“ยัยโปรด ไปหาเบคที่บ้านอีกแล้วนะหล่อน”“เจ้พิณบ่นว่าอะไรนะ” บุหลันที่กำลังนั่งกินข้าวเที่ยงเอ่ยถาม เพราะอยู่ๆ เพลงพิณก็เอาแต่จ้องโทรศัพท์“เปล่าๆ ไม่มีอะไร” แม้จะบอกว่าไม่มีอะไร แต่ใจนั้นมีเต็มร้อย อยู่ๆ วันนี้โปรดไปโผล่ที่บ้านเฟร์เรได้ยังไง ไปได้ยังไงโดยที่ไม่ได้บอกเธอก่อนสักคำ...หืมแต่คำถามของลลินดาที่ดังขึ้น ก็ทำเอาเพลงพิณต้องหยุดคิดเรื่องโปรดชั่วคราว แต่ก็ยังนั่งฟังนิ่งๆ ทำเป็นเนียนๆ ไม่ได้ออกตัว“แล้วนี่ส้มจะตามไปขายขนมจีบเพื่อนบ้านมาดเซอร์ของเจ้พิณถึงเมื่อไหร่”“ก็จนกว่าจะจีบติด”“นี่ก็เอาจริง” ลลินดาเบ้ปากเบาๆ เพราะเรื่องที่บุหลันตามจีบเฟร์เร เพื่อนบ้านสุดเซอร์ของเพลงพิณนั้น เธอก็รับรู้มาตั้งแต่ต้น“ก่อนจะจีบติด มิ้นว่าส้มไปรักแมวให้ได้ก่อนเถอะ”“หูย…มิ้น พูดถึงแมวแล้วส้มอยากร้องไห้ ทำใจรักมันไม่ได้จริงๆ นะ คือแบบว่า เคยพยายามแล้ว แต่ยังไง
“เรื่องส้มก็ทำฉันเครียดๆ อยู่ ถ้าเกิดวันหนึ่ง รู้ว่าฉันเองก็ขายขนมจีบเบคอยู่เหมือนกัน ส้มจะคิดยังไง”“เรื่องยังไม่เกิดก็ไม่ต้องไปคิด” โปรดตบหัวไหล่ของเพลงพิณเบาๆ หวังว่าวันที่ต้องเคลียร์ปัญหาข้อนี้ ทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี“ใช่…เรื่องยังไม่เกิดก็ไม่ต้องไปคิด งั้นมาคิดเรื่องแก วันนี้! แกไปหาเบคมาทำไม...ตอบ” เพลงพิณเปลี่ยนอารมณ์ เปลี่ยนเรื่องได้ไวม๊าก ไวจนโปรดตามไม่ทันที่อยู่ๆ ประเด็นมันก็หวนมาหาตัวเองแบบซึ่งๆ หน้า“ฉันมีธุระของฉันบ้างสิ”“ธุระอะไรของแกโปรด ครั้งที่แล้วแกก็พูดแบบนี้ บอกมา”“เออน่า เดี๋ยวแกก็รู้เองแหละ”“พูดแบบนี้อีกละ ไม่ใช่จัดเซอร์ไพรส์ แกซุ่มคบอยู่กับเบคให้ฉันเงิบหรอกนะ”“เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอกน่า แกเลิกห่วงไปได้เลย” โปรดเอ่ยอย่างมั่นใจ นั่นเพราะเขาไม่ได้คิดอะไรกับเฟร์เรจริงๆ ที่แวะไปหา เพราะเข้าไปขอร้องให้ชายหนุ่มรับงานอย่างหนึ่งให้เท่านั้นเอ
“อ้อ…มิน่า ตะกี้อยู่ๆ โปรดก็โทร.มาถามว่าฉันอยู่ไหน ที่แท้ก็ฝีมือคุณนี่เอง” แม้จะพูดเหมือนต่อว่า แต่ลึกๆ เพลงพิณกลับดีใจหนัก จนอยากกระโดดกอดเฟร์เร แต่ก็ต้องเก็บท่าทางไว้ก่อน“ก็ใครให้คุณออกมาโดยไม่รอผม ทั้งๆ ที่เราก็นัดแนะกันแล้ว ว่าวันนี้จะออกมาซื้อต้นไม้ด้วยกัน” สีหน้าดูตัดพ้อหน่อยๆ แต่ก็แค่แวบเดียวเท่านั้น“ก็ฉันเห็นว่าคุณมีแขก