วิไลพิลาศลักษณ์นั่งต่อหน้าฉันพร้อมกับแฟ้มเอกสารสมัครงานตำแหน่งวิศวกรที่มีคนเคยมาสมัครเอาไว้
“คนมาสมัครก็เยอะนี่ ทำไมตำแหน่งนี้ยังว่าง” ฉันถามลูกน้องสาววัยไล่ๆ กับฉันด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ
“คนที่มาสมัครแต่ละคนไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยค่ะ บางคนก็พึ่งจบใหม่แต่ระบุเงินเดือนเหมือนตัวเองทำงานมาสิบปี แบบนี้ก็ไม่ไหว” เธออธิบายให้ฉันฟัง เหตุผลมันก็พอได้แต่ว่าฉันรู้สึกไม่เข้าหู
“จบใหม่แล้วไง เราก็มีฝ่ายบุคคลไว้ทำไม การฝึกอบรมพนักงาน จัดอบรมความรู้และทักษะงานมันหน้าที่ฝ่ายเธอไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าไม่ให้เขาลองทำงานดูจะมีประสบการณ์ได้ยังไง” ฉันพูดเสียงเรียบแล้วค้นใบสมัครงานจนเจอใบสมัครของปอน
ฉันเลือกใบสมัครมาห้าคนแล้วยื่นให้เธอ “โทรนัดสัมภาษณ์ ฉันจะสัมภาษณ์พวกเขามาทำงานเอง”
“ค่ะบอส” เธอรับปากแล้วรีบเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจเหมือนตัวเองถูกฉันก้าวก่ายการคัดเลือกใบสมัคร
ฉันนั่งยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็รับสายจากนักสืบเอกชนที่ฉันจ้างให้ไปสืบประวัติเขา คนที่ฉันสนใจทุ่มแค่ไหนก็ไม่หวั่น
จะว่าไปแล้วตอนแรกฉันไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มานี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็พยายามยับยั้งใจเอาไว้แล้ว
“ว่าไง” ฉันถามปลายสายเสียงเรียบ
“เขาอยู่ในครอบครัวที่มีฐานะครับ พ่อแม่แยกทางกันก็เลยแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวที่คอนโดที่กู้ซื้อเองแต่ว่าเงินที่ใช้ในการผ่อนเป็นเงินที่พ่อกับแม่ช่วยกันผ่อนให้ ทำงานเป็นพนักงานขายที่ร้านวัสดุก่อสร้างที่...”
“พอ ฉันอยากรู้เรื่องผู้หญิงของเขา” ฉันไม่ได้ฟังในสิ่งที่นักสืบบอก เพราะเขาพูดตรงกับที่ปอนเล่าและอยากรู้เรื่องส่วนตัวของเขามากกว่า
“เขาทำงานเสริมเป็นหนุ่มบาร์โฮส ปกติรับงานชงเหล้าและนั่งคุย ไม่ค่อยออกไปกับลูกค้าง่ายๆ ครับ เหมือนเพื่อนร่วมงานบอกว่าเขาชอบไปกับลูกค้าอยู่รายหนึ่งที่มาติดพันเขา และดูเหมือนว่าเขาจะรู้สึกกับเธอเกินกว่าลูกค้า เพราะหลังจากที่รับงานจากเธอก็ไม่รับงานเที่ยวกับใครอีกครับ จะให้ผมสืบประวัติผู้หญิงมาให้ด้วยหรือเปล่า” นักสืบเอกชนถามหวังเงินเพิ่มจากฉัน ซึ่งฉันรู้อยู่แล้วว่าหมายถึงตัวเองทำไมจะต้องจ้างให้วุ่นวาย
“ไม่ต้อง จบการติดตามแค่นี้”
“เดี๋ยวผมจะส่งเอกสารไปที่ออฟฟิศคุณ พร้อมกับรายละเอียดการโอนเงินนะครับ” เขาบอกอย่างสุภาพและเป็นมืออาชีพ
“ค่ะ ถ้ายังไงฉันจะโอนเงินให้” ฉันวางสายไปพร้อมกับยิ้มกริ่มที่ประวัติเขานั้นขาวสะอาดแถมยังเหมือนว่าจะชอบฉันด้วยสิ
---------------------
การสัมภาษณ์งานทั้งสี่คนผ่านไปตามลำดับ ฉันเก็บปอนไว้เป็นคนสุดท้ายแล้วให้เลขานุการเชิญเขาเข้ามา
พอปอนเข้ามาเขาก็ตกใจเล็กน้อยที่ฉันเป็นคนสัมภาษณ์งานเขา จากนั้นฉันก็ผายมือให้เขานั่งแล้วเซ็นเอกสารอนุมัติให้เขาเข้ามาเริ่มงานที่บริษัท
“นี่จะไม่สัมภาษณ์อะไรผมก่อนเหรอครับพี่..เอ่อ ท่านประธาน” เขาถามด้วยความสุภาพแล้วก้มหน้าเล็กน้อย
“อยู่กับพี่สองคนเรียกพี่ตามปกติเถอะ” ฉันบอกแล้วเดินไปล็อกประตูห้อง ก่อนจะมายืนข้างหลังเขาแล้วเอามือวางที่ไหล่
