แชร์

บทที่ 91

ผู้เขียน: ซูเหยียน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-07 15:37:36
ม้านั่งวางเรียบร้อยแล้ว เจียงเถียนค่อย ๆ ลงมา

ใบหน้าของนางซีดเซียว ขอบตาคล้ำเล็กน้อย

จวินจิ๋วอิ่นได้ยินดังนั้น จึงหันกลับมามองนางด้วยสายตาเย็นชา

“ฮองเฮาฐานะสูงส่ง มีธุระมากมาย ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดถึงได้มาหาพวกเรา?”

ดวงตาของเจียงเถียนฉายแววโกรธเล็กน้อย แต่บนใบหน้ากลับแสดงออกถึงความน่าสงสารและโศกเศร้า

ขาทั้งสองข้างของจวินหงคังหัก หมอหลวงทุกคนที่มาตรวจดูแล้ว ต่างส่ายหัวพลางถอนหายใจ

นางไม่สามารถยอมรับความจริงที่ว่าเข่าทั้งสองข้างของบุตรชายตนเองพิการแล้ว

หากเรื่องนี้เป็นความจริง เช่นนั้นคังเอ๋อร์ของนางก็จะไม่มีวันได้ขึ้นครองบัลลังก์

ไม่มีฮ่องเต้พระองค์ใดที่มีร่างกายพิการ

ดังนั้น นางจึงออกตามหาหมอที่มีชื่อเสียงอย่างลับ ๆ

ทว่าเมื่อไม่นานมานี้ กลับได้ยินเรื่องที่ไป๋หงหย่วนหายจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า

เรื่องอาการบาดเจ็บที่ขาของไป๋หงหย่วน นางก็พอรู้มาบ้างเล็กน้อยจากจวินหงคัง

กระดูกหัวเข่าทั้งสองข้างแตกละเอียด ชาตินี้ไม่มีทางที่จะลุกขึ้นยืนได้อีก

แต่คาดไม่ถึงเลยว่า นับจากวันที่เขาเกิดเรื่องไม่ถึงหนึ่งเดือน

เขากลับสามารถลงจากเตียงและเดินได้แล้ว!

ดังนั้น นางจึงสั่งให้คนแอบไปสืบ จ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07
  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-07

บทล่าสุด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 100

    ไป๋ซวงยิ้มหวาน แต่สำหรับนักพรตชราแล้ว กลับเหมือนน้ำผึ้งอาบยาพิษนักพรตชราเห็นแล้ว ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งแผ่นหลัง“มีคนชวนท่านอ๋องของข้าออกไปล่าสัตว์เป็นเรื่องโกหก วางยาพิษท่านอ๋องกลางทางต่างหากคือเรื่องจริง!”ไป๋ซวงพูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าก็พลันหายไปแทนที่ด้วยแววตาที่ดุดันและเย็นเยียบโจวหลิงซางและโจวหวันฉี่ที่ยืนตกตะลึงอยู่ข้าง ๆ รวมถึงฮองเฮาเจียงเถียนและจวินหงคังตอนนี้ทุกคนต่างหน้าซีดเผือด!โจวหลิงซางกลืนน้ำลายลงคออย่างประหม่า ฝืนทำท่าทางสงบพลางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว“พระชายาองค์ชายเก้า นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“หรือว่าข้ายังพูดไม่ชัดเจนพอ?”ไป๋ซวงลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้โจวหลิงซาง“ท่านอ๋อง สิ่งที่ข้าพูดเป็นความจริงหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นยังคงจมดิ่งอยู่ในคำว่า ‘ท่านอ๋องของข้า’ จนถอนตัวจากความหวานนั้นไม่ได้เมื่อได้ยินดังนั้น ก็พลันยิ้มพลางเดินเข้าไปใกล้ไป๋ซวง“ฮูหยินพูดถูกที่สุด”“เหลวไหล จวินจิ๋วอิ่น พวกเราก็แค่แข่งขันล่าสัตว์เท่านั้น เหตุใดข้าถึงต้องวางยาพิษท่านด้วย? ข้าเป็นถึงองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้ ไม่ใช่คนที่ใครจะใส่ร้ายป้ายสีได้ง่าย ๆ ”