เลยไม่อยากกวนเวลา”“คุณส้มน่ะเหรอครับ”“อื้อ” เพลงพิณพยักหน้าให้ เฟร์เรสบตาเธอไปตรงๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น เพราะสำหรับเขาเรื่องของบุหลันนั้นจบไปแล้ว เขาเคลียร์กับเธอจนเข้าใจว่าเขาคิดยังไง“เรื่องคนอื่นช่างเถอะ”“ส้มไม่ใช่คนอื่นนะคะ เธอชอบคุณมาก” เพลงพิณบอกไปตรงๆ แม้จะรู้สึกจี๊ดในอกอย่างบอกไม่ถูกก็เถอะ“ผมรู้ ว่าแต่คุณเลือกมาหรือยัง ว่าจะซื้อต้นอะไร” อยู่ๆ เฟร์เรก็เปลี่ยนเรื่องคุยไปเสียดื้อๆ เพลงพิณได้แต่ยืนมองคนตรงหน้า ก่อนจะหยุดคิดเรื่อ
“ก็ได้ค่ะ งั้นให้เกียรติเจ้ามือเลือกแล้วกัน ว่ามื้อนี้อยากทานอะไร”“แต่ผมไม่รู้จักร้านอาหารอร่อยๆ นอกจากในห้างสรรพสินค้าสักเท่าไหร่ด้วยน่ะสิ” เฟร์เรมีเหตุผล ที่อาหารมื้อนี้ต้องไปกินในห้างสรรพสินค้า เพราะเขาอยากมีโมเม้นกินข้าว ดูหนังบ้าง“ก็ไปกินในห้าง คุณอยากพาฉันไปเลี้ยงร้านไหน ก็ตรงไปร้านนั้นเลยค่ะ ฉันกินง่าย อยู่ง่าย เรื่องงานบ้านงานเรือน พวกกวาดบ้าน ถูบ้าน ทำกับข้าวก็พอทำเป็นนิดๆ หน่อยๆ” ดูเหมือนประโยคหลังๆ จะไม่เกี่ยวกันสักเท่าไหร่ แต่ก็ถือว่ามันคือการอ่อยเบาๆ ตามประสาคน ไม่กล้าบอกรักไปตรงๆ แล้วกัน แทะโลมวันละนิด จิตจะได้แจ่มใส“งั้นเชิญครับ” เฟร์เรผายมือเชื้อเชิญเพลงพิณไปยังรถที่จอดอยู่ โดยขณะที่เดินไปยังรถนั้น ชายหนุ่มก็ขอให้เธอจอดรถไว้ที่นี่แล้วไปรถเขาแค่คันเดียว ซึ่งเพลงพิณก็เห็นด้วย เพราะเวลานี้ลานจอดรถในห้างสรรพสินค้าคงแทบไม่มีเหลือเมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เฟร์เรก็พาเพลงพิณไปทานอาหารไทย รสชาติถูกปากทั้งเขาทั้งเธอ ขณะที่นั่งกินข้าวอยู่นั้น เพล
“อ้อ…พอดีบ้านผมกับบ้านคุณพิณอยู่ติดกัน เลยทำให้เรารู้จักกันไปโดยปริยายน่ะครับ” คำตอบของเฟร์เรทำเอายลดารีบหันมามองหน้าเพื่อน“บ้านติดกัน บ้านใหม่แกน่ะเหรอพิณ” จะว่าไป ตั้งแต่เพลงพิณย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ เธอก็ยังไม่มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเลยนี่นา“อื้อ”“ผมว่าเราไปหาร้านนั่งคุยกันก่อนดีมั้ย” บูรพาเสนอขึ้น อีกสามคนที่เหลือจึงพยักหน้าเห็นด้วย ทั้งหมดเดินตรงมาอีกหน่อยก็พบกับร้านกาแฟที่ออกแบบได้อย่างลงตัว จึงเข้าไปนั่ง ก่อนที่หนุ่มๆ จะเดินไปสั่งเครื่องดื่มที่เคาน์เตอร์ยลดาจึงใช้จังหวะนั้นหันมามองเพลงพิณ ที่ตอนนี้เอาแต่จ้องหนุ่มมาดเซอร์ตาเป็นประกายวิบวับ ยิ่งมองก็ยิ่งชวนให้สงสัย จนต้องเอ่ยถามเอาความจริง“แต่ดูท่าทางแกกับเบคจะไม่ได้รู้จักกันเพราะเป็นเพื่อนบ้านธรรมดาๆ นะยัยพิณ แกมีอะไรจะบอกฉันมั้ยยะ” ขณะถามก็จ้องหน้า สบตาเพลงพิณไปด้วย นั่นทำเอาเพลงพิณชักจะร้อนตัว นั่งไม่ค่อยติดที่ซะแล้ว“ไม่มีเลย แกคิดมากไปเปล่า
“ฉันเกรียมหมดแล้วแก ไม่ต้องเผาแล้ว...พอ” เพลงพิณหันมาแยกเขี้ยวให้ แต่ยลดากลับหัวเราะก๊ากกับท่าทางของเพื่อนแทน และเพราะสงสารจึงไม่ได้เผาต่อยลดาอยากจะพูดเหลือเกินว่าตอนนี้เพลงพิณนั้นโสดสนิท แต่ก็ไม่ยอมพูดออกไป เพราะถ้าออกตัวแรงว่าอยากให้เฟร์เรกับเพลงพิณคบหากัน มันจะไม่งาม ที่สำคัญคือเกรงใจบูรพาสามีด้วยคุยไปคุยมาก็ชักเพลิน ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงทั้งสองฝ่ายจึงแยกย้าย เฟร์เรขับรถพาเพลงพิณไปเอารถที่จอดไว้หน้าร้านขายต้นไม้ ซึ่งระหว่างทางทั้งคู่ก็สรรหาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยเพื่อฆ่าเวลา“นั่งรถผ่านที่ทำงานก็รู้สึกแปลกๆ ดีเนอะ” ขณะพูดก็หันไปมองตึกของโรงพยาบาลขนาดใหญ่ สถานที่ทำงานของเธอ เพราะนอกเหนือเวลางานแล้ว เพลงพิณแทบไม่เฉียดมาทางนี้ท่าทางของเธอทำให้เฟร์เรพลอยชะเง้อมองไปดูด้วยอีกคน เขารู้ว่าเพลงพิณเป็นทันตแพทย์ ทำงานที่โรงพยาบาลและยังเปิดคลินิกเป็นของตัวเอง“ฉันพึ่งรู้ ว่าคุณอายุน้อยกว่าฉัน”“อายุสำคัญเหรอครับ” คำตอบของเฟร์เรทำเอาเพล
บทที่ 42เพราะมีงานถ่ายแบบด่วนจากซิโน่ แถมยังเป็นงานที่เฟร์เรชอบเป็นพิเศษและไว้ใจ นั่นทำให้เขาตอบรับงานนี้ไปทันที โดยไม่ถามรายละเอียดมากนัก ก่อนจะเดินทางไปยังสถานที่ทำงานของเขาในวันนี้ตามแผนที่ที่ซิโน่แนบมาให้ทางอีเมล์แต่เมื่อมาถึง เฟร์เรก็ถึงกับคิ้วขมวดกันเป็นปม เพราะตรงหน้าคือบ้านหลังหนึ่ง ขณะที่กำลังยืนลังเลๆ ว่าเขามาผิดบ้านหรือไม่ คนที่อยู่ภายในก็ก้าวออกมาเปิดประตูให้ เขาคุ้นหน้าเธอเป็นอย่างดี แม้จะเคยเจอกันแค่ครั้งเดียวก็ตาม“เชิญค่ะ”“ครับ” เฟร์เรเอ่ยรับคำเชิญของลูกศร คิ้วหนายังคงขมวดเข้าหากัน ความรู้สึกไม่ชอบมาพากลอย่างบอกไม่ถูก หรือเขากำลังถูกปั่นหัวจากนางแบบที่ชื่อว่าอามาเรียเข้าให้แล้ว“ขอบคุณที่มาเป็นช่างภาพให้วันนี้นะคะคุณเบค”“ยินดีครับ” แม้จะไม่รู้สึกยินดี แต่เฟร์เรก็ไม่อาจเอ่ยคำนั้นออกไปได้“งั้นเชิญข้างในค่ะ” เฟร์เรพยักหน้ารับคำเชิญของลูกศร แล้วจึงสาวเท้าเดินตามเธอเข้าไปภายใน ผ่านห้องรับแขกที่อยู่ชั้นล่าง กระทั่งขึ้นไปชั้นบนลูกศร
