เด็กหญิงหล้ามองพี่ชายใจดีที่ชื่อนักรบตาแป๋ว รอยยิ้มแจ่มใสไร้เดียงสาผุดขึ้นบนใบหน้า ส่งผลให้ปานใจและเด็กชายนักรบหันไปยิ้มให้กันและกันด้วยความสุข แต่ความสุขสำหรับเด็กหญิงหล้านั้นมันแสนสั้นนัก เพราะทันทีที่ถึงบ้าน ลมรำเพยที่ยืนจังก้ารออยู่หน้าบ้านพร้อมก้านมะยมที่รูดใบออกจนหมดซึ่งรวบไว้เต็มกำมือทำให้เด็กหญิงหล้าสั่นสะท้านจนก้าวขาเดินต่อไปไม่ออก แต่เพราะมีปานใจหนุนหลัง เด็กหญิงตัวน้อยจึงต้องเดินต่ออย่างกล้าๆ กลัวๆ เพราะแค่ถึงชานบ้านเสียงอันน่าสะพรึงกลัวก็ดังแผดขึ้นลั่น
“อีหล้า! อีดอกดิน! มึงไปไหนมากลับมาซะป่านนี้ อีเวร! กูเกือบต้องไปแจ้งความแล้วไหมมึง อีนี่! เดี๋ยวแม่ตบซะ!” ลมรำเพยเงื้อมือเตรียมจะฟาดแต่เสียงร้องทักก็ทำให้ต้องลดมือลงอย่างขัดใจ
“เอ้าๆ ลม พูดจากับหลานให้มันดีๆ หน่อย ทำไมพูดจาแบบนี้ล่ะ”
ลมรำเพยเพิ่งหันมาเห็นว่าคนที่มากับหล้าคือคุณครูปานใจ สาวโรงงานวัย 23 ปี อย่างเธอจึงแบะปาก พร้อมกับพนมมือไหว้ด้วยความไม่เต็มใจ ซึ่งปานใจก็รับไหว้ ไม่ได้ถือสากิริยาที่ลมรำเพยทำ ผู้เป็นครูมองตรงไปยังหล้าที่เข้าไปซุกตัวชิดข้างฝา เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัวเต็มที่ ซึ่งกิริยานี้ทำให้เธอตัดสินใจแล้วว่าจะทำในสิ่งที่คิดว่าเหมาะสมที่สุด แม้มันอาจจะเสี่ยงต่อชื่อเสียงและอาชีพการงานของเธอก็ตาม แต่ไม่ว่าใครก็คงปล่อยให้เด็กหญิงต้องเผชิญกับเรื่องแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้
.
.
บรรยากาศในยามใกล้ค่ำ ขณะที่ไฟฟ้าตามรายทางยังเปิดไม่ครบ ทำให้ทางเดินในตลาดที่จะลัดเลาะไปยังบ้านซึ่งปลูกอยู่ด้านในสุดท้ายซอยค่อนข้างจะมืดสลัว แต่คนที่เดินอยู่นี้กลับมีความคิดและความรู้สึกที่แตกต่างกันไป ปานใจคิดว่าตัวเองตัดสินใจไม่ผิดที่พูดแบบนั้นออกไปเพราะไม่อย่างนั้นเด็กหญิงตัวน้อยอย่างหล้าอาจจะช้ำในตายเสียก่อนที่จะโตก็ได้
“อาปานครับ”
“หือ...ว่าไงครับรบ”
ปานใจหันมองหลานชายที่มีเค้าว่าจะหล่อมากในยามเป็นหนุ่ม เพราะแนวคิ้วดกดำและดวงตาคมเข้มที่ถอดแบบผู้เป็นพ่อมาอย่างไม่ผิดเพี้ยนนั้นล้อมกรอบราวกับลูกแก้วสีเขียวมรกตที่สะท้อนแวววาวในความสลัว มรดกจากผู้เป็นแม่ที่ทำให้รู้ว่าเด็กชายร่างสูงใหญ่กว่าเด็กในวัยเดียวกันนี้มีเชื้อสายของฝั่งตะวันตกปะปนอยู่ด้วย
“ทำไมน้าของน้องหล้าต้องเรียกน้องหล้าว่าดอกดินด้วยล่ะครับ” เด็กชายเอ่ยถาม สีหน้าแสดงความสงสัยไม่เข้าใจ
“เอ่อ...ก็มัตติกาแปลว่าดินน่ะสิลูก และหล้าก็แปลว่าดินเหมือนกัน น้าเขาคงอยากพูดเปรียบเปรยเท่านั้นแหละลูก ไม่มีอะไรหรอก” คำถามของเด็กชายนักรบทำให้เธอรู้สึกตื้อในหัวใจไปชั่วครู่ เพราะไม่รู้จะสรรหาคำตอบใดที่ดูดีที่สุดสำหรับเด็กชายวัย 12 ปี อย่างเขาจะเข้าใจได้
“แต่น้าของน้องหล้าน่ากลัวมากเลยนะครับ อย่างนี้น้องหล้าจะถูกตีไหม”
“คงไม่แล้วละลูก เพราะอาจะไม่ยอมให้หล้าเขาต้องเจ็บตัวอีกแล้ว”
ปานใจโอบบ่าของเด็กชายที่โตตัวเกือบจะเท่าเธอมาใกล้พร้อมกับลูบหลังลูบไหล่เบาๆ คำว่า ‘น่ากลัว’ ที่เด็กชายนักรบพูดออกมานั้น คงไม่ใช่เพียงกิริยามารยาทที่ลมรำเพยทำ แต่คงหมายรวมถึงถ้อยคำไม่สุภาพที่น้าไม่ควรใช้กับหลานสาวของตัวเองด้วย ซึ่งสิ่งแวดล้อมแบบนี้เด็กชายนักรบไม่มีทางได้พบเจออย่างแน่นอน
“หล้าเขาจะได้เรียนหนังสือแล้วนะลูก รบก็เหมือนกัน ต้องตั้งใจเรียนให้มากนะ โตขึ้นก็ต้องดูแลพ่อดูแลแม่ด้วย แม้พ่อกับแม่เขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ทั้งพ่อและแม่เขารักรบนะลูก หายากนะที่สามีภรรยาแยกทางกันแต่ยังเป็นเพื่อนกันได้ แต่เพราะพ่อธานกับแม่แคทมีรบ ทั้งสองคนรักรบมาก ไม่อยากให้รบโตมาในสภาพแวดล้อมที่พ่อกับแม่ทะเลาะกันทุกวัน การแยกกันอยู่แต่ยังคงเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมันก็เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ก็เหมือนแม่เขาไปทำงานต่างประเทศแหละลูก รบก็ยังได้เจอทั้งพ่อและแม่ และรบก็มีความสุขใช่ไหม”
“ครับอา รบมีความสุขมาก รบมีพ่อ มีแม่ มีคุณย่า มีอาปาน และรบก็มีแกรนด์มัมด้วยนะครับ หึๆ และตอนนี้ก็มีน้องหล้าเพิ่มมาอีกหนึ่งคน”
“จ้า...พี่ชายใจดี แล้วน้องรุ้งล่ะลูก” เด็กชายตัวโตของเธออมยิ้มอย่างมีความสุขยามพูดถึงเด็กหญิงหล้าแต่ก็ต้องหุบยิ้มอย่างเร็วเมื่อนึกถึงเด็กหญิงอีกคน
“รายนั้นนี่รบต้องทำยังไงล่ะครับอาปาน รบเอาตุ๊กตาที่ซื้อฝากยายรุ้งให้น้องหล้าไปแล้ว ถ้ากลับไปไม่มีของฝากมีหวังเธอบ่นไปอีกสิบวันแน่เลยครับ เด็กอะไรไม่รู้พูดมาก...ถ้าพูดน้อยกว่านั้นได้สักครึ่งก็คงจะดีครับ”
เด็กชายนักรบหมายความถึง ‘เด็กหญิงพราวรุ้ง’ ซึ่งพ่อของเธอรับราชการเป็นทหารเหมือนกับพ่อของเขา บ้านพักในกรมที่อยู่ใกล้กันทำให้เด็กหญิงพราวรุ้งสนิทสนมกับพี่ชายคนนี้มากเป็นพิเศษ ซึ่งตอนเป็นเด็กชายตัวน้อย นักรบก็จะดูแลน้องสาวคนนี้และยอมในทุกอย่างที่เธอต้องการ แต่เมื่อเด็กชายตัวน้อยกำลังจะเปลี่ยนเป็นหนุ่มน้อย กับเด็กหญิงตัวเล็กพูดน้อยในวันวานกลับเปลี่ยนเป็นเด็กหญิงวัย 6 ปีที่พูดเก่งมากขึ้น เลยทำให้พี่ชายตัวโตเริ่มจะรำคาญ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กชายนักรบก็ยังคงเอ็นดูน้องสาวตัวน้อยอยู่เหมือนเดิม เพราะไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เขาก็ไม่ลืมซื้อของฝากสำหรับน้องสาวมาด้วยเสมอ
“หึๆ ดูพูดเข้า ไปเถอะกลับบ้านกัน ป่านนี้พ่อกับย่าทานข้าวอิ่มกันแล้วมั้ง เหลือแต่เราสองคนนี่แหละที่ท้องร้องจ๊อกๆ”
“โธ่ อาปาน ช่วยรบคิดเรื่องของฝากยายรุ้งก่อนสิครับ”
“จ้า..เดี๋ยวอาหาให้ รับรองยายรุ้งไม่บ่นรบแน่”
