เธอมองเขาอย่างขวัญหนีดีฝ่อและมองเพียงครั้งเดียวเท่านั้น สายตาของเธอเบนออกไปอย่างช้า ๆ เธอเดินออกมาจากลิฟต์ แล้วเดินผ่านเขาไป “ฉินอันอัน!” ฝ่ามือใหญ่ของเขาจับเธอไว้แน่น ฝีเท้าของเธอหยุดลง จากนั้นเธอก็ใช้อีกมือฟาดหน้าอกของเขาอย่างแรง “ปล่อยฉันนะ!” เธอตะโกนเสียงแหบแห้ง “คุณปล่อยฉันนะ!” ปฏิกิริยาที่รุนแรงของเธอทำให้เขาปล่อยมือทันที ลูกกระเดือกที่คอของเขาขยับขึ้นลงขณะที่เขามองดูหยดน้ำตาที่ท่วมในดวงตาเธอ “ฉินอันอัน คุณเป็นอะไรไป?” อารมณ์ของเธอย่ำแย่ เขาจินตนาการไม่ออกว่าเธอต้องพบเจอความยากลำบากอะไรถึงเป็นเช่นนี้ เธอมองหน้าเขา ความเจ็บปวดในใจเพิ่มขึ้นทวีคูณ ถ้าตอนนั้นเขาไม่ขอให้หมอใช้ยากับเธอ บางทีลูกของพวกเขาก็จะไม่เป็นแบบนี้ เธออยากจะโทษเขา แต่ว่าเหตุและผลก็ดึงเธอกลับมา โทษเขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร? เขาเองก็ไม่ได้ตั้งใจ “ฟู่สือถิง ห้ามตามฉันมา!” หลังจากที่พูดประโยคนี้ทั้งน้ำตา เธอก็หันหลังแล้วก้าวเท้าจากไป เขามองดูด้านหลังของเธอที่เดินจากไป เขาไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้เลย เขาก้าวเท้าไล่ตามเธอไป! ตอนนี้เอง ประตูลิฟต์ข้าง ๆ ก็เปิดออก ไมค์เดินออกมาเป็นแผนกต้อนรับที่โทรหา
ฟู่สือถิงมองไปด้านนอกบริษัท ฉินอันอันขับรถออกไปแล้ว “งั้นก็… ขอโทษแล้วกัน! ผมนึกว่าคุณทำให้เธอร้องไห้!” ไมค์ดึงแขนเขามาที่ลิฟต์ “ผมจะเลี้ยงน้ำชาคุณเอง! เธอไม่ให้เรารบกวนเธอ ตอนนี้คุณก็ไม่ควรไปกวนเธอ” ฟู่สือถิงขมวดคิ้ว “คุณไม่รู้จริง ๆ เหรอว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ?” ไมค์ “ก็ไม่รู้น่ะสิ! ตอนเช้ามาทำงานก็ปกติ ไม่อย่างนั้นผมจะคิดว่าคุณทำเธอร้องไห้เหรอ?” ฟู่สือถิงตามไมค์เข้ามาในลิฟต์ “ถ้าอย่างนั้นคุณรู้หรือเปล่าว่าเธอได้เงินสองพันล้านมาได้ยังไง?” ฟู่สือถิงถามคำถามนี้ “วันนี้เธอคืนเงินให้ผมสองพันล้าน เท่าที่ผมรู้ บริษัททั้งสองบริษัทของเธอ ตอนนี้ไม่มีทางสร้างระแสเงินสดได้มากขนาดนั้น” ไมค์ถามกลับ “คุณมาหาเธอก็เพื่อถามข้อนี้?” “อืม” “ผมไม่รู้หรอก!” แน่นอนว่าไมค์ไม่มีทางบอกความจริงกับเขา “ตอนนี้เธอไม่ยอมบอกผมตั้งหลายเรื่อง เพราะว่าผมสนิทกับโจวจื่ออี้มากเกินไป เธอรู้สึกว่าผมกลายเป็นคนฝั่งคุณไปแล้ว” ดวงตาที่แหลมคมเหมือนเหยี่ยวของฟู่สือถิงจับจ้องไปที่ใบหน้าของเขา ไม่ขยับไปไหน ไมค์รู้สึกกระสับกระส่ายกับสายตาของเขา จึงบังคับเปลี่ยนเรื่อง “คุณคบกับถังเชี่ยนเพราะตั้งใจให้ฉินอันอันโกรธใ