“อีกสี่คนพี่ก็รับมาทำงานหมด ให้ไปประจำที่สาขาต่างๆ ส่วนปอนพี่รับไว้ทำงานที่สำนักงานใหญ่ให้อยู่ใกล้กับพี่แบบนี้ดีไหม” ฉันถามเขาเสียงเบาแล้วลูบที่ไหล่ลงมาที่ต้นแขน
“ผมไม่อยากใช้เส้น” เขาบอกเสียงเบา
“เส้นที่ไหน พี่รับหมดทั้งห้าคน บริษัทเราต้องการคนจบใหม่ไฟแรงมาทำงานด้วย” ฉันพูดแล้วเดินไปนั่งที่เก้าอี้ประธาน แล้วปลดกระดุมเสื้อออกมองเขาอย่างเชิญชวน
“โดยเฉพาะปอน พี่อยากให้เลิกทำงานนั้น แล้วมาทำงานให้พี่คนเดียว” ฉันบอกเขาแล้วกระดิกนิ้วให้มาหา
ปอนส่ายหน้าเบาๆ แล้วปลดเข็มขัดให้คลายออกเดินเข้ามาหาฉันแล้วยืนตรงหน้า ฉันยิ้มอย่างรู้ทันแล้วรูดซิปคว้าท่อนลำของเขามารูดรั้งจนขยายเต็มมือ ก่อนจะใช้ลิ้นละเลงเลียไปรอบๆ ปลายหัวหยักแล้วอมมันอย่างหลงใหล
“พี่ดิว อยากได้ผมขนาดนั้นเหรอครับ รู้หรือเปล่าว่าผมเองก็ชอบพี่..ชอบมากกว่าใครๆ จนอยากรับงานพี่คนเดียว” เขาบอกเสียงพร่าต่ำ เชื่อแล้วว่ามันไม่ใช่ประโยคเอาใจแต่ว่าฉันรู้ว่าฉันเองก็คงเผลอปล่อยเสน่ห์ให้เขาหลงด้วยเช่นกัน
เขาดันตัวฉันออกแล้วดึงให้ลุกขึ้นจูบแลกลิ้นกับเขาโดยไม่รังเกียจว่าปากฉันพึ่งผ่านอะไรมา ถลกกระโปรงฉันขึ้นมากองไว้ที่เอวแล้วดันฉันให้ค้ำโต๊ะทำงานพร้อมกับเกี่ยวแพนตี้ลงมากองที่เข่า
ปอนถอดกางเกงลงไปแล้วสอดใส่เข้ามาจนมิดด้าม กระแทกเข้ามาถี่รัว มือก็เอื้อมมาขยำหน้าอกเร่งเร้าความปรารถนาของฉัน
บรรยากาศในห้องทำงานที่มีคนอยู่ด้านนอกและลีลาการซอยของปอนทำให้ฉันตื่นเต้นและเสียวมากกว่าเดิมเป็นหลายเท่าตัว ปิ่มว่าจะถึงจุดหมายอยู่ไม่หยุด
สวบ สวบ สวบ! ท่อนเนื้อเบียดกับกลีบกุหลาบแล้วเบียดสีจนเกิดเสียง พร้อมๆ กับน้ำรักที่ฉ่ำแคมทั้งสองข้าง
“เอาสดพี่เสียวมากเลยปอน”
“ผมก็เสียวมากครับพี่ดิว ซี๊ด ต่อไปนี้ผมจะได้เอาพี่ดิวบ่อยๆ แล้วใช่ไหมครับ” เขาถามเสียงกระเส่าแล้วเร่งสะโพกซอยเข้ามาอย่างดุดัน
“ทุกที่ ทุกเวลาที่ปอนต้องการพี่ และที่พี่ต้องการปอน อ๊าส์ ซี๊ด” ฉันบอกเขาเสียงกระเส่า รับแรงกระทำด้วยความสุขสม
ปอนกัดฟันกระแทกเข้ามารัวๆ จากด้านหลัง มือบีบหน้าอกฉันแล้วบี้เม็ดจุกตุ่มไตจนมันแข็งขืน
“จะแตกแล้ว อื้อ ปอน แรงอีก” ฉันบอกเขาเสียงพร่าต่ำ
ตับ ตับ ตับ! ปอนกระแทกเข้ามาอย่างไม่ยั้ง จนเกิดเสียงเนื้อตีกันดังต่อเนื่องสยิวหู
“อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ แตกแล้ว อ๊าส์..” ฉันร้องเสียงหลงเมื่อถึงจุดหมาย
ปอนซอยเข้ามารัวๆ แล้วเขาก็กระแทกตอกอัดเข้ามาเต็มแรงแล้วถึงจุดหมายตามฉันมา ถอนแท่งร้อนออกแล้วรีบพ่นมันใส่มือของตัวเองแล้วรีบดึงทิชชูมาเช็ดออกไป
เรามองหน้ากันแล้วหัวเราะที่ทำอะไรห่ามๆ แบบนี้ในห้องทำงานในวันสัมภาษณ์งานของเขา
“พี่ดิวลงทุนมากนะครับ”
“แล้วอย่าทำให้พี่ขาดทุนก็แล้วกัน พี่ชอบปอนนะ”
“ผมก็ชอบพี่ดิวนะครับ ดีใจนะที่เราจะได้เจอกันทุกวันแบบนี้” เขาหน้าแดงแล้วอมยิ้ม ถ้าไม่มีใจปฏิกิริยาแบบนี้คงไม่แสดงออกมาหรอก
แต่ก็ไม่อยากเข้าข้างตัวเองมากไปเพราะอาชีพที่เขาเคยทำและจุดประสงค์เขาที่ต้องการเงิน แม้จะแอบคิดเข้าข้างตัวเองลึกๆ ว่าเขาชอบเธอเช่นกันตามที่นักสืบบอกก็ตาม
---------------------
