19ชีพจรแผ่วเบา “นางเป็นอย่างไร” เมื่อหมอเดินออกมาจากกระโจมแม่ทัพ เพ่ยซื่อจื่อก็รีบปรี่เข้าไปถามอาการของนาง จากนั้นจึงโบกมือให้เสี่ยวไป๋ข้าไปดูแลนาง ส่วนตนเองพูดคุยกับหมอและเจ้าของกระโจมอยู่ด้านนอก“เรียนซื่อจื่อ นางตกใจมากจึงหมดสติไปเกรงว่าอาจได้รับความกระทบกระเทือนหนัก เมื่อฟื้นขึ้นมาอาจจะยังคงมีอาการเพ้อบ้าง”“รักษาได้หรือไม่” เขาถามหมอในค่ายอย่างร้อนรน นางประสบแต่เคราะห์ร้ายเมื่อเขาไม่อยู่ และเขาเองก็ไม่สามารถอยู่กับนางได้ตลอดจึงยิ่งร้อนใจ หลังกลับจากค่ายเฉิงเชียงเขาต้องไปรับโทษยังวังอ๋องที่ขัดราชโองการ ซ้ำยังบุกรุกค่ายรักษาเมืองเช่นนี้“อาจต้องใช้เวลานาน มีสิ่งหนึ่งที่กระหม่อมไม่รู้ควรพูดดีหรือไม่” ผู้เป็นหมอกล่าวติดขัด เมื่อครู่เขาได้ตรวจอาการนางพบเรื่องแปลกที่ยังไม่อาจสรุปได้หนึ่งอย่าง จึงไม่มั่นใจว่าควรกราบทูลในยามนี้หรือไม่เพ่ยซื่อจื่อขมวดคิ้วแน่นนึกโมโหอยู่ไม่น้อยที่บุรุษตรงหน้าคิดเองไม่ได้ว่าสิ่งใดสำคัญหรือไม่สำคัญ ทั้งที่ตนเองก
20 ลืมทุกสิ่งเสียสิ้น “คุณหนู จำเสี่ยวไป๋ได้หรือไม่เจ้าคะ” ผู้ถูกถามไม่ได้ตอบแต่ยังคงมองหน้าคนถามนิ่ง ๆ พิจารณาอยู่นานราวกับกำลังจัดเรียงความทรงจำทั้งหมดในยามไม่ได้สติ ครุ่นคิดเรื่องราวก่อนนี้อยู่นานนางก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบาพลางส่ายหน้าปฏิเสธคำถามเมื่อครู่ของเสี่ยวไป๋ นางจำสิ่งใดไม่ได้แม้แต่น้อย จำไม่ได้กระทั่งว่าที่นี่คือที่ใด เด็กสาวตรงหน้าเป็นอะไรกับตนเอง นางลืมทุกสิ่งเสียสิ้น เสี่ยวไป๋เบิกตาโพลงจ้องมองหญิงสาวบนเตียง ไม่คิดว่าเหลียงฟางหรูจะอาการแย่นัก สองสามเดือนนี้นางใช้ชีวิตเหมือนหญิงสาวทั่วไปได้เพียงสิบกว่าวันเท่านั้น “ที่นี่ที่ใดกัน เหตุใดข้าจึงมาอยู่ที่นี่” หญิงสาวบนเตียงเอ่ยถามน้ำเสียงเลื่อนลอย สายตาไม่ได้จดจ้องสิ่งใดเพียงไล่มองไปเรื่อยเปื่อย จะกล่าวว่าไม่คุ้นชินกับที่นี่ก็มิใช่เช่นนั้น หากบอกรู้จักก็มิใช่ “คุณหนูท่านรอที่นี่ เสี่ยวไป๋จะตามหมอเมิ่งเด