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 99

    เวลานี้ สวีเหว่ยถือกระบี่แสงพุทธ ฟาดฟันกระบี่ไปที่ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีที่เพิ่งจะหักโค่นลงเบา ๆ ภายในชั่วพริบตา ต้นไม้ใหญ่อายุร้อยปีต้นนั้น ก็ถูกตัดจนถึงโคนต้นสวีเหว่ยรู้สึกราวกับได้สมบัติล้ำค่า หันไปทางไป๋ซวงแล้วโขกศีรษะคำนับอย่างแรงสามครั้ง“ขอบพระทัยพระชายาองค์ชายเก้า ข้าน้อยจะตั้งใจฝึกฝนอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้พระชายาผิดหวังพ่ะย่ะค่ะ” ไป๋ซวงพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับทำสีหน้าราวกับจะบอกว่า ‘เจ้าเชื่อฟังดีมาก’นักพรตชราชุดขาวมองไป๋ซวงด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ดวงตาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ“เมื่อครู่เจ้าทำอะไรลงไป?”แน่นอนว่าเขาไม่มีทางเชื่อว่า สวีเหว่ยไอ้ขยะไร้ค่านั่น จะสามารถครอบครองกระบี่แสงพุทธของเขาได้“เจ้าก็เดาออกอยู่แล้วมิใช่หรือ?”ไป๋ซวงยิ้มแต่ไม่ตอบ พลางเหลือบมองไปที่เส้นเลือดบริเวณจุดชีพจรของเขาทันใดนั้น นักพรตชราชุดขาวก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นด้วยท่าทางสิ้นหวังใช่แล้ว หากต้องการให้กระบี่แสงพุทธที่เลือกนายแล้ว เชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่นเช่นนั้น มีเพียงทางเดียวคือต้องเปลี่ยนนายของกระบี่แสงพุทธ ลวดลายกระบี่อันงดงามเมื่อครู่นั้น แท้จริงแล้วแฝงไว้ด้วยพลังวิญญาณที่แข็งแกร

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 98

    ทุกคนสำลักจนต้องโบกมือไปมา ใช้แขนเสื้อปิดปากและจมูกทว่ามนุษย์ยักษ์นั้น ก็ไม่ได้ปล่อยนักพรตชราไปเพราะเหตุนี้นักพรตชราเห็นดังนั้นจึงรีบเก็บพลังวิญญาณของตนกลับคืน อาศัยช่วงที่ควันฝุ่นฟุ้งกระจาย หายตัวไปแล้วปรากฏตัวต่อหน้าไป๋ซวงคมกระบี่อันแหลมคม จ่อตรงไปที่คอของไป๋ซวง“อย่าขยับ มิฉะนั้นข้าจะฆ่านางเดี๋ยวนี้!”จวินจิ๋วอิ่นเห็นดังนั้น ก็รีบเก็บพลังวิญญาณของตนเองในทันที“เจ้าต้องการทำอะไรกันแน่?”สายตาอันคมกริบของจวินจิ๋วอิ่น จ้องมองไปที่นักพรตชราผู้นั้นอย่างเต็มไปด้วยคำเตือนนักพรตชราหัวเราะอย่างลำพองใจ สายตามองสำรวจไป๋ซวงไม่หยุด“เจ้าคือศิษย์ของตาเฒ่าเฮยฉีนั่น?”“ตาเฒ่าเฮยฉีอะไรกัน ข้าไม่รู้จัก!”ไป๋ซวงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา“เป็นไปไม่ได้ ของในร้านฟู่หลิงซวนนั้น รวมถึงสมุนไพรในร้านเจินเฉ่าเก๋อ หากมิใช่ของตาเฒ่าเฮยฉี แล้วเด็กน้อยอย่างเจ้าจะไปหามาจากไหนได้?”สีหน้าของนักพรตชราชุดขาวเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ แถมยังรู้สึกโกรธขึ้นมาเพราะคำพูดของไป๋ซวงไป๋ซวงยกยิ้มมุมปาก ไม่แม้แต่จะมองนักพรตชราชุดขาว“ของของข้า เหตุใดต้องบอกเจ้าด้วย?”“มีอย่างที่ไหนกั