หลานสาวที่นั่งชิดข้างฝาและปล่อยน้ำตาพรั่งพรูไม่ขาดสายทำให้ลมรำเพยยิ่งเดือด อารมณ์ค้างคากับคำสั่งห้ามของปานใจ จนกลายเป็นน้ำมันราดรดลงบนกองไฟของเธอ และยิ่งเห็นหล้าร้องไห้ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัวก็ยิ่งตอกย้ำว่าคนบ้านโน้นคงจะมองเธอเป็นนางแม่มดที่วันๆ เอาแต่ทารุณกรรมหลานสาว โดยเฉพาะคำคาดโทษนั้นมันหมายความว่านับจากนี้ไปเธอจะแตะต้องตัวมันอีกไม่ได้ “แหม... อีนี่! มีคนถือหางเข้าหน่อยทำเป็นสำออย พูดนิดพูดหน่อยน้ำตาร่วงเผาะๆ แล้วนั่นอะไรน่ะ เอามาดูซิ! อีพวกบ้านคนรวยหัวหมอให้อะไรมาล่ะ เอามาดูซิ! ปล่อยสิ! อีนี่ เดี๋ยวกูตบตาย” ลมรำเพยเงื้อมือ แต่เมื่อนึกถึงคำขู่และท่าทางเอาจริงของคุณครูปานใจ ไอ้ที่คิดจะตบตีเหมือนเคยจึงต้องเปลี่ยนมาเป็นกระชากถุงกระดาษในมือเด็กหญิงแทน “น้าลม อย่าเอาของหล้าไป พี่นักรบให้หล้า” เด็กหญิงตัวน้อยอ้อนวอนเสียงสั่น “แหม...อีดอกดิ
“อ้าว! แล้วปานไปบอกแบบนั้น ไม่กลัวนังลมมันไปเอาเรื่องเรอะ” “โธ่! แม่จ๊ะ ทีฟ้ารุ่งเรียกว่าหนูฟ้า ทำไมลมรำเพยแม่ถึงเรียกเขาว่านังลมล่ะจ๊ะ” ปานใจหัวเราะคิกคักไปกับคำเรียกขานที่มารดาใช้เรียกลมรำเพย ส่วนปณิธานที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามได้แต่ยิ้ม “ก็มันควรเรียกแบบนั้นไหมล่ะ แม่นะไม่เคยพบเคยเห็นใครจะรักแรงเกลียดแรงเหมือนนังลมรำเพยมัน นี่คงคิดว่าแก้แค้นแม่เด็กมันไม่ได้ก็เลยมาลงกับเด็กละมั้ง สงสารก็แต่หนูหล้าที่ต้องมาคอยรองรับอารมณ์นังน้าบ้า” นางพิศค้อนใส่เหมือนว่าลมรำเพยมาอยู่ ณ ที่นี้ด้วย “หึๆ แม่นี่ก็ แต่ลมเขาคงไม่กล้าทำอะไรแล้วละค่ะ เพราะถ้าปานรู้ว่าเขาทำอะไรหล้าอีก ปานจะไปแจ้งความจริงๆ ด้วย ปานไม่กลัวเสียชื่อเสียง แล้วก็ไม่กลัวด้วยว่าลมเขาจะมาไม้ไหน เพราะดูป้าเล็กก็อ่อนลงนะคะ เห็นแกนั่งฟังเฉย ไม่พูดอะไรเลยสักคำเลยค่ะ” “ก็แม่บอกแล้วว่ายายเล็กน่ะ
ร่างเล็กที่คู้กายอยู่ภายในมุ้งเก่าคร่ำคร่า สร้างความสะทดสะท้อนจิตใจให้แก่ผู้ที่กำลังแอบมองจากระเบียงห้องครัว ดวงตาฝ้าฟางตามวันเวลาและการกรำงานหนักตลอดหลายปีที่ผ่านมาจ้องมองสิ่งของในมือตัวเอง ก่อนที่หญิงชราผู้เป็นเจ้าดวงตาของจะถอนหายใจเบาๆ ออกมา ยิ่งเข้าไปใกล้ก็ยิ่งเห็นภาพน่ารันทดของร่างเล็กนั้นได้ชัดเจนมากขึ้น กายเล็กที่สั่นสะท้านฮึกฮักแต่ไม่มีเสียงใดลอดผ่านออกมาเลย เพราะความหวาดกลัวและหวาดผวาว่าเสียงคร่ำครวญร้องไห้นั้นอาจนำมาซึ่งโทษที่เด็กเล็กตัวเท่านี้ไม่ควรจะได้รับ ร่างเล็กที่นอนอยู่ภายในมุ้งจึงได้แต่เก็บกลั้นก้อนสะอื้นและร้องไห้อยู่ในความเงียบเท่านั้น “หล้า หล้าเอ๊ย หล้า หลับหรือยัง” “ยะ...ยังจ้ะยาย หล้ายังไม่หลับ” เสียงขานตอบกลั้นสะอื้นยิ่งทำให้ยายเล็กรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น แต่แกก็คงทำได้ดีที่สุด
ภาพเด็กหญิงตัวเล็กๆ กระเตงกระจาดขนมไทยโบราณไม่ว่าจะเป็นข้าวต้มมัด ถั่วแปบ กล้วยบวชชี บัวลอย หรือบางวันอาจจะเป็นขนมต้มขาวต้มแดงมาขาย ดูเหมือนจะชินสายตาชาวบ้านร้านตลาดในย่านนี้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และต่างรู้กันดีว่าบ้านหลังสุดท้ายที่เด็กหญิงตัวน้อยจะไปเยือนคงจะไม่พ้นบ้านของเศรษฐีนีประจำซอย ‘บ้านคุณยายพิศ’ เพราะไม่ว่าขนมจะเหลือมากเหลือน้อย นางก็จะรับซื้อไว้ทั้งหมด จวบจนหกปีผ่านไป