21ข่าวจวนเหลียง รถเทียมม้าคันเล็กไม่โอ่อ่ามุ่งหน้าสู่ถนนฟูหลิงแม้เร่งรีบเพียงใดก็มิอาจมองข้ามความปลอดภัยได้ เพ่ยเลี่ยงหลินจำต้องเปลี่ยนชุดแทนที่รถเทียมม้าด้วยม้าเร็วไม่นานนักม้าเร็วก็มาถึงชานเมือง พร้อมด้วยองครักษ์และคนสนิท แม้ใบหน้าจะยังราบเรียบไร้อารมณ์แต่หัวกลับเต็มไปด้วยคำพูดมากมาย คิดมาตลอดทางว่าหากพบหน้านางจะพูดสิ่งใดก่อนดีเรื่องที่ยามนี้นางกำลังตั้งครรภ์อยู่ หลังพบว่านางตั้งครรภ์เขาไม่ได้บอกกล่าวเรื่องนี้แก่ผู้ใดมีเพียงเมิ่งสือซานเท่านั้นที่รู้ เกรงว่านางจะตื่นตกใจจนรับเรื่องนี้ไม่ได้อาชาบึกบึนตัวดำทะมึนราวสีหมึกหยุดฝีเท้าลงเมื่อถึงบริเวณลานพักม้าของเรือนสุรา ดีที่ม้าของเขาเป็นม้าศึกชั้นยอดไม่อย่างนั้นข่มม้าวิ่งมาไกลเช่นนี้ ม้าคงได้เป็นลมตายไปหลายตัวเลย“คารวะซื่อจื่อ” หมาจื่อที่กำลังให้อาหารม้าอยู่ตรงลานพัก วางสิ่งของในมือลงประสานมือคำนับผู้เป็นนาย ไม่ทันคิดว่าส่งสารไปเพียงวันเดียวซื่อจื่อก็มาถึงเรือนสมุนไพรแห่งนี้เสียแล้ว
22หายตัวไป “ว่ามา” ร่างสูงโปร่งยืนนิ่งอยู่กลางห้องหนังสือภายในเรือนสุรา เมื่อมู่หรงหยุดฝีเท้าเขาจึงเอ่ยถามข่าวสารนั้น เดิมทีให้คนตามสืบเพราะอยากรู้ข่าวของเหลียงฟางหรูแต่ยามนี้นางไม่ได้อยู่ที่นั่น เขาไม่อยากรู้ทว่าก็ยังสงสัยว่าเรื่องนี้มันเร่งด่วนอย่างไร คนของเขาจึงเร่งส่งข่าวมา“เรียนซื่อจื่อ สายของเรารายงานว่าเหลียงฮูหยินและคุณหนูรองออกไปร่วมงานสักการะ แต่ถูกดักปล้นระหว่างทางคุณหนูรองเหลียงฟางหรงถูกโจรพาตัวไปขอรับ”“แล้วอย่างไร”“คนของเราคงคิดว่าซื่อจื่ออยากตามสืบตระกูลเหลียงจึงส่งข่าว” เพ่ยเลี่ยงหลินกล่าวถ้อยคำราบเรียบไม่ใส่ใจ เมื่อรู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเหลียงฟางหรูจึงเดินออกไปรับหญิงสาวไปเดินเล่นด้านหลังเรือนสมุนไพร“ไปเลยดีหรือไม่” เหลียงฟางหรูหันกลับมามองผู้ถาม เขายืนอยู่กลางห้องด้วยท่าทีสงบนิ่ง ไม่ได้เร่งรีบหรือแสดงอารมณ์อื่น เขามองมายังนางที่นั่งอยู่บนตั่งริมหน้าต่าง หญิงสาวพยักหน้ายิ้มบางเบา ลุกขึ้นยืนว
23แอบช่วยเหลือ นางจำผู้ใดไม่ได้เลย ทว่าเมื่อได้ยินเขากล่าวถึงจวนเหลียง ภาพความทรงจำมากมายก็แวบผ่านไปผ่านมาไม่หยุดหย่อน ราวกับมันกำลังกลับเข้าที่เข้าทาง สุดท้ายนางก็จำเรื่องราวทั้งหมดได้แล้วจำได้ว่าน้องสาวต่างมารดาเป็นห่วงช่วยเหลือนางอย่างไรบ้าง จึงรวบรวมความกล้าหนีออกจากเรือนสุรายามหยิน เพื่อไปช่วยน้องสาวต่างมารดาเหลียงฟางหรงที่ค่ายโจร ซึ่งนางเคยถูกจับไปขังมาก่อน ยังพอจำได้ลาง ๆเรือนสุราอยู่ที่ร่องเขาเทียนกวาง ค่ายโจรอยู่ยอดเขาใช้เวลาเดินเท้าจากร่องเขาไปยอดเขาสองชั่วยาม หากใช้เส้นทางเดียวกับที่โจรใช้หนึ่งชั่วยามก็มาถึงทางเล็กหน้าค่ายเหลียงฟางหรูก้มตัวอยู่หลังพุ่มไม้สูงกวาดสายตามองฝ่าความมืดเข้าไปในค่าย หาที่ ๆ นางเคยถูกกักขัง ค่ายโจรที่นางกลับมาครานี้ดูใหญ่กว่าก่อนไม่น้อยเลย ระหว่างนี้พวกโจรคงไปปล้นสะดมชาวบ้านมาอีกแล้วแต่เหตุใดค่ายโจรใหญ่โตกลับเงียบเชียบไร้สุ้มเสียง นางนั่งรออยู่ที่เดิมถึงสองเค่อรอให้แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดอยู่
24ความจริงทั้งหมด หลังคิดว่าเหลียงฟางหรูอาจไปที่ค่ายโจร เพ่ยเลี่ยงหลินก็มิได้รอช้า เร่งพาคนและกำลังของตนเองขึ้นไปบนเขาตามที่นางเคยบอกเอาไว้ ที่ทางการไม่ยอมปราบปรามโจรป่าเพราะไม่รู้ที่ตั้งค่ายแน่ชัด แต่ยามนี้แม้ไม่ชัดก็ต้องต้องไปเขาตามหาที่ตั้งค่ายกันอยู่นานก็ไม่พบสิ่งใดผิดปกติ กระทั่งทหารคนหนึ่งพบกิ่งต้นบ๊วย ถูกปักไว้บนพื้น ราวกับมีคนตั้งใจทิ้งมันไว้ แค่รู้ว่าเป็นดอกบ๊วยเพ่ยเลี่ยงหลินก็คิดได้ในทันทีว่าเป็นเหลียงฟางหรูเขาให้ทหารทั้งหมดตามกิ่งดอกบ๊วย ผ่านช่องเขา ผาหินซับซ้อนในที่สุดก็มาถึงค่ายโจร เพ่ยซื่อจื่อได้ยินเสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนจากด้านข้างของค่ายโจร เร่งรุดตามไปด้วยความร้อนใจ อธิษฐานต่อทุกสิ่งขอให้นางปลอดภัยไร้อันตายแต่ดูเหมือนคำอธิษฐานของเขาจะไร้ผล ภาพหญิงสาวร่างกายบอบบางที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น ลมหายใจรวยริน ทำให้เขาหายใจไม่ออก เวียนหัวไปชั่วขณะ กระโดดลงจากหลังม้าด้วยมือไม้เยียบเย็น หากเขาคิดการรอบคอบกว่านี้นางคงไม่ต้องบาดเจ็บหนักถึงเพียงนี้ บ
25ความต้องการสุดท้าย หิมะแรกที่ตกในวันนี้ฟ้าดินคงตั้งใจเยาะเย้ยความโง่ของนาง อากาศหนาวเหน็บทำให้ร่างกายที่ไม่ได้ขยับไปไหนเย็นยะเยียบ ปลายมือปลายเท้าชาไร้ความรู้สึก ร่างกายแทบทุกส่วนไม่มีความรู้สึกใดราวกับมันกำลังดับสิ้น สูญสลายแต่หัวใจนางกลับเจ็บปวดรวดร้าว คล้ายกับมีผู้ใดใช้มีดแทงเข้ามาช้า ๆ จากนั้นดึงออกพร้อมกับเฉือนเนื้อออกมาทีละน้อย เจ็บปวดยากจะอธิบายได้ชายคนรักนอนนิ่งอยู่ไม่ห่างกายนาง ทั้งสองไม่ได้เอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมาอีก หิมะยังคงตกหนัก สายลมหอบนำความเย็นมาห่มร่างทำให้ร่างกายที่สูญเสียเลือดไปมากยิ่งสั่นสะท้าน ลมหายใจใกล้หมดลงในทุกขณะนางไม่เคยทำผิดกับผู้ใด เว้นเพียงเพ่ยเลี่ยงหลินที่นางต้องรู้สึกผิด เขาช่วยเหลือนางสารพัดสิ่งแต่นางกลับพาเขามาตายที่นี่ ผู้ที่ทำให้ตายกลับรอดชีวิตไปได้ โลกนี้มีความยุติธรรมอยู่ที่ใดกัน“หึหึ” น่าขันสิ้นดี นางไม่เคยทำผู้ใดเดือดร้อนแต่สุดท้ายกลับพบชะตากรรมเช่นนี้ หญิงสาวหัวเราะแผ่วเบาน้ำเสียงแหบพร่า
26เริ่มต้นอีกครา ม่านฟ้าถูกฉาบด้วยแสงสีเหลืองรำไรยามเย็น หญิงสาวหลือบมองสตรีทั้งสองที่อยู่อีกฝั่งของต้นบ๊วย ไม่ต้องคิดหรือทบทวนสิ่งใดมากมาย เพราะนางจำทุกสิ่งได้เป็นอย่างดี ราวกับยังวนเวียนอยู่ในเหตุการณ์นั้นซ้ำไปซ้ำมานั่งอยู่ใต้ต้นบ๊วยฟังสองแม่ลูกสนทนากันเรื่องออกจากจวนไปเที่ยวเทศกาลซีซี ร่วมชมงานประชันเย็บปักที่โรงเตี้ยมเหอชง ทุกประโยคล้วนแต่เหมือนเดิมไม่ผิดเพี้ยน เหลียงฟางหรูเอนกายพิงโคนต้นบ๊วยนั่งอยู่ตรงนี้ต่ออีกครึ่งชั่วยามระหว่างนี้ก็ทบทวนเหตุการณ์ต่าง ๆ ในครั้งก่อน นางกล่าวไว้แล้วว่าอย่างไรก็ต้องเอาคืน แต่นางมิใช่คนฉลาดเท่าใดนักไม่เช่นนั้นคงไม่ตายอย่างอนาถทั้งที่กล่าวว่าอยากแก้แค้น แต่พอรู้ว่าตนเองยังไม่ตายสิ่งแรกที่คิดถึงกลับเป็นใบหน้าหมดจดหล่อเหลาของเพ่ยเลี่ยงหลิน ครั้งก่อนเพราะนางเขาจึงต้องจบชีวิตไปพร้อมกันโอกาสที่ได้มาในครานี้นางไม่อยากดึงเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง นางไม่รู้ว่าด้วยความสามารถตนเองจะทำเรื่องนี้สำเร็จหรือไม่ แต่ขอเพียง
56ข้าเองก็เช่นกัน ขุนนางกังฉินทั้งหมดถูกโบยคนละหนึ่งร้อยไม้ ผู้ที่รอดจากการโบยก็ถูกเนรเทศจากแคว้นพร้อมครอบครัว ทรัพย์สินถูกยึด มีเพียงเหลียงจินฮ่าวและฮุ่ยฉีเลี่ยที่ถูกโบย ถูกวาดอักษรกังฉินไว้บนหน้า ขับไล่ไปเป็นทาสที่แถบชายแดนซึ่งกำลังสร้างกำแพงเมืองอยู่เหลียงจินฮ่าวถูกพาไปเป็นทาสใช้แรงงานพร้อมถีเยว่สือที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอลงมาก เพราะก่อนหน้านี้ถูกคุมขังในคุกนาน ถูกลงโทษได้แผลมาไม่น้อยหากไม่ใช่เพราะเหลียงฟางหรูตั้งครรภ์จึงไม่เอยากเอาชีวิตผู้ใด คนเหล่านี้คงถูกประหารไปจนสิ้น แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีผู้ใดได้รับโทษน้อยเลยโทษตายเว้นได้แต่โทษเป็นนั้นยากหลีกหนี เหลียงจินฮ่าวและถีเยว่สือต้องใช้แรงงานของตนเพื่อแลกอาหารกิน เหลียงฟางหรูไม่แม้แต่จะเอ่ยปากกับผู้เป็นบิดาตอนถูกขับไล่ นางเพียงปลายตามองแวบเดียวก็กลับไป แต่เพราะเหลียงฟางหรงเป็นคนสกุลเฉิงไปแล้วจึงมิได้ถูกเนรเทศขับไล่ไปเป็นทาสด้วย“เจ้าพอใจหรือไม่” ผู้เป็นสามีเอ่ยถามขณะกอดประคองนางอยู่บนกำแพงเ
55ข่าวดีหลังข่าวร้าย การไต่สวนเหล่าขุนนางมากมายเป็นไปอย่างยากลำบาก แต่ละคนล้วนให้การกล่าวโทษผู้อื่นเพียงเพื่อให้ตนเองมีโทษน้อยที่สุด เพ่ยเลี่ยงหลิงที่ไม่ได้มีความอดทนดังผู้เป็นพี่ชายจึงใช้วิธีทรมานเพื่อให้ได้รับคำสารภาพเดิมการทรมานเพื่อให้รับผิดไม่ควรถูกใช้ แต่ยามนี้เป็นยามที่ราชสำนักต้องกำจัดสิ่งไร้ประโยชน์จิ้งอ๋องจึงยอมหลับตาข้างหนึ่ง ท่านชายรองยิ่งชอบใจที่ทำแล้วไม่ถูกผู้เป็นบิดาดุด่าไม่เกินสามวันจึงได้คำตอบที่น่าพึงพอใจให้แก่ชาวประชาทั่วแคว้น สามวันก่อนเพ่ยซื่อจื่อรีบเร่งกลับตำหนักเพื่อไปดูเหลียงฟางหรูที่อยู่ ๆ ก็หมดสติ เขาคงไม่กังวลมากนักหากมิใช่เพราะนางอ่อนแอกว่าคนทั่วไป ภายในใจร้อนดังถูกเปลวไฟแผดเผา ขณะที่ยืนรอฟังหมอหลวงอยู่หลังฉากกั้นก็เดินวนไปวนมา หลังฉากกั้นมีเสี่ยวไป๋และซ่านซ่านคอยดูนางอยู่เกือบสองเค่อจึงเดินออกมาจากหลังฉากกั้น หมอหลวงทำท่าจะคุกเข่ารายงาน แต่เพ่ยซื่อจื่อร้อนใจจนไม่อาจทน
54ทั่วทั้งแคว้นมีเพียงท่านชายรอง “กล่าวว่าก่อกบฎก็ไม่ถูกนัก อย่างไรเสียท่านชายรองก็เป็นบุตรชายของพระชายาเอก มีสิทธิ์สืบทอดบรรดาศักดิ์ต่อจิ้งอ๋องได้อย่างชอบธรรม” เพ่ยเลี่ยงหลิงยืนนิ่งปล่อยให้ฮุ่ยฉีเลี่ยเป็นผู้ออกหน้าเอ่ยวาจาทั้งหมดเอง ฮุ่ยฉีเลี่ยเดิมทีกังวลว่าจะถูกประหารเพราะจิ้งอ๋องคงตรวจพบความผิดเขาจากบันทึกของเหลียงจินฮ่าว แต่เมื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงปรากฎตัวความกลัวก็มลายหายไป เปลี่ยนเป็นขวัญกล้ากล่าวทุกสิ่งออกมา“ท่านชายใหญ่แม้จะเป็นบุตรพระชายาแต่ก็ไม่มีความชอบมากเท่าท่านชายรอง แคว้นนี้ยังคงต้องการท่านอ๋องที่ปรีชาสามารถ ออกรบไม่เกรงกลัว ควบคุมทหารได้ดุจเทพเซียน เช่นนี้ทั่วทั้งแคว้นก็มีเพียงท่านชายรองเท่านั้น แต่ท่านอ๋องไม่ทรงทอดพระเนตรใช้เพียงความชอบของพระองค์แต่งตั้งซื่อจื่อโดยไม่ดูความเหมาะสม อย่าได้กล่าวโทษข้าเลย”“เช่นนั้นผู้ที่วางยาซื่อจื่อก็เป็นเจ้าเองใช่หรือไม่ฮุ่ยฉีเลี่ย หลิงเอ๋อร์เจ้าเองก็ร่วมมือกับฮุ่ยฉีเลี่ยลอบทำร้ายพี่ชายตนเองหรือ” จิ้งอ๋องถามขึ้นอย่างปวดใจ น้ำเสียงแ