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 97

    ไป๋ซวงรู้สึกได้ถึงจิตสังหารจากนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นทว่านางเพิ่งคิดจะลงมือ ก็เห็นจวินจิ๋วอิ่นยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองแล้วสะบัดแขนเสื้อกว้างเบา ๆ พลังวิญญาณสายหนึ่งก็พุ่งออกไปเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ราวกับว่าอากาศสั่นสะเทือนไปหลายครั้งสีหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเต็มไปด้วยความเย็นชา ดวงตาคมกริบราวกับมีดมองไปยังนักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นยืนอยู่กลางอากาศ มือทั้งสองข้างไขว้หลังชุดคลุมยาวตัวใหญ่ พลิ้วไสวอยู่กลางอากาศ และในขณะนี้ ทหารองครักษ์ก็กรูกันเข้ามา ล้อมรอบนักพรตชราชุดขาวผู้นั้นอย่างช้า ๆ “บังอาจนักเจ้ามือสังหาร ยังไม่ยอมจำนนอีก!”สวีเหว่ย หัวหน้าทหารองครักษ์ถือกระบี่วิเศษ ปลายกระบี่ชี้ตรงไปที่นักพรตชราชุดขาวนักพรตชราชุดขาวหัวเราะลั่น มองสวีเหว่ยด้วยสายตาเหยียดหยามยิ่งไปกว่านั้น สายตายังมองกวาดมองทุกคนอย่างไม่เกรงกลัวราวกับกำลังกวาดมองฝูงมดปลวก“แค่ระดับจอมปราชญ์ยุทธ์ ก็กล้ามาอวดดีต่อหน้าข้า!”พูดจบ ก็ปล่อยแรงกดดันลงมาสวีเหว่ยขมวดคิ้วแน่น คุกเข่าลงกับพื้นเสียงดังตุบปากยังถูกบังคับให้กระอักเลือดออกมาหนึ่งคำจากนั้น แรงกดดันยังไม่จบสิ้นแรงกดดันที่ต่อเนื่อง

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 96

    น่าเสียดายที่โจวหลิงซางกลับเชิญจวินจิ๋วอิ่นไปเข้าร่วมการล่าสัตว์ด้วยกันอย่างกระตือรือร้นท่ามกลางเสียงเรียกของผู้คน ทั้งสองคนไม่เพียงแต่รับคำท้า แต่ยังตั้งรางวัลอีกด้วยผู้ชนะสามารถสั่งให้ผู้แพ้ทำอะไรก็ได้หนึ่งอย่างดังนั้น สงครามระหว่างบุรุษสองคนจึงเริ่มขึ้นเมื่อจุดธูปขึ้น ทั้งสองคนก็ควบม้าออกไปอย่างบ้าคลั่งการแข่งขันครั้งนี้ ใครล่าได้จำนวนมากที่สุดจะเป็นผู้ชนะเมื่อธูปเผาไหม้จนหมด ทั้งสองคนก็ควบม้ากลับมาพร้อมกันเหยื่อที่อยู่บนหลังม้าของทั้งสอง ดูเหมือนจะพอ ๆ กันเมื่อเห็นทั้งสองคนกลับมา ทันใดนั้นก็มีองครักษ์เข้ามาตรวจนับจำนวนเหยื่อที่ล่าได้ภายในเวลาธูปหนึ่งดอก โจวหลิงซางล่าสัตว์ได้สี่สิบสองตัวส่วนบนหลังม้าของจวินจิ๋วอิ่น มีสัตว์อยู่สี่สิบสามตัวยังดีที่ต่างกันแค่ตัวเดียว!โจวหลิงซางครุ่นคิดในใจ เมื่อครู่ เขาแอบมองจวินจิ๋วอิ่นจากระยะไกลความสามารถในการขี่ม้าและยิงธนูของเขานั้น ช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ เนื่องจากผู้คนในดินแดนฮุ่นตุ้นล้วนเป็นผู้ฝึกตน เพื่อสัมผัสกับความสนุกสนานในการล่าสัตว์ของคนธรรมดา จึงได้มีการจัดงานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงขึ้นและกฎข้อแรกของงานล่าสัตว์ฤดูใบ

