แพรพิไลครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้เกี่ยวกับเรื่องของครองขวัญ ประเด็นที่ว่าหิ้วเด็กหนุ่มไปต่างประเทศนั้นตัดไปได้เลย เพราะจากที่สืบทราบมาเจ้าตัวไม่มีการเดินทางออกนอกประเทศ ฉะนั้นมีทางเดียวที่พอจะเป็นไปได้ก็คือครองขวัญติดยาอย่างหนักจนถึงขั้นคลุ้มคลั่งเมื่อไม่ได้เสพ
สุกำพลก็คงถือเอาเรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างในการหย่า
“แล้วแกคิดว่าน่าจะเป็นเรื่องไหน” แพรพิไลลองถามความเห็นจากเพื่อนสนิทผู้คลุกคลีตีโมงอยู่กับคนทุกระดับโดยเฉพาะในแวดวงสังคมไฮโซ
“ไอ้เรื่องหนีตามผู้ชายไปน่ะฉันไม่ชัวร์ เพราะคนอย่างคุณขวัญเธอไม่หยุดอยู่แค่ผู้ชายคนเดียวหรอก ยิ่งเป็นพวกเด็กหนุ่ม ๆ หล่อนกินทิ้งกินขว้างจะตายไป ไม่มีทางมาหัวปักหัวปำกับคนคนเดียวแน่ย่ะ”
แพรพิไลพยักหน้าเห็นด้วย เพราะลินดาวิเคราะห์ได้ตรงกับที่เธอคิดไว้พอดี ครองขวัญเป็นผู้หญิงประเภทรักสนุกแต่ไม่ผูกพัน และเป็นคนที่มีความมั่นใจในตัวเองสูงเพราะคิดว่าตนมีดีพอ ฉะนั้นไม่มีทางที่ครองขวัญจะทำเรื่องไร้สาระอย่างเช่นการหนีตามผู้ชายไปแน่นอน
“ฉันก็คิดเหมือนแก แล้วแกคิดว่าเธอหายไปไหน” หญิงสาวถามลินดาอีกครั้
แพรพิไลตาลุกโพลงเมื่อรับรู้ได้ถึงความปรารถนาอันแสนร้อนผ่าวของเขาที่หน้าขา สะโพกสอบกดลงมาราวกับต้องการประกาศให้รับรู้ว่าเขาพร้อมพรักเพียงใด การแสดงออกถึงความต้องการของเขาทำเอาเธอสั่นสะท้านไปทั้งกายและใจ ความรู้สึกในหัวตีกันยุ่งเหยิงระหว่างความหวาดหวั่นกับการโอนอ่อนผ่อนตาม ไม่รู้ว่าหากเธอยอมตามใจเขาแล้ววันพรุ่งนี้เขาจะปฏิบัติกับเธอเหมือนเดิมหรือไม่ระหว่างที่กำลังลังเลกับเรื่องนี้ จู่ ๆ รชตก็หยุดการเคลื่อนไหวแล้วทิ้งตัวลงมาทับเธอไว้ทั้งร่าง ใบหน้าซุกลงมาที่ซอกคอของเธอนิ่ง ๆ หน้าอกอวบอิ่มแนบชิดกับแผงอกหนั่นแน่นจนรับรู้ได้ถึงการเต้นระรัวของหัวใจซึ่งไม่ต่างจากของเธอเท่าไร เสียงหอบหายใจของเขายังคงมีอยู่ ขณะเดียวกันก็รู้สึกได้ว่าเขากำลังอดกลั้นกับอะไรบางอย่าง“พี่อาร์ต...แพร...หนัก”ความจริงแล้วไม่หนักเท่าไรนัก แต่ขืนอยู่ในท่านี้อีกต่อไป เธอกลัวว่าเขาจะฉายจริงเข้าจนได้ หลังจากที่ปล่อยหนังตัวอย่างให้เธอระทดระทวยอยู่ใต้ร่างเขามาแล้วรชตเงยหน้าขึ้นพลางเท้าแขนกับที่นอน นัยน์ตาอ่อนเชื่อมมองคนใต้ร่างที่ทำหน้ากึ่งโล่งอกกึ่งเสียดายแล้วอดยิ้มไม่ได้ ยายตัวแสบเ