“คุณฉิน คุณมาคนเดียวเหรอ?” คุณหมอกล่าว “เดี๋ยวคุณต้องอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการอีกสองชั่วโมง คุณโทรเรียกคนในครอบครัวมาเถอะ!” ถ้าแม่ยังอยู่ เธอคงโทรเรียกแม่เธอเปิดดูรายชื่อผู้ติดต่อ ในที่สุดก็กดหมายเลขหลีเสี่ยวเถียน หลีเสี่ยวเถียนได้ยินว่าเธออยู่โรงพยาบาล หลังจากถามว่าโรงพยาบาลไหนและแผนกไหนจนชัดเจนแล้วก็รีบมาทันที สองชั่วโมงต่อมา หลีเสี่ยวเถียนก็ส่งเธอกลับบ้าน เนื่องจากสภาพจิตใจของฉินอันอันไม่ดีนัก ดังนั้นหลีเสี่ยวเถียนจึงไม่รบกวนเธอมากเกินไป เมื่อขับรถออกมาจากสตาร์ริเวอร์ ยิ่งคิดหลีเสี่ยวเถียนก็ยิ่งโกรธ ถึงแม้ว่าฉินอันอันจะไม่ได้บอกเธอว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอเดาได้ว่าเด็กจะต้องไม่ค่อยดีแน่ ๆ เด็กไม่ใช่ลูกของฉินอันอันคนเดียว แล้วทำไมตอนนี้ถึงเป็นฉินอันอันที่ต้องทนทุกข์ แล้วมีแต่ฟู่สือถิงที่ดูเหมือนสบายดี? มันไม่ยุติธรรม เธอหาหมายเลขโทรศัพท์ของฟู่สือถิงเจอแล้วก็ต่อสายโทรศัพท์ดังอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีคนรับสาย หลังจากที่ระบบตัดสายอัตโนมัติแล้ว เธอก็หาหมายเลขโทรศัพท์ของโจวจื่ออี้แล้วโทรไป แล้วสายเชื่อมต่ออย่างรวดเร็ว “โจวจื่ออี้ ตอนนี้ฟู่สือถิงอยู่ที่ไหน? ฉันมีธุระก
“วันนี้เขายุ่งมาก ไม่มีเวลารับสายหรอก” พนักงาน “ก็ได้! คุณผู้หญิงรอก่อน ผมจะไปตามคนรับเรื่องมา” ต่อมาประมาณสองนาที พนักงานก็มาพร้อมกับถังเชี่ยน ถังเชี่ยนมองเห็นหลีเสี่ยวเถียน “คุณมาหาสือถิงทำไม? วันนี้เขาไม่ว่าง” “มันก็แค่กิจกรรมไม่สำคัญไม่ใช่หรือไง? หรือว่าไม่มีเขา กิจกรรมนี้จะจัดต่อไปไม่ได้เลย?” หลีเสี่ยวเถียนล้อว่า “หรือว่าเขาไม่มีเวลากระทั่งจะดื่มน้ำ? เวลาเข้าห้องน้ำก็ไม่มีเหรอ?” ถังเชี่ยนเผชิญหน้ากับความเย่อหยิ่งของเธอก็ไม่ได้ยอมแพ้ “หลีเสี่ยวเถียน คุณมีธุระอะไรกันแน่? ดูจากความสัมพันธ์อันดีของสามีคุณกับสือถิงแล้ว ฉันบอกต่อให้คุณได้” “ฉันไม่จำเป็นต้องให้คุณไปบอกต่อ! คุณแค่ปล่อยให้ฉันเข้าไป ฉันพูดกับเขาไม่กี่คำก็จะไปเลย!” หลีเสี่ยวเถียนพูดด้วยความโกรธ “ถ้าเป็นโอกาสปกติ ฉันปล่อยให้คุณเข้าไปได้ แต่วันนี้มีคนสำคัญมาจำนวนมาก ฉันปล่อยให้คุณเข้าไปตามใจไม่ได้” ถังชี่ยนกล่าว “ถ้าคุณไม่อยากให้ฉันบอกต่อ งั้นก็ช่างเถอะ ฉันเองก็ยุ่งมาก ไม่มีเวลาอยู่กับคุณที่นี่หรอกนะ” ถังเชี่ยนเดาได้ว่าหลีเสี่ยวเถียนจะต้องมาหาฟู่สือถิงเพราะเรื่องฉินอันอัน ดังนั้นแน่นอนอยู่แล้วว่าเธอปล่อยหลีเส
หลีเสี่ยวเถียนปิดแก้มที่เจ็บของเธอ แล้วมึนงงไปทั้งร่าง! สิ่งที่ทำให้เธอไม่คาดคิดก็คือ วินาทีต่อมาฟู่สือถิงพูดกับเธอคำหนึ่ง “ไสหัวไป!” หลีเสี่ยวเถียนใช้ชีวิตราวกับเจ้าหญิงมายี่สิบว่าปี ไม่เคยมีใครแตะต้องใบหน้าของเธอ ไม่เคยมีใครพูดว่า ‘ไสหัวไป’ กับเธอมาก่อน! เธอมีอารมณ์ร้อน ไม่ได้หมายความเธอแข็งแกร่งอะไรเธอปิดหน้าแล้วร้องไห้วิ่งออกไป! ฟู่สือถิงมองด้านหลังของเธอจากไป นิ้วมือของเขากำแน่น เขานึกภาพออกเลยว่า ฉินอันอันจะโกรธมาขนาดไหน ถ้าหลีเสี่ยวเถียนบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่มีทางให้ย้อนกลับ ถ้าต้องทำอีกครั้ง เขาก็ยังจะให้บทเรียนกับหลีเสี่ยวเถียน! ผู้หญิงคนนี้ ไม่รู้ความเกินไปจริง ๆ ไม่เพียงแต่จะพูดจาไม่มีขอบเขต พฤติกรรมยังอวดดีเกินไปอีกด้วย! ถึงแม้ว่าถังเชี่ยนจะเป็นเพียงผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเขา แต่นอกเหนือจากสถานะนี้ เธอยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลถังด้วย! ไม่ว่ายังไงก็ตา หลีเสี่ยวเถียนไม่ควรล่วงเกินถังเชี่ยนในที่สาธารณะ......หลีเสี่ยวเถียนร้องไห้ออกมาจากโรงแรม หลังจากขึ้นรถแล้ว เธอขับรถไปถึงถนนสายหลัก จากนั้นก็กดหมายเลขของเฮ่อจุ