มัตติกาหรือเด็กหญิงหล้าหลานยายเล็กที่ทุกคนรู้จัก เด็กน้อยที่มักจะยิ้มอายๆ เวลามาขายขนมและบวกเงินทอนเงินไม่ถูกสักครั้งจนต้องอาศัยคนซื้อช่วยคิดให้ ก็เติบโตขึ้นเป็นเด็กหญิงหน้าตาสะสวยที่กำลังจะก้าวเข้าสู่วัยสาวแรกรุ่น กิริยาเหนียมอายอย่างเคยก็กลับแปรเปลี่ยนเป็นกล้าแกร่ง ไอ้ที่คิดเงินทอนเงินไม่ถูกก็กลายเป็นคล่องปรื๋อ พร้อมที่จะเผชิญโลกในเขตย่านร้านตลาด ที่หากไม่เก่งพอตัวก็คงจะอยู่ได้ยาก “ว่าไงล่ะหล้า ป้าเหมาหมดนี่ยี่สิบได้หรือเปล่า”
ดังนั้นสิ่งที่เธอเผชิญอยู่ก็ไม่ได้เลวร้ายมากนัก เพราะยังมีคนที่รักและปรารถนาดีอยู่หลายคนด้วยกัน ทั้งคุณยายพิศ คุณป้าปานใจที่คอยอบรมสั่งสอนให้เธอรักเรียนและกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ คุณพ่อปณิธานที่ส่งเสียให้เธอได้เรียนหนังสือ และยายเล็กที่แม้ไม่เคยบอกว่ารักแต่เธอก็รู้ว่าทุกสิ่งที่ยายทำยายสอนคือความปรารถนาดี ดังนั้นทุกสิ่งที่ช่วยผ่อนเบางานของยายไม่ว่าจะเป็นงานบ้าน ช่วยทำของขาย หรือแม้ต้องมากระเตงตะกร้าขายขนมช่วงเย็นหลังโรงเรียนเลิกทุกวัน เธอก็ไม่ได้มองว่าเป็นเรื่องลำบากอะไร ขอเพียงช่วยแบ่งเบาภาระความเหนื่อยล้าของยายได้บ้างเธอก็มีความสุขแล้ว จะมีบ้างที่ต้องหลบเลี่ยงไม่ให้เจอหน้าบรรดาน้าสาวน้าชาย น้าชายทั้ง 2 คนนั้นไม่ค่อยได้เจอกันอยู่แล้วเพราะที่สิงสถิตคือบ่อน ส่วนน้าสาวแม้ไม่ได้ทุบตีอย่างเคย แต่คำด่าทอกระทบกระทั่งก็ยังคงมีให้ได้ยิน เธอจึงหลีกเลี่ยงที่จะพบให้มากที่สุด และหากเธอไม่เข้าข้างตัวเองมากไปนัก หลายปีที่ผ่านมานี้เธอก็รู้สึกได้ว่ามันเริ่มน้อยลง ‘น้าลมเขาไม่ได้เกลียดหล้าหรอกนะลูก ถ้าหล้าโตขึ้นจะเข้าใจเอง’
เสียงร้องถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อมือหยาบหนาที่ไม่รู้ว่ามาจากทางไหนตะปบลงบนริมฝีปากที่กำลังร้องประท้วงด้วยความตกใจ เด็กสาวตาลุกโพลงท่ามกลางแสงสลัวที่เริ่มจะหดหายไปทุกที ตะกร้าในมือถูกทิ้งลงเพื่อใช้สองมือดิ้นรนผลักไสคนที่เธอก็ไม่รู้ว่าใคร รู้แต่ว่าร่างผอมเกร็งที่เต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าคละคลุ้งนี้กำลังคิดจะทำบางสิ่งบางอย่างที่เธอพยายามหลีกหนีจากผู้ชายที่ฉวยโอกาสล่วงละเมิดกับเธอตั้งแต่เริ่มจำความได้จนถึงเดี๋ยวนี้ แต่ในเวลานี้คงต้องพึ่งปาฏิหาริย์เพราะสัญชาตญาณที่ร่ำร้องอยู่ในใจมันบอกว่าครั้งนี้มันร้ายแรงกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ร่างอวบอิ่มเกินเด็กอายุ 12 ปี ถูกลากไปที่บ้านร้างด้านข้างที่รกเรื้อไปด้วยต้นไม้ขึ้นสูงปกคลุม บ้านร้างที่เธอมักคิดไปเองว่าคงเป็น ‘บ้านผีสิง’ ประจำซอยแห่งนี้ แต่ในเวลานี้เธอรู้แล้วว่าผีไม่ได้น่ากลัวเฉกเช่นคน เพราะคนที่มีเลือดเนื้อกำลังตั้งใจจะทำร้ายเธอให้ตายทั้งเป็น และหากโชคร้ายอาจได้ตายจริงก็วันนี้ “หึๆ อ
มัตติกาเป็นหญิงสาวที่มีใบหน้าสวยหวาน ดีกรีเป็นถึงดาวมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง สาวงามที่น่าจะไปได้ไกลกว่าบทตัวประกอบ แต่เป็นเพราะการเล่นละครที่แข็งทื่อราวกับท่อนไม้ และการแสดงอารมณ์จริตจะก้านนั้นไม่มีเลย ทำให้เธอยังไปไม่ได้ไกลอย่างที่ควร ถึงอย่างนั้นความสวยก็ทำให้ผู้จัดละครหลายคนยังให้โอกาส และเรื่องนี้ก็เป็นละครหลังข่าวเรื่องแรกของเธอ บทบาทที่ได้รับท้าทายความสามารถทางการแสดง และน่าจะทำให้เธอแจ้งเกิดในวงการบันเทิงได้อย่างสวยงาม เพราะต้องเล่นประกบพระเอกและนางเอกชั้นนำของเมืองไทย ในบทบาทน้องสาวผู้อาภัพของพระเอกที่ต้องถูกตัวโกงข่มขืนจนเสียสติ ไม่ว่าจะพยายามเล่นและทำสมาธิเท่าไรแต่ก็เหมือนว่าเธอจะหลุดและสมาธิแตกซ่านจนระงับไม่อยู่เลยสักครั้ง ซึ่งหากเป็นคนอื่นผู้กำกับแจ๊คคงจะไล่ตะเพิดไปแล้ว แต่นี่เป็นเธอ มัตติกา บราวน์ ดอกไม้ที่เพิ่งเริ่มส่งกลิ่นหอมหวนในวงการ แต่หากมันไม่ได้เรื่องจริงๆ ล่ะ ก็คงเป็นเธอเองที่ต้องพิจารณาตัว ดวงตากลมโตล้อมกรอบไปด้วยแพขนตา
“ไม่ใช่ค่ะ เธอชื่อติ๊ก้า เป็นลูกหม้อคนใหม่ของพี่แจ๊คไงคะ ได้ข่าวว่าพี่แจ๊คหลงเอามากๆ ด้วย แล้ววันนี้น้องเขาใช้ไปกี่เทกแล้วล่ะ ถ้าเป็นดวงมีหวังพี่แจ๊คจวกดวงเละแล้วแหละ” เจ้าของเสียงหวานใสพูดติดตลกอันเป็นลักษณะเฉพาะตัวของกลิกาที่ทำให้คนที่อยู่ใกล้รู้สึกมีความสุข เธอจึงได้ฉายาว่าเป็นดาราสาวที่เฟรนด์ลีที่สุดคนหนึ่งแห่งวงการบันเทิง “หึๆ ใครจะกล้าหือกับดวง แค่นางเอกยอดนิยมรับเล่นพี่แจ๊คก็ตัวลอยแล้ว” “แหม...ขนาดนั้นเชียวหรือคะ แล้วสรุปกี่เทกคะเนี่ย พี่แจ๊คถึงถอดใจแบบนี้” กลิกาสอบถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงขณะหันมองทีมงานละครที่กำลังเซตฉากใหม่ “สิบหก” “สิบหก! เอ่อ...ร้ายแรงกว่าที่ดวงคิดไว้อีกค่ะ เมื่อวานก็สิบสาม คิดว่าวันนี้น่าจะลดลงเสียอีก”&nb
กลิการ้องครวญครางอย่างลืมอายเมื่อเธอถูกจับให้นอนตะแคงข้าง ท่อนขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นสูงพร้อมกับความแกร่งที่แทรกลงมา ทั้งหนักแน่นและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน ไม่ว่าเธอจะร้องครวญครางแค่ไหนเขาก็ไม่หยุด เขายังคงทำต่อราวกับว่าสื่อได้ถึงหัวใจว่าเธอต้องการอีกและก็ต้องการอีกมากยิ่งขึ้น “ดีเหลือเกินค่ะ คุณขา...” “ดีไหมครับคุณนางเอก” “ดีค่ะ ดีที่สุด อืม...” “ชอบไหมครับ” “ชอบค่ะ ดวงชอบ อืม...ดวงชอบ...” แรงกอดรัดอย่างรุนแรงเป็นครั้งที่เท่าไรแล้วเขาก็จำไม่ได้ แต่เธอก็ยังสามารถทำได้อีกอย่างไม่มีทีท่าว่าจะถอย และเขาเองก็จะไม่ยอมถอยเช่นกัน “พอก่อนค่ะพอก่อน...” เสียงร้องว่าพอก่อน แต่เมื่อเขาล้มตัวลงนอนและจับเธอพลิกขึ้นด้านบน กลิกาก็ไม่รอช้าที่จะประจำตำแหน่งซึ่ง มันไม่ได้พอตามปากเธอว่าเลยสักนิด สะโพกผายที่กดกระหน่ำลงมาบนแก่นกายที่ยังคงร้อนแรง เธอทั้งบดเบียดและคลึงเคล้นราวกับคนที่เก็บกดมานานแสนนานและไม่มีทีท่าว่าจะอิ่มจะพอตามพูด มีแต่จะยิ่งมากขึ้นและเพิ่มขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่ “คุณขา...กรี๊ดดดด...”