แดดยามสายเริ่มร้อนแรงขึ้นทุกขณะจนรชตกับแพรพิไลเหงื่อไหลไคลย้อยระหว่างที่เดินกลับเข้ามาในหมู่บ้าน มือข้างหนึ่งของชายหนุ่มถือถุงอาหารว่างและผลไม้ที่ซื้อมาไว้รับประทานในช่วงกลางวัน ส่วนหญิงสาวเดินถือพัดพลาสติกที่ซื้อจากตลาดพัดให้เขาสลับกับพัดให้ตัวเองเป็นระยะ“หนูพัดให้นะคะเสี่ยขา” แพรพิไลทำเสียงเล็กเสียงน้อยพลางกระพือพัดให้เขาอย่างมีจริตจะก้านรชตมองคนตัวแสบข้างกายแล้วก็ได้แต่มันเขี้ยวจนอยากจะจับมาบีบแก้มแรง ๆ เหมือนตอนเป็นเด็ก“ดีมากจ้ะ จะดีกว่านี้ถ้ากลับไปแล้วหนูนวดให้เสี่ยด้วยนะจ๊ะ เสี่ยเมื่อยไปทั้งตัวเลยจ้ะ” เขาลากเสียงยาวตรงคำว่าเมื่อยเป็นพิเศษหญิงสาวเห็นสายตาวิบวับนั่นก็รู้ทันทีว่าเขาหมายถึงอะไร“ได้เลยค่ะเสี่ย กลับถึงบ้านหนูจะเหยียบหลังให้นะคะ” พูดจบก็กึ่งเดินกึ่งวิ่งนำลิ่วไปทันทีโดยไม่รอรชตซึ่งต้องก้าวเร็ว ๆ ตามไปด้วยทั้งที่ถือของเต็มไม้เต็มมือทั้งสองคนมาถึงบ้านในสภาพเหงื่อโซมกาย แพรพิไลรีบวิ่งไปเปิดแอร์ทันที จากนั้นก็ยืนจ่อรับลมอยู่หน้าพัดลมตั้งโต๊ะ ส่วนรชตเดินเอาของ
สุกำพลนั่งรออยู่ก่อนแล้วเมื่อไปถึง หญิงสาวรีบเดินเข้าไปหาแล้วยกมือไหว้ทักทายอีกฝ่ายเพื่อสร้างช่องว่างให้เกิดขึ้นระหว่างเขากับเธอ เนื่องจากแพรพิไลไม่ต้องการให้เขาคิดว่าเธอตอบรับการเทียวไล้เที่ยวขื่อของเขาแล้ว“ขอโทษที่มาช้านะคะ คุณสุกำพลมานานรึยังคะเนี่ย” หญิงสาวยิ้มฝืดเฝื่อนอย่างขอโทษขอโพยชายหนุ่มโบกมือไปมาเป็นเชิงว่าไม่ถือสาพลางยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไรครับคุณแพร ผมก็เพิ่งมาก่อนหน้าคุณไม่กี่นาทีนี่เอง จริงสิ คุณแพรเรียกผมว่าเบนซ์ก็ได้นะครับ ไม่จำเป็นต้องเรียกชื่อจริงหรอก มันฟังดูห่างเหินเกินไป ผมว่าระหว่างเรามันน่าจะดูเป็นกันเองมากกว่านี้”“ก็ได้ค่ะคุณเบนซ์” แพรพิไลยิ้มอ่อนอย่างแบ่งรับแบ่งสู้พลางลอบมองไปยังโต๊ะที่อยู่ถัดไปด้านข้างรชตนั่งอยู่โต๊ะนั้นเพียงลำพัง ตรงหน้ามีอาหารว่างสามอย่าง และแก้วเบียร์เย็นฉ่ำจนเห็นไอสีขาวลอยเอื่อยออกมาจากแก้วช่วงที่เธอกำลังเหลือบมองไปนั้น ทันได้เห็นเขาทำหน้าปุเลี่ยนราวกับคลื่นไส้เข้าพอดี เห็นแล้วเธอก็อดขำไม่ได้ แต่ก็ทำได้เพียงเม้มปากกลั้นหัวเราะจนหน้าแดง แต่กลับสร้าง