อามาเรียจึงไม่รีรอ เธอกระโดดขึ้นนอนบนเตียงทันที การกระทำของเธอทำให้เฟร์เรชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตั้งสติทำงานของตัวเองต่อไป“เซ็ตนี้ อามาเรียอยากได้รูปครึ่งตัวนะคะเบค”“ครับ” เสียงทุ้มเอ่ยรับ แต่การกระทำต่อจากนี้ของอามาเรียก็ยิ่งทำให้เฟร์เรอึ้ง เพราะอยู่ๆ เธอก็โยนหมอนที่กอดอยู่ไปอีกทาง เผยให้เห็นหน้าอกคู่สวยท้าทายสายตาชายหนุ่มเป็นอย่างมาก จากที่อึ้งอยู่แล้วคราวนี้เฟร์เรถึงกับอึ้งยกกำลังสอง และเขาก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะไม่รู้สึกอะไรกับภาพที่เห็น“เบคขา ถ่ายรูปอามาเรียให้สวยๆ นะคะ” อามาเรียยิ้มหวาน เอ่ยเสียงกระเส่า ไหนจะสีหน้าท่าทางที่ยั่วยวนนั่นอีกเฟร์เรได้แต่กัดฟันกรอดๆ ตัดความคิดบ้าๆ ให้ออกไปจากสมอง เพราะไม่อยากเป็นคนเชิญความยุ่งยากเข้ามาในชีวิตเสียเอง แต่ยิ่งเขาไม่สนใจ อามาเรียก็ยิ่งอยากเอาชนะ เธอใช้ทีเผลอที่เฟร์เรขยับมาถ่ายรูปใกล้ๆ คว้าตัวเขาไว้ แล้วออกแรงรั้งจนร่างหนาลงไปนอนบนเตียงพร้อมเธอ จากนั้นก็ขยับมาขึ้นคร่อมทับตัวเฟร์เรไว้“คุณไม่ชอบแบบนี้เหรอ” แบบนี้ที่ว่าคือการที่อามาเรียจงใจโน้มตัวลงมาห
“เซอร์ไพรส์” ทุกคนในห้องต่างตะโกนคำว่าเซอร์ไพรส์อย่างพร้อมเพรียง นอกจากพ่องานอย่างเฟร์เร ลลินดา ภาคิน บุหลันแล้ว ยังมีโปรดที่ยืนฉีกยิ้มหวานอีกคน ซึ่งโปรดไม่ได้มาคนเดียว ยังพาโชคดีมาด้วยแต่ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้พูดอะไร เธอก็ต้องตกใจยกกำลังสอง เมื่อเห็นรูปของตัวเองตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบันปรากฏอยู่บนโทรทัศน์ขนาดสี่สิบสองนิ้วที่ติดไว้กับกำแพงห้องโดยเฉพาะรูปปัจจุบันที่อิริยาบถต่างๆ นั้นแทบไม่ซ้ำกัน มีรูปตอนเธอไปซื้อต้นไม้กับเฟร์เร ที่หน้าเยินๆ ตอนไปกินข้าว ดูหนัง อันนี้สวยหน่อย รูปทีเผลอ ตอนเธอนอนน้ำลายยืด หรือแม้แต่ตอนไม่ได้แต่งหน้า และสิ่งที่สะดุดสายตาของเพลงพิณนั่นคือป้ายข้อความที่มักจะถูกใส่ไว้หรือแทรกอยู่มุมใดมุมหนึ่งบนรูปอ่านปะติดปะต่อได้เป็นคำว่า ‘Will you marry me’ นั่นยิ่งทำให้อกซ้ายของเพลงพิณเต้นรัว หายใจก็ชักจะไม่ค่อยทั่วท้องและทันทีที่ฉายมาถึงรูปสุดท้าย คำว่า Will you marry me ก็ชัดขึ้นด้วยป้ายตัวอักษรที่ถูกปล่อยลงมาตรงหน้าเพลงพิณได้อย่างพอดิบพอดี“โรแมนติกสุดๆ” บุหลันเพ้อออกมา เพราะจะมีอะไรโรแมนติกไปมากกว่านี้ไม่
