บทที่ 42เพราะมีงานถ่ายแบบด่วนจากซิโน่ แถมยังเป็นงานที่เฟร์เรชอบเป็นพิเศษและไว้ใจ นั่นทำให้เขาตอบรับงานนี้ไปทันที โดยไม่ถามรายละเอียดมากนัก ก่อนจะเดินทางไปยังสถานที่ทำงานของเขาในวันนี้ตามแผนที่ที่ซิโน่แนบมาให้ทางอีเมล์แต่เมื่อมาถึง เฟร์เรก็ถึงกับคิ้วขมวดกันเป็นปม เพราะตรงหน้าคือบ้านหลังหนึ่ง ขณะที่กำลังยืนลังเลๆ ว่าเขามาผิดบ้านหรือไม่ คนที่อยู่ภายในก็ก้าวออกมาเปิดประตูให้ เขาคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดี แม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวก็ตาม“เชิญค่ะ”“ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับคำเชิญของลูกศร คิ้วหนายังคงขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูก หรือเขากำลังถูกปั่นหัวจากนางแบบที่ชื่อว่าอามาเรียเข้าให้แล้ว“ขอบคุณที่มาเป็นช่างภาพให้วันนี้นะคะคุณเบค”“ยินดีครับ” แม้จะไม่รู้สึกยินดี แต่เฟร์เรก็ไม่อาจเอ่ยคำนั้นออกไปได้“งั้นเชิญข้างในค่ะ” เฟร์เรพยักหน้ารับคำเชิญของลูกศร แล้วจึงสาวเท้าเดินตามเธอเข้าไปภายใน ผ่านห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่าง กระทั่งขึ้นไปชั้นบนลูกศร
อามาเรียจึงไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นนอนบนเตียงทันที การกระทำของเธอทำให้เฟร์เรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทำงานของตัวเองต่อไป“เซ็ตนี้ อามาเรียอยากได้รูปครึ่งตัวนะคะเบค”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แต่การกระทำต่อจากนี้ของอามาเรียก็ยิ่งทำให้เฟร์เรอึ้ง เพราะอยู่ๆ เธอก็โยนหมอนที่กอดอยู่ไปอีกทาง เผยให้เห็นหน้าอกคู่สวยท้าทายสายตาชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จากที่อึ้งอยู่แล้วคราวนี้เฟร์เรถึงกับอึ้งยกกำลังสอง และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น“เบคขา ถ่ายรูปอามาเรียให้สวยๆ นะคะ” อามาเรียยิ้มหวาน เอ่ยเสียงกระเส่า ไหนจะสีหน้าท่าทางที่ยั่วยวนนั่นอีกเฟร์เรได้แต่กัดฟันกรอดๆ ตัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากสมอง เพราะไม่อยากเป็นคนเชิญความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตเสียเอง แต่ยิ่งเขาไม่สนใจ อามาเรียก็ยิ่งอยากเอาชนะ เธอใช้ทีเผลอที่เฟร์เรขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆ คว้าตัวเขาไว้ แล้วออกแรงรั้งจนร่างหนาลงไปนอนบนเตียงพร้อมเธอ จากนั้นก็ขยับมาขึ้นคร่อมทับตัวเฟร์เรไว้“คุณไม่ชอบแบบนี้เหรอ” แบบนี้ที่ว่าคือการที่อามาเรียจงใจโน้มตัวลงมาห
“ครับๆ ไว้ผมจะส่งรูปที่เราถ่ายวันนี้ให้” ขณะเอ่ยก็โน้มตัวมาใกล้ๆ อามาเรีย เพราะรังเกียจ เธอจึงผลักเขาให้ออกห่าง แล้วกระโดดลงจากเตียงรีบควานหาเสื้อผ้ามาสวมทันที“ถ้าจะส่งก็ส่งผ่านมาทางพี่ลูกศรเลยนะ ระหว่างเราจบแค่นี้ เพราะฉันไม่ได้อยากมีเพื่อนสาวเพิ่ม”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับได้น่าฟัง แต่สำหรับอามาเรียกลับไม่เป็นเช่นนั้น เฟร์เรกลับมาเก็บกล้องและอุปกรณ์ใส่กระเป๋าให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จก็กลับออกไปปล่อยให้อามาเรียยืนหน้าแดงก่ำ ทั้งโกรธ ทั้งอาย เพราะหน้าแตกแบบหมอไม่รับเย็บ ที่อ่อยใครไม่อ่อย กลับมาอ่อยชายที่ไม่ใช่ชาย“กรี๊ดดดด!!! ไอ้บ้า…บ้าๆ” เสียงกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งของอามาเรีย ทำให้ลูกศรรีบเข้าไปดู ส่วนเฟร์เรนั้นได้แต่หัวเราะชอบใจ ก่อนจะเดินผิวปากตรงไปยังรถอย่างอารมณ์ดี“หยุด ไม่ต้องถามอะไรเลยนะพี่ลูกศร” พอเห็นหน้าผู้จัดการส่วนตัวที่ตั้งท่าจะถาม อามาเรียก็รีบยกมือห้าม“สรุป…นี่มีอะไรกันแล้วเหรอ” แม้จะถูกห้าม แต่ลูกศรก็อดที่จะถามไม่ได้จ
“อ้อ…นิดหน่อยน่ะจ้ะ” เพลงพิณเอ่ยรับ ก่อนจะตั้งสติทำงานของตัวเธอต่อ กระทั่งได้เวลาเลิกงาน ขณะที่ทันตแพทย์สาวกำลังก้มๆ เงยๆ เก็บของบนโต๊ะ ใครคนหนึ่งก็ก้าวเข้ามา“เลิกงานแล้วใช่มั้ยครับ” เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้ง“คุณนี่! ฉันตกใจหมดเลย”“พึ่งรู้ว่าคุณขวัญอ่อน” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ แต่คนฟังกลับแยกเขี้ยวใส่“ชิส์…ใครจะไม่ขวัญอ่อน อยู่ๆ ก็โผล่พรวดเข้ามาแบบนี้ นี่ถ้ามีไม้เบสบอลอยู่ในมือ ฉันฟาดคุณไม่เลี้ยงเหมือนตอนนั้นแน่ๆ” ตอนนั้นที่ว่า คือตอนที่อยู่ๆ ฟาโรห์ก็โผล่เข้าไปในบ้านของเพลงพิณ ด้วยเหตุผลว่าตนเข้าบ้านผิด ซึ่งถึงตอนนี้ทันตแพทย์สาวก็ยังเข้าใจว่าผู้ชายคนนั้นคือเฟร์เร“คุณนี่โหดกว่าที่ผมคิดไว้อีก” หนุ่มมาดเซอร์เออออตามน้ำไปก่อน เพราะเขาตั้งใจให้เธอได้พบกับน้องชายฝาแฝดของเขาอยู่แล้ว“แน่ล่ะ”“สรุปคุณมีธุระอะไรจะคุยกับฉัน...หืม”