“ยินดีค่ะ แต่ถ้าจะมาแพรอาจต้องรบกวนให้คุณเบนซ์โทร. มาก่อนนะคะ เพราะบางครั้งแพรก็ไม่ได้ประจำอยู่สำนักงาน อาจจะออกไปข้างนอกน่ะ” ความจริงแล้วเพื่อเป็นทางหนีทีไล่ต่างหาก ถ้าเขาโทร. มาเธอจะได้รีบหาทางหลบให้ไกล“ได้ครับ” สุกำพลส่งยิ้มชวนใจละลายมาให้แพรพิไลยิ้มตอบกลับไป แต่ในใจกลับคิดว่าถ้าเธอเป็นผู้หญิงอ่อนต่อโลกมากกว่านี้ บางทีอาจหลงเสน่ห์ของเขาจนโงหัวไม่ขึ้น“ปกติแล้วตอนที่คุณไพศาลยังอยู่ คุณแพรได้ช่วยทำคดีบ้างรึเปล่าครับ”“มีบ้างค่ะ แต่ส่วนใหญ่เป็นงานเล็ก ๆ น้อย ๆ มากกว่าเช่นการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์ หรือการช่วยท่านรวบรวมหลักฐานเป็นเคส ๆ ไป แต่การออกภาคสนามจริง ๆ จัง ๆ ยังไม่เคยสักครั้ง เพราะแพรยังอ่อนด้อยประสบการณ์และฝีมือมากค่ะ” หญิงสาวตอบอย่างถ่อมเนื้อถ่อมตัว“ไม่จริงหรอกครับ ผมว่าคุณน่ะเป็นลูกไม้ใต้ต้นของแท้เลย ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถประคองสำนักงานมาได้จนถึงป่านนี้ ดีไม่ดีคุณอาจไปได้ไกลกว่าพ่อของคุณก็ได้”แพรพิไลมองสบตาเขาอย่างใช้ความคิดแต่ปากยังคลี่ยิ้มอยู่อย่างนั้น เธอไม่รู้ว่า
“มันยังอยู่”แพรพิไลถอนหายใจด้วยความโล่งอก ก่อนจะพากันเดินกลับมาที่ห้องทำงานอีกครั้ง หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งบนโซฟายาวโดยมีรชตตามมานั่งด้วย ขณะที่ปารุสออกไปเดินสำรวจดูจุดอื่น ๆ ที่คาดว่าผู้บุกรุกอาศัยช่องทางนั้นเข้ามาในบ้าน“แจ้งตำรวจดีไหม” ชายหนุ่มหันไปถามเจ้าของบ้าน แต่หญิงสาวกลับส่ายหน้าไปมาช้า ๆ“แพรอยากดูก่อนค่ะว่ามันเข้ามารื้อหาอะไรกันแน่ เพราะหากให้ตำรวจมาตอนนี้แพรกลัวว่าพื้นที่ตรงนี้จะถูกกันให้เป็นพื้นที่เกิดเหตุแล้วแพรจะเข้าไปยุ่มย่ามไม่ได้ แพรอยากดูให้แน่ใจก่อนแล้วค่อยแจ้งตำรวจได้ไหมคะ เพราะยังไงเสียถ้ามันทิ้งร่องรอยเอาไว้ตำรวจก็ต้องหาพบอยู่แล้ว”“มันจะไม่เป็นการทำลายหลักฐานในที่เกิดเหตุหรือ” รชตแย้งอย่างไม่เห็นด้วย แม้จะเข้าใจอยู่ว่าแพรพิไลต้องการอะไร“ก็อาจมีบ้าง” หญิงสาวมองไปรอบห้อง มองกองกระดาษที่กระจายเกลื่อนเต็มพื้นเหมือนเอามาโปรยเล่นแล้วขมวดคิ้วมุ่น สมองแล่นปราดไปถึงคำสอนของบิดาที่เคยเล่าเคสเก่า ๆ ให้เธอฟังทำลายเพื่อกลบเกลื่อน!“พี่อาร์ต!