แขนสองข้างของเธอถูกล็อกไว้กับที่นอนหนานุ่มติดสปริง ในขณะที่ต้นขาเปล่าเปลือยที่เปิดเผยทุกสิ่งทุกอย่างถูกบางสิ่งแทรกกลางอย่างถือวิสาสะ ก่อนที่ริมฝีปากจาบจ้วงร้อนแรงแทรกซึมไปด้วยกลิ่นบุหรี่และแอลกอฮอล์บางเบาจะฉกวาบลงมาอย่างตะกรุมตะกราม กลิกาชะงักเมื่อความรุนแรงและความกักขฬะที่ผู้ชายแปลกหน้ากำลังทำกับเธอมันคือความต้องการอย่างสุดกู่ในเวลานี้ อารมณ์ที่ต้องทนสะกดเก็บเพราะเล้าโลมศิรชัชไม่สำเร็จ เมื่อมาเจอน้ำบ่อหน้าที่เธอแค่มองตาเขาเธอก็รู้ว่ามันคงจะร้อนแรงและอร่อยลิ้นอย่างสุด ยิ่งคิดว่าเขา ‘แปลกหน้า’ ‘ไม่รู้จัก’ อารมณ์แห่งความต้องการและกำลังได้สิ่งแปลกใหม่มาเติมเต็มยิ่งยากที่จะระงับไว้ได้อีก ริมฝีปากร้อนแรงบดขยี้กันและกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้ว่าหมอกจะชะงักไปชั่วครู่กับการตอบโต้ของกลิกา เธอไม่เพียงไม่ดิ้นรนผลักไสอย่างที่ควรจะเป็น แต่เธอกลับเป็นฝ่ายรุกเร้าและสร้างความร้อนแรงให้เขาอย่างถึงใจไม่แพ้กัน ฝ่ามือหยาบใหญ่จึงทำหน้าที่อย่างธรรมชาติจัดสรรในทันที อกอวบอิ่มถูกคลึงเคล้นด้วยความหนักหน่วง ความรุนแรงคงเป็นสิ่งที่เธอต้องการในเวลานี้ ยิ่งแรงเขายิ่งได้ยินเสียงครวญครา
“กรี๊ด...อีติ๊ก้า! กล้าดียังไงมาเรียกกูแบบนี้ อีบ้า! กรี๊ด...” “ภีมค่ะ พี่แชมป์ ติ๊ก้าขอเวลานอกนิดนึงนะคะ” มัตติกายิ้มเพียงนิดเมื่อเห็นภีมพยักหน้างุนงงและเห็นแววตาเปี่ยมไปด้วยความรักจากศิรชัชส่งตรงมาให้ เพราะรู้ว่านั่นคือกำลังใจในสิ่งที่เธอจะทำ “ใครกันแน่ที่หาผัวไม่ได้ ใครกันแน่ที่แย่งผัวคนอื่น แล้วอีบ้า อีหน้าด้านที่มันกล้ามอมยาผู้ชายนี่มันชื่อว่าอะไรนะ อ้อ...ชื่อว่า กลิกา อีกาเอ๋ย อีดวง...เดี๋ยวจะสงเคราะห์โทร. บอกนักข่าวให้รีบมาทำข่าวอีผีเปรตขอส่วนบุญนะคะ เผื่อจะมีใครใจดีแจกยาแก้คันเฉพาะที่ให้น่ะค่ะ เอาสักโหลละกันนะ เผื่อเอาไว้ใช้วันหน้าด้วย เวลาคันมาแล้วหาอะไรเกาไม่ได้จะได้ใช้ยาประทังไปก่อน ดีไหมคะ” บทละครเรื่องใหม่ที่เธอเพิ่งอ่านไปเพียงไม่กี่ตอนถูกนำมาใช้ได้อย่างถูกเวล่ำเวลา มัตติกายิ้มที่มุมปากอย่างเป็นต่อ ถ้าเธอรู้ว่าจะมีเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น สาบานได้ว่าเธอจะทำการบ้านจะอ่านต่อจนจบ เพื่อจะได้ใช้แง่มุมของบทประพันธ์มารับมือกับผู้หญิงอย่างกลิกาให้ถึงพริกถึงขิงไม่แพ้กัน “กรี๊ด...อีบ้า! อีติ๊ก้า! กรี๊ด...” ภีมและม
ฝ่ามือที่ลูบไล้อยู่บนร่างกายของเขามันไม่ต่างจากเหล็กร้อนๆ ที่กำลังนาบแนบลงบนเนื้อ เพราะทุกที่ที่เธอสัมผัส ทุกที่ที่เธอพยายามปลุกเร้า มันกำลังสร้างความเจ็บปวดให้เขาอย่างสุดที่จะทานทนได้ ฝ่ามือหนาพยายามอย่างยากยิ่งที่จะผลักไสเธอให้พ้นไปจากร่าง แต่ก็ดูเหมือนว่ายิ่งผลักไสหรือออกแรงให้มากเพียงใดก็ดูราวว่าเรี่ยวแรงนั้นกลับจะดึงดันตวัดเธอเข้าหามากยิ่งขึ้น เขาอยากไปให้พ้นจากที่นี่แต่ก็ทำไม่ได้เพราะไม่รู้ว่ากลิกาจะเตลิดไปถึงไหนหากไม่ได้ในสิ่งที่เธอต้องการ สิ่งที่เขาทำได้คือควรเก็บไม้เก็บมือตัวเองให้พ้นไปจากเรือนร่างนี้ และซุกร่างลงแนบกับพื้นเพื่อป้องกันการสัมผัสแตะต้อง แต่กลิกาไม่เพียงไม่ให้ความร่วมมือ เธอกลับยิ่งพยายามปลุกเร้าเขา “แชมป์ขา...ดวงรักแชมป์นะคะ...แชมป์...ดวงอยากเป็นของแชมป์...อยากให้แชมป์กอด...อยากให้แชมป์จูบ...อยากให้แชมป์...รัก! รักดวงแรงๆ แรงเท่าที่แชมป์ต้องการ นะคะ...ได้โปรด...ได้โปรดรักดวงนะคะแชมป์ขา..” กลิกานาบเรือนร่างเปล่าเปลือยที่เนื้อตัวพร่างพราวไปด้วยหยาดน้ำลงกับแผ่นหลังของเขา ใช้ทรวงอวบอิ่มถูไถไปมาบนแผ่นหลังเพื่อกระตุ้นอารมณ์ แม้จะมีเสื้อผ้าขวางกั้น