53อย่าทรงมีโทสะ บุรุษใกล้วัยชราภาพเต็มทีเดินเข้ามาด้วยท่าทางนอบน้อม มาถึงได้ก็ถวายบังคมจิ้งอ๋องพลางกล่าวเชยชมก่อนยื่นฎีการายงานความผิดของเหลียงซ่างซู“ถวายบังคมท่านอ๋อง ยามนี้ซื่อจื่อถูกพิษจ็บป่วยไม่รู้ชะตา เรื่องนี้สืบไปสืบมาก็มิพ้นตระกูลเหลียง ข้าน้อยในฐานะขุนนางของพระองค์จึงได้เร่งตรวจสอบการทำงานของเหลียงจินฮ่าว พบว่าเหลียงจินฮ่าวผู้นี้ทุจริตเงินและรับสินบนจำนวนมากตลอดการเป็นขุนนางจึงนำรายงานมาถวายให้ท่านอ๋อง” จิ้งอ๋องได้ฟังจนจบก็พยักหน้าให้กงกงรับฎีกาและบันทึกรับสินบนจากอำมาตย์ฮุ่ยมาดู อ่านฎีกาและบันทึกรับสินบนอยู่ครู่หนึ่งก็ขมวดคิ้ว ใบหน้าเครียดเกร็ง วางกระแทกสิ่งของในมือลงบนโต๊ะตรงหน้าอย่างแรง“ต่ำช้านัก แม้แต่เสบียงบรรเทาภัยพิบัติก็ไม่เว้น ข้าเลี้ยงขุนนางสวะเช่นนี้ไว้มีประโยชน์อันใดต่อประชา” จิ้งอ๋องผรุสวาทออกมาเสียงดังลั่นห้องทรงอักษร น้ำเสียงมีเพียงเกรี้ยวกราด ฮุ่ยฉีเลี่ยเห็นเช่นนั้นก็ยิ้มย่องในใจ ใส่ใจอีกเพียงเล็กน้อยไม่แคล้วเหลียงจินฮ่าวถูกสั่งประหาร
52เกลียดนางถึงพียงนี้เลยหรือ เพ่ยเลี่ยงหลิงสั่งการเสร็จจึงหันมามองสองสามีภรรยาที่อยู่ตรงหน้า เพื่อสอบสวนต่อเหลียงจินฮ่าวและถีเยว่สือสบนัยน์ตากันครู่หนึ่ง เพียงเท่านั้นก็ราวกับเข้าใจกันลึกถึงก้นบึ้ง“เหตุใดพี่ชายข้าจึงถูกพิษ”“ต้องเป็นเพราะเหลียงฟางหรูเป็นแน่ นางไม่เต็มใจสมรสจึงต้องการลอบวางยาซื่อจื่อ” ถีเยว่สือร้องขึ้นเสียงแหลม เพ่ยเลี่ยงหลิงสะบัดฝ่ามือหนึ่งครั้งแส้เส้นใหญ่ก็ถูกฟาดลงกลางหลังอีกครา“ข้าไม่ได้ถามเจ้า ผู้ใดอนุญาตให้สอดปาก” ชายหนุ่มกล่าวสียงทุ้มปนแข็งกร้าว เขารู้ดีว่านางจงใจโยนความผิดเหล่านี้ให้บุตรสาวที่ไม่รู้เป็นตายอย่างไรแต่หากนางยืนยันเพียงลำพังข้อกล่าวหานี้ก็เป็นอันจบ ผู้ใดจะเชื่อถือย่อมต้องให้สามีกล่าวเช่นเดียวกันเท่านั้นนางกล่าวขึ้นมาก่อนก็เพื่อให้ผู้เป็นสามีเข้าใจเจตนา และเป็นทางรอดเดียวในยามนี้“ใช่แล้ว เป็นเพราะเหลียงฟางหรูไม่เต็มใจสมรสกับซื่อจื่อ จึงจงใจทำเช่นนี้เพื่อให้พวกข้า