หมู่บ้านบัวงามเป็นหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกล คนที่จะผ่านหมู่บ้านนี้ส่วนมากจึงเป็นนักเดินทางหรือนักท่องเที่ยว ที่มาแวะชมสระบัวก่อนจะเดินทางไปเที่ยวชมป่าที่มีลานกางเต็นท์ชมวิวที่อยู่ลึกเข้าไปใกล้กับเขตป่าสงวนนักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปสระบัวแล้วก็ผ่านหมู่บ้านไปเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้อยู่บ่อยครั้ง แต่นักท่องเที่ยวที่จะมาพักที่หมู่บ้านนั้นไม่ค่อยมีให้เห็น“ผมอยากพักทำสารคดีที่หมู่บ้านนี้พอจะมีห้องเช่าหรือโฮมสเตย์หรือเปล่าครับ”ประโยคนั้นทำให้หลายคนมองเขาด้วยความสนใจ เป็นเวลานานหลายเดือนแล้วที่หมู่บ้านไม่มีนักท่องเที่ยวมาขอพักจึงทำให้ชาวบ้านตื่นเต้นมาก“มีจ้า เรามีโฮมสเตย์ให้พักอยู่กับชาวบ้าน” หญิงวัยกลางคนพูดแล้วเดินพาหนุ่มหล่อจากเมืองกรุงไปที่ทำการผู้ใหญ่บ้านเมื่อไปถึง ‘คเชนทร์’ ก็ยกมือไหว้ทักทายผู้ใหญ่บ้านและภรรยา คนที่พามาก็แนะนำเขาให้ทั้งคู่รู้จัก“นี่นักท่องเที่ยว เขาจะมาพักที่หมู่บ้านเพื่อทำสารคดี” หญิงวัยกลางคนที่ชอบใส่ใจเรื่องของคนอื่นบอกแล้วนั่งรอฟังไม่ยอมไปไหนผู้ใหญ่บ้านมองหน้าภรรยาแล้วพยักหน้าให้อย่างรู้กัน จากนั้นเธอก็เดินไปหยิบสมุดที่พักมาให้แก่ผู้ใหญ่บ้านเพื่อดูว่าตอนนี้ถึงครา
“เริ่มเลยสิจ๊ะ ฉันอยากได้แล้ว” เธอบอกเสียงกระเส่า นั่งพิงประตูรถแล้วแยกขาออกกว้างอย่างยั่วยวนเขาลุกขึ้นมองกลีบบัวสีหวานที่ฉ่ำน้ำนั้นอย่างชอบใจ ยื่นปลายนิ้วไปคลึงเม็ดเต่งตึงที่ถูกกลีบสวาทห่อหุ้มเอาไว้แล้วสบตาเธอไปด้วยอย่างคนที่หื่นกระหาย“กดนิ้วหนักๆ เลยจ้ะ อ๊าส์ เสียวจัง ซี๊ด” เธอครางเสียงเบา หลับตาพริ้มด้วยความสุขจากปลายนิ้วหนาที่บดคลึงอย่างหนักเน้น“บงกชสวยมาก สวยจนผมอดใจไม่ไหว” ริมฝีปากของเขาเลื่อนไปจูบไซ้ที่ซอกคอระหงของเธอ แล้วเลื่อนริมฝีปากผ่าวร้อนไปจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม“มันเสียวและร้อนไปทั้งตัวเลย อ๊าส์” เธอครางบอกเขาขณะที่อีกฝ่ายเลื่อนจูบไปที่เนินอกแล้วดูดเม้มปลายจุกอย่างบ้าคลั่งคเชนทร์ดูดจุกสีหวานนั้นอย่างมูมมาม ปลายนิ้วยังคงทำหน้าที่บดขยี้ความเสียวให้แก่หญิงสาวจนบงกชครางลั่นรถ“อยากเสียวหรือเปล่า พร้อมจะโดนเอารึยัง” เขาถามเสียงพร่าแล้วดูดเนินอกขาวเนียนนั้นจนเกิดรอยจ้ำสีกุหลาบช้ำ“อยากโดนเอาแล้ว ซี๊ด อยากโดนอะไรที่ใหญ่กว่านิ้ว และแข็งกว่าลิ้น” หญิงสาวกัดฟันพูดอย่างกลัดมัน แอ่นสะโพกรับปลายนิ้วที่ละเลงรัวเข้ามาไม่หยุด“ขึ้นมาขย่มเองสิครับ” เขากระซิบข้างหูเสียงเบาขอให้เธอเ
คเชนทร์ขับรถไปส่งบงกชที่บ้าน ระหว่างทางเธอปฏิเสธการรับผิดชอบจากเขาเพราะไม่อยากอับอายชาวบ้านที่ตนเองชิงสุกก่อนห่ามก่อนที่จะเดินทางไปยังบ้านยายแก้วที่บงกชชี้ให้ดู ชายหนุ่มกลับไปที่สระบัวงามอีกครั้ง แล้วใช้ถุงพลาสติกสวมมืออย่างระมัดระวังตักน้ำใสสระบรรจุใส่ขวดแก้วเตรียมจะไปส่งตรวจที่ศูนย์วิจัยที่เพื่อนของตนทำงานอยู่ไม่ใช่ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดของบงกช หรือลบหลู่ทั้งๆ ที่เจอมากับตัวแล้ว แต่เพราะอยากได้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ในการอ้างอิงสิ่งที่เขาจะใส่ในสารคดีรถของชายหนุ่มมาจอดที่บ้านของยายแก้ว หญิงวัยหกสิบสองที่ยังดูแข็งแรงอยู่ จากนั้นหญิงสาววัยใกล้เคียงกับบงกชก็ออกมาต้อนรับเขาด้วยอาหารมื้อเย็นพร้อมกับผลไม้ที่แกะไว้ให้พร้อมรับประทาน“ฉันชื่อเกล้านะจ๊ะคุณ นี่เป็นรายละเอียดของโฮมสเตย์แห่งนี้ค่ะ” เธอแนะนำตัวด้วยท่าทางที่สดใส จากนั้นก็นำใบรายการราคาและกฎระเบียบการพักให้แก่เขาอ่าน“ครับ ผมคเชนทร์นะครับ เรียกว่าช้างก็ได้” เขาพูดอย่างเป็นกันเอง แม้รู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อยกับท่าทางอ่อยนิดๆ ของอีกฝ่ายแต่ก็ต้องเป็นผู้พักอาศัยตามมารยาท“ห้องนอนคุณช้างอยู่ชั้นสองด้านซ้ายมือนะคะ ห้องน้ำถ้าชอบแบบบรรยากาศชนบท