กลิกากรีดร้องและพยายามดิ้นรนให้หลุดออกจากรัศมีของสายน้ำเย็นเฉียบที่ศิรชัชจับเธอนั่งลง ก่อนจะเปิดฝักบัวแรงสุดพร้อมกับฉีดใส่เธอไม่ยั้ง “ดวงอดทนหน่อยนะ มันจะดีขึ้น เราต้องผ่านมันไปให้ได้ เราต้องอดทน” ศิรชัชข่มความตึงเครียดที่มีผลต่อสติยับยั้งชั่งใจของเขาให้ลดน้อยลงทุกที แต่เขาก็ต้องทำ เพราะเขาไม่อยากได้ชื่อว่า ‘กินเพื่อน’ เขาไม่ต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกลิกาเปลี่ยนเป็นอย่างอื่น แม้จะต้องเห็นเธอทุรนทุรายอยู่ท่ามกลางสายน้ำที่เขาฉีดเข้าใส่ก็ตาม ก่อนจะเลี่ยงมาที่ตู้เย็นและเปิดขวดน้ำที่มีอยู่สองขวดกรอกลงคอจนหมด เพราะเขาต้องเร่งให้ปวดปัสสาวะเพื่อเอาสารกระตุ้นพวกนั้นออกมาให้หมด ไม่เช่นนั้นจะเป็นเขาเสียเองที่ทนไม่ได้ แต่ก็ดูว่าสิ่งที่ทำไปมันจะไร้ประโยชน์ ความต้องการที่ถูกจุดขึ้นอย่างเต็มที่ไม่มีทีท่าว่าจะหมดลงไปเลย เพราะเรือนร่างเปล่าเปลือยของกลิกาพร้อมดวงตาท้าทายและฝ่ามือที่ลูบไล้ไปทั้งร่าง มันกำลังกระตุ้นความต้องการของเขาจนแทบจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว.. ห้องพักรายวันยี่สิบสี่ชั่วโมงที่ตั้งอยู่ริมทางเพื่อรอคอยลูกค้าขาจร ขาประจำ หรือลูกค้าท
“แชมป์! ดวง! ทำอะไรกัน นี่มันไม่ใช่สถานที่...” เสียงผู้กำกับแจ๊คร้องลั่นเมื่อเห็นว่านักข่าวกำลังพุ่งเป้ามาทางนี้ แต่เมื่อเห็นกิริยาที่ศิรชัชโอบประคองกลิกา คำพูดต่อว่าจึงต้องหยุดไป “พี่แจ๊ค! มาช่วยผมเร็ว ดวงเขาเมาน่ะครับ” “อ้าว! พี่ก็นึกว่า...แต่เมาอะไรล่ะเนี่ย เห็นดื่มไปแก้วเดียวเท่านั้น” แจ๊คขมวดคิ้วครุ่นคิดเพราะอาการของกลิกาไม่น่าจะใช่คนที่เพิ่งรับเอาแอลกอฮอล์เข้าไปเพียงน้อยนิด รวมทั้งรอยยิ้มเล็กๆ ที่ผุดวาบคลุกเคล้าอยู่กับแผงอกของศิรชัชก็ทำให้เขายิ่งรู้สึกว่าการเมาครั้งนี้คงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน “มานี่แชมป์ พี่พาไปเองดีกว่า แชมป์อยู่ที่นี่แหละ” เขาคงต้องตัดไฟเสียแต่ต้นลม ดีกว่าปล่อยให้มันลุกลามและโหมกระหน่ำมอดไหม้ตามใจคนที่ปรารถนา และแม้เขาอาจจะคิดผิด แต่ก็คงดีกว่าที่คิดถูกแล้วยังปล่อยให้ไฟลุกโชนอย่างไม่คิดจะเข้าไปช่วยดับ ทั้งที่สามารถทำได้ “ผมพาไปเองดีกว่าครับ พี่แจ๊คอยู่ที่นี่ตอบคำถามนักข่าวให้ผมดีกว่า ให้ดวงเขานอนพักสักครู่ก็คงจะดีขึ้น” ศิรชัชตวัดร่างอวบอิ่มของกลิกาขึ้นแนบอก ก่อนจะพาเดินลงบันไดไปยังห้องพักรับรองด้านหลังโด
