”คำพูดเรียบง่ายของปราณปรียาทำให้ถังเหมยหลินที่กำลัง
นับแต่ค่ำคืนแสนหวานวันนั้น ดูเหมือนว่าหยางเฟยอวี่จะทำตัวติดปราณปรียามากขึ้นจนเกือบจะทุกที่ แม้แต่ในช่วงเวลาที่เธอทำงานอยู่ที่ร้านดอกไม้ฮวาฮวา ชายหนุ่มมักหาเหตุผลโดดงานแวะเวียนมาหาเธอเสมอ แต่สิ่งที่ชัดเจนยิ่งกว่าคือความหึงหวงที่แสดงออกอย่างไร้เหตุผลครั้งนี้ก็เช่นกัน…ปราณปรียาที่กำลังง่วนกับการจัดดอกไม้ให้ลูกค้าชายหนุ่มคนหนึ่งสังเกตได้ถึงสายตาคมกริบของหยางเฟยอวี่ที่จ้องมองลูกค้าอย่างไม่วางตา แม้กระทั่งตอนที่เธอส่งเงินทอนให้ลูกค้า เขาก็ยังยืนกอดอกอยู่มุมร้าน ดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะขุดประวัติของชายหนุ่มคนนั้นออกมาให้เมื่อส่งลูกค้าคนสุดท้ายออกจากร้านได้สำเร็จ ปราณปรียาก็หันกลับมามองคนตัวสูงที่ยังคงยืนทำหน้าตาไม่พอใจอยู่ที่เดิม เธอเดินตรงเข้าไปหาเขา พลางถอนหายใจอย่างระอา“พี่เฟยอวี่คะ ถ้ายังทำแบบนี้อีก คืนนี้ปริมจะให้ไปนอนข้างนอก!” หญิงสาวพูดเสียงเขียว พลางจ้องเขาด้วยสายตาตำหนิหยางเฟยอวี่นิ่วหน้า มองคนรักอย่างไม่ยอมแพ้ “ปริมไม่เห็นเหรอครับ ว่าหมอนั่นมองปริมยังไง?”“เขาไม่ได้มองอะไรปริมเลยค่ะ เขาแค่มาซื้อดอกไม้เท่านั้นเอง!”ชายหนุ่มส่ายหน้า “ไม่จริงครับ พี่เห็นชัด ๆ เขาแอบมองปริมตั้งแต่เดิ
ปราณปรียาที่ดื่มไวน์ไปสองแก้วตามคำชวนของคุณนายหยางเริ่มรู้สึกคอพับเล็กน้อย ถึงแม้จะพยายามตั้งสติ แต่ก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว หยางเฟยอวี่สังเกตเห็นอาการของเธอจึงรู้สึกว่าเป็นเวลาที่ควรจะพาเธอกลับคอนโด“วันนี้ค้างที่บ้านก็ได้นะ ไม่เห็นต้องรีบกลับคอนโดเลย” คุณนายหยางพูดขึ้นขณะที่เดินมาส่งลูกชายที่หน้าประตู ริมฝีปากของเธอยังคงบ่นน้อยใจเล็กน้อยเพราะเห็นลูกชายรีบพาหญิงสาวกลับหยางเฟยอวี่ที่กำลังช่วยปราณปรียาใส่เข็มขัดนิรภัยหันมาตอบผู้เป็นแม่อย่างนุ่มนวล “พรุ่งนี้น้องปริมมีเรียนแต่เช้าครับ ที่นี่ห่างจากมหาวิทยาลัยค่อนข้างมาก ผมกลัวว่าน้องปริมจะไปไม่ทัน”คุณนายหยางพยักหน้ารับรู้ แต่ก็ไม่วายหรี่ตามองลูกชาย “คิดว่าแม่ไม่รู้นิสัยแกเรอะ” เธอพูดก่อนจะหยิกไปที่ต้นแขนของลูกชายเบา ๆ รอยยิ้มอ่อน ๆ เกิดขึ้นบนใบหน้าเธอ“ลานะครับ” หยางเฟยอวี่พูดพร้อมกับยิ้มยกมือขอโทษ ก่อนจะพูดต่อ “เดี๋ยววันหยุดหน้าผมจะพาน้องปริมมาเยี่ยมใหม่”คุณนายหยางมองหน้าลูกชายอย่างมองผ่าน “เอาเถอะ วันหยุดหน้าค่อยมาเจอกันใหม่” เธอพูดไปพร้อมกับยิ้มและขยับตัวกลับเข้าไปในบ้าน แต่ยังไม่วายหันมาทางปราณปรียาและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ดู
หลังจากที่หยางเฟยอวี่บอกว่าจะพาปราณปรียาไปยังที่แห่งหนึ่งในอีกสองวัน หญิงสาวก็รีบลางานล่วงหน้าที่ร้านดอกไม้ฮวาฮวา ร้านนี้เป็นที่ที่เธอทำงานเพราะหลงใหลในการดูแลดอกไม้ และอีกเหตุผลหนึ่งคือ "มิวมิว" แมวสีขาวที่นับวันก็ยิ่งอ้วนกลมจนเธออดหยิกแก้มมันไม่ได้ทุกครั้ง“ปริม คุณหยางมาถึงแล้วจ้ะ” เจียวมีฮวา เจ้าของร้านดอกไม้ตะโกนเรียกจากด้านหน้า เมื่อปราณปรียาเงยหน้าขึ้นจากช่อดอกไม้ที่เธอกำลังจัด