“ใช่…สลับกันเลี้ยงคนละอาทิตย์กับผู้หญิงบ้านข้างๆ คนที่ตีนายจนน่วมนั่นแหละ”“นายให้เธอเลี้ยงคนเดียวไม่ได้หรือไง” สีหน้าของฟาโรห์ช่างดูน่าสงสาร ตัวก็โตกว่า แต่มาแพ้แมวตัวเล็กๆ เสียได้“คงไม่ได้ นายมีปัญหาอะไรมั้ย”“พอดีว่าฉัน…ฮัดเช้ย! ฮัดเช้ย!” ยังไม่ทันจะได้บอก ฟาโรห์ก็จามติดกัน“ว่างๆ ก็ไปให้หมอตรวจหน่อย” สีหน้าของเฟร์เรนั้นแสดงออกว่าห่วงน้องชายอยู่ไม่น้อยที่เอาแต่จามอยู่แบบนี้ และจังหวะที่เขาเดินเข้าไปใกล้ น้องชายก็จามออกมาอีกสองสามครั้ง พร้อมกับรีบขยับหนีไปอีกทาง“นายยืนอยู่ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเข้ามาใกล้”“ทำไม ไม่อยากอุ้มเจ้านี่เหรอ” เจ้านี่ที่ว่าคือแมวน้อยสีขาวที่เฟร์เรอุ้มอยู่ แล้วยังหวังดี ทำท่าส่งให้ฟาโรห์อุ้มบ้างอีกต่างหาก“ไม่…เอาออกไปห่างๆ ฮัดเช้ย!”“เอ้า! จามขนาดนี้ รีบไปหาหมอซะไป” เฟร์เรไล่น้องชายไปหาหมออ
หลังรับยาเสร็จ ฟาโรห์ก็ตรงกลับบ้าน เพื่อบอกพี่ชายเรื่องจะย้ายออกไปอยู่คอนโดมิเนียม แต่ยังไม่ทันจะได้พูดเรื่องนี้ ก็เห็นเฟร์เรสะพายกล้องเหมือนจะออกไปที่ไหนสักแห่ง“นั่นนายจะไปไหน”“มีงานด่วนเข้ามา ฉันฝากนายดูแลลัคกี้สักสามสี่ชั่วโมงสิ” งานด่วนที่ว่าคืองานถ่ายภาพที่สตูดิโอของเพื่อนสนิท ซึ่งมาเปิดธุรกิจผลิตสื่อโฆษณาที่เมืองไทยแม้จะไม่อยากรับงานด่วน แต่งานด่วนที่ว่าก็ช่างน่าสนใจ เพราะเป็นการถ่ายแบบที่มีสัตว์อย่างม้าเป็นองค์ประกอบหลัก ปกติ เฟร์เรนั้นชอบสัตว์อยู่แล้ว เขาจึงไม่เกี่ยงหากจะทำงานร่วมกับมัน“ห๊า!” คนฟังอุทานเสียงหลง แค่อยู่ใกล้ชีวิตเขายังลำบาก นี่เฟร์เรยังฝากให้ดูแลเจ้าแมวอีกเหรอ แค่คิดฟาโรห์ก็หน้าซีด“อย่าทำหน้าแบบนั้นไอ้น้องชาย แค่ดูแลแมว มันก็งานง่ายๆ เหมือนกับที่นายคอยเทคแคร์สาวๆ นั่นแหละ” เอ่ยจบเฟร์เรก็ก้าวตรงไปยังรถแล้วขับออกไปทันทีปล่อยให้ฟาโรห์ยืนอึ้ง ก่อนจะก้มมองถุงยาในมือตาปริบๆ งานนี้ดูท่าเขาจะรอดยาก ยืนถอนหายใจดังเฮือกสองสามครั้ง ก่อนจะเดินไปยืนด้อมๆ มองๆ แมวที่มุมห้อง
เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน ทำให้ฟาโรห์ที่นั่งกอดเข่าจ้องลัคกี้มานานนับชั่วโมงลุกพรวดขึ้น ก่อนจะจ้ำอ้าวตรงไปหาพี่ชายฝาแฝดหน้าตาตื่น“เบค…ฉันมีอะไรจะคุยด้วย” น้ำเสียงของฟาโรห์นั้นดูกระวน กระวายอย่างเห็นได้ชัด“ว่ามาสิ” เฟร์เรพยักหน้าให้ แต่ก่อนจะฟัง เขาก็เดินไปหาลัคกี้เสียหน่อย พอเห็นว่ามันหลับอยู่ จึงเดินกลับมาหย่อนตัวลงบนเก้าอี้รอฟังสิ่งที่ฟาโรห์จะเอ่ย“ฉันจะย้ายออก อยากซื้อคอนโดมิเนียมในเมืองอยู่สักห้อง” หลังจากนั่งคิด เดินคิดดีแล้ว ฟาโรห์ก็เอ่ยบอก ส่วนคนฟังกลับคิ้วขมวด ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชายฝาแฝดต้องไปอยู่คอนโดมิเนียม“ทำไม นายไม่ชอบบ้านหลังนี้เหรอ”“ชอบ…แต่พอมานั่งคิดๆ ดู ฉันเดินทางไปทำงานไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่” น้องชายให้เหตุผลที่พอจะฟังขึ้นอันดับต้นๆ มาก่อน เพราะหลังจากไปกลับที่ทำงานติดกันหลายวัน ก็ทำเอาเขาออกอาการเหนื่อยล้ากับการเดินทางอยู่ไม่น้อย“เหตุผลแค่นี้เหรอ”&l
“มีอะไรพร้าว”“ไฟห้องน้ำมันเสีย เปิดไม่ติด ทำไงดี” แพรวพราวหน้าถอดสีเล็กๆ เพราะนี่ก็ค่ำแล้ว เธอจะอาบน้ำยังไง ส่วนเพลงพิณนั้นส่ายหน้าให้น้องสาว“ทำไง ก็เปลี่ยนสิ”“เปลี่ยน ตามช่างเหรอ”“ตามทำไม พี่เปลี่ยนเองได้” เพลงพิณยิ้มมุมปาก แถมยังยักคิ้วให้คนตรงหน้า ถึงความมั่นใจว่าเธอเปลี่ยนหลอดไฟได้เองอีกต่างหาก“เอาจริง” แพรวพราวถามพี่สาวอีกครั้ง นี่ตั้งแต่ย้ายมาอยู่บ้านคนเดียว พี่สาวเธอเก่งถึงขั้นเปลี่ยนหลอดไฟได้เองแล้วเหรอ“จริง” คนเป็นพี่ตอบเสียงหนักแน่น แต่คนเป็นน้องก็ยังยืนทำหน้าอึ้งๆ งงๆ อยู่“เดี๋ยวพี่ไปเอาบันไดหลังบ้านก่อน ระหว่างนี้พร้าวไปหยิบหลอดไฟในห้องเก็บของให้พี่ที พี่จำได้ว่าซื้อเก็บไว้อยู่ อ้อ…สับเบรกเกอร์ให้พี่ด้วย กันไฟดูดตอนพี่เปลี่ยนไว้หน่อยก็ดี ยังไม่อยากถูกช็อต”“จ้ะ” แพรวพราวพยักหน้าให้ ก่อนที่ต่างคนจะต่างแยกย
“งั้นวันเสาร์นี้มิ้นก็ไปบ้านเจ้ด้วยสิ จะได้ไปปาร์ตี้บ้านใหม่เจ้กัน”“ได้ค่ะ” คนถูกชวนเอ่ยรับ ก่อนที่ทั้งสามคนจะได้เวลาสลายตัวเพราะได้เวลาเลิกงานแล้ว แต่หนึ่งในสาม ยังต้องไปทำงานต่อที่คลินิกอีกสี่ชั่วโมงถึงจะกลับบ้านได้เพลงพิณรอเวลาปิดคลินิกพอๆ กับรอเวลาเลิกงานที่โรงพยาบาล เมื่อจัดการใส่กุญแจประตูเรียบร้อย เธอก็รีบขับรถตรงกลับมายังบ้านทันทีและยังไม่ทันจะได้ลงจากรถ เธอก็มองเห็นหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟร์เร ยืนอุ้มแมวโชคดีหรือที่เขาเรียกว่าลัคกี้รออยู่ตรงรั้วบ้านของเธอ นั่นทำให้เพลงพิณรีบจอดรถให้เรียบร้อย ก่อนจะก้าวแล้วเดินตรงไปยังเขานั่นทำให้เธอมองเห็นเฟร์เรแบบชัดๆ ผู้ชายมาดเซอร์ผมยาวและยังคงมัดจุกยืนอุ้มแมว ช่างเป็นภาพที่น่ามองไม่น้อย เห็นแล้วอกซ้ายก็เต้นตึกๆ ตักๆ พอตั้งสติได้ จึงเอ่ยขอโทษที่ทำให้เขาต้องรอ“ขอโทษที พอดีฉันกลับดึกไปหน่อย”“ไม่เป็นไรครับ” เอ่ยจบ เฟร์เรก็ส่งลัคกี้ให้เพลงพิณอุ้ม อันที่จริงเขาแค่อุ้มลัคกี้ออกมา
แม้จะต้องตื่นแต่เช้ากว่าเดิม เพราะต้องคอยดูแลโชคดีก่อนออกไปทำงาน แต่เพลงพิณกลับมีความสุขที่ได้ดูแลเจ้าแมวน้อย ที่หมั่นมาคลอเคลีย ออดอ้อน ร้องเหมียวๆ เกาะแข้งเกาะขาอยู่แทบจะตลอดเวลา เสียงอ้อนของโชคดีทำให้ทาสแมวอย่างเธอมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกและคนที่มาหาเธอเป็นคนแรกของอาทิตย์นี้ กลับไม่ใช่บุหลันหรือลลินดา แต่กลับเป็นหมอโปรด สัตวแพทย์เพื่อนสนิทของเพลงพิณนั่นเอง แต่พอมาถึงโปรดกลับเอาแต่ชะเง้อชะแง้มองข้างบ้านอยู่นั่น มองจนเพลงพิณหมั่นไส้“ถ้าจะมองขนาดนี้ แกไปหาเขาเลยไหม...หืม”“หึงเหรอยะ”“หึงอะไร ไม่มี แล้วอีกอย่างฉันจะหึงแกเพื่อ ในเมื่อฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย” เพลงพิณออกตัว เพราะไอ้อารมณ์หึง หวง แนวๆ ชู้สาว สำหรับเธอมันห่างหายไปนานมาก นานจนแทบจำความรู้สึกนั้นไม่ได้แล้วมั้ง“อ่ะๆ ตอนนี้ยัง แต่อนาคตก็ไม่แน่” โปรดไหวไหล่เบาๆ“เพ้อ…ว่าแต่แกชะเง้อมองข้างบ้านทำไม”“พอดีฉันมีธุระจะคุยกับเบคเขาหน่อย แกคิดว่าเขาจะอยู่บ้านไหม” ขณะตอบเพลงพิณ โปรดก็ยังคงไม่หยุดช
“เหรอ แล้วไอ้ที่ฉันเห็นตอนมาถึง ว่าแกกำลังตัดหญ้าอยู่คืออะไร”“ก็หญ้ามันยาว ฉันก็แค่ตัดไง” ฟังแล้วโปรดก็ส่ายหน้าอีกครั้ง“ฉันล่ะอยากดีดหน้าผากชะนีอย่างหล่อนจริงๆ แทนที่จะเอ่ยปากขอให้หนุ่มข้างบ้านมาช่วยตัดให้ แค่นี้หล่อนก็ได้ใกล้ชิดเขาแล้ว พอเขาตัดหญ้าเสร็จ เสียเหงื่อใช่มั้ย แกก็ชวนเขาออกไปกินน้ำ กินข้าว บอกเลี้ยงขอบคุณอะไรก็ว่าไป” โปรดร่ายยาวส่วนเพลงพิณน่ะเหรอ ได้แต่พยักหน้าหงึกหงักให้ เพราะไม่ทันคิดจริงๆ“ก็ไม่ทันคิด” น้ำเสียงอ้อมแอ้มเอ่ยตอบ“หลังจากนี้ก็หัดคิดได้แล้ว อยากแอ๊วหนุ่มมาแอ้มมันต้องใช้จริตหน่อยสิ เกิดเป็นหญิงอย่าให้เสียชาติเกิด อะไรอ่อนแอก็จงอ่อนแอ อย่าทำเป็นเข้มแข็ง ทำได้ไปเสียทุกอย่าง ผู้ชายเขาไม่ปลื้มหรอกจะบอกให้ เขาอยากแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ อยากโชว์แมน”“อ้อ…แกนี่ช่างเข้าใจชะนีอย่างฉันจริงๆ เอามดลูกไปเลยมะ ฉันยกให้”“ถ้าเอามาต่อกับกระเพาะฉันแล้วมันทำงานได
“ก็ยี่ห้อที่ขายในคลินิกโปรดน่ะ ถ้าคุณชอบ เดี๋ยวฉันซื้อมาฝาก”“ครับ…แล้วนี่คุณกินอะไรหรือยัง”“เรียบร้อยแล้วค่ะ”“แล้วง่วงหรือยังครับ” เมื่อประโยคแรกคำตอบไม่เป็นไปอย่างที่คิด เฟร์เรก็เอ่ยถามอีกประโยค นั่นเพราะยังไม่อยากให้เพลงพิณกลับเข้าบ้านของเธอในตอนนี้“ยังค่ะ” ต่อให้ง่วง แต่เพลงพิณก็จะถ่างตาให้ไม่ง่วง ไหนๆ จะจีบหนุ่มแล้ว เธอก็ต้องหมั่นหาจังหวะขายขนมจีบจริงไหม หรือถ้ายังจีบไม่เป็น ทอดสะพานเหมือนที่โปรดบอกไว้ก่อนก็ไม่เสียหาย แต่มาคิดๆ ดูเพลงพิณก็แอบกังวล เกิดเธอทอดสะพานให้แล้วเฟร์เรไม่สนใจ งานนี้เธอได้อายจนมุดแผ่นดินหนีแน่ แต่ไม่ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไง เธอก็พร้อมจะรับมัน“งั้นดีเลย ถ้าผมจะรบกวนคุณเข้าไปนั่งเล่นกับลัคกี้ในบ้านฆ่าเวลาตอนผมกินข้าว จะได้ไหมครับ” แม้คำชวนมันจะไม่ค่อยสมเหตุ สมผลสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างนั้นเพลงพิณก็พยักหน้าให้“ได้สิ”“ขอบคุณครับ&rdqu
“เซอร์ไพรส์” ทุกคนในห้องต่างตะโกนคำว่าเซอร์ไพรส์อย่างพร้อมเพรียง นอกจากพ่องานอย่างเฟร์เร ลลินดา ภาคิน บุหลันแล้ว ยังมีโปรดที่ยืนฉีกยิ้มหวานอีกคน ซึ่งโปรดไม่ได้มาคนเดียว ยังพาโชคดีมาด้วยแต่ยังไม่ทันที่เพลงพิณจะได้พูดอะไร เธอก็ต้องตกใจยกกำลังสอง เมื่อเห็นรูปของตัวเองตั้งแต่เด็กๆ จนถึงปัจจุบันปรากฏอยู่บนโทรทัศน์ขนาดสี่สิบสองนิ้วที่ติดไว้กับกำแพงห้องโดยเฉพาะรูปปัจจุบันที่อิริยาบถต่างๆ นั้นแทบไม่ซ้ำกัน มีรูปตอนเธอไปซื้อต้นไม้กับเฟร์เร ที่หน้าเยินๆ ตอนไปกินข้าว ดูหนัง อันนี้สวยหน่อย รูปทีเผลอ ตอนเธอนอนน้ำลายยืด หรือแม้แต่ตอนไม่ได้แต่งหน้า