“แพรไว้ใจพี่อาร์ตได้ใช่ไหมคะ” เธอรู้ตัวว่าเป็นคำถามที่โง่มาก เพราะคงไม่มีใครบอกมาแน่นอนว่าตนเองไว้ใจไม่ได้“แล้วแพรคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าแพรคิดว่าพี่ไว้ใจได้แพรก็เล่า แต่ถ้าแพรยังไม่มั่นใจก็ไม่ต้องเล่า พี่ยอมรับการตัดสินใจของแพร เพราะเรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ มันเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของแพรด้วย” ชายหนุ่มมองลึกเข้ามาในนัยน์ตาของเธออย่างจริงจัง สุ้มเสียงไม่มีความน้อยใจปนอยู่ในนั้น นั่นจึงทำให้หญิงสาวตัดสินใจได้“ข้อมูลทุกอย่างถูกเก็บเอาไว้ในนี้หมดค่ะ ในโน้ตบุ๊กไม่มีไฟล์งานสำคัญอะไรอยู่เลย จะมีก็แค่ไฟล์ที่ต้องใช้ทั่วไปอย่างพวกใบเสร็จรับเงินหรือใบเสนอราคา เวลาคุณพ่อทำงานท่านจะเอาสายยูเอสบีมาเสียบพ่วงไว้ด้วยกัน เสร็จแล้วก็เก็บไว้ในลิ้นชักชั้นล่างสุด ซ่อนมันไว้ในแฟ้มเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตหากมีใครมารื้อค้น”แพรพิไลเงียบไปครู่หนึ่งก่อนมองเขาอย่างชั่งใจอีกครั้งแล้วพูดต่อ“และความจริงแล้วข้อมูลพวกนี้คุณพ่อจะก๊อบปี้ไว้อีกชุดแล้วแยกเก็บไว้อีกที่เพื่อป้องกันการสูญหายค่ะ แต่ตรงนี้แพรขอเก็บเป็นความลับนะคะ” เธอมองเขาอย่
“แต่การที่เขาทิ้งแพรแล้วไปทำกับที่อื่นดูจะเป็นการเนรคุณเกินไปหน่อย” รชตพูดไปตามที่ใจคิด ตอนที่ฟังเธอเล่าว่านักสืบคนเก่า ๆ ตบเท้าลาออกไปทำที่อื่นทันทีที่เธอเข้ามาบริหารงานแทนบิดา เขายังรู้สึกโกรธคนพวกนั้นแทนเธอเลย“ทำไงได้คนเราก็ต้องกินต้องใช้ค่ะ จะไปโทษเขาไม่ได้หรอก อีกอย่าง ช่วงแรก ๆ ก็ไม่ค่อยมีงานเข้ามาด้วยแหละ”ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้คุยอะไรกันต่อ ปารุสก็เดินเข้ามาในห้องรับแขกแล้วบอกว่า “ตำรวจมาแล้วครับ”รชตกับแพรพิไลหันมองหน้ากันก่อนลุกขึ้นเดินไปหน้าบ้าน มีรถตำรวจคันหนึ่งจอดไว้โดยมีนายตำรวจสามนายยืนอยู่หน้าประตูรั้ว ตำรวจยศร้อยตรีนายหนึ่งเห็นเจ้าของบ้านเดินออกมาจึงพูดขึ้น“ผมได้รับแจ้งว่าที่นี่มีโจรเข้ามารื้อค้นทรัพย์สิน และมีของหายไปด้วยก็เลยมาตรวจสอบน่ะครับ”“ใช่ครับ เชิญครับคุณตำรวจ” รชตเปิดประตูรั้วให้แล้วผายมือเชิญให้ตำรวจทั้งสามนายเข้ามาในบ้านเมื่อเข้ามาในบ้านแล้วนายตำรวจคนเดิมก็ถามขึ้นอีกครั้งพลางมองไปรอบบ้านอย่างละเอียดถี่ถ้วน“อะไรบ้างครับที่หายไป&rdq
ผ่านไปครู่ใหญ่ทีมเก็บหลักฐานก็ทำงานเสร็จสิ้นลง นายตำรวจหัวหน้าทีมเดินเข้ามาหารชตกับแพรพิไลในห้องรับแขก แม้สีหน้าของเขาจะดูเรียบเฉยเป็นปกติ แต่หญิงสาวก็จับความกังวลในแววตานั้นได้“ท่าทางคนร้ายรายนี้จะเป็นมืออาชีพมาก ๆ เลยครับ เพราะจากที่ตรวจสอบดูแล้วปรากฏว่ามีแต่รอยนิ้วมือใหม่เอี่ยมซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นของคุณและคุณผู้ชายทั้งสองคน” เขาพูดพลางชี้ไปที่รชตกับปารุสที่ยืนอยู่แถวนั้น“ส่วนรอยนิ้วมือเก่านั้นแทบตรวจไม่เจอ ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าคุณคงทำความสะอาดห้องหลังจากที่พ่อของคุณเสียชีวิตแล้วก็ได้ ตอนนี้ผมเองก็ยังบอกอะไรไม่ได้มากนักคงต้องรอให้ทีมพิสูจน์กันให้ละเอียดอีกที เรื่องเครื่องดักฟังนั่นก็เจอแค่อันเดียวที่อื่นไม่พบ เอาเป็นว่าถ้ามีความคืบหน้าอะไรผมจะรีบแจ้งให้ทราบทันทีครับ”“ขอบคุณมากครับคุณตำรวจ ทางผมก็เหมือนกัน ถ้าหากเจออะไรที่พอจะเป็นประโยชน์กับเรื่องนี้ได้ พวกเราจะรีบแจ้งไปทันที” รชตพูดพร้อมกับเดินไปส่งตำรวจที่มาตรวจสอบสถานที่ถึงหน้าประตูรั้วโดยมีแพรพิไลกับปารุสเดินตามออกมาด้วยเขายืนมองจนกระทั่งรถตำรวจเค
เด็กชายวัชร์ส่งเสียงทักทายผู้เป็นอาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างพลางกางแขนจะให้อุ้ม รชตจึงยื่นมือไปรับร่างป้อมของหลานชายมาอุ้มไว้“แพร นี่พี่โอม พี่ชายพี่เอง...นี่แพร ที่เคยเล่าให้ฟังน่ะ” รชตหันไปแนะนำให้ทั้งสองคนรู้จักกันแพรพิไลยกมือไหว้อีกฝ่ายก่อนเลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัยเมื่อได้ยินที่เขาพูดว่าเคยเล่าเรื่องของเธอให้พี่ชายฟังด้วยพชรรับไหว้พลางยิ้มให้อย่างเป็นมิตร นัยน์ตาคมกริบลอบประเมินว่าที่น้องสะใภ้แล้วรู้สึกว่าแพรพิไลคนนี้มีบุคลิกเหมือนช่อมาลี ภรรยาของเขาอยู่มากเลยทีเดียวเหมือนที่ความมั่นใจ เหมือนที่ความกระตือรือร้นในแววตา และเหมือนที่ดูเป็นคนอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้จากนั้นทั้งหมดก็พากันเข้าไปในห้องรับแขก ซึ่งมีเพียงช่อมาลีนั่งอ่านนิตยสารรถยนต์อยู่เพียงลำพัง ครั้นพอเห็นว่ารชตพาคนรักมาถึงแล้วจึงปิดหนังสือแล้ววางไว้บนโต๊ะตามเดิมรชตแนะนำให้สองสาวรู้จักกัน ซึ่งทั้งแพรพิไลและช่อมาลีต่างรู้สึกถูกชะตากันตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันเพียงไม่กี่ประโยค จากนั้นช่อมาลีก็เดินไปเรียกบิดามารดาของทั้งสองหนุ่มที่นั่งดูโทรทัศน์กันอยู่อีกห้องหนึ่งการทำคว
“ว่าแต่เป้าหมายเป็นใครล่ะ” รชตถามพลางมองไปรอบฟลอร์ ครั้นพอเห็นสายตาของแพรพิไลเขาก็เลิกคิ้วขึ้น“อย่าบอกนะว่าคือผู้หญิงที่เต้นรำกับพี่เมื่อกี้”“ใช่เลย คนนั้นนั่นแหละ” แพรพิไลยิ้มกว้างเมื่อเห็นสีหน้าของเขาซึ่งทำเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา“อยากรู้ล่ะสิว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร” ชายหนุ่มกะพริบตาให้เธอข้างหนึ่ง ดูเจ้าชู้กรุ้มกริ่มจนคนมองเห็นแล้วรู้สึกคันไม้คันมืออยากเอามือไปปิดตาคู่นั้นไว้เสีย“อยากรู้สิ แต่พี่น่ะจะบอกแพรรึเปล่า”“บอกสิ แต่แพรน่ะยอมเอาตัวเข้าแลกรึเปล่า”แพรพิไลสะดุ้งเฮือกเมื่อแผ่นหลังเปล่าเปลือยสัมผัสกับที่นอนเย็นเฉียบ หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านี้หญิงสาวกับรชตยังเต้นรำกันอยู่บนฟลอร์ที่คลับเฮรา ทว่าเวลานี้ร่างไร้อาภรณ์ของเธอกลับมานอนอยู่ใต้ร่างกำยำบนเตียงในห้องนอนของตัวเองเสียแล้วทุกอณูเนื้อกำลังถูกลมหายใจและริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประทับตีตราไปทั่วราวกับต้องการแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ มือทั้งสองข้างของเขาลูบไล้ฟอนเฟ้นไปทั่ว