ก็เห็นร่างสูงในชุดทำงานยืนพิงรถอยู่หน้าร้านหยางเฟยอวี่ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เขาแต่งตัวเรียบร้อยอย่างมีระดับ ทว่าท่าทางเย็นชาและใบหน้าคมคายที่นิ่งสงบของเขาทำให้คนที่เดินผ่านไปมาอดเว้นระยะออกห่างไม่ได้ แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปทันทีที่เขาเหลือบเห็นหญิงสาวในชุดกระโปรงสีขาวเดินออกมาจากร้าน ดวงตาคมอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และริมฝีปากที่เคยเรียบเฉยกลับยกยิ้มกว้างจนปิดไม่มิด“วันนี้ทำงานเหนื่อยไหมครับ” หยางเฟยอวี่เอ่ยถามขณะเดินเข้ามาหาเขาเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าอย่างรวดเร็ว“ไม่ค่ะ พี่เฟยอวี่รอนานไหมคะ” หญิงสาวตอบพลางส่งยิ้มบาง“ไม่นานหรอกครับ คนดี” เขาตอบเสียงนุ่มก่อนจะจับมือของเธออย่างอ่อนโยนและพาเข้าไปในรถเมื่อท
หลังจากนั้นไม่นาน ปราณปรียาก็ได้รับรู้ถึงเหตุผลที่ทำให้ถังเหมยหลินมาเกาะติดเธอเหมือนเงาตามตัวเรื่องราวที่ถูกพูดถึงในกลุ่มเพื่อนเริ่มกระจายไปทั่ว หวังหย่วน หนุ่มเพื่อนร่วมคลาสที่เคยมีภาพลักษณ์ดี ทำผู้หญิงคนหนึ่งในกลุ่มเดียวกับถังเหมยหลินท้องโดยไม่รับผิดชอบ เรื่องนี้สร้างความสะเทือนใจให้ถังเหมยหลินอย่างรุนแรง เพราะนอกจากจะรู้สึกโกรธแทนเพื่อนแล้ว ยังทำให้เธอเสียศูนย์ในความมั่นใจของตัวเองหญิงสาวที่เคยวางท่าโอหังและมั่นใจในตัวเองมาโดยตลอด ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยความหวาดระแวง เธอเริ่มตั้งคำถามกับทุกความสัมพันธ์ในชีวิต ว่าใครกันแน่ที่จริงใจกับเธอ และใครที่อาจจะซ่อนมีดไว้ข้างหลังในสายตาของถังเหมยหลิน ปราณปรียาคือคนเดียวที่ดูแตกต่าง หญิงสาวที่มักวางตัวนิ่ง ๆ ไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือใส่ใจกับเรื่องวุ่นวายรอบตัว กลับดูเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด“ฉันแค่ต้องการเพื่อนที่จริงใจสักคน” ถังเหมยหลินพูดขึ้นในวันหนึ่งหลังจากเงียบอยู่นาน ปราณปรียาที่ได้ยินเช่นนั้นเพียงเงยหน้าจากหนังสือและยิ้มเล็กน้อย“ฉันไม่ไล่เธอหรอก ถ้าเธออยากจะเล่าอะไร ฉันรับฟังได้เสมอ”คำพูดเรียบง่ายของปราณปรียาทำให้ถังเหมยหลินที่กำลัง
เช้าวันใหม่มาพร้อมกับแสงแดดอ่อน ๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง แต่สิ่งที่ปลุกปราณปรียาให้ตื่นไม่ได้มาจากแสงแดด หากแต่เป็นความรู้สึกหนัก ๆ ที่บริเวณบั้นเอว เธอเลิกผ้าห่มขึ้นดูและต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นแขนแข็งแรงของหยางเฟยอวี่พาดอยู่บนตัวเธอ อีกทั้งยังมีลมหายใจอุ่น ๆ ที่เป่ารดอยู่ข้างหู ใจดวงน้อยเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมา“คนดี ตื่นแล้วเหรอ” เสียงทุ้มนุ่มสะลึมสะลือดังขึ้นเหนือหัว ราวกับรู้ว่าเธอกำลังทำตัวไม่ถูก ปราณปรียาทำได้เพียงพยักหน้าตอบเบา ๆหยางเฟยอวี่ลืมตาขึ้นมาครึ่งหนึ่งพร้อมกับยิ้มอ่อนในใจเมื่อเห็นท่าทางกระต่ายตื่นตูมของคนในอ้อมแขน เขาเอื้อมมืออีกข้างมาลูบหัวเธอเบา ๆ“ข้างนอกยังเช้าอยู่เลย