ฟู่สือถิงเงียบไปสองสามวินาทีแล้วถามว่า “เธอบอกเรื่องนี้กับฉินอันอันหรือยัง?” เฮ่อจุ่นจือ “ไม่หรอกครับ เธอไม่ควรบอกเรื่องนี้กับฉินอันอันตอนนี้” “ทำไม?” ฟู่สือถิงอยากรู้ว่าทำไมหลีเสี่ยวเถียนถึงมาหาเขาวันนี้ เธอมีธุระอะไร เฮ่อจุ่นจือลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดตามความจริง “วันนี้เสี่ยวเถียนไปหาพี่เพื่อบอกพี่ว่าลูกของพี่กับฉินอันอันอาจจะมีบางอย่างผิดปกติครับ วันนี้เธอไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนฉินอันอันมา” ลูกกระเดือกฟู่สือถิงขยับขึ้นลง แสงในดวงตาของเขาหรี่ลงไปเล็กน้อย “อาจเป็นเพราะเรื่องนี้ส่งผลต่ออารมณ์ของเธอ ดังนั้นเธอถึงได้ร้อนใจไปหาพี่” เฮ่อจุ่นจือปกป้องหลีเสี่ยวเถียน “เสี่ยวเถียนไม่ได้เลวร้ายนะครับ” ฟู่สือถิงกล่างเสียงแหบพร่า “ฉันเข้าใจแล้ว”เขาวางสาย ลูกมีปัญหา…ลูกของพวกเขามีปัญหาจริง ๆ แต่ว่าฉินอันอันกลับไม่บอกให้เขารู้ ถ้าหลีเสี่ยวเถียนไม่มาหาเขา เธอจะไม่บอกอะไรเขาเลยใช่ไหม? ฟู่สือถิงหัวใจคมราวกับมีด เขาเดินไปทางประตูห้องจัดเลี้ยงราวกับเป็นซอมบี้“สือถิง งานเลี้ยงอาหารค่ำกำลังจะเริ่มแล้ว คุณจะไปไหนคะ?” ถังเชี่ยนก้าวเท้ายาว ๆ มาหาเขาแล้วจับแขนของเขาไว้ เขาสะบัดมือเธอ
“ผมมีสิทธิ์รู้!” ดวงตาทั้งสองของเขาแดงก่ำ เขากล่าวโทษ “ถึงคุณจะไม่ยอม แต่คุณลบความจริงที่ว่าผมเป็นพ่อของลูกคุณไม่ได้!” ฉินอันอันพูดอย่างไม่ทุกข์ร้อน “ตอนนี้คุณยังไม่รู้เรื่องเลยสินะ?” “ที่จริงผมรู้แล้ว แต่เป็นคุณที่ไม่บอกผม!” เขาเรียกร้อง “เอารายงานผลการตรวจของเด็กมาให้ผมดู!” “ไม่มีรายงานผลการตรวจ” เธอรู้สึกเจ็บข้อมืออย่างมากจากการบีบของเขา ดังนั้นเธอเลยยื่นมืออกมาแล้วงัดนิ้วของเขาออก “คุณปล่อยฉันนะ!” “ทำไมถึงไม่มีผลรายงานการตรวจ?!” เขาคลายมือออกแต่ไม่ได้ปล่อยมือออกทั้งหมด ฝ่ามือใหญ่ของเขาขยับไปบนข้อมือของเธอ ยังคงจับเธอเอาไว้แน่น “การตรวจที่ประเทศบีเรียบร้อยแล้ว พวกเขาแค่ส่งข้อความมาให้ฉันเท่านั้น” เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามของเขา เธอไม่สามารถโกหกได้ “ให้ผมดูข้อความหน่อย!” เขาค่อย ๆ กดดัน ถ้าวันนี้ไม่เอาข้อความให้เขาดู เขาไม่มีทางยอมแพ้ ตอนนี้เอง ไมค์และเด็กสองคนเดินออกมาจากห้องกินข้าวและมองเห็นฟู่สือถิง “เขามาทำอะไรที่นี่คะ?” รุ่ยลากระซิบ ไมค์ “แม่ของเธอร้องไห้เมื่อเช้านี้ แต่ไม่รู้ว่าทำไม…” เสี่ยวหานขมวดคิ้ว “เกิดอะไรขึ้นกับแม่ของผมเหรอ?” ไมค์ยักไหล่ “ไม่รู้สิ!