ในตอนสายบงกชเดินออกมาหน้าบ้านก็พบว่าคเชนทร์นั่งคุยกับบิดาของเธออยู่ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม“บงกชมาพอดี เมื่อคืนบ้านยายแก้วเกิดเรื่องเลยให้คุณเขามานอนที่บ้านเรา เอ็งไปเตรียมห้องรับแขกให้ที” ผู้ใหญ่บ้านบอกลูกสาวแล้วยิ้มอย่างพอใจบงกชมองดูเหล้ายี่ห้อต่างประเทศในมือของบิดาก็พอรู้แล้วว่าถูกคเชนทร์ซื้อตัวไปเสียแล้ว“จ้ะพ่อ” เธอตอบรับแล้วขึ้นไปทำความสะอาดและจัดห้องนอนให้เขาผู้ใหญ่มองตามสายตาของคเชนทร์ก็พอรู้ว่าชื่นชอบลูกสาวของตน แต่ชายหนุ่มจากเมืองกรุงแบบนี้ไม่รู้จะไว้ใจได้ขนาดไหน“ลูกสาวข้าไม่ใช่ของเล่นให้ใครมาเล่นทิ้งๆ ขว้างๆ หรอกนะพ่อหนุ่ม” เขาพูดลอยๆ ขึ้นมา“ผมก็ไม่ได้คิดจะเล่นครับ” พูดจบเขาก็เปิดกระเป๋าล้วงนามบัตรให้แก่ผู้ใหญ่“พ่อแม่ผมเปิดร้านขายอาหารครับ ส่วนผมทำงานกับสำนักพิมพ์รับผิดชอบคอลัมน์สารคดีท่องเที่ยวแนวประวัติท้องถิ่น ฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าแต่ก็ไม่มีหนี้สินใดๆ หากบงกชยอมเปิดใจให้ผม ผมจะให้พ่อแม่มาสู่ขอและพาไปอยู่ที่บ้านด้วย” เขาพูดออกมาตามตรงก่อนหน้านี้ไม่ได้รักแต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีด้วยมาก และความเป็นสุภาพบุรุษก็ทำให้เขาทอดทิ้งเธอไม่ได้“บ๊ะ! ไอ้นี่มันเข้าท่าเว้ย เอ
ครบสัปดาห์แล้วที่คเชนทร์ไปจากหมู่บ้านสระบัวงามแล้วยังไม่ได้ติดต่อกลับมา บงกชรู้สึกร้อนใจและเศร้ากับคำสัญญาที่เลือนรางของตนผู้ใหญ่และภรรยามองบุตรสาวของตนเองที่ซึมลงมาในหลายวันมานี้ สงสัยว่าหนุ่มจากเมืองกรุงจะคว้าหัวใจอีกฝ่ายไปได้สำเร็จเสียแล้วแต่ยังไม่ทันที่จะคิดเกินเลยว่าถูกเขาทอดทิ้ง รถคันคุ้นตาก็วิ่งมาจอดที่หน้าบ้านพร้อมกับคเชนทร์และพ่อแม่ของเขาที่ลงมาจากรถเขากลับไปเพื่อเอาน้ำในขวดไปตรวจในช่วงที่ยังมีฤทธิ์อยู่ ตรวจพบสารอะไรบางอย่างที่ไม่เคยมีใครค้นพบ พบจะตรวจซ้ำก็เหมือนว่าสารนั้นจะหายไปเพราะเลยกำหนดเจ็ดวันแล้ว“ผมกลับมาตามสัญญาแล้วนะครับ” เขาบอกพ่อผู้ใหญ่แต่สายตานั้นสบตาหวานเชื่อมกับบงกชไม่หยุดช่วงเวลาที่ห่างเธอไปไม่คิดว่าเขาจะคิดถึงเธอและรู้หัวใจตัวเองว่ารักหญิงสาวอ่อนหวานที่ร่านรักคนนี้เสียแล้ว“พี่ผู้ใหญ่คงต้องผูกแขนให้เข้าหอตามสัญญาแล้วล่ะจ้ะ” ผู้เป็นภรรยาพูดแล้วปิดปากอมยิ้มกับใบหน้าเคร่งเครียดของสามี“พวกเราเตรียมสินสอดมาพร้อมแล้วนะคะ วันนี้ก็ดูฤกษ์ยามมาแล้ว แต่งวันนี้เลยก็ได้ พานบายศรีก็พร้อมแล้วจ้ะ” มารดาของคเชนทร์พูดเสียงนุ่มจากนั้นรถกระบะก็ขับเข้ามาจอดแล้วยกหม้อข้าวหม้
งานแต่งงานที่กำลังจะมาถึงของเพื่อนคนที่สามในกลุ่ม ทำให้ ‘รตี’ สมาชิกคนที่สี่กลายเป็นคนสุดท้ายในกลุ่มที่ยังโสดอยู่“พวกแกต้องมาเป็นเพื่อนเจ้าสาวให้ฉัน โดยเฉพาะแก...