นอนต่ออีกนิดไหมครับ” เขาเอ่ยชวนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น แต่คำพูดนั้นยิ่งทำให้ปราณปรียารู้สึกประหม่า“ปริมอยากเข้าห้องน้ำค่ะ” หญิงสาวตอบเสียงเบา แม้ว่าในความเป็นจริงเธอไม่ได้ต้องการเข้าห้องน้ำเลยก็ตามหยางเฟยอวี่หัวเราะเบา ๆ สูดกลิ่นหอมจากต้นคอของเธอเข้าไปเต็มปอด ก่อนจะยอมปล่อยมืออย่างไม่เร่งรีบเมื่อได้รับอิสระ ปราณปรียารีบลุกจากเตียงทันที ร่างบางแทบจะวิ่งไปที่ห้องน้ำโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งให้หยางเ
ปราณปรียาพักผ่อนจนเวลาล่วงเลยไปถึงยามเย็น เมื่อรู้สึกตัวตื่น เธอพบว่าตัวเองนอนอยู่ในห้องนอนที่ไม่คุ้นเคย แสงแดดอ่อน ๆ สาดลอดผ่านผ้าม่านบาง ทำให้บรรยากาศในห้องดูอบอุ่น ในคราแรกเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ แต่เมื่อหญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้อง เฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางอย่างเรียบร้อยและมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยช่วยให้เธอคลายความกังวลลงได้ พลันความทรงจำก็ผุดขึ้นในหัว หยางเฟยอวี่ต้องเป็นคนพาเธอมานอนที่นี่อย่างแน่นอนปราณปรียาลุกขึ้นจากเตียงและเปิดประตูออกไป เธอพบว่าชายหนุ่มยังคงง่วนอยู่กับเอกสารกองโตบนโต๊ะทำงาน เสียงกุกกักเบา ๆ ของเธอทำให้เขาเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาคมมองเธออย่างอ่อนโยน“ตื่นแล้วเหรอครับ ยังง่วงอยู่หรือเปล่า?” เขาถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พลางลุกขึ้นเดินตรงมาหาเธอ เมื่อเห็นเธอยืนอยู่ที่ประตูด้วยท่าทีนิ่งขึง“ไม่ค่ะ ปริมนอนเต็มอิ่มแล้ว เลยไม่ง่วงอีก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมส่งยิ้มหวานให้เขาหยางเฟยอวี่ยิ้มบางก่อนจะจูงมือเธออย่างนุ่มนวลพาไปนั่งที่โซฟา เขาจัดหมอนรองหลังให้เธออย่างใส่ใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “นั่งพักตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่รีบเคลียร์งานให้เสร็จ”ปราณปรียามองเขาด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะหย
ทั้งสองใช้เวลาร่วมกันอย่างมีความสุข ทะเลสาบนอกเมืองไม่เพียงแต่เป็นสถานที่พักผ่อนอันเงียบสงบ แต่ยังมีกิจกรรมหลากหลายให้ผู้มาเยือนได้เพลิดเพลินกันตลอดวัน หยางเฟยอวี่พาหญิงสาวนั่งเรือเล็กพายล่องไปตามผืนน้ำที่เป็นประกายระยิบระยับ แดดอ่อน ๆ ในยามสายสาดแสงลงมากระทบร่างของปราณปรียา ทำให้ผิวเนียนสว่างของเธอดูงดงามดุจต้องมนต์ หยางเฟยอวี่แอบมองเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักและความภูมิใจ เขาไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าตัวเองโชคดีเพียงใดที่คว้าหญิงสาวผู้เปรียบดั่งนางฟ้าองค์นี้มาอยู่เคียงข้างได้ปราณปรียาหัวเราะเบา ๆ เมื่อหยางเฟยอวี่แกล้งพายเรือให้แกว่งเล็กน้อย น้ำทะเลกระเซ็นขึ้นมาโดนผิวของทั้งคู่ ทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะสดใส“อย่าแกล้งปริมสิคะ” เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงขำขัน แต่ใบหน้ายังคงแดงระเรื่อจากสายตาอบอุ่นของเขาที่มองมา“ถ้าพี่ทำให้ปริมยิ้มได้ พี่ยินดีจะแกล้งแบบนี้ทุกวัน” หยางเฟยอวี่ตอบพร้อมกับยิ้มละมุน เสียงของเขานุ่มนวลพอ ๆ กับสายลมที่พัดผ่าน แดดที่กำลังจางลงยิ่งเพิ่มความโรแมนติกให้ช่วงเวลานี้ จนเหมือนทั้งโลกหยุดหมุน มีเพียงพวกเขาสองคนที่อยู่ด้วยกัน ทั้งสองได้พักผ่อนกันไม่นาน เ