หลังจบงานแต่งงานของลลินดาและภาคิน บรรดาเพื่อนสนิทก็ยังคงอยู่กันครบ ไม่มีใครหนีหายกลับกรุงเทพฯ ก่อน เพราะยังไม่จบภารกิจเสียทีเดียวทุกคนดูมีลับลมคมในแปลกๆ แปลกจนเพลงพิณอดที่จะสงสัยไม่ได้ พอถามใครก็บอกว่าไม่มีอะไรอย่างพร้อมเพรียง“เจ้…เย็นนี้เค้าอยากกินปูไข่ เราออกไปซื้อที่ท่าเรือกันนะ”“ไปสิ” เพลงพิณเอ่ยรับปากส้มไปโดยไม่ได้เอะใจอะไรสักนิด ว่าเธอกำลังถูกหลอกให้ออกไปจากโรงแรมก่อนชั่วคราวเมื่อบุหลันพาเพลงพิณไปแล้ว ที่เหลือเริ่มจัดสถานที่ ซึ่งก็คือห้องจัดเลี้ยงเล็กริมสระว่ายน้ำของทางโรงแรมนั่นเอง โดยมีเจ้าสาวหมาดๆ อย่างลลินดาคอยช่วยจัดส่วนหนุ่มๆ อย่างภาคินและเฟร์เรก็ถนัดใช้งานออกแรง ปีนป่ายติดรูปของเพลงพิณจนทั่วห้อง จากนั้นขบวนลูกโป่งก็ถูกนำเข้ามา“เป็นอะไรส้ม ท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ” เพราะเห็นว่าบุหลันเอาแต่มองโทรศัพท์ เพลงพิณจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น ส่วนคนถูกถามก็แอบสะดุ้งมีพิรุธเบาๆ“เป็นอะไร ถามแค่นี้ต้องสะดุ้งด้วย”“เปล่าเจ้พิณ ไม่มีอะไร พอดีเค้าแค่นั่งคิดอะไร
“อะไรคะ”“ผมต้องกลับเยอรมัน” ประโยคที่ได้ยินทำเอาเพลงพิณถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทำไมมันถึงได้ปุบปับแบบนี้ เธอยังไม่อยากห่างกับเฟร์เร“กลับเยอรมัน เมื่อไหร่คะ”“อีกสองอาทิตย์ครับ ผมทิ้งภาระให้ลูกน้องรับผิดชอบงานของผมมานานมากพอแล้ว ผมต้องกลับไปคุมต่อ” เหตุผลของเฟร์เร ทำให้เพลงพิณไม่อาจแย้งเขาได้ และเธอก็โตพอที่จะเข้าใจคนรัก แม้จะหวิวๆ ในใจที่ต้องอยู่ห่างเขาก็เถอะ“ฉันเข้าใจ”“ผมอยากให้คุณไปด้วย”“สองอาทิตย์ฉันคงลางานไม่ได้แน่ เอางี้…คุณกลับไปก่อน ขอฉันเคลียร์งานแล้วจะบินตามไปนะ” ประโยคที่ได้ยิน ทำให้ใจของเฟร์เรชื้นขึ้นมาได้มาก เพลงพิณเข้าใจเขา“คุณโกรธผมหรือเปล่าที่อยู่ที่เมืองไทยต่อกับคุณไม่ได้”“ไม่โกรธค่ะ แต่ก็รู้สึกหวิวๆ ในอกอยู่เหมือนกัน เสียดายที่เราเจอกันช้าไป เพราะถ้าเจอกันเร็วกว่านี้ ฉันก็คงได้อยู่กับคุณนานกว่านี้”“โธ่…ที่รัก” เฟร์เรคว้าเธอมากอด ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบศีรษะของเธอไปมาอย่างปลอบโยน ยิ่