“ที่นี่สวยจังเลยค่ะ” นี่คือประโยคแรกที่เพลงพิณเอ่ยเมื่อมาถึงร้านอาหาร เธอหย่อนตัวลงนั่งบนเบาะนุ่มๆ ตรงหน้าคือวิวสวยๆ ของแม่น้ำเจ้าพระยา ที่ตอนนี้พระอาทิตย์ยามเย็นกำลังจะเลือนหายลับไปจากขอบฟ้า แต่ก็ยังคงทอแสงสีทองยามอัสดงที่ระยิบระยับ“ชอบมั้ยครับ”“ชอบค่ะ” ต่อให้เป็นร้านอาหารริมทาง แต่ถ้าได้นั่งทานกับเฟร์เร เพลงพิณก็ดูเหมือนจะชอบหมด ไม่เคยคิดว่าหนุ่มมาดเซอร์ๆ จะโรแมนติกกับเขาได้เหมือนกัน“ดีใจที่คุณชอบ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้น จากนั้นทั้งคู่ก็ช่วยกันเลือกว่ามื้อนี้จะทานอะไร เมื่อสรุปลงตัวก็สั่งกับพนักงานที่ยืนรอรับออเดอร์อยู่แล้วและขณะที่รออาหารมาเสิร์ฟ เพลงพิณก็มองบรรยากาศเลิศๆ ตรงหน้าอย่างเพลินตา นานๆ จะมานั่งกินข้าวริมน้ำแบบนี้ก็ดีไปอีกแบบ เพราะบรรยากาศมันช่วยให้ผ่อนคลายได้ดี กระทั่งสมองหวนคิดถึงบุหลันขึ้นมา นั่นเพราะยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ เกิดมองหน้ากันไม่ติดจะยิ่งแย่เข้าไปใหญ่“คุณรู้ใช่มั้ย ว่าส้มชอบคุณ”“ผมรู้ครับ”“แล้วคุณคิดยังไงกับส้มคะ”&ldquo
“ก็มันน่าคิดออก” ได้ยินแบบนี้ เฟร์เรก็ทำท่าจะดีดหน้าผากเธออีกครั้ง นั่นทำให้เพลงพิณต้องรีบห้าม “อย่าดีดนะ เจ็บแล้ว”“คุณนี่ ไม่ไว้ใจกันเลย”“เอ้า! หรือไม่จริง”“ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่นอาจทำ แต่สำหรับผม ไม่…ก็คือไม่” เฟร์เรตอบเสียงหนักแน่น พลอยทำให้เพลงพิณยิ้มออกและรู้สึกชอบเขามากขึ้นไปอีก ผู้ชายดีๆ แบบนี้หาได้ที่ไหน เข้าบ้านไปเอาไม้เบสบอลมาตีหัวแล้วลากเลยซะดีมั้ยเนี่ย รวมทั้งร้องขออยู่ในใจว่า รักนี้…เจ้ขอ ได้ไหมส้ม...กรี๊ดดดด!!!“แล้วคุณให้เหตุผลอะไรไป เธอถึงปล่อยให้คุณรอด ทั้งๆ ที่ลงทุนทั้งจูบ ทั้งกอด อ้อ…มีเปลือยหน้าอกด้วยแบบนั้น” อารมณ์หึงนิดๆ กำลังมา แต่ดูเหมือนเพลงพิณจะยังไม่รู้ตัว“ผมบอกเธอไปว่าผมไม่ใช่ผู้ชาย แล้วแสดงละครนิดๆ หน่อยๆ เธอก็เชื่อสนิทใจ ผมก็เลยรอดปลอดภัย ไม่เสียตัวให้คนที่ผมไม่ได้รัก” เฟร์เรเน้นคำว่า ‘คนที่ผมไม่ได้รัก’ ให้ชัดๆ พร้อมกับสบตาเพลงพิณไปด้วย แม้รอบข้างจะมืด แต่แสงสว่างจากไฟบนถนนและริมรั้วที่ส่องเข้ามาก็ทำใ
แม้จะไม่เคยเสียจิ้นกินตับกับใคร แต่เรื่องจูบ เพลงพิณก็พอมีประสบการณ์มาบ้าง แหม…เธออายุปูนนี้แล้วนี่นา ไม่ใช่สาวรุ่นวัยขบเผาะเสียเมื่อไหร่ แต่ดูท่าประสบการณ์จะน้อยนิดไปหน่อย เพราะตามความช่ำชองของเฟร์เรไม่ทัน ส่งผลให้เพลงพิณหูอื้อตาลายคล้ายจะเป็นลม ยามที่ริมฝีปากอุ่นจัดบดขยี้ลงบนปากอิ่ม บางครั้งก็อ้อยอิ่งคลอเคลียหยอกเย้าเอาใจการจูบโต้ตอบของเพลงพิณทำให้เฟร์เรพอใจ แม้เธอจะเก้ๆ กังๆ บ่งบอกว่ายังอ่อนประสบการณ์ไปบ้าง แต่เขาเชื่อว่าอีกไม่นานจะทำให้เธอเร่าร้อนได้ไม่ยาก ปากอุ่นจัดของเฟร์เรยังคงทำหน้าที่มอบจูบให้คนในอ้อมกอดอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่เขาจะยกมืออีกข้างขึ้นมาจับคางมนของเพลงพิณแล้วสัมผัสเบาๆ เพื่อให้ริมฝีปากเธอเผยอออก จากนั้นก็ส่งลิ้นเข้าไปในโพรงปาก เพื่อดูดดื่มความหวานจากเธอ“อื้อ…” เสียงครางคล้ายจะต่อต้านดังมาจากเพลงพิณ นั่นเพราะความเร่าร้อนที่มากขึ้นของเฟร์เร ทำให้เธอถึงกับขาอ่อน อดคิดไม่ได้ว่าผู้หญิงคนนั้นจูบเขามากถึงขนาดนี้เชียวเหรอ ไหนจะกอดแน่นๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้อีก แน่นเสียจนเธอหายใจไม่ออก เกือบจะแทรกเข้าไปในตัวเขาได้
เพราะไม่ต้องการให้เกิดความหมางใจกับบุหลัน เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกกันไปมากกว่านี้ เพลงพิณจึงตัดสินใจที่จะคุยแบบเปิดอกกันไปเลย เธอนัดแนะให้บุหลันขึ้นไปพบที่ชั้นดาดฟ้าของโรงพยาบาล ที่ถูกออกแบบให้เป็นสวนย่อมๆ“นัดเค้ามา มีอะไรหรือเปล่าเจ้” บุหลันพอจะรู้ว่าเพลงพิณนั้นจะคุยอะไรกับเธอ แต่ก็ไม่วายถามออกไป“ส้ม…คนนี้เจ้ขอ”“หืม…เจ้จะขอใคร” แม้จะรู้ว่าใคร แต่บุหลันก็ยังถาม เห็นสีหน้าเครียดๆ ของเพลงพิณแล้วก็อยากอำต่อ คนอะไร บทจะห้าวก็ห้าว ไม่แคร์นางสาวที่ใช้นำหน้าชื่อตัวเองเลย“คนที่ส้มกำลังขายขนมจีบเขาอยู่น่ะ”“อ้อ…เบคน่ะเหรอ” บุหลันแสร้งทำเป็นร้องอ๋อ“แกไปจีบคนอื่นเลยส้ม คนนี้เจ้ขอว่ะ”“เอ้า! เจ้ อยู่ๆ มาขอกันง่ายๆ แบบนี้เลยเหรอ”“อืม” เพลงพิณเอ่ยรับ ก็จะให้เธออ้อมค้อมไปทำไม เปิดอก พูดกันไปตรงๆ มันนี่แหละ จะได้เข้าใจ แต่จะว่าไป เกิดมาเธอก็เพิ่งจะทำแบบนี้นี่นา“ส้มขอเหตุและผลของการถอนตัวหน่อยเจ้ ถ้าฟังขึ้
“เซอร์ไพรส์” ทุกคนในห้องต่างตะโกนคำว่าเซอร์ไพรส์อย่างพร้อมเพรียง นอกจากพ่องานอย่างเฟร์เร ลลินดา ภาคิน บุหลันแล้ว ยังมีโปรดที่ยืนฉีกยิ้มหวานอีกคน ซึ่งโปรดไม่ได้มาคนเดียว ยังพาโชคดีมาด้วยแต่ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้พูดอะไร เธอก็ต้องตกใจยกกำลังสอง เมื่อเห็นรูปของตัวเองตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบันปรากฏอยู่บนโทรทัศน์ขนาดสี่สิบสองนิ้วที่ติดไว้กับกำแพงห้องโดยเฉพาะรูปปัจจุบันที่อิริยาบถต่างๆ นั้นแทบไม่ซ้ำกัน มีรูปตอนเธอไปซื้อต้นไม้กับเฟร์เร ที่หน้าเยินๆ ตอนไปกินข้าว ดูหนัง อันนี้สวยหน่อย รูปทีเผลอ ตอนเธอนอนน้ำลายยืด หรือแม้แต่ตอนไม่ได้แต่งหน้า และสิ่งที่สะดุดสายตาของเพลงพิณนั่นคือป้ายข้อความที่มักจะถูกใส่ไว้หรือแทรกอยู่มุมใดมุมหนึ่งบนรูปอ่านปะติดปะต่อได้เป็นคำว่า ‘Will you marry me’ นั่นยิ่งทำให้อกซ้ายของเพลงพิณเต้นรัว หายใจก็ชักจะไม่ค่อยทั่วท้องและทันทีที่ฉายมาถึงรูปสุดท้าย คำว่า Will you marry me ก็ชัดขึ้นด้วยป้ายตัวอักษรที่ถูกปล่อยลงมาตรงหน้าเพลงพิณได้อย่างพอดิบพอดี“โรแมนติกสุดๆ” บุหลันเพ้อออกมา เพราะจะมีอะไรโรแมนติกไปมากกว่านี้ไม่
หลังจบงานแต่งงานของลลินดาและภาคิน บรรดาเพื่อนสนิทก็ยังคงอยู่กันครบ ไม่มีใครหนีหายกลับกรุงเทพฯ ก่อน เพราะยังไม่จบภารกิจเสียทีเดียวทุกคนดูมีลับลมคมในแปลกๆ แปลกจนเพลงพิณอดที่จะสงสัยไม่ได้ พอถามใครก็บอกว่าไม่มีอะไรอย่างพร้อมเพรียง“เจ้…เย็นนี้เค้าอยากกินปูไข่ เราออกไปซื้อที่ท่าเรือกันนะ”“ไปสิ” เพลงพิณเอ่ยรับปากส้มไปโดยไม่ได้เอะใจอะไรสักนิด ว่าเธอกำลังถูกหลอกให้ออกไปจากโรงแรมก่อนชั่วคราวเมื่อบุหลันพาเพลงพิณไปแล้ว ที่เหลือเริ่มจัดสถานที่ ซึ่งก็คือห้องจัดเลี้ยงเล็กริมสระว่ายน้ำของทางโรงแรมนั่นเอง โดยมีเจ้าสาวหมาดๆ อย่างลลินดาคอยช่วยจัดส่วนหนุ่มๆ อย่างภาคินและเฟร์เรก็ถนัดใช้งานออกแรง ปีนป่ายติดรูปของเพลงพิณจนทั่วห้อง จากนั้นขบวนลูกโป่งก็ถูกนำเข้ามา“เป็นอะไรส้ม ท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ” เพราะเห็นว่าบุหลันเอาแต่มองโทรศัพท์ เพลงพิณจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น ส่วนคนถูกถามก็แอบสะดุ้งมีพิรุธเบาๆ“เป็นอะไร ถามแค่นี้ต้องสะดุ้งด้วย”“เปล่าเจ้พิณ ไม่มีอะไร พอดีเค้าแค่นั่งคิดอะไร
“อะไรคะ”“ผมต้องกลับเยอรมัน” ประโยคที่ได้ยินทำเอาเพลงพิณถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทำไมมันถึงได้ปุบปับแบบนี้ เธอยังไม่อยากห่างกับเฟร์เร“กลับเยอรมัน เมื่อไหร่คะ”“อีกสองอาทิตย์ครับ ผมทิ้งภาระให้ลูกน้องรับผิดชอบงานของผมมานานมากพอแล้ว ผมต้องกลับไปคุมต่อ” เหตุผลของเฟร์เร ทำให้เพลงพิณไม่อาจแย้งเขาได้ และเธอก็โตพอที่จะเข้าใจคนรัก แม้จะหวิวๆ ในใจที่ต้องอยู่ห่างเขาก็เถอะ“ฉันเข้าใจ”“ผมอยากให้คุณไปด้วย”“สองอาทิตย์ฉันคงลางานไม่ได้แน่ เอางี้…คุณกลับไปก่อน ขอฉันเคลียร์งานแล้วจะบินตามไปนะ” ประโยคที่ได้ยิน ทำให้ใจของเฟร์เรชื้นขึ้นมาได้มาก