ปราณปรียาค่อย ๆ เดินลงมาจากชั้นบนในชุดกระโปรงสีหวานที่แม่บ้านเตรียมไว้ให้ ชุดนี้เน้นความเรียบง่ายแต่ดูอ่อนหวานอย่างมีเสน่ห์ หยางเฟยอวี่ที่กำลังนั่งดื่มกาแฟอยู่ปลายโต๊ะถึงกับชะงัก ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวไม่วางตาเธอเดินเข้ามาใกล้ด้วยท่าทีที่ยังคงเขินอายเล็กน้อย รู้สึกได้ถึงสายตาหลงใหลที่ไม่แม้แต่จะปิดบังของชายหนุ่ม“ชุดนี้เหมาะกับน้องปริมมากครับ” เสียงทุ้มที่เปี่ยมไปด้วยความจริงใจเอ่ยชมออกมา ทำให้ปราณปรียาชะงักไปเล็กน้อย เธอก้มหน้ามองเท้าของตัวเองด้วยใบหน้าที่แดงเรื่อ รอยยิ้มขวยเขินปรากฏบนริมฝีปากในใจพลางคิด ทำไมช่วงนี้พี่เฟยอวี่ถึงได้ขยันป้อนคำหวานแบบนี้กันนะหยางเฟยอวี่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินเข้ามาใกล้หญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขามองเธอด้วยสายตาอบอุ่น ไม่ละไปจากใบหน้าที่เขาแสนคุ้นเคยแม้แต่วินาทีเดียว ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“พี่อยากพาน้องปริมไปที่ที่หนึ่ง วันนี้ไปเดตกับพี่อีกวันนะครับ”คำพูดนั้นเรียบง่าย แต่แฝงไปด้วยความห่วงใยลึกซึ้ง หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนที่ทำให้เธอหวาดกลัว ชายหนุ่มก็ไม่อยากปล่อยให้คนรักต้องอยู่เพียงลำพังปราณปรียายืนนิ่งไปชั่วครู่ เธอครุ่นคิดอยู่ในใจ แม้จะรู้ส
หยางเฟยอวี่พาหญิงสาวขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของห้องชุด ด้านบนตกแต่งอย่างเรียบหรูด้วยโทนสีขาวนวลตัดกับเฟอร์นิเจอร์ไม้เนื้อดี เส้นสายของการออกแบบเผยถึงรสนิยมที่พิถีพิถันของเจ้าของห้อง เขาเปิดประตูห้องนอนหลัก ซึ่งภายในกว้างขวางและมีบรรยากาศอบอุ่น เตียงขนาดคิงไซซ์ปูด้วยผ้าปูสีขาวสะอาด และมีหน้าต่างบานใหญ่ที่มองเห็นทิวทัศน์ของเมืองยามค่ำคืน“คืนนี้น้องปริมพักที่นี่นะครับ” หยางเฟยอวี่พูดพลางหยิบผ้าคลุมเนื้อนุ่มจากตู้มาให้หญิงสาว “ห้องนี้เป็นห้องพี่เอง แต่พี่จะไปพักห้องข้างๆ ถ้าปริมต้องการอะไรเรียกพี่ได้ทันทีเลยนะ”ปราณปรียามองรอบห้องอย่างตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันมาหาเขาด้วยสายตาอ่อนโยน “พี่เฟยอวี่คะ... ขอบคุณนะคะที่ดูแลปริม”หยางเฟยอวี่มองหญิงสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและความห่วงใย เขาเอื้อมมือไปแตะเส้นผมนุ่มเบาๆ “ไม่ต้องขอบคุณหรอก นี่เป็นสิ่งที่พี่ควรทำเพื่อปริมอยู่แล้ว”หญิงสาวหลบสายตาเล็กน้อย รู้สึกอบอุ่นในใจจนเผลอยิ้มออกมา หยางเฟยอวี่หัวเราะเบาๆ ก่อนจะขยับออกจากห้องอย่างสุภาพ “พี่จะไปเตรียมน้ำอุ่นไว้ให้ ปริมอาบน้ำเสร็จแล้วจะได้พักผ่อนสบายๆ”“ค่ะ” ปราณปรียาตอบรับเสียงเบา มองดูแผ่นหลังกว้