“เวลาสั้น ๆ แค่สิบวัน คุณหาเงินได้สองพันล้านงั้นเหรอ? คุณบอกผมสิว่าหามาได้ยังไง” เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอเลย ดังนั้นพอเธอถอย เขาก็ไล่ตาม เขาบีบเธอจนไปถึงขอบเตียง “คุณสนใจว่าฉันหาเงินยังไงงั้นเหรอ? คุณสนใจแค่ลูกก็พอแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์มายุ่งกับฉัน!” เธอผลักหน้าอกเขา “ผมสนใจคุณก็คือสนใจลูก!” ตัวของเขายังคงนิ่งไม่ขยับ ดวงตาลึกลงกว่าเดิม “ตราบใดที่เด็กอยู่ในท้องของคุณ ผมมีสิทธิ์สนใจคุณ!” ฉินอันอันรู้สึกว่ามันน่าขำ แต่เธอก็ไม่มีเหตุผลที่ดีกว่ามาคัดค้าน “ฉันรักษาโรคให้คนป่วย แล้วเขาก็ให้ค่าตอบแทนมา” เธอไม่ได้โกหก สองพันล้านนี้เป็นค่าตอบแทนที่ฟู่สือถิงมอบให้เสิ่นอวี๋ อย่างไรก็ตาม เสิ่นอวี๋ไม่ใช่คนที่ทำการรักษาให้อิ๋นอิ๋น เพราะเสิ่นอวี๋ขอให้เธอมา เงินก้อนนี้ เธอได้มาโดยชอบธรรม “ใคร?” เขาเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งกับคำพูดของเธอ “ใครให้ค่าตอบแทนคุณสูงขนาดนี้?!” “คุณมีสิทธิ์ให้ค่าตอบแทนสูงขนาดนี้กับเสิ่นอวี๋ แต่คนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้ค่าตอบแทนฉันสูงขนาดนี้หรือไง? หรือว่าคุณยอมรับไม่ได้ว่ามีคนอื่นที่รวยเหมือนคุณ?” ฉินอันอันประชดเขา “ผู้ชายที่คิดแต่ว่าตัวเองแน่อยู่คนเดียว!” “ฉิน
ฉินอันอันที่นอนหลับเต็มอิ่มรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า แต่เพราะสายเรียกเข้านี้ทำให้ใจของเธอร้อนรนอีกครั้งหลังจากวางสายแล้ว เธอก็ได้รับที่อยู่ของมหาวิทยาลัยชิงซานที่รองประธานส่งมาต่อจากนี้เธอต้องจองตั๋วเครื่องบินแล้วรีบไปให้ทันขณะที่เธอกำลังเปิดแอปจองตั๋วเครื่องบินอยู่ จู่ ๆ หน้าจอโทรศัพท์ก็เด้งขึ้นมาเป็นโปรแกรมนาฬิกาปลุก ทำให้เธอเกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งเธอเอามือปิดหน้าอก หายใจเข้าลึก ๆทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย?แค่การฝึกอบรมครั้งเดียว ถึงจะไปสายหน่อยก็ไม่เห็นเป็นไรสมัยเรียนเธอก็ไปสายตั้งบ่อย นี่เธอไม่ได้เป็นนักศึกษาแล้วนี่นาแถมนี่ก็ไม่ใช่การฝึกอบรมที่เธอสมัครเอง แค่ตอบตกลงว่าจะไปก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว ทำไมต้องทำให้ตัวเองเครียดขนาดนี้ด้วย?คิดได้ดังนั้น เธอก็ล้มตัวนอนลงบนเตียง ตั้งใจจะนอนต่อสักหน่อยเธอเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความหาหลีเสี่ยวเถียน : เสี่ยวเถียน ฉันต้องออกไปธุระไกล ๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์ถึงจะกลับ สองวันนี้หลังจากที่ไปพบจิตแพทย์แล้ว อย่าลืมมาบอกฉันด้วยนะตอนนี้ยังเช้ามาก เธอคิดว่าหลีเสี่ยวเถียนคงยังนอนอยู่ ดังนั้นหลังจากส่งข้อความเสร็จแล้ว เธอก็วางโทรศัพท์ลง