รตี งานนี้ฉันตั้งใจจะโยนช่อดอกไม้เจ้าสาวให้แก” เอมอรซึ่งเป็นว่าที่เจ้าสาวพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจังแล้วยิ้มให้เพื่อนรักคนเดียวที่ยังโสดอยู่“ยังไงรตีมันก็ไปแน่ งานแต่งฉันก็ฟาดเพื่อนเจ้าบ่าวไปสองคน งานแกมีเหรอว่ามันจะพลาด” สุพิตพูดขึ้นแล้วพยักหน้าให้แก่ฤดีอย่างรู้ทัน เพราะรตีเป็นแม่เสือสาวนักล่าเพื่อนเจ้าบ่าว“พอเลย พวกแก แต่งงานหนีฉันไปก่อนแบบนี้ไม่ให้เหงาไปเอากับเพื่อนเจ้าบ่าวหล่อได้ยังไง” สาวโสดคนสุดท้ายพูดแล้วกอดอกทำหน้างอง้ำ เพราะทุกคนบอกจะโสดไปด้วยกันจนอายุสามสิบแต่กลับทยอยแต่งงานกันไปจนหมด“โอเค งั้นงานนี้ฉันยกเพื่อนเจ้าบ่าวให้แก่หมดเลยสามคน ญาติของเจ้าบ่าวฉันมาเป็นเพื่อนเจ้าบ่าวให้ งานนี้แกอิ่มแบบจุกๆ แน่” เอมอรบอกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยจริตที่เย้าแหย่“แล้วนี่ทำไมแต่งกะทันหันจัง เดือนหน้าเนี่ยนะ” ฤดีหันไปถามว่าที่เจ้าสาว แล้วมองดูการ์ดเชิญที่เพื่อนรักนำมาให้“เจ้าบ่าวฉันเป็นเศรษฐีบ้านนอกน่ะ เขาต้องแต่งงานตามคำทำนายอ
ชายหนุ่มวัยสามสิบหกลุกนั่งที่ปลายเตียง สายตาคมกริบมองดูรตีที่เดินนวยนาดออกมาจากห้องน้ำด้วยแววตาที่หื่นกระหายเธอลดตัวนั่งคุกเข่าแล้วให้เธอใช้รูดท่อนเอ็นนั้นขึ้นลง ใช้ปลายลิ้นแตะเลียไปรอบๆ ปลายลำแล้วอมมันเข้าไปอย่างดูดดื่มมือหนาขยุ้มกลุ่มผมนุ่มของเธอแล้วกดโยกเข้าหาท่อนเอ็นให้เข้าไปลึกในโพรงปาก หญิงสาวจับท่อนลำเอาไว้เพื่อไม่ให้เขาดันเข้าไปลึกกว่านี้เพราะโก่งคอรับความยาวนั้นไม่ไหว“อ๊าส์ ดีมาก อ๊าส์ ซี๊ด มีแฮงคัก อ๊าส์” เขาครางอย่างชอบใจ กัดฟันแล้วสูดปากครางออกมาเสียงหลงภาษาถิ่นจากริมฝีปากของหนุ่มหล่อทำให้หญิงสาวยิ่งเกิดความปรารถนา เธอคายท่อนเนื้อนั้นออกแล้วขึ้นไปนั่งตักเขาแล้วเริ่มขย่มให้แก่เขาในท่านั่งหันหลังให้ภูผาจูบแผ่นหลังของเธอแล้วสูดกลิ่นหอมจากน้ำหอมราคาแพง มือทั้งสองขยำเต้าอวบที่ด้านหน้าใช้นิ้วขยี้เม็ดยอดอกไปด้วยอย่างมันเขี้ยวรตีขย่มลงไปด้วยลีลาที่ยั่วยวนและเร่าร้อน ครางกระเส่าอย่างออกรสคลอไปกับเสียงเนื้อที่เสียดสีกันดังสวบๆ ตามจังหวะที่เธอบดกลีบสวาทเสียดสีกับท่อนเนื้ออุ่นที่อวบยาวนั้น“คุณรตีขย่มเก่งมากเลยครับ ผมไม่เคยเจอใครขย่มเก่งเท่านี้มาก่อน” ภูผาออกปากชมเธอไม่หยุด ชื่น
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล
วิไลพิลาศลักษณ์นั่งต่อหน้าฉันพร้อมกับแฟ้มเอกสารสมัครงานตำแหน่งวิศวกรที่มีคนเคยมาสมัครเอาไว้“คนมาสมัครก็เยอะนี่ ทำไมตำแหน่งนี้ยังว่าง” ฉันถามลูกน้องสาววัยไล่ๆ กับฉันด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ“คนที่มาสมัครแต่ละคนไม่มีประสบการณ์ทำงานเลยค่ะ บางคนก็พึ่งจบใหม่แต่ระบุเงินเดือนเหมือนตัวเองทำงานมาสิบปี แบบนี้ก็ไม่ไหว” เธออธิบายให้ฉันฟัง เหตุผลมันก็พอได้แต่ว่าฉันรู้สึกไม่เข้าหู“จบใหม่แล้วไง เราก็มีฝ่ายบุคคลไว้ทำไม การฝึกอบรมพนักงาน จัดอบรมความรู้และทักษะงานมันหน้าที่ฝ่ายเธอไม่ใช่เหรอ แล้วถ้าไม่ให้เขาลองทำงานดูจะมีประสบการณ์ได้ยังไง” ฉันพูดเสียงเรียบแล้วค้นใบสมัครงานจนเจอใบสมัครของปอนฉันเลือกใบสมัครมาห้าคนแล้วยื่นให้เธอ “โทรนัดสัมภาษณ์ ฉันจะสัมภาษณ์พวกเขามาทำงานเอง”“ค่ะบอส” เธอรับปากแล้วรีบเดินออกไปด้วยสีหน้าที่ดูไม่พอใจเหมือนตัวเองถูกฉันก้าวก่ายการคัดเลือกใบสมัครฉันนั่งยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นก็รับสายจากนักสืบเอกชนที่ฉันจ้างให้ไปสืบประวัติเขา คนที่ฉันสนใจทุ่มแค่ไหนก็ไม่หวั่นจะว่าไปแล้วตอนแรกฉันไม่สนใจเขาด้วยซ้ำ แต่หลังๆ มานี่หลงจนโงหัวไม่ขึ้นทั้งๆ ที่ตัวเองก็พยายามยับยั้งใจเอาไว้แล้ว“ว่าไง” ฉ