และสิ่งที่สะดุดสายตาของเพลงพิณนั่นคือป้ายข้อความที่มักจะถูกใส่ไว้หรือแทรกอยู่มุมใดมุมหนึ่งบนรูปอ่านปะติดปะต่อได้เป็นคำว่า ‘Will you marry me’ นั่นยิ่งทำให้อกซ้ายของเพลงพิณเต้นรัว หายใจก็ชักจะไม่ค่อยทั่วท้องและทันทีที่ฉายมาถึงรูปสุดท้าย คำว่า Will you marry me ก็ชัดขึ้นด้วยป้ายตัวอักษรที่ถูกปล่อยลงมาตรงหน้าเพลงพิณได้อย่างพอดิบพอดี“โรแมนติกสุดๆ” บุหลันเพ้อออกมา เพราะจะมีอะไรโรแมนติกไปมากกว่านี้ไม่
หลังจบงานแต่งงานของลลินดาและภาคิน บรรดาเพื่อนสนิทก็ยังคงอยู่กันครบ ไม่มีใครหนีหายกลับกรุงเทพฯ ก่อน เพราะยังไม่จบภารกิจเสียทีเดียวทุกคนดูมีลับลมคมในแปลกๆ แปลกจนเพลงพิณอดที่จะสงสัยไม่ได้ พอถามใครก็บอกว่าไม่มีอะไรอย่างพร้อมเพรียง“เจ้…เย็นนี้เค้าอยากกินปูไข่ เราออกไปซื้อที่ท่าเรือกันนะ”“ไปสิ” เพลงพิณเอ่ยรับปากส้มไปโดยไม่ได้เอะใจอะไรสักนิด ว่าเธอกำลังถูกหลอกให้ออกไปจากโรงแรมก่อนชั่วคราวเมื่อบุหลันพาเพลงพิณไปแล้ว ที่เหลือเริ่มจัดสถานที่ ซึ่งก็คือห้องจัดเลี้ยงเล็กริมสระว่ายน้ำของทางโรงแรมนั่นเอง โดยมีเจ้าสาวหมาดๆ อย่างลลินดาคอยช่วยจัดส่วนหนุ่มๆ อย่างภาคินและเฟร์เรก็ถนัดใช้งานออกแรง ปีนป่ายติดรูปของเพลงพิณจนทั่วห้อง จากนั้นขบวนลูกโป่งก็ถูกนำเข้ามา“เป็นอะไรส้ม ท่าทางลุกลี้ลุกลนแปลกๆ” เพราะเห็นว่าบุหลันเอาแต่มองโทรศัพท์ เพลงพิณจึงอดไม่ได้ที่จะถามขึ้น ส่วนคนถูกถามก็แอบสะดุ้งมีพิรุธเบาๆ“เป็นอะไร ถามแค่นี้ต้องสะดุ้งด้วย”“เปล่าเจ้พิณ ไม่มีอะไร พอดีเค้าแค่นั่งคิดอะไร
“อะไรคะ”“ผมต้องกลับเยอรมัน” ประโยคที่ได้ยินทำเอาเพลงพิณถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ ทำไมมันถึงได้ปุบปับแบบนี้ เธอยังไม่อยากห่างกับเฟร์เร“กลับเยอรมัน เมื่อไหร่คะ”“อีกสองอาทิตย์ครับ ผมทิ้งภาระให้ลูกน้องรับผิดชอบงานของผมมานานมากพอแล้ว ผมต้องกลับไปคุมต่อ” เหตุผลของเฟร์เร ทำให้เพลงพิณไม่อาจแย้งเขาได้ และเธอก็โตพอที่จะเข้าใจคนรัก แม้จะหวิวๆ ในใจที่ต้องอยู่ห่างเขาก็เถอะ“ฉันเข้าใจ”“ผมอยากให้คุณไปด้วย”“สองอาทิตย์ฉันคงลางานไม่ได้แน่ เอางี้…คุณกลับไปก่อน ขอฉันเคลียร์งานแล้วจะบินตามไปนะ” ประโยคที่ได้ยิน ทำให้ใจของเฟร์เรชื้นขึ้นมาได้มาก เพลงพิณเข้าใจเขา“คุณโกรธผมหรือเปล่าที่อยู่ที่เมืองไทยต่อกับคุณไม่ได้”“ไม่โกรธค่ะ แต่ก็รู้สึกหวิวๆ ในอกอยู่เหมือนกัน เสียดายที่เราเจอกันช้าไป เพราะถ้าเจอกันเร็วกว่านี้ ฉันก็คงได้อยู่กับคุณนานกว่านี้”“โธ่…ที่รัก” เฟร์เรคว้าเธอมากอด ฝ่ามืออุ่นๆ ลูบศีรษะของเธอไปมาอย่างปลอบโยน ยิ่