“อันอัน คุณคงเหนื่อยมากเลย!” ป้าจางพูดกับเธอ “ฉันมาบอกคุณว่า ของขวัญที่เสี่ยวหานและรุ่ยลาได้รับวันนี้ ฉันเอาไปเก็บไว้ที่โกดังชั้นหนึ่งแล้วนะคะ”“ค่ะ พรุ่งนี้ฉันค่อยไปจัดการ” ฉินอันอันลูบศีรษะทุยของจื่อชิวเบา ๆ “ลูกรัก วันนี้สนุกไหมจ๊ะ? พอครบหนึ่งขวบเมื่อไหร่ แม่จะจัดงานวันเกิดให้ลูกนะ”ป้าจางพูดด้วยรอยยิ้ม “เวลาผ่านไปเร็วจริง ๆ แป๊บเดียวจื่อชิวก็ครึ่งขวบแล้ว!”“ค่ะ”“อันอัน รีบกลับห้องไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะ! พรุ่งนี้ต้องกลับไปทำงานแล้ว!” ป้าจางเตือนฉินอันอันพยักหน้าแล้วเดินไปที่ห้อง เธอตั้งใจจะอาบน้ำก่อนนอน แต่พอเข้าไปในห้อง เตียงนอนขนาดใหญ่ดูเหมือนจะมีเวทมนตร์ดึงดูดเธอเธอมองไปที่เตียงแล้วล้มตัวนอนลง ตั้งใจจะพักสักหน่อย พอมีแรงแล้วค่อยลุกไปอาบน้ำ แต่หลังจากนอนลงไม่นาน เธอก็นอนหลับสนิทปกติแล้วเธอมีนิสัยชอบฝันร้าย ไม่ว่าจะพยายามปรับยังไงก็ปรับไม่ได้ ภาพที่เธอฝันถึงบ่อยที่สุดก็มีอยู่ไม่กี่อย่างอย่างแรกคือตอนที่พ่อเสียชีวิต พ่อจับมือเธออยู่ในห้อง ขอโทษเธอและขอให้เธอให้อภัย ก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร พ่อก็สิ้นใจไปเสียก่อน กลายเป็นความเสียใจตลอดชีวิตของเธออย่างที่สองคือแม่ประสบอุบั
ตลอดชีวิตที่ผ่านมา อวิ๋นซื่อเจี๋ยไม่เคยกลัวอะไรเลยแต่ตอนนี้ เมื่อเขาเห็นใบหน้าเย็นชาและดุร้ายของฟู่สือถิง เขากลับรู้สึกกลัวเป็นครั้งแรก!รู้สึกว่าถ้าเขาทำให้ฟู่สือถิงโกรธมากขึ้นไปอีก เขาคงถูกทุบตีจนตายอยู่ที่นี่แน่ ๆคำพูดที่กำลังจะหลุดออกมาจากปากถูกกลืนลงไปอย่างยากลำบากเขาทำพลาดไป! ประเมินอารมณ์ของฟู่สือถิงผิดถนัด! เขาไม่ควรมาที่นี่อย่างประมาทเช่นนี้ตอนนี้เขาอยากแค่หนีรอดออกไปให้ได้“ป้าหง! กระดูกซี่โครงผมหัก! รีบโทรเรียกรถพยาบาลให้ผมหน่อย!” เขาไม่กล้าพูดกับฟู่สือถิง จึงตะโกนเรียกป้าหงเสียงดังป้าหงเห็นเขาเลือดอาบ นอนอยู่บนพื้นและกระตุกเกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ด้วยความตกใจ เธอรีบคว้าโทรศัพท์เพื่อโทรแจ้งเหตุฉุกเฉิน“ป้าหง อย่าใจอ่อนกับพวกกากเดนประเภทนี้!” ฟู่สือถิงตะโกนห้ามป้าหงได้สติกลับคืนมาทันที “คุณผู้ชาย สั่งให้บอดี้การ์ดจับเขาโยนออกไปเถอะค่ะ! ต่อไปนี้ฉันจะไม่ให้เขาก้าวเข้ามาในบ้านอีกเด็ดขาด!”ฟู่สือถิงส่งสัญญาณให้บอดี้การ์ด บอดี้การ์ดจึงคว้าแขนอวิ๋นซื่อเจี๋ยแล้วลากเขาออกไปฟู่สือถิงมองดูสภาพที่ยับเยินของอวิ๋นซื่อเจี๋ย สั่งบอดี้การ์ดเสียงเย็นเยียบว่า “เอาตัวไปทิ้งให้ไ