“อย่างนั้นข่าวที่ว่าคุณแชมป์กำลังซุ่มปลูกต้นรักกับน้องสาวพระเอกนี่เป็นความจริงหรือเปล่าคะ” คำถามทะลุกลางปล้องไม่ไว้หน้านางเอกสาวที่พยายามสร้างกระแสเมื่อครู่สร้างรอยยิ้มกรุ้มกริ่มบนใบหน้าพระเอกของเรื่อง รอยยิ้มปรากฏราวกับว่านี่คือสิ่งที่รอคอย แต่ก่อนที่เขาจะตอบ “แหม ถามแบบนี้ไม่เกรงใจคุณภีมเลยนะคะ ดวงว่าคำถามนี้ไว้รอถามคุณภีมเขาดีกว่า คู่ขวัญคู่ใหม่ด้วยละ งั้นดวงกับแชมป์ขอตัวไปพบพี่จ๋าก่อนนะคะ เดี๋ยวมาสนุกกันใหม่ ตามสบายเลยนะคะทุกคน” ศิรชัชถูกกลิกาลากไปอย่างไม่เต็มใจ แต่ก็เลี่ยงไม่ได้ ดวงตาคมเข้มยังคงจับจ้องที่ใบหน้าจิ้มลิ้มของนักข่าวสาวร่างกะทัดรัด และสัญญาณมือที่เธอทำท่าว่าจะโทร. หาก็ทำให้เขาอมยิ้มพร้อมพยักหน้าว่าเข้าใจ บรรยากาศงานปิดกล้องละครพร้อมทั้งเลี้ยงขอบคุณนักข่าวสายบันเทิงที่ช่วยทำข่าวและโพรโมตละครเรื่องใหม่เป็นไปด้วยความสนุกสนาน ผู้จัด ผู้กำกับ ทีมงาน ดารานักแสดง และนักข่าวหลายสำนักต่างกินเต้นดื่มกันเต็มที่ ปาร์ตี้สนุกอันสุดเหวี่ยงคงมีเพียงเขาคนเดียวที่อารมณ์เสียอย่างสุดๆ ทั้งจากเรื่องที่กลิกาให้สัมภาษณ์ และจากภาพที่เห็นอยู่ด
“ติ๊ก้านี่เขาดังจริงๆ นะครับ พี่จ๋านี่ตาถึงมากเลยนะครับที่ดันน้องดังจนได้” “ดันบ้าอะไรล่ะแจ๊ค นี่ถ้าไม่เกรงใจนังจุ้งตั้งแต่แรก พี่ก็ไม่กล้ารับหรอก เด็กใหม่ไม่ค่อยอยากเสี่ยง แรกๆ ก็เหลวไม่ใช่เหรอ พี่ว่าแจ๊คนั่นแหละเก่งที่เคี่ยวเด็กมันได้ถึงขนาดนี้” จ๋า สาวใหญ่ผู้จัดละครชื่อดังพูดกับผู้กำกับแจ๊ค ขณะมองดูมัตติกาที่อยู่ในวงล้อมของนักข่าวสายบันเทิง และท่าทางตอบคำถามได้น่ารักน่าเอ็นดูนั้นก็ทำให้อดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างปลาบปลื้มออกมา “ผมไม่ได้ทำอะไรเลยครับพี่ ตั้งแต่วันที่เกิดปัญหาเรื่องข่าวที่พี่ให้ผมพักกอง กลับมาอีกทีน้องติ๊ก้าก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเลยครับ จากนางสาวร้อยเทค กลายเป็นว่าแทบจะไม่ต้องเทคเลยนะครับ ดวงเสียอีกที่เทคบ่อยจนน่าแปลกใจ สงสัยได้กำลังใจดี” “กำลังใจ อ้อ นายภีมน่ะเหรอ” “ครับ เอ...แล้วทำไมป่านนี้ถึงยังไม่มา อ้าวโน่น! มาพอดีเลย” ภีมที่หอบกระเช้าดอกมะลิแสนจะน่ารักมามอบให้มัตติกายิ่งทำให้นักข่าวสนใจมากยิ่งขึ้น และเมื่อทั้งคู่ยืนอยู่ด้วยกันก็ไม่ต้องบอกเลยว่างานนี้ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองคู่อย่างแน่นอน คู่หนึ่งนั้นก็คือ ‘ศิรชั
“ตกลงครับ ผมจะให้เวลาพี่แองจี้ แต่หลังจากผมกลับจากเกาหลีผมจะประกาศแต่งงานกับเธอทันที และระหว่างนี้หากมีนักข่าวมาสัมภาษณ์ผม ผมขออนุญาตที่จะบอกว่า เราทั้งคู่กำลังอยู่ในระหว่างศึกษาดูใจกันอยู่นะครับ” ศิรชัชยังไม่วายจะต่อรอง เพราะขอให้มีคนถามเท่านั้นเขาก็จะบอกทั้งหมดและนั่นจะเท่ากับว่าเป็นการตีตราจองมัตติกาและล้อมกรอบเธอจากผู้ชายที่อยากเด็ดดอกไม้ของเขาทุกคน “เฮ้อ! มันก็แค่นี้แหละ ทำไมพูดยากนัก” จุ้งที่เดินกลับมาจากระเบียงด้านนอก เอ่ยพลางส่ายหน้าอ่อนอกอ่อนใจ “นังจุ้ง แกจะพาคุณแชมป์ไปงานตอนกี่ทุ่ม ฉันจะได้โทร. บอกติ๊ก้าให้ไปรอที่นั่นเลย” แองจี้กรอกตาไปมากับความดื้อรั้นของศิรชัช แต่ก็ยอมเปลี่ยนเรื่องพูดเพื่อให้บรรยากาศดีขึ้นกว่านี้ “อ้าว! แล้วแกจะไปไหน” “จะไปเยี่ยมนังพิซซี่มันสักหน่อย จะไปดูด้วยว่าตอนนี้นังดวงตกมันมีแผนการอะไรบ้าง” “เรียกเขาซะเสียยี่ห้อเลยนะครับ” ศิรชัชยิ้มแกนๆ อยากจะแสดงความคิดเห็นให้มากกว่านี้ แต่เป็นเพราะเรื่องที่เขาทำก็ยังร้อนกรุ่นอยู่ หากจะออกแรงปกป้องกลิกาอีกมีหวังว่าสิ่งที่เขาพยายามดื้อแพ่งคงสูญเปล่าอย่างแน่น