หญิงสาวคนหนึ่งในชุดเดรสแขนกุดสีม่วงอเมทิสต์เยื้องย่างราวกับนางพญาเข้ามาในคลับเฮรา คลับลีลาศอันโด่งดังที่สุดในกลุ่มคนที่ชื่นชอบการเต้นรำ เรือนร่างเย้ายวนและความสวยนั้นสะกดสายตาทุกคู่ไว้ได้อย่างง่ายดาย เธออมยิ้มเล็กน้อยระหว่างที่เดินไปยังโต๊ะวีไอพีที่อยู่ด้านในสุด นัยน์ตาคู่สวยกวาดมองไปรอบด้านด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะไปหยุดอยู่ที่ฟลอร์เต้นรำที่มีผีเสื้อราตรีหลายคู่กำลังเริงระบำกันท่ามกลางแสงไฟที่สาดส่องลงมาชายหนุ่มหญิงสาวคู่หนึ่งตกเป็นเป้าสายตาของหญิงสาวผู้มาใหม่ทันที ปากอิ่มคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อรับรู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นกำลังมองมาทางตนอย่างสนใจหญิงสาวหันไปสั่งเครื่องดื่มกับบริกรที่มารอรับออร์เดอร์ จากนั้นก็ทำทีเป็นไม่สนใจคนคู่นั้นอีก นิ้วมือเคาะโต๊ะเบา ๆ เป็นจังหวะตามเสียงเพลงที่กำลังเปิดอยู่ พลางหลับตาแล้วฮัมไปด้วยอย่างอารมณ์ดี“ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงได้ไหมครับคุณผู้หญิง”เสียงทุ้มที่ดังขึ้นตรงหน้าปลุกให้หญิงสาวต้องลืมตาขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน ครั้นพอเห็นรอยยิ้มมุมปากของเขากับสายตาเชิญชวนคู่นั้น เธอก็ตอบออกไปอย่างไม่ลังเล
“เลว! อย่างน้อยก็เคยใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีภรรยา เขาน่าจะนึกถึงเรื่องนี้บ้าง นี่อะไร...เหยียบคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาจมดินแบบนี้เลยน่ะหรือ แล้วตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง พี่อาร์ตรู้ไหมคะ”“คุณพ่อคุณแม่ของคุณขวัญพาไปบำบัดน่ะ เพราะผลข้างเคียงของยาเสพติดพวกนี้ทำให้คนที่ไม่ได้เสพจะเป็นโรคซึมเศร้าอย่างรุนแรง...คุณขวัญเคยพยายามฆ่าตัวตายมาหลายครั้งแล้ว แต่คนในบ้านช่วยไว้ได้ทันเวลา”“แปลกนะคะ ถ้าไปรักษาตัวตอนที่พยายามฆ่าตัวตาย ทำไมไม่เห็นมีข่าวเล็ดลอดออกมาบ้างเลย”เธอจำได้ว่าตอนนั้นพยายามหาข่าวของครองขวัญจากหลาย ๆ ที่ว่าหายไปไหน เนื่องจากไม่เห็นอีกฝ่ายไปที่คลับเฮราติดกันหลายวันแล้ว แต่กลับไม่มีใครรู้คำตอบที่แท้จริง ข่าวที่ได้มาจึงค่อนข้างหลากหลายจนดูไม่น่าเชื่อถือ“ตระกูลของคุณขวัญเป็นตระกูลผู้ดีเก่ามีหน้ามีตาในสังคม เรื่องที่จะส่งลูกสาวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลน่ะลืมไปได้เลย เขาเรียกหมอไปรักษาที่บ้าน จ้างพยาบาลส่วนตัวมาเฝ้า เพราะไม่อย่างนั้นเธอก็จะทำร้ายตัวเองอีก”“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าชีวิตพังเพราะผู้ชายคน