ปอนแต่งตัวในชุดธรรมดาแล้วไม่ได้เซ็ทผมอย่างตอนที่อยู่ในบาร์โฮส เขาดูหล่อและหน้าเด็กลงมากจนฉันรู้สึกเขินตัวเองในวัยสามสิบแปดปีเขาไม่อายเลยที่จะเดินจับมือฉันเดินในห้างสรรพสินค้าแบบนี้“ทำไมถึงมาทำงานนี้ล่ะ” ฉันตัดสินใจถามเขา อยากรู้ว่าเขาจะเล่าเรื่องได้น่าสงสารและรันทดมากแค่ไหน เพราะส่วนใหญ่มันต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว“ผมอยากได้เงินมาใช้จ่ายอย่างสะดวกสบายครับ งานประจำที่ทำอยู่เงินเดือนหมื่นต้นๆ อยากได้อะไรก็ลำบาก”“อืม แล้วครอบครัวปอนล่ะ เขาไม่ช่วยเหลือเหรอ”“พ่อแม่ผมพวกท่านก็หย่าร้างแยกย้ายกันไปมีครอบครัวใหม่ครับ พ่อก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย แม่ก็อยากได้ผมไปอยู่ด้วย ผมไม่อยากเลือกให้อีกฝ่ายต้องน้อยใจเลยตัดสินใจไม่เลือกอยู่กับใคร พ่อกับแม่ส่งเงินมาให้ทุกเดือนผมก็เอาเงินพวกนั้นจ่ายค่าผ่อนคอนโดไป” เขาบอกเรื่องราวที่ผิดคาดไปมากฉันได้แต่อมยิ้ม ไม่คิดเลยว่าเขาจะเล่าเรื่องจริงออกมาแบบนี้ คิดว่าจะแต่งเรื่องให้ฉันต้องสงสารเขาเสียอีก“แล้วทำงานที่นั่นเป็นยังไงบ้าง” ฉันถามเขาต่อเพื่อหาเรื่องชวนคุย“ก็เรื่อยๆ ครับ ส่วนใหญ่จะนั่งชงเครื่องดื่มรับทิป จะมีแขกพาขึ้นห้องหรือออกไปข้างนอกบ้างก็นานๆ ทีครับ พี่
คืนนี้ฉันไปที่แท่งทอง69 ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอคนรู้จักซึ่งเธอเป็นคนที่เคยเป็นคู่แข่งงานประมูลโครงการก่อสร้างกับฉันเมื่อเดือนที่แล้วเจ๊หญิงวัยสามสิบแปดเท่ากับฉันเธอนั่งอยู่โต๊ะข้างๆ แล้วยิ้มมองฉันด้วยรอยยิ้มที่เหยียดยิ้มนิดๆ คงคิดจะบอกเป็นนัยๆ ว่าจะแข่งกับฉันในการประมูลหนุ่มๆ ป้ายทองแน่ๆการเดินแบบโชว์ตัวของบาร์โฮสหนุ่มๆ ผ่านไป ฉันเลือกปอนมานั่งเอาใจฉันเช่นเดียวกับเธอที่เลือกหนุ่มโฮสคนหนึ่งมานั่งข้างกาย“ลูกค้าคนนั้นมาบ่อยไหม” ฉันถามปอนแล้วพยักพเยิดไปทางเจ๊หญิง“มาบ่อยครับ แต่ส่วนใหญ่จะมาวันธรรมดา มีครั้งนี้ที่มาวันเสาร์” ปอนตอบฉันแล้วรินเครื่องดื่มพร้อมกับช่วยป้อนฉันอย่างเอาใจสายตาของเราสองคนมองกันอย่างไม่มีใครยอมใคร แล้วเธอก็เหมือนจะท้าทายฉันโดยการชี้ไปยังตัวท็อปที่เต้นอยู่บนเวที“คืนนี้พี่จะประมูลหนุ่มโฮสบนเวทีแข่งกับเธอ” ฉันบอกปอนทำให้เขาลดยิ้มลงเล็กน้อย แต่ก็คงขัดฉันไม่ได้“อย่ากังวลไปหน่อยเลย คนที่จะขึ้นเตียงกับพี่ในคืนนี้ยังไงก็เป็นปอน” ฉันกระซิบบอกเขา เอาใจเด็กหนุ่มให้รู้ว่าฉันติดใจเขามากแค่ไหนหนุ่มโฮสหลักพันกับหลักหมื่นจะแตกต่างกันมากแค่ไหนเชียว ต่างก็แค่หน้าตาและราคาเท่าน
หลังจากวันนั้นฉันก็ถวิลหาแต่รสสวาทของหนุ่มโฮสไม่หยุด ก่อนที่เราจะจากกันฉันถามชื่อเขาเอาไว้แล้ว และนัดแนะว่าคืนวันเสาร์นี้ฉันจะไปที่ร้านและไปเจอเขาฉันโทรชวนมิวให้ไปด้วย แต่เพราะว่าเธอติดธุระด่วนของที่บ้านจึงไม่ได้ไปด้วย ค่ำคืนนี้จึงมีแต่ฉันคนเดียวที่ไปเที่ยวตามลำพังฐานะการเงินของฉันอยู่ในระดับที่ดี ทั้งฉันและมิวผลัดกันเลี้ยงมื้อค่ำและเลี้ยงเครื่องดื่มกันอยู่บ่อยครั้ง ครั้งนี้ยังไม่ได้เลี้ยงเด็กโฮสเธอกลับก็คิดว่าจะเอาไว้วันหน้า คราวนี้ฉันขอไปเองตามนัดก่อนไม่อยากให้ ‘น้องปอน’ รอนานพอไปถึงฉันก็นั่งโต๊ะหน้าสุด แล้วมองดูปอนเดินไปมารอบเวที เขาเห็นฉันแล้วส่งยิ้มให้ พอเดินเสร็จฉันก็รีบเลือกเขาทันทีก่อนคนอื่นจะคว้าไป“สวัสดีครับพี่ดิว” เขาทักทายฉันเสียงนุ่ม แล้วเดินมานั่งข้างๆ มือวางไว้ที่ต้นขาฉันแล้วสบตาอย่างมีความหมาย“มาคนเดียวเหรอครับวันนี้”“มาคนเดียว แต่ว่าอยากเสียวกันสองคนได้ไหมล่ะ” ฉันพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันสองคน แล้วมองเขาด้วยสายตาที่ปรารถนา หนุ่มๆ คนอื่นก็อยากลองควงออกไปบ้างแต่ว่าฉันเป็นประเภทที่ว่าถ้าได้ลองติดใจอะไรแล้วก็ไม่อยากเปลี่ยนเพราะเกรงว่าจะเจอสิ่งที่แย่กว่าเดิม ดังนั้นกา
นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน อุตส่าห์ออกตัวกับเพื่อนเอาไว้แล้วว่าจะไม่พาเด็กบาร์โฮสต์ออกมาด้วย แต่ว่าตอนนี้เราสองคนยืนอยู่หน้าห้องพักของโรงแรมม่านรูดพร้อมหนุ่มโฮสข้างกายอีกสองคนมิวเปิดห้องสองห้องแล้วแยกกันไปคนละห้อง เพื่อที่จะใช้เวลาส่วนตัวกับหนุ่มหล่อที่พวกเราพาออกมาด้วย“เราไปอาบน้ำก่อนไหม” ฉันชวนเขาเสียงสั่นด้วยความตื่นเต้น เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ฉัน ‘ซื้อกิน’“ได้สิครับเดี๋ยวผมจะขัดตัวให้พี่เอง รับรองว่าหอมตั้งแต่หัวยันหอยแน่ๆ” เขาพูดคำหยาบโลนออกมา แต่ทว่าฉันกลับรู้สึกสยิวหูเหลือเกินในเวลานี้เขาถอดเสื้อผ้าของฉันออกอย่างนุ่มนวลพร้อมกับใช้จมูกคลอเคลียที่ข้างแก้ม เสื้อผ้าถูกทิ้งกองลงกับพื้นจากนั้นเขาก็กอดเอวฉันเดินเข้าไปในห้องน้ำฝ่ามือหนาลูบสบู่จนเกิดฟองแล้วละเลงไปทั่วร่าง นวดถูทำความสะอาดให้กับฉันสมกับเงินห้าพันที่เพื่อรักฉันพาเขาออกมาเพื่อเปิดโลกให้แก่ฉันเขาอาบน้ำให้เราทั้งคู่แล้วหลังจากนั้นเขาก็เริ่มพรมจูบฉันไปที่หัวไหล่ไล่ไปจนถึงหลังต้นคอ เป็นจูบที่รู้สึกนุ่มนวลและซ่านสยิวที่สุด คงเป็นเพราะความตื่นเต้นจึงทำให้ฉันรู้สึกอย่างมือของเขาลูบไล้ไปทั่วเนินสวาทและเต้าทั้งสองข้าง พร้อมๆ ก
แววตาของเพื่อนสาวที่มองด้วยความอ้อนวอนทำให้ฉันเริ่มใจอ่อนแต่ก็ยังลังเลกับคำชวนที่แสนห่ามนั้น“นะ นะ ดิว ไปเที่ยวบาร์โฮสเป็นเพื่อนฉันหน่อย ฉันจะออกเงินให้เธอเลย นะ นะ ได้โปรด” มิวยังคงอ้อนวอนไม่หยุด“ไม่เอาล่ะ ไม่เคยไป เราไปนั่งดื่มที่บาร์หาผู้ชายมาวันไนท์สแตนด์ด้วยจะไม่ดีกว่าเหรอ” ฉันลองออกความเห็นเสนออีกทางเลือกให้กับเพื่อนรัก“มันจะไปสนุกอะไรล่ะ อีกอย่างผู้ชายพวกนั้นน่ะก็หน้าเดิมๆ ไม่รู้ว่าจะวนเวียนมาเจอกันอีกตอนไหน หรือว่าจะเป็นคนใกล้ตัวของเราหรือเปล่า สู้ไปหาเด็กบาร์โฮสหล่อๆ เอาใจเก่งมาปรนนิบัติเราจะไม่ดีกว่าเหรอ” มิวยังคงพูดโน้มน้าวให้ฉันไปด้วยให้ได้ ท่าทางจะปฏิเสธยากเสียแล้วงานนี้“ไปก็ไป แต่ว่าฉันแค่ไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนนะ ไม่เอาผู้ชายพวกนั้นมานั่งคลอเคลีย ไม่ชินกับการถูกเอาใจ”“อย่าพึ่งพูดออกตัวไป ถ้าแกติดใจแล้วจะอายปากตัวเองนะจ๊ะ” มิวยิ้มแฉ่งแล้วส่งโลเคชั่นมาให้ฉัน“ร้านแท่งทอง69” ฉันอ่านชื่อร้านแล้วสยิวท้องน้อยตั้งแต่ยังไม่ไป แค่ชื่อร้านก็เสียวไส้แล้ว“แกจะไปเที่ยวเฉยๆ หรือว่าคิดจะพาออกมาด้วย” ฉันถามด้วยน้ำเสียงที่สงสัยทั้งๆ ที่รู้คำตอบอยู่แล้วแต่ก็อยากฟังจากปากเธอชัดๆ“ไปขนา