“ผมมาที่นี่ก็เพราะมาตามหาคุณ” ยิ่งฟัง เพลงพิณก็ยิ่งงง“ตามหาฉันเหรอ ตามหาทำไม” นั่นน่ะสิ เขามาตามหาเธอทำไม ก็อยู่ใกล้กันแค่นี้ หรือโปรดทำอะไรมิดีมิร้ายแฟนเธอ“เพราะผมรักคุณ ผมรักผู้หญิงคนที่คุณเห็นจากกล้องถ่ายรูปเมื่อครู่นี้ ผมรักเธอ จนยอมทิ้งทุกอย่างแล้วมาตามหาเธอ” เฟร์เรเอ่ยคำว่ารักให้เพลงพิณฟังครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนโปรดนั้นเมื่อรู้และเห็นอะไรมากพอ จึงหมุนตัวกลับออกไป เพราะดูท่าเพลงพิณกับเฟร์เรจะมีเรื่องให้คุยกันอีกนานและก็จริงอย่างที่โปรดคิด เพราะตอนนี้เฟร์เรตั้งคำถามกับ เพลงพิณถึงเรื่องเมื่อครั้งที่เธอไปเที่ยวเบอร์ลิน และเพลงพิณก็ถาม เฟร์เรย้ำอีกครั้ง ว่าเขาตกหลุมรักเธอตั้งแต่ตอนนั้นเลยนะหรือ พอได้คำตอบก็ยิ้มแก้มแตก ก่อนจะกระโดดกอดชายหนุ่มแน่น“คุณมาตามหาฉันเหรอ” พอคลายอ้อมกอดออกก็เอ่ยถาม“ครับ ข้ามฟ้า ข้ามทะเลมาตามหาความรักถึงที่นี่” คำพูดหวานๆ ที่ได้ยินทำเอาเพลงพิณแทบจะลอยได้ รู้สึกว่าความรักครั้งนี้ของเธอมันอยู่เหนือคำว่าพรห
ความรักของเพลงพิณและเฟร์เรก่อตัวขึ้นอย่างสวยงาม แม้เธอจะเอ่ยบอกขอชายหนุ่มแต่งงานไปตอนเมามาย แต่เฟร์เรกลับคิดจริงจัง และเตรียมเซอร์ไพรส์เพลงพิณไว้แล้ว เพียงแค่รอเวลาเหมาะๆ เท่านั้น และช่วงนี้เขาก็นิ่ง ไม่เอ่ยอะไรเกี่ยวกับคืนนั้นอีกทุกครั้งที่มีเวลาว่าง ทั้งคู่มักจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันเสมอ อย่างเมื่อครู่เธอก็อยู่กับเฟร์เร แต่เขาขอตัวไปเอาของที่บ้าน ส่วนเพลงพิณก็นั่งเล่นใต้ซุ้มชิงช้าไม้รอ อยู่ๆ เสียงออดหน้าบ้านก็ดังขึ้น พอหันไปมอง จึงเห็นว่าเป็นโปรด ที่ยืนยิ้มหล่อละลายใจเกย์อยู่“เข้ามาสิแก ประตูไม่ได้ล็อค”“ฉันไม่ได้มาหาแกย่ะ” โปรดตอบกลับมาได้อย่างน่าหมั่นไส้เป็นที่สุด จริตจะก้านนี่มาเต็ม“เอ้า! แล้วมาหาใครยะ อย่าบอกนะว่าแกมาหาแฟนฉัน”“ใช่…แต่แหม ไม่เจอกันแค่แป๊บเดียว นี่หล่อนแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของได้แรงเหมือนกันนะยะ” คำพูดของโปรด เพลงพิณทำเพียงแค่ไหวไหล่รับเบาๆ เท่านั้น“ก็แน่ล่ะ ว่าแต่แกจะไปหาเบคเขาทำไม”
“อะไรนะครับ” ชายหนุ่มเอ่ยถามย้ำอีกครั้ง กลัวว่าเขาหูฝาดที่ได้ยินว่าเพลงพิณชวนเขาแต่งงาน“เราแต่งงานกันตอนนี้เลยได้มั้ย ฉันแก่แล้ว มดลูกก็ใกล้จะเสื่อมเต็มที ถ้าขืนชักช้าไปกว่านี้ ฉันกลัวมีลูกยาก” เหตุผลของเพลงพิณดูเหมือนจะฟังขึ้น“นี่คุณพูดจริงหรือแค่พูดขำๆ ตอนเมากันที่รัก”“ฉันพูดจริงๆ ให้เวลาคุณคิดก่อนก็ได้อ่ะ ไว้…พรุ่งนี้ ฉันจะมาฟัง คำ…ตอบ” พูดจบเพลงพิณก็น็อคกลางอากาศ ร่างบางโอนเอน จนเฟร์เรต้องรีบเข้าไปพยุง“คุณพิณ พิณครับ” คนตัวโตเขย่าร่างกึ่งเปลือยในอ้อมกอด แต่เพลงพิณก็ไม่มีท่าทีจะรู้สึกตัว“เมาจนหลับไปแล้วเหรอ” ชายหนุ่มส่ายหน้าให้เธอ ก่อนจะอุ้มกลับมานอนที่เตียง จากนั้นก็หาผ้าไปชุบน้ำหมาดๆ ก่อนจะมาเช็ดตัวให้เธอ เสร็จก็หาเสื้อยืดของเขาในตู้ออกมาให้เธอสวม จากนั้นก็นั่งมองคนที่กำลังหลับพริ้ม“คำว่า...เราแต่งงานกันมั้ย ผมควรจะพูดไม่ใช่เหรอครับ” เฟร์เรเอ่ยยิ้มๆ ก่อนจะลุก
“เซอร์ไพรส์มาก มากจนฉันเลยดูตลกไปเลยที่หึงจนทำตัวไม่เข้าท่าไปแบบนั้น” พูดไปแล้ว แพรวพราวก็ตกใจจนตาโต ที่เผลอหลุดปากบอกว่าหึงฟาโรห์“ดีใจจังที่รู้ว่าคุณทั้งรักทั้งหึงผมแบบนี้” คนหล่อเอ่ยเข้าข้างตัวเองได้อย่างน่าหมั่นไส้“ไม่ต้องมาพูดเลย” แพรวพราวแหวใส่คนชอบแซว ก่อนจะจงใจเปลี่ยนประเด็น ด้วยการหันไปคุยกับพี่สาวแทน ซึ่งคำถามก็ไม่ได้มีอะไรนอกไปจากพี่สาวเธอรู้จักหนุ่มข้างบ้านที่ชื่อว่าเฟร์เรได้ยังไงรู้จักกันมานานหรือยัง และคำถามเด็ดตอนนี้คบกันเป็นแฟนแล้วใช่ไหม ซึ่งเพลงพิณก็ตอบทุกคำถามอย่างไม่ปิดบัง ก่อนที่เธอจะถามแพรวพราวด้วยรูปประโยคแบบเดียวกันบ้าง แต่คนตอบก็ยังคงลีลา ตอบบ้างไม่ตอบบ้าง แต่เพลงพิณก็สรุปได้ ว่าทั้งคู่กำลังคบหากันอยู่ส่วนเฟร์เรกับฟาโรห์ก็ทำหน้าที่แค่นั่งฟังสองพี่น้องคุยกันเท่านั้น ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งมองหน้ากันและกัน ยิ้มแล้วหัวเราะออกมา เพราะความที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันมาก ภาพที่เห็นจึงเหมือนภาพสะท้อนของกระจกบานใหญ่ ใครจะไปคิดว่าพวกเขาต่างคบ