“แพรขอโทษ แพรไม่ได้ตั้งใจตะคอกใส่พี่อาร์ตนะ แต่แพรเป็นอะไรไม่รู้ แพรหงุดหงิดไปหมด มันรู้สึกอึดอัดในอกเหมือนจะระเบิดออกมาให้ได้ แพรอยากกรี๊ดออกมาดัง ๆ เห็นอะไรก็ขวางหูขวางตาจนอยากทำลายทิ้งให้หมด...แพรไม่อยากเป็นแบบนี้เลยพี่อาร์ต ทำยังไงดี ฮือ...”“เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น มันเป็นผลข้างเคียงจากยาที่แพรดื่มเข้าไปน่ะ ไม่กี่วันก็หายแล้วแพร ทนหน่อยนะ ถ้าแพรอยากทำลายข้าวของ แพรมาทึ้งเสื้อผ้าพี่แทนก็ได้พี่ไม่ว่าหรอก แต่อย่าทำตอนที่หมอกับพยาบาลอยู่ก็พอ เดี๋ยวเป็นข่าว” รชตพูดหน้าตาเฉย ขณะที่คนฟังหัวเราะทั้งน้ำตาแพรพิไลพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองให้คงที่จนกระทั่งเริ่มผ่อนคลายลงจึงเอ่ยถามเขาเกี่ยวกับเรื่องของศักดิ์อีกครั้ง“ตกลงแล้วพี่ศักดิ์ถูกบีบบังคับยังไงกันคะ”“สุกำพลจับตัวลูก ๆ ของพี่ศักดิ์ไว้เป็นตัวประกันน่ะ พี่ศักดิ์มีลูกสาวกับลูกชายอย่างละคนใช่ไหมล่ะ มันจับเด็ก ๆ ไปอยู่ในความดูแลของสุกำพล เขาบอกว่าจะไม่ทำอะไรเด็กจนกว่าพี่ศักดิ์จะหาหลักฐานที่เหลือมาได้ จนครั้งสุดท้ายที่เขาเรียกใช้งานพี่ศักดิ์ก็คือตอนที่เขาพาตัวแพรไปให้
“ข่าวด่วน นักธุรกิจหนุ่มไฮโซ แท้จริงแล้วคือมาเฟียยาเสพติด!”“นักธุรกิจชื่อดัง สุกำพล พัวพันคดียาเสพติด”ข่าวพาดหัวตัวโตของหนังสือพิมพ์ทุกฉบับต่างพร้อมใจกันลงข่าวไฮโซหนุ่มเนื้อหอม นักธุรกิจชื่อดัง เจ้าของธุรกิจมากมาย รายการข่าวทางโทรทัศน์และวิทยุต่างนำเสนอข่าวนี้กันแทบทุกช่องจนกลายเป็นเรื่องทอล์กออฟเดอะทาวน์ที่คนต่างพูดถึงกันมากที่สุดในประเทศ แม้ว่าจะผ่านมาถึงสองวันแล้วก็ตามรชตหยิบรีโมตคอนโทรลขึ้นกดเปลี่ยนช่องไปดูรายการอื่น เพราะเบื่อข่าวของสุกำพลเต็มที ยิ่งนานวันนักข่าว นักสืบออนไลน์ และนักสืบโซเชียลทั้งหลายต่างก็พากันขุดคุ้ยเรื่องของสุกำพลไม่หยุด บางคนก็แต่งเรื่องโกหก บางคนก็เป็นผู้เสียหาย บางรายก็ฟังเขาเล่ามา จนเวลานี้แทบไม่รู้ว่าข่าวไหนจริง ข่าวไหนเท็จ“พี่อาร์ตเปลี่ยนช่องทำไม” น้ำเสียงราบเรียบของแพรพิไลทำให้ชายหนุ่มหันกลับไปมองที่เตียงคนไข้“อ้าว...ตื่นนานรึยัง อยากกินอะไรไหม” เขาไม่ตอบคำถามของ
“คุณสุกำพล จนป่านนี้แล้วคุณคิดว่าจะหนีรอดหรือ ตอนนี้ทางออกทุกทางของที่นี่ตำรวจปิดล้อมไว้หมดแล้ว บรรดาสมาชิกที่พากันวิ่งออกไปนั่นก็ถูกควบคุมตัวไว้ทั้งหมด...ผมจะบอกอะไรให้นะ ป่านนี้ข้างในนั้นน่ะคงถูกตำรวจเคลียร์พื้นที่กันเสร็จเรียบร้อยแล้ว คุณหนีไม่พ้นหรอก”สารวัตรจุมพลถอนหายใจเฮือกใหญ่ น้ำเสียงที่พูดไม่มีแววเยาะเย้ยอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่กลับหนักแน่นจริงจังเสียจนคนมองเริ่มสะท้านเก่ง ลูกน้องของสุกำพลมีสีหน้าเครียดจัด มือที่ถือปืนอยู่เริ่มลดต่ำลงเรื่อย ๆ จนกระทั่งยอมวางปืนไว้บนพื้นแล้วยกมือขึ้นวางบนศีรษะแต่โดยดีนายตำรวจนายหนึ่งจึงรีบวิ่งเข้าไปนำปืนกระบอกนั้นมาเก็บไว้ ท่ามกลางเสียงตวาดกร้าวของสุกำพลที่หันไปข่มขู่และด่าทอลูกน้องอย่างสาดเสียเทเสีย ตำรวจอีกสองนายจึงเข้าไปควบคุมตัวทั้งสองคนไว้แล้วพาขึ้นไปด้านบนสารวัตรจุมพลไม่ได้เดินตามผู้ต้องหาไป แต่กลับเดินผ่านเข้าไปในสมาคมเพื่อหาตัวรชตกับพวกรชตวิ่งกลับเข้าไปในฮอลล์อีกครั้งโดยมีเสียงปืนไล่ยิงมาตามหลัง เขามั่นใจว่าตอนนี้ตำรวจน่าจะเข้าควบคุมทุกอย่างไว้ได้หมดแล้ว เพราะฟังจากเสี
สุกำพลยิ่งเดือดดาลเมื่ออะไร ๆ ก็ไม่เป็นอย่างที่คิด ผู้บุกรุกทั้งสองคนนี้นอกจากจะไม่กลัวปืนในมือของเขาแล้ว ยังมีทีท่าไม่ยอมทำตามคำสั่งราวกับคำขู่ของเขานั้นไม่ได้ผล...แต่เขาไม่มีเวลามาเล่นเอาเถิดเจ้าล่อกับพวกนี้แล้ว“ไปเอาตัวผู้หญิงมา” สุกำพลหันไปสั่งลูกน้องที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังชายหนุ่มร่างใหญ่คนหนึ่งจึงเดินอาด ๆ เข้ามาหาแพรพิไลซึ่งทรุดตัวลงนั่งเอาหลังพิงกำแพงพร้อมกับเอาแขนโอบกอดตัวเองแน่นเหมือนทรมานกับอาการสะบัดร้อนสะบัดหนาวที่เป็นอยู่รชตตั้งท่าเตรียมรับไว้อยู่แล้ว เมื่อเห็นการ์ดร่างใหญ่ของสุกำพลเดินเข้ามาใกล้จึงออกหมัดชกไปเต็มแรงจนอีกฝ่ายเซถอยไปด้านหลังเพราะไม่ทันได้ตั้งตัว อีกทั้งไม่คิดว่ารชตจะกล้าท้าทายด้วยการเป็นฝ่ายลงมือก่อน“มึง!” คนถูกต่อยคำรามลั่นอย่างเกรี้ยวกราด ทันทีที่ตั้งหลักได้ก็พุ่งตัวเข้าใส่รชตราวกับหมีตะปบเหยื่อรชตอาศัยความปราดเปรียวกว่าหลบหมัดลุ่น ๆ ของการ์ดร่างยักษ์ไปได้ด้วยความว่องไวปารุสจ้องเขม็งอยู่ที่ปืนสลับกับจ้องใบหน้าของสุกำพลอย่างไม่ให้คลาดสายตา การต่อยตีของรชตกับคนของสุกำพลนั้นเรียกคว
ปารุสสะดุ้งเฮือกเมื่อจู่ ๆ มีมือเย็นเฉียบของใครบางคนมาเกาะที่น่อง ครั้นพอก้มลงมองจึงรู้ว่าเป็นแพรพิไลซึ่งยังอยู่ในอาการเมายาไม่ได้สติ ชายหนุ่มรีบชักขากลับมาแล้วดันหญิงสาวอีกคนที่กำลังนั่งเกาะขาเขาอยู่เข้าไปหาแพรพิไลแทนอย่างน้อยก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน มันคงดีกว่าที่เจ้านายจะมาเห็นผู้หญิงของตัวเองกำลังนัวเนียกับเขา เพราะถ้าหากเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขานึกภาพไม่ออกเลยว่าจะถูกหักเงินเดือนไปทั้งปีหรือเปล่า“รีบออกไปกันเถอะ...อ้าวเฮ้ย!” รชตอุทานออกมาเบา ๆ เมื่อเห็นผู้หญิงที่คลุกวงในอยู่กับปารุสเมื่อครู่มาตอแยแพรพิไล ชายหนุ่มรีบปรี่เข้าไปคว้าตัวแฟนสาวออกมากอดไว้แล้วหันไปพยักหน้ากับปารุส“เมื่อกี้ผมจุดไฟเผาผ้าม่าน อีกเดี๋ยวคนคงเริ่มสังเกตแล้วละ เราต้องอาศัยจังหวะนี้หลบหนีออกไป”พูดจบก็มองไปที่ด้านหลัง ควันไฟเริ่มหนาขึ้นจึงรีบประคองพาแพรพิไลเดินห่างออกมาจากจุดเกิดเหตุที่เขาเพิ่งใช้เทียนเผาผ้าม่านสีดำ เขาภาวนาให้มันลุกติดไฟเร็ว ๆ เพราะควันจะได้มากพอที่จะลอยขึ้นไปสัมผัสกับสัญญาณเตือนอัคคีภัยที่อยู่บนเพดาน และเมื่อถึงตอนนั้น ที่น