51จะตายก็ได้ แขนขาทั้งสองถูกผูกติดกับขาเก้าอี้กลางห้องเพื่อไม่ให้ผู้ถูกสอบสวนขัดขืนสิ่งใดได้ ดวงตาสองข้างของนางพร่าเลือนด้วยหยาดน้ำบาง ๆ ตื่นกลัวอย่างที่สุด ไม่รู้เลยว่าตนเองจะถูกทรมานมากเพียงใดจากน้ำมือชายหนุ่มรุ่นลูกตรงหน้า“ข้าถาม เจ้าตอบ หากดื้อดึงไม่ตอบดังสตรีคนเมื่อครู่ก็อย่าหาว่าใจร้ายไม่เห็นแก่หน้าซื่อจื่อเลย”“ตอบเจ้าค่ะ ข้าจะตอบทั้งหมด” นางกระวีกระวาดตอบอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะอย่างไรขอเพียงตนเองรอดเหลียงฟางหรูนั่นจะเป็นเช่นไรนางไม่สนใจ“ดี เช่นนั้นตอบข้ามาว่ารู้เรื่องที่ซื่อจื่อถูกพิษหรือไม่” เพ่ยเลี่ยงหลิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเอ่ยถามเสียงเรียบ แต่รอบกายกลับมีไอเย็นแผ่ออกมาพร้อมรังสีอำมหิต ราวกับกำลังนั่งจ้องหน้ากับพญายมราชอย่างไรอย่างนั้น“ไม่เจ้าค่ะ ข้าไม่รู้เลยท่านชายรองโปรดเชื่อ ทุกสิ่งเป็นเพราะนางเหลียงฟางหรูผู้เท่านั้น เดิมทีสามีข้ากับท่านอำมาตย์ฮุ่ยก็อยู่ฝั่งเดียวกัน หากไม่ใช่เพราะนางสามีข้าจะทรยศต่อท่านอำมาตย์ได้อ
50ไม่รู้เป็นตาย เสียงอึกทึกก่อนนี้เงียบลงทันทีเมื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงกล่าวจบ จิ้งอ๋องผินมองหน้าบุตรชายคนรองสีหน้าเปลี่ยนไปครู่หนึ่งก็กลับมาราบเรียบเช่นเดิม“ไต่สวนให้ดี” ผู้ครองแคว้นกล่าวจบก็เดินออกไป เพ่ยเลี่ยงหลิงยิ้มรับพลางค้อมตัวน้อมส่งบิดา ฮุ่ยฉีเลี่ยเงยหน้ามองเพ่ยเลี่ยงหลิงหลังเหลือเพียงบรรดาขุนนางและแม่ทัพเพ่ย“ที่เหลือฝากท่านอำมาตย์แล้ว ข้าต้องรีบไปสอบสวนเรื่องราวเสียหน่อยว่าผู้ใดกันที่วางยาพิษท่านพี่ของข้า”“ข้าเข้าใจแล้ว เรื่องนี้ท่านชายโปรดวางใจ” นัยน์ตาเจ้าเล่ห์จ้องมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้า เขาสวมอาภรณ์สีม่วงเข้มปักลวดลายวิจิตรงดงามท่าทางน่าเกรงขามไม่น้อยเลย เรียกได้ว่าเป็นผู้คู่ควรกับอำนาจยิ่ง กระทั่งเพ่ยเลี่ยงหลิงเดินลับสายตาไปเหล่าขุนนางในท้องพระโรงถกเถียงพูดคุยกันอีกไม่นานก็แยกย้ายกันกลับ ยามนี้มีเรื่องที่พวกเขาควรไตร่ตรองให้แน่ชัด บางคนคิดว่านี่คงถึงเวลาเปลี่ยนแปลงตำแหน่งซื่อจื่อที่มั่นคงมานานเสียทีบางตระกูลย