เพลงพิณเข้าใจเขา“คุณโกรธผมหรือเปล่าที่อยู่ที่เมืองไทยต่อกับคุณไม่ได้”“ไม่โกรธค่ะ แต่ก็รู้สึกหวิวๆ ในอกอยู่เหมือนกัน เสียดายที่เราเจอกันช้าไป เพราะถ้าเจอกันเร็วกว่านี้ ฉันก็คงได้อยู่กับคุณนานกว่านี้”“โธ่…ที่รัก” เฟร์เรคว้าเธอมากอด ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบศีรษะของเธอไปมาอย่างปลอบโยน ยิ่
“ผมมาที่นี่ก็เพราะมาตามหาคุณ” ยิ่งฟัง เพลงพิณก็ยิ่งงง“ตามหาฉันเหรอ ตามหาทำไม” นั่นน่ะสิ เขามาตามหาเธอทำไม ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ หรือโปรดทำอะไรมิดีมิร้ายแฟนเธอ“เพราะผมรักคุณ ผมรักผู้หญิงคนที่คุณเห็นจากกล้องถ่ายรูปเมื่อครู่นี้ ผมรักเธอ จนยอมทิ้งทุกอย่างแล้วมาตามหาเธอ” เฟร์เรเอ่ยคำว่ารักให้เพลงพิณฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนโปรดนั้นเมื่อรู้และเห็นอะไรมากพอ จึงหมุนตัวกลับออกไป เพราะดูท่าเพลงพิณกับเฟร์เรจะมีเรื่องให้คุยกันอีกนานและก็จริงอย่างที่โปรดคิด เพราะตอนนี้เฟร์เรตั้งคำถามกับ เพลงพิณถึงเรื่องเมื่อครั้งที่เธอไปเที่ยวเบอร์ลิน และเพลงพิณก็ถาม เฟร์เรย้ำอีกครั้ง ว่าเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะหรือ พอได้คำตอบก็ยิ้มแก้มแตก ก่อนจะกระโดดกอดชายหนุ่มแน่น“คุณมาตามหาฉันเหรอ” พอคลายอ้อมกอดออกก็เอ่ยถาม“ครับ ข้ามฟ้า ข้ามทะเลมาตามหาความรักถึงที่นี่” คำพูดหวานๆ ที่ได้ยินทำเอาเพลงพิณแทบจะลอยได้ รู้สึกว่าความรักครั้งนี้ของเธอมันอยู่เหนือคำว่าพรห
ความรักของเพลงพิณและเฟร์เรก่อตัวขึ้นอย่างสวยงาม แม้เธอจะเอ่ยบอกขอชายหนุ่มแต่งงานไปตอนเมามาย แต่เฟร์เรกลับคิดจริงจัง และเตรียมเซอร์ไพรส์เพลงพิณไว้แล้ว เพียงแค่รอเวลาเหมาะๆ เท่านั้น และช่วงนี้เขาก็นิ่ง ไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับคืนนั้นอีกทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ทั้งคู่มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเสมอ อย่างเมื่อครู่เธอก็อยู่กับเฟร์เร แต่เขาขอตัวไปเอาของที่บ้าน ส่วนเพลงพิณก็นั่งเล่นใต้ซุ้มชิงช้าไม้รอ อยู่ๆ เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น พอหันไปมอง จึงเห็นว่าเป็นโปรด ที่ยืนยิ้มหล่อละลายใจเกย์อยู่“เข้ามาสิแก ประตูไม่ได้ล็อค”“ฉันไม่ได้มาหาแกย่ะ” โปรดตอบกลับมาได้อย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด จริตจะก้านนี่มาเต็ม“เอ้า! แล้วมาหาใครยะ อย่าบอกนะว่าแกมาหาแฟนฉัน”“ใช่…แต่แหม ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว นี่หล่อนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้แรงเหมือนกันนะยะ” คำพูดของโปรด เพลงพิณทำเพียงแค่ไหวไหล่รับเบาๆ เท่านั้น“ก็แน่ล่ะ ว่าแต่แกจะไปหาเบคเขาทำไม”
“อะไรนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง กลัวว่าเขาหูฝาดที่ได้ยินว่าเพลงพิณชวนเขาแต่งงาน“เราแต่งงานกันตอนนี้เลยได้มั้ย ฉันแก่แล้ว มดลูกก็ใกล้จะเสื่อมเต็มที ถ้าขืนชักช้าไปกว่านี้ ฉันกลัวมีลูกยาก” เหตุผลของเพลงพิณดูเหมือนจะฟังขึ้น“นี่คุณพูดจริงหรือแค่พูดขำๆ ตอนเมากันที่รัก”“ฉันพูดจริงๆ ให้เวลาคุณคิดก่อนก็ได้อ่ะ ไว้…พรุ่งนี้ ฉันจะมาฟัง คำ…ตอบ” พูดจบเพลงพิณก็น็อคกลางอากาศ ร่างบางโอนเอน จนเฟร์เรต้องรีบเข้าไปพยุง“คุณพิณ พิณครับ” คนตัวโตเขย่าร่างกึ่งเปลือยในอ้อมกอด แต่เพลงพิณก็ไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัว“เมาจนหลับไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้เธอ ก่อนจะอุ้มกลับมานอนที่เตียง จากนั้นก็หาผ้าไปชุบน้ำหมาดๆ ก่อนจะมาเช็ดตัวให้เธอ เสร็จก็หาเสื้อยืดของเขาในตู้ออกมาให้เธอสวม จากนั้นก็นั่งมองคนที่กำลังหลับพริ้ม“คำว่า...เราแต่งงานกันมั้ย ผมควรจะพูดไม่ใช่เหรอครับ” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะลุก
“เซอร์ไพรส์มาก มากจนฉันเลยดูตลกไปเลยที่หึงจนทำตัวไม่เข้าท่าไปแบบนั้น” พูดไปแล้ว แพรวพราวก็ตกใจจนตาโต ที่เผลอหลุดปากบอกว่าหึงฟาโรห์“ดีใจจังที่รู้ว่าคุณทั้งรักทั้งหึงผมแบบนี้” คนหล่อเอ่ยเข้าข้างตัวเองได้อย่างน่าหมั่นไส้“ไม่ต้องมาพูดเลย” แพรวพราวแหวใส่คนชอบแซว ก่อนจะจงใจเปลี่ยนประเด็น ด้วยการหันไปคุยกับพี่สาวแทน ซึ่งคำถามก็ไม่ได้มีอะไรนอกไปจากพี่สาวเธอรู้จักหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟร์เรได้ยังไงรู้จักกันมานานหรือยัง และคำถามเด็ดตอนนี้คบกันเป็นแฟนแล้วใช่ไหม ซึ่งเพลงพิณก็ตอบทุกคำถามอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่เธอจะถามแพรวพราวด้วยรูปประโยคแบบเดียวกันบ้าง แต่คนตอบก็ยังคงลีลา ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่เพลงพิณก็สรุปได้ ว่าทั้งคู่กำลังคบหากันอยู่ส่วนเฟร์เรกับฟาโรห์ก็ทำหน้าที่แค่นั่งฟังสองพี่น้องคุยกันเท่านั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งมองหน้ากันและกัน ยิ้มแล้วหัวเราะออกมา เพราะความที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมาก ภาพที่เห็นจึงเหมือนภาพสะท้อนของกระจกบานใหญ่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาต่างคบ