งานแต่งงานของเอมอรและซันได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น งานฉลองแต่งงานก็เต็มไปด้วยความสนุกสนานของหนุ่มสาวในขณะที่ญาติผู้ใหญ่ทางฝ่ายเจ้าบ่าวแยกย้ายไปพักตามห้องพักที่จัดไว้ให้เพื่อนเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าบ่าวต่างก็ฉลองกันต่ออย่างสนุกสนานทิ้งท้ายงานฉลองแต่งงานอย่างสุดเหวี่ยงสุพิตที่พกสามีและลูกมาด้วยนั้นขอกลับไปก่อน ส่วนฤดีที่เป็นทั้งออแกไนเซอร์และเพื่อนเจ้าสาวไม่ได้ดื่มเหล้าและจะอยู่ดูแลงานจนถึงนาทีสุดท้าย“ฉันต้องกลับแล้วนะ เมามากแล้ว” รตีบอกเอมอรแล้วเข้าไปสวมกอดพร้อมกับอวยพรอีกรอบ“กลับไหวไหม ไม่ไหวนอนพักที่นี่สิ ฉันว่าต้องมีสักห้องแหละที่ว่างต้อนรับแก” เอมอรพูดแล้วปรายตาไปยังเพื่อนเจ้าบ่าวในชุดสูทสีฟ้าสามคนที่จ้องมองมาทางรตีด้วยสายตาที่มีความหวังพวกเขาเห็นรตีหันมามองก็รีบลุกขึ้นต่างอาสาจะพาเธอไปส่งกันทั้งนั้น“งั้นฉันขอตัวล่ะ มีความสุขมากๆ นะเอม คุณซัน” รตีอวยพรอีกครั้งแล้วเดินออกไปหาสามหนุ่มก่อนจะเดินเข้ามาพูดกับเธอต่อหน้าเจ้าบ่าวและแขกคนอื่นที่ยังนั่งดื่มต่อทั้งสี่คนเดินออกไปนอกห้องจัดงาน แล้วสามหนุ่มก็เริ่มแย่งเพื่อนเจ้าสาวกันทันที“คืนนี้น่านไปนอนกับธาร ฉันจะนอนอีกห้องกับคุณรตี” ภูผาบอ
วันต่อมาภูผาและน่านฟ้าก็ตามมาถึง น่านฟ้าถึงกับอดหมั่นไส้น้องชายไม่ได้ที่อีกฝ่ายโทรไปอวดว่าได้สนุกกับรตีก่อนตนซึ่งเป็นพี่“เด็ดอยู่บ้อธาร” ภูผาถามน้องชาย“เด็ดหลายครับอ้าย ขึ้นขี่ผมเด้งหน้าเด้งหลัง มีแฮงหลาย เอากันจนขาหล่อยเบิ่ด” ธารบอกแล้วยิ้มร่าอย่างพอใจ“อ้ายภูกับบักธารได้ไปแล้ว ต่อไปตาข้อยเด้อ” เขาบอกพี่ชายน้องชายด้วยภาษาบ้านเกิด จากนั้นก็เดินไปหารตีที่กำลังวุ่นกับการต้อนรับญาติๆ เข้าห้องพักตามหน้าที่ที่เธอรับอาสา“เหลืออีกเยอะไหมครับ ให้ผมช่วยไหม”“เหลือพ่อแม่เจ้าบ่าวน่าจะมาถึงช่วงเย็นค่ะ เห็นว่าแวะรับญาติคนอื่นมาด้วย”“ลุงกับป้าผมแก่แล้วครับ เมารถง่ายคนขับเลยต้องมาช้าๆ หน่อย” เขาบอกเธอแล้วมองด้วยสายตาที่มีความหวัง“เอ่อ...รอเสร็จงานพรุ่งนี้ก่อนไหมคะ” เธอบอกเขาอย่างรู้เท่าทันความคิด“ไม่ไหวหรอกครับ คนอื่นได้ไปหมดแล้วแต่ผมยังไม่ได้เลย ถ้าไม่ได้วันนี้พรุ่งนี้ผมคงไม่สดชื่นแน่” เขาพูดแล้วทำตาปริบๆ อย่างอ้อนวอน“ก็ได้ค่ะ” เธอรับปากแล้วยิ้มอย่างชอบใจ หนุ่มๆ พวกนี้ท่าทางจะขาดของหนัก แต่ละคนมาถึงก็อยากมีแฮงกับเธอเหลือเกิน สงสัยว่าถ้าไม่ได้ก็คงจะรบเร้าไม่หยุดเขาพาเธอไปยังห้องพักของตนแล้วย
อีกสองวันก็จะถึงงานแต่งงานของเอมอรและซันแล้ว เพื่อนเจ้าสาวล่ารักอย่างรตีจึงต้องช่วยเพื่อนเตรียมงานเช่นเดียวกับเพื่อนเจ้าสาวอีกสองคนสุพิตช่วยดูแลเรื่องช่างแต่งหน้าที่จะมาแต่งหน้าให้ในงาน ส่วนฤดีที่เป็นออแกไนเซอร์อยู่แล้วก็ทำงานตามหน้าที่ของตนโดยมีทีมงานคุณภาพคอยช่วยเหลือรตีช่วยตรวจสอบความเรียบร้อยของสถานที่จัดงานซึ่งใช้โรงแรมเป็นที่จัดงานและประสานงานห้องพักของญาติเจ้าบ่าวเจ้าสาวที่ใช้พักในช่วงจัดงาน รวมไปถึงห้องที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวใช้แต่งตัวซึ่งเหมาเช่าชั้นห้าทั้งชั้นเอาไว้ในงานนี้“สวัสดีครับคุณรตี” ธารที่มาถึงโรงแรมก่อนคนแรกทักทายเธอด้วยน้ำเสียงที่สดใส“มาไวจังเลยค่ะ โรงแรมจะเปิดให้พักในวันพรุ่งนี้ก่อนวันงานหนึ่งวันนะคะ” เธอบอกเขาเมื่อเห็นอีกฝ่ายที่ล็อบบี้“ผมเปิดห้องที่ชั้นเจ็ดไว้แล้วครับ พรุ่งนี้ค่อยย้ายมาชั้นห้า” เขาพูดแล้วยิ้มให้เธอพร้อมกับรอยยิ้มที่มีความหมาย“แล้วนี่เราเจอกันโดยบังเอิญหรือว่ารู้อยู่แล้วคะว่ารตีอยู่ที่นี่” เธอกอดอกถามเขา เข้าใจความหมายในแววตานั้นดี“ผมมาล่วงหน้าก่อนหนึ่งวันเพื่อมาหาคุณรตีโดยเฉพาะครับ โทรถามคุณเอมแล้วเธอบอกว่าคุณมาที่นี่ผมเลยมาพักที่นี่” เขาพูดแล