49โกลาหล งานสมรสวุ่นวายขึ้นทันตา ผู้คนพากันแตกตื่นเมื่อเรื่องเช่นนี้ เพ่ยเลี่ยงหลิงสั่งทหารคุมตัวเเหลียงฟางหรูที่เป็นผู้รินสุรา เหลียงซ่างซู ถีซื่อกลับไปที่วังเพื่อทำการไต่สวน มีเพียงเหลียงฟางหรงที่ไม่ได้ถูกคุมตัวเพราะถือเป็นคนสกุลเฉิงไปแล้ว“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้” เหลียงฟางหรงกล่าวกับเฉิงเซี่ยวเหวย นางเพิ่งทำใจที่ต้องแต่งกับชายไร้อำนาจแห่งตระกูลเฉิงได้ไม่นานก็เป็นเช่นนี้เสียแล้ว นางทั้งคับอกคับใจยากจะระบาย ยามนี้ไม่มีมารดาให้ระบายด้วยมีเพียงผู้เป็นสามีที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยท่าทีเคร่งขรึม ไม่พูดสิ่งใดออกมาเลย“ทำไมท่านยังเงียบอยู่อีก ท่านแม่ข้าจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้”“หุบปากเสียที นั่นแม่เจ้าไม่ใช่แม่ข้า แค่นี้บ้านข้าก็วุ่นวายมากอยู่แล้วยังจะมีแก่ใจมาห่วงพะวงผู้ใดได้อีก ไม่รู้ว่าหากซื่อจื่อเป็นอันใดมากตระกูลเฉิงของข้าคงมิต้องโทษไปกับตระกูลเหลียงของเจ้ากระมัง” เหลียงฟางหรงโกรธจนใบหน้าแดงก่ำ ทั้งที่นางเพิ่งยอมรับได้ว่าต้องแต่งกับตระกูลเฉิง แต่เพียงไม่นานก็ได
48ซื่อจื่อถูกปองร้าย ผ่านงานสมรสของซื่อจื่อมาครึ่งเดือน ราชสำนักราวกับน้ำเชี่ยว ขุนนางคนละฝ่ายต่างยื่นฎีกาต่อท่านอ๋องเพื่อกล่าวโทษกันละเลยหน้าที่ปฏิบัติ ยังมีเรื่องลักลอบซ่องสุมกำลังทหาร ทุจริตเสบียงอาหารมากมาย นับว่าเป็นเรื่องราวใหญ่ที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งสถาปนาแคว้นจิ้งเลยเหลียงฟางหรูได้ฟังเรื่องราวมากมายหมาจื่อมาบ้างจึงได้รู้ว่ายามนี้บิดาตนและอำมาตย์ฮุ่ยขัดแย้งกันอย่างหนัก ต่างฝ่ายต่างหาหลักฐานล้มล้างอีกฝ่าย อำมาตย์ฮุ่ยหวังใช้แม่ทัพเพ่ยผู้เป็นน้องชายต่างมารดาของซื่อจื่อเพื่อเปลี่ยนแปลงอำนาจซื่อจื่อเพ่ยเลี่ยงหลิงเป็นแม่ทัพ มีความสามารถรบทัพจับศึกทั้งยังคุมกองทหารมากมาย หากเกิดเหตุวุ่นวายไม่ต้องนึกถึงผลลัพธ์เลย นางไม่รู้ว่าผู้เป็นสามีเตรียมแผนการใดไว้กันแน่จึงมีท่าทีสบายใจเช่นนี้“ท่านพี่เหตุใด จึงสบายใจช่นนี้”“แล้วจะร้อนรนไปเพื่ออันใดเล่า ทุกอย่างล้วนถูกวางแผนไว้แล้ว ต่อให้พวกเขามีสิบแม่ทัพเพ่ยก็ไม่เพียงพอให้เป็นใหญ่ได้อีก” ชายหนุ่มกล่าว