เพื่อนร่วมงานได้รับข้อความแล้วตอบกลับทันทีว่า “ทราบแล้วเปลี่ยน! ลงมือเลย!”ประมาณห้านาทีต่อมา เสียงต่อยตีและเสียงร้องโหยหวนของผู้ชายดังมาจากนอกบ้าน!ป้าหงได้ยินเสียงดังนั้นจึงรีบวิ่งออกมาดูเห็นบอดี้การ์ดสองคนกำลังทำร้ายร่างกายผู้ชายคนหนึ่ง จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? คนคนนี้เป็นใคร?”“ป้าหง คนคนนี้แหละคือนักถ้ำมองเมื่อคืน! เขาทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อยู่แถวกำแพง ถึงแม้เขาไม่ได้คิดจะทำเรื่องไม่ดี แต่ก็ต้องจัดการเขาซะ!” บอดี้การ์ดคนหนึ่งหยุดมือ แล้วอธิบายให้ป้าหงฟัง “ไม่งั้นเขาจะมาทุกวัน เจ้านายต้องไม่พอใจแน่ ๆ”“อ้อ…” ป้าหงมองดูชายวัยกลางคนคนนั้นที่กำลังนอนอยู่บนพื้นอย่างระมัดระวัง“ป้าหง จำผมได้ไหม?” ชายวัยกลางคนคนนั้นเงยหน้าขึ้น สะบัดผมที่หน้าผากออก ดวงตาที่เฉียบคมและแดงก่ำจ้องมองป้าหงอย่างตรงไปตรงมาบอดี้การ์ดได้ยินชายวัยกลางคนคนนั้นพูดกับป้าหง จึงหยุดทำร้ายเขาทันทีคนคนนี้รู้จักกับป้าหงงั้นเหรอ? ถ้ารู้จักป้าหงทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก?“คุณคือ…” แสงสลัวทำให้ป้าหงมองใบหน้าของเขาไม่ชัด จึงจำไม่ได้เลยแม้แต่น้อย“คุณอาจจะจำผมไม่ได้ ผมเคยทำงานที่บ้านเดิมกับคุณ” อวิ๋นซื่อเจี๋ยยิ้มแล้วลุกขึ้นจ
ฟู่สือถิงจ้องมองภาพถ่ายของชายวัยกลางคนอีกครั้ง แต่จนแล้วจนเล่าก็ยังไม่เข้าใจเขาไม่เคยเห็นคนคนนี้มาก่อนอาจเป็นไปได้ว่าชายคนนี้มีปัญหาทางจิต จึงมาปรากฏตัวอยู่ใกล้บ้านเขาเมื่อคืนแล้วฉีกยิ้มใส่ฟู่สือถิงขยำกระดาษทิ้งลงถังขยะ เดินเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็วแล้วปิดประตูในครัว ป้าหงเห็นฟู่สือถิงขึ้นไปชั้นบนแล้ว จึงรีบโทรหาป้าจาง“ได้ยินว่าคุณผู้ชายกับจิ้นซือเหนียนทะเลาะกัน” ป้าจางกล่าว “แต่ไม่ใช่เขาที่เริ่มก่อน ทะเลาะกันเสร็จแล้วทั้งคู่ก็แยกย้ายกันไป”ป้าหง “อ๋อ มิน่าล่ะถึงได้กลับมาเร็วขนาดนี้”“คุณผู้ชายอารมณ์เป็นยังไงบ้าง?” ป้าจางถามด้วยความเป็นห่วง“ไม่ค่อยดี แต่ก็ยังพอถูไถ” ป้าหงถามต่อ “วันนี้เขาอยู่กับลูก ๆ แล้วเป็นยังไงบ้าง?”ป้าจางหัวเราะทางโทรศัพท์ “วันนี้เขาไม่ได้อยู่คลุกคลีกับเด็ก ๆ หรอก เขาคอยต้อนรับแขกในงานทั้งวัน อันอันเป็นคนกำชับให้เขาคอยอยู่กับแขก”ป้าหงหน้าแดง “ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะดูใกล้ชิดกันมากขึ้นนะ”“ใช่! ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว หวังว่าต่อไปจะไม่ทะเลาะกันอีก” ป้าจางพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่งั้นลูก ๆ ทั้งสามคนคงน่าสงสารมาก”“อืม ฉั