“ผมมาที่นี่ก็เพราะมาตามหาคุณ” ยิ่งฟัง เพลงพิณก็ยิ่งงง“ตามหาฉันเหรอ ตามหาทำไม” นั่นน่ะสิ เขามาตามหาเธอทำไม ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ หรือโปรดทำอะไรมิดีมิร้ายแฟนเธอ“เพราะผมรักคุณ ผมรักผู้หญิงคนที่คุณเห็นจากกล้องถ่ายรูปเมื่อครู่นี้ ผมรักเธอ จนยอมทิ้งทุกอย่างแล้วมาตามหาเธอ” เฟร์เรเอ่ยคำว่ารักให้เพลงพิณฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนโปรดนั้นเมื่อรู้และเห็นอะไรมากพอ จึงหมุนตัวกลับออกไป เพราะดูท่าเพลงพิณกับเฟร์เรจะมีเรื่องให้คุยกันอีกนานและก็จริงอย่างที่โปรดคิด เพราะตอนนี้เฟร์เรตั้งคำถามกับ เพลงพิณถึงเรื่องเมื่อครั้งที่เธอไปเที่ยวเบอร์ลิน และเพลงพิณก็ถาม เฟร์เรย้ำอีกครั้ง ว่าเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะหรือ พอได้คำตอบก็ยิ้มแก้มแตก ก่อนจะกระโดดกอดชายหนุ่มแน่น“คุณมาตามหาฉันเหรอ” พอคลายอ้อมกอดออกก็เอ่ยถาม“ครับ ข้ามฟ้า ข้ามทะเลมาตามหาความรักถึงที่นี่” คำพูดหวานๆ ที่ได้ยินทำเอาเพลงพิณแทบจะลอยได้ รู้สึกว่าความรักครั้งนี้ของเธอมันอยู่เหนือคำว่าพรห
ความรักของเพลงพิณและเฟร์เรก่อตัวขึ้นอย่างสวยงาม แม้เธอจะเอ่ยบอกขอชายหนุ่มแต่งงานไปตอนเมามาย แต่เฟร์เรกลับคิดจริงจัง และเตรียมเซอร์ไพรส์เพลงพิณไว้แล้ว เพียงแค่รอเวลาเหมาะๆ เท่านั้น และช่วงนี้เขาก็นิ่ง ไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับคืนนั้นอีกทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ทั้งคู่มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเสมอ อย่างเมื่อครู่เธอก็อยู่กับเฟร์เร แต่เขาขอตัวไปเอาของที่บ้าน ส่วนเพลงพิณก็นั่งเล่นใต้ซุ้มชิงช้าไม้รอ อยู่ๆ เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น พอหันไปมอง จึงเห็นว่าเป็นโปรด ที่ยืนยิ้มหล่อละลายใจเกย์อยู่“เข้ามาสิแก ประตูไม่ได้ล็อค”“ฉันไม่ได้มาหาแกย่ะ” โปรดตอบกลับมาได้อย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด จริตจะก้านนี่มาเต็ม“เอ้า! แล้วมาหาใครยะ อย่าบอกนะว่าแกมาหาแฟนฉัน”“ใช่…แต่แหม ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว นี่หล่อนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้แรงเหมือนกันนะยะ” คำพูดของโปรด เพลงพิณทำเพียงแค่ไหวไหล่รับเบาๆ เท่านั้น“ก็แน่ล่ะ ว่าแต่แกจะไปหาเบคเขาทำไม”
“อะไรนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง กลัวว่าเขาหูฝาดที่ได้ยินว่าเพลงพิณชวนเขาแต่งงาน“เราแต่งงานกันตอนนี้เลยได้มั้ย ฉันแก่แล้ว มดลูกก็ใกล้จะเสื่อมเต็มที ถ้าขืนชักช้าไปกว่านี้ ฉันกลัวมีลูกยาก” เหตุผลของเพลงพิณดูเหมือนจะฟังขึ้น“นี่คุณพูดจริงหรือแค่พูดขำๆ ตอนเมากันที่รัก”“ฉันพูดจริงๆ ให้เวลาคุณคิดก่อนก็ได้อ่ะ ไว้…พรุ่งนี้ ฉันจะมาฟัง คำ…ตอบ” พูดจบเพลงพิณก็น็อคกลางอากาศ ร่างบางโอนเอน จนเฟร์เรต้องรีบเข้าไปพยุง“คุณพิณ พิณครับ” คนตัวโตเขย่าร่างกึ่งเปลือยในอ้อมกอด แต่เพลงพิณก็ไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัว“เมาจนหลับไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้เธอ ก่อนจะอุ้มกลับมานอนที่เตียง จากนั้นก็หาผ้าไปชุบน้ำหมาดๆ ก่อนจะมาเช็ดตัวให้เธอ เสร็จก็หาเสื้อยืดของเขาในตู้ออกมาให้เธอสวม จากนั้นก็นั่งมองคนที่กำลังหลับพริ้ม“คำว่า...เราแต่งงานกันมั้ย ผมควรจะพูดไม่ใช่เหรอครับ” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะลุก
“เซอร์ไพรส์มาก มากจนฉันเลยดูตลกไปเลยที่หึงจนทำตัวไม่เข้าท่าไปแบบนั้น” พูดไปแล้ว แพรวพราวก็ตกใจจนตาโต ที่เผลอหลุดปากบอกว่าหึงฟาโรห์“ดีใจจังที่รู้ว่าคุณทั้งรักทั้งหึงผมแบบนี้” คนหล่อเอ่ยเข้าข้างตัวเองได้อย่างน่าหมั่นไส้“ไม่ต้องมาพูดเลย” แพรวพราวแหวใส่คนชอบแซว ก่อนจะจงใจเปลี่ยนประเด็น ด้วยการหันไปคุยกับพี่สาวแทน ซึ่งคำถามก็ไม่ได้มีอะไรนอกไปจากพี่สาวเธอรู้จักหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟร์เรได้ยังไงรู้จักกันมานานหรือยัง และคำถามเด็ดตอนนี้คบกันเป็นแฟนแล้วใช่ไหม ซึ่งเพลงพิณก็ตอบทุกคำถามอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่เธอจะถามแพรวพราวด้วยรูปประโยคแบบเดียวกันบ้าง แต่คนตอบก็ยังคงลีลา ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่เพลงพิณก็สรุปได้ ว่าทั้งคู่กำลังคบหากันอยู่ส่วนเฟร์เรกับฟาโรห์ก็ทำหน้าที่แค่นั่งฟังสองพี่น้องคุยกันเท่านั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งมองหน้ากันและกัน ยิ้มแล้วหัวเราะออกมา เพราะความที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมาก ภาพที่เห็นจึงเหมือนภาพสะท้อนของกระจกบานใหญ่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาต่างคบ