เมื่ออยู่คนเดียว แพรวพราวได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โลกจะกลมไปไหน สถานที่มีออกตั้งเยอะ ดันมาเจอพี่สาวที่นี่ซะได้ จะออกไปขอเปลี่ยนสถานที่กับฟาโรห์ก็กระไรอยู่ ที่สำคัญ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เธอขอไปเจอหน้าหนุ่ม ที่วันนี้มากับเพลงพิณพี่สาวหน่อยก็คงดีเหมือนกันเพลงพิณเดินยิ้มหวานกลับมาที่โต๊ะ เฟร์เรก็ชวนเธอเลือกอาหาร ซึ่งแต่ละเมนูนั้นหน้าตาน่ากินไปหมด ก่อนที่เขาจะชี้มาที่เมนูประเภทสลัด เพราะทุกครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกัน เพลงพิณมักจะสั่ง“คุณอยากกินอะไร นี่มั้ย” ชายหนุ่มชี้มายังสลัดแซลมอนรมควันอโวคาโด“ก็ดีค่ะ” เพลงพิณพยักหน้าให้ รู้สึกอิ่มตั้งแต่ยังไม่ได้กินอะไรด้วยซ้ำ รู้ว่ามีแฟนแล้วดีแบบนี้ เธอมีไปนานแล้ว...อ๊ากก“แล้วคุณล่ะ อยากกินอะไร”“อืม…น่ากินทั้งนั้นเลย แต่ถ้าให้เลือก ขอกินคุณดีกว่า”“บ้า…นี่ก็ยังจะทะลึ่งอีก” เพราะเขิน เพลงพิณจึงเอื้อมมือไปตีต้นแขนของเฟร์เรหนักๆ คนบ้าอะไร มาพูดทะลึ่งเอาตอนนี้ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเธอก็ชวนกลับบ้านเสียเลยแต่แล้วอยู่ๆ ขณะที่เพลงพิณกำลังเขินหนั
“ไม่ดี”“ทำไมล่ะครับ คุณไม่ชอบเหรอ” คนหล่อเลิกคิ้วสูงถาม“ไม่ชอบ เพราะฉันชอบที่คุณเป็นตัวของคุณเองมากกว่า ฉันชอบเวลาคุณมัดจุก เท่ดีออก อ้อ…แต่ถ้าจะจูบฉัน ต้องโกนหนวดก่อน ตกลงมั้ยคะ” เพลงพิณตั้งข้อแม้“งั้นคุณก็ต้องโกนหนวดให้ผมทุกวัน”“เอ้า! ใครจะไปอยู่กับคุณได้ทุกวันกัน...เชอะ” เอ่ยจบก็เดินเลี่ยงไปยังรถ ขืนยืนอยู่ต่อ เธอได้อายม้วนไม่เป็นท่าต่อหน้าเฟร์เรแน่ๆเฟร์เรรีบก้าวตามหลังเพลงพิณมาติดๆ ก่อนจะเข้ามาขวาง เมื่อเห็นว่าเธอจะเปิดประตูรถ“ผมนึกขึ้นได้พอดี ว่าเมื่อเช้าพึ่งโกนหนวดไป งั้นตอนนี้ เราก็จูบกันได้แล้วสิ” คำพูดห่ามๆ ของเฟร์เรทำเอาคนฟังแยกเขี้ยวขาวๆ ให้“ทะลึ่ง! มาจูบอะไรตรงนี้ อายคนอื่นเขา”“งั้นก็รีบกลับบ้าน ผมอยากจูบคุณจะแย่แล้ว” แทนที่จะหยุดพูด เฟร์เรกลับยิ่งพูดให้เพลงพิณอาย เกิดมาก็เพิ่งจะเขินหนักจนไปไม่เป็นกับเขาก็งานนี้“บ้า!” เพลงพิณยกกำปั้นขึ้นมาทุบต้นแขนคนตรงหน้าไปแรงๆ“