ฉินอันอันรู้ดีว่าฟู่สือถิงและจิ้นซือเหนียนมีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นเมื่อเห็นทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกัน เธอจึงรู้สึกแปลก ๆ“ไม่ได้คุยอะไรกันหรอก” ฟู่สือถิงมองจิ้นซือเหนียนอย่างเย็นชา ตอบฉินอันอัน “จิ้นซือเหนียนแค่เป็นห่วงความสุขของคุณ เลยเตือนผมให้ออกกำลังกายมากขึ้นหน่อย”“พวกคุณนี่ลามกกันจริง ๆ!” ฉินอันอันหน้าแดง เดินหนีไปด้วยความโกรธจิ้นซือเหนียนเห็นฉินอันอันโกรธ ความสงบสุขบนใบหน้าของเขาก็หายไป “ฟู่สือถิง คุณนี่มันไร้ยางอายจริงๆ!”ฟู่สือถิงพูดอย่างไม่รีบร้อน “ผมว่าคุณนั่นแหละที่ไร้ยางอาย ผู้ชายจะไหวหรือไม่ไหว ไม่ได้อยู่ที่ปาก ไม่ต้องทำมาเป็นห่วงหรอกว่าผมจะไหวหรือไม่ไหว รีบไปหาผู้หญิงสักคนมาพิสูจน์ว่าคุณไม่ได้ด้อยเรื่องนี้ให้ได้ก่อนเถอะ”จิ้นซือเหนียนโกรธจนเดินหนีไปดื้อ ๆ!“คุณตายแน่” ไมค์พูดกับฟู่สือถิง “เดี๋ยวถ้ารุ่ยลารู้ว่าคุณทำให้จิ้นซือเหนียนโกรธ เธอก็จะพาลมาโกรธคุณอีก!”ฟู่สือถิงปวดหัวทันทีเขาไม่สามารถตามจิ้นซือเหนียนกลับมาได้แต่เขาก็ไม่อยากทำให้รุ่ยลาโกรธ“ผมมีวิธีหนึ่ง” ไมค์คิดแผนขึ้นมาทันที “คุณกลับไปก่อน แบบนี้รุ่ยลาก็จะไม่โกรธคุณ”ฟู่สือถิงขมวดคิ้วเข
“คุยอะไร ตอนนี้ไม่สะดวกคุยเหรอ?” เธอโพล่งถามออกไป ทั้งที่ในใจรู้ดีอยู่แล้วความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับเขานั้นได้คลี่คลายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องการคุยก็คือการขอโอกาสอีกครั้งจากเธอครั้งก่อนเธอปฏิเสธเขาไปอย่างสุภาพ ตอนนี้เธอก็ยังไม่สามารถตอบตกลงได้ไม่ใช่ว่าเธอเกลียดเขา แต่เธอรู้สึกว่าตัวเองยังไม่หนักแน่นพออีกทั้งตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็ดีอยู่แล้ว ต่างคนต่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน ไม่ได้สนิทสนมหรือห่างเหินเกินไป แบบนี้ก็ดีอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?“คุยตอนนี้คงไม่ได้ผลหรอก” เพียงแค่ดูสีหน้าของเธอก็เดาได้แล้วว่าเธอคิดอะไรอยู่“คุณคิดว่าพอกลับมาจากต่างเมือง พอคุยกันแล้วจะได้ผลเหรอ?” ฉินอันอันถามอย่างไม่เข้าใจ “คุณจะไปนานแค่ไหน?”“หนึ่งอาทิตย์”“อ๋อ งั้นอีกหนึ่งอาทิตย์ค่อยว่ากันใหม่!” เธอก้มหน้าลง มองไปที่มือของเขาที่กำลังจับแขนเธออยู่ “คุณเพิ่งเล่นไพ่เสร็จ ยังไม่รีบไปล้างมืออีก?”เธอรู้สึกว่ามือเขาสกปรกเขาอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะดึงเธอไปที่ห้องน้ำ “งั้นเราไปล้างมือด้วยกัน!”ทั้งสองคนเดินผ่านห้องจัดเลี้ยงไปท่ามกลางสายตาของผู้คนมากมาย“คุณสังเกตไหมว่าวันนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาสองค
เสี่ยวตง “พ่อเธอยังไม่มาอีกเหรอ?”รุ่ยลา “มาแล้ว! ตอนนี้ก็ยังอยู่ในห้องจัดเลี้ยง!”เสี่ยวตงขมวดคิ้ว มองไปรอบ ๆ“พ่อเธอคนไหนล่ะ? ทำไมเขาไม่เห็นมาเล่นกับพวกเธอเลย? เขาขี้เกียจทำงานใช่ไหม? เลยทำให้แม่เธอไม่ยอมคบกับเขา และทำให้พวกเธอไม่ชอบเขาด้วยใช่ไหม?” เสี่ยวตงคิดไปเรื่อยเปื่อยรุ่ยลาตกใจ แต่เธอก็ไม่ยอมบอกความจริงกับเสี่ยวตง “พ่อฉันเปล่าขี้เกียจทำงานซะหน่อย! ฉันไม่บอกหรอกว่าพ่อเป็นใคร พี่บอกว่าพี่เก่งกว่าพี่ชาย งั้นพี่ก็ไปหาเองสิ!”ไมค์หัวเราะ “เสี่ยวตง ทำไมเธอดูอยากรู้จังเลยล่ะว่าพ่อของเสี่ยวหานกับรุ่ยลาเป็นใคร?”เสี่ยวตง “ผมก็แค่อยากรู้! แม่ผมบอกว่าพ่อของเสี่ยวหานก็คือฟู่สือถิง แต่พ่อผมบอกว่าไม่ใช่ พวกเขาทะเลาะกันเรื่องนี้หลายครั้งแล้ว”ไมค์หัวเราะจนท้องคัดท้องแข็ง “งั้นเธอเชื่อแม่หรือว่าเชื่อพ่อล่ะ?”“ผมเชื่อพ่อ เพราะพ่อผมดีกับผมมากกว่า” เสี่ยวตงพูดอย่างมั่นใจ “ถ้าพ่อของเสี่ยวหานเป็นฟู่สือถิงจริง ๆ เสี่ยวหานคงไม่เมินพ่อของเขาแบบนั้นแน่! ฟู่สือถิงน่ะเก่งมากเลย! เขาเป็นไอดอลของผม!”เสี่ยวหานได้ยินที่เสี่ยวตงพูดก็ไม่สนใจที่จะโต้เถียง เดินออกไปเงียบ ๆไม่นาน เสียงเปียโนอันไพเราะ
เสียงหัวเราะดังขึ้นจากกลุ่มคนรอบข้าง “ผู้ช่วยของคุณฟู่ไปเอาเงินสดมาแล้วล่ะครับ ดูเหมือนวันนี้คุณฟู่จะตั้งใจจะทุ่มสุดตัวเลยนะ!” ทุกคนหัวเราะคิกคักใบหน้าของฉินอันอันขึ้นสีเล็กน้อย ไม่คิดว่าฟู่สือถิงจะพยายามขนาดนี้เพื่อสร้างความบันเทิงกับแขก“พวกคุณอย่าเล่นกันจริงจังเกินไปนะคะ” เธอเตือน“อันอัน เพิ่งเริ่มเองนะ คุณก็เริ่มห่วงกระเป๋าเงินของคุณฟู่แล้วเหรอ?” เสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้งฟู่สือถิงมองเธอด้วยแววตาสนใจ แล้วถามว่า “หรือว่าคุณจะมานั่งข้าง ๆ คอยเป็นที่ปรึกษาให้ผมดีล่ะ?”ฉินอันอันหลบสายตาที่ลึกซึ้งของเขา แล้วพูดกับคนอื่น ๆ ว่า “พวกคุณเล่นกันเต็มที่เลยค่ะ ไม่ต้องไว้หน้าเขาหรอก”พูดจบเธอก็อุ้มลูกเดินออกไปเฮ่อจุ่นจือถือจานอาหารเดินมาจากโซนบุฟเฟ่ต์“อันอัน อย่าห่วงพี่สือถิงเลย เขาไม่ล้มละลายหรอก”ฉินอันอันแก้ตัวเสียงแข็ง “ฉันไม่ได้ห่วงเขา”“แล้วทำไมเมื่อกี้พวกเขาถึงหัวเราะกันเสียงดังขนาดนั้นล่ะ?” เฮ่อจุ่นจือพูดแทงใจดำเธออย่างไม่ไว้หน้า “เมื่อกี้หลีเสี่ยวเถียนพูดอะไรกับคุณตอนอยู่ข้างนอกบ้างเหรอ? หรือว่าพูดถึงเรื่องเมื่อคืนของพวกเรา?”เฮ่อจุ่นจือรู้สึกอายเล็กน้อยเกี่ยวกับเรื่อง