เมื่ออยู่คนเดียว แพรวพราวได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ โลกจะกลมไปไหน สถานที่มีออกตั้งเยอะ ดันมาเจอพี่สาวที่นี่ซะได้ จะออกไปขอเปลี่ยนสถานที่กับฟาโรห์ก็กระไรอยู่ ที่สำคัญ ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว เธอขอไปเจอหน้าหนุ่ม ที่วันนี้มากับเพลงพิณพี่สาวหน่อยก็คงดีเหมือนกันเพลงพิณเดินยิ้มหวานกลับมาที่โต๊ะ เฟร์เรก็ชวนเธอเลือกอาหาร ซึ่งแต่ละเมนูนั้นหน้าตาน่ากินไปหมด ก่อนที่เขาจะชี้มาที่เมนูประเภทสลัด เพราะทุกครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกัน เพลงพิณมักจะสั่ง“คุณอยากกินอะไร นี่มั้ย” ชายหนุ่มชี้มายังสลัดแซลมอนรมควันอโวคาโด“ก็ดีค่ะ” เพลงพิณพยักหน้าให้ รู้สึกอิ่มตั้งแต่ยังไม่ได้กินอะไรด้วยซ้ำ รู้ว่ามีแฟนแล้วดีแบบนี้ เธอมีไปนานแล้ว...อ๊ากก“แล้วคุณล่ะ อยากกินอะไร”“อืม…น่ากินทั้งนั้นเลย แต่ถ้าให้เลือก ขอกินคุณดีกว่า”“บ้า…นี่ก็ยังจะทะลึ่งอีก” เพราะเขิน เพลงพิณจึงเอื้อมมือไปตีต้นแขนของเฟร์เรหนักๆ คนบ้าอะไร มาพูดทะลึ่งเอาตอนนี้ เดี๋ยวเถอะ เดี๋ยวเธอก็ชวนกลับบ้านเสียเลยแต่แล้วอยู่ๆ ขณะที่เพลงพิณกำลังเขินหนั
“ไม่ดี”“ทำไมล่ะครับ คุณไม่ชอบเหรอ” คนหล่อเลิกคิ้วสูงถาม“ไม่ชอบ เพราะฉันชอบที่คุณเป็นตัวของคุณเองมากกว่า ฉันชอบเวลาคุณมัดจุก เท่ดีออก อ้อ…แต่ถ้าจะจูบฉัน ต้องโกนหนวดก่อน ตกลงมั้ยคะ” เพลงพิณตั้งข้อแม้“งั้นคุณก็ต้องโกนหนวดให้ผมทุกวัน”“เอ้า! ใครจะไปอยู่กับคุณได้ทุกวันกัน...เชอะ” เอ่ยจบก็เดินเลี่ยงไปยังรถ ขืนยืนอยู่ต่อ เธอได้อายม้วนไม่เป็นท่าต่อหน้าเฟร์เรแน่ๆเฟร์เรรีบก้าวตามหลังเพลงพิณมาติดๆ ก่อนจะเข้ามาขวาง เมื่อเห็นว่าเธอจะเปิดประตูรถ“ผมนึกขึ้นได้พอดี ว่าเมื่อเช้าพึ่งโกนหนวดไป งั้นตอนนี้ เราก็จูบกันได้แล้วสิ” คำพูดห่ามๆ ของเฟร์เรทำเอาคนฟังแยกเขี้ยวขาวๆ ให้“ทะลึ่ง! มาจูบอะไรตรงนี้ อายคนอื่นเขา”“งั้นก็รีบกลับบ้าน ผมอยากจูบคุณจะแย่แล้ว” แทนที่จะหยุดพูด เฟร์เรกลับยิ่งพูดให้เพลงพิณอาย เกิดมาก็เพิ่งจะเขินหนักจนไปไม่เป็นกับเขาก็งานนี้“บ้า!” เพลงพิณยกกำปั้นขึ้นมาทุบต้นแขนคนตรงหน้าไปแรงๆ“