เมื่ออยู่คนเดียว แพรวพราวได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โลกจะกลมไปไหน สถานที่มีออกตั้งเยอะ ดันมาเจอพี่สาวที่นี่ซะได้ จะออกไปขอเปลี่ยนสถานที่กับฟาโรห์ก็กระไรอยู่ ที่สำคัญ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เธอขอไปเจอหน้าหนุ่ม ที่วันนี้มากับเพลงพิณพี่สาวหน่อยก็คงดีเหมือนกันเพลงพิณเดินยิ้มหวานกลับมาที่โต๊ะ เฟร์เรก็ชวนเธอเลือกอาหาร ซึ่งแต่ละเมนูนั้นหน้าตาน่ากินไปหมด ก่อนที่เขาจะชี้มาที่เมนูประเภทสลัด เพราะทุกครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกัน เพลงพิณมักจะสั่ง“คุณอยากกินอะไร นี่มั้ย” ชายหนุ่มชี้มายังสลัดแซลมอนรมควันอโวคาโด“ก็ดีค่ะ” เพลงพิณพยักหน้าให้ รู้สึกอิ่มตั้งแต่ยังไม่ได้กินอะไรด้วยซ้ำ รู้ว่ามีแฟนแล้วดีแบบนี้ เธอมีไปนานแล้ว...อ๊ากก“แล้วคุณล่ะ อยากกินอะไร”“อืม…น่ากินทั้งนั้นเลย แต่ถ้าให้เลือก ขอกินคุณดีกว่า”“บ้า…นี่ก็ยังจะทะลึ่งอีก” เพราะเขิน เพลงพิณจึงเอื้อมมือไปตีต้นแขนของเฟร์เรหนักๆ คนบ้าอะไร มาพูดทะลึ่งเอาตอนนี้ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเธอก็ชวนกลับบ้านเสียเลยแต่แล้วอยู่ๆ ขณะที่เพลงพิณกำลังเขินหนั
“ไม่ดี”“ทำไมล่ะครับ คุณไม่ชอบเหรอ” คนหล่อเลิกคิ้วสูงถาม“ไม่ชอบ เพราะฉันชอบที่คุณเป็นตัวของคุณเองมากกว่า ฉันชอบเวลาคุณมัดจุก เท่ดีออก อ้อ…แต่ถ้าจะจูบฉัน ต้องโกนหนวดก่อน ตกลงมั้ยคะ” เพลงพิณตั้งข้อแม้“งั้นคุณก็ต้องโกนหนวดให้ผมทุกวัน”“เอ้า! ใครจะไปอยู่กับคุณได้ทุกวันกัน...เชอะ” เอ่ยจบก็เดินเลี่ยงไปยังรถ ขืนยืนอยู่ต่อ เธอได้อายม้วนไม่เป็นท่าต่อหน้าเฟร์เรแน่ๆเฟร์เรรีบก้าวตามหลังเพลงพิณมาติดๆ ก่อนจะเข้ามาขวาง เมื่อเห็นว่าเธอจะเปิดประตูรถ“ผมนึกขึ้นได้พอดี ว่าเมื่อเช้าพึ่งโกนหนวดไป งั้นตอนนี้ เราก็จูบกันได้แล้วสิ” คำพูดห่ามๆ ของเฟร์เรทำเอาคนฟังแยกเขี้ยวขาวๆ ให้“ทะลึ่ง! มาจูบอะไรตรงนี้ อายคนอื่นเขา”“งั้นก็รีบกลับบ้าน ผมอยากจูบคุณจะแย่แล้ว” แทนที่จะหยุดพูด เฟร์เรกลับยิ่งพูดให้เพลงพิณอาย เกิดมาก็เพิ่งจะเขินหนักจนไปไม่เป็นกับเขาก็งานนี้“บ้า!” เพลงพิณยกกำปั้นขึ้นมาทุบต้นแขนคนตรงหน้าไปแรงๆ“