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 95

    หลายวันมานี้ นางพยายามทุกวิถีทางที่จะเข้าใกล้ไป๋ซวงแต่ก็จนปัญญา ไป๋ซวงไม่เคยให้โอกาสนางเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อยหากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะสืบหาตัวคนที่อยู่เบื้องหลังไป๋ซวงได้อย่างไรโจวหลิงซางมองผิวน้ำอันเงียบสงบด้วยแววตาเย็นเยียบใช้นิ้วชี้ หมุนแหวนหยกขาวที่อยู่บนนิ้วหัวแม่มือเบา ๆ “หวันฉี่ เสด็จพ่อรอไม่ไหวแล้ว งานล่าสัตว์ครั้งนี้เป็นโอกาสสุดท้ายของเรา”“แต่เสด็จพี่ ท่านก็เห็นแล้วนี่ว่าพวกเขาไม่ให้โอกาสข้าเข้าใกล้เลย”โจวหวันฉี่จะไม่ร้อนใจได้อย่างไรจดหมายของเสด็จพ่อ นางก็เห็นแล้วเช่นกันถ้อยคำที่รุนแรงนั้น แสดงให้เห็นถึงความไม่พอใจของเสด็จพ่อแล้วหากพวกเขายังไม่สามารถให้คำตอบที่น่าพอใจแก่เสด็จพ่อได้ เกรงว่าเสด็จพ่อจะต้องเปลี่ยนคนมาแทนและฐานะของพวกเขาพี่น้องสองคนก็จะสั่นคลอนแล้ว“ดังนั้น พี่จึงให้ฮ่องเต้จัดงานล่าสัตว์นี้ขึ้นมา ที่นี่เป็นสถานที่ที่สามารถเข้าใกล้ไป๋ซวงได้ง่ายที่สุด”โจวหลิงซางกล่าวจบก็ส่งสายตาที่มั่นใจให้กับโจวหวันฉี่จากนั้น ก็เดินตรงไปยังกระโจมของจวินหงคังเวลานี้ แม้ว่าจวินหงคังจะยังไม่สามารถเดินได้ แต่บาดแผลอื่น ๆ ตามร่างกาย ก็ได้รับการรักษาจนเกือบหายด

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 94

    งานล่าสัตว์ฤดูใบไม้ร่วงครั้งนี้ เนื่องจากมีองค์หญิงและองค์ชายสามแห่งแคว้นโจวอู้เข้าร่วมด้วย พื้นที่จึงใหญ่กว่าครั้งก่อน ๆ เล็กน้อยขุนนางทุกคนสามารถพาคนในครอบครัวเข้าไปด้านในได้สองคนดังนั้น โดยทั่วไปแล้ว ขุนนางหนึ่งคนจะพาภรรยาและลูกมาด้วยหนึ่งคนและเด็กคนนั้นต้องเป็นคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นพิเศษจากครอบครัวอย่างแน่นอนเดิมทีจีหรงก็ควรจะมาด้วย แต่นางทุ่มเทใจให้กับซวี่เป่า จึงไม่สนใจการล่าสัตว์แม้แต่น้อยดังนั้น นางจึงอยู่ที่เมืองหลวงเป็นเพื่อนซวี่เป่าขบวนเดินทางมาถึงภูเขาเจี้ยงเหลียง ทุกคนต่างปฏิบัติตามคำแนะนำ ไปพักผ่อนในกระโจมของตนเองไป๋ซวงนั่งอยู่ที่หน้าโต๊ะด้วยความเบื่อหน่าย จิตใจรู้สึกหนักอึ้งใบหน้าของจวินจิ๋วอิ่นเผยรอยยิ้มเอ็นดู แล้วค่อย ๆ นั่งลงตรงหน้านาง“เป็นอะไรไป?”ไป๋ซวงเงยหน้าขึ้น สายตาแฝงไปด้วยความสงสัย“ทรัพย์สินของท่านเยอะหรือไม่?”จวินจิ๋วอิ่นชะงักไปครู่หนึ่ง ดูเหมือนจะคาดไม่ถึงเลยว่าไป๋ซวงจะถามเช่นนี้เขายิ้มสดใสมากขึ้น แล้วยื่นมือไปกุมมือเล็ก ๆ ของนาง“ก็พอได้ น่าจะมากพอให้ฮูหยินใช้อย่างสบาย ๆ ”ไป๋ซวงปัดมือของเขาออก สายตาหม่นหมองยิ่งกว่าเดิม“ข

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 93

    จวินจิ๋วอิ่นไม่ได้หยุดฝีเท้า เพียงแต่ตอบกลับอย่างเย็นชา“วันนั้นถ้าไม่มีซวี่เป่าช่วยไว้ เกรงว่าเสด็จพ่อคงไม่ได้เจอหน้าลูกตลอดกาลแล้ว”จวินหงคังต้องการเอาชีวิตของเขา แต่เขาแค่เอาขาทั้งสองข้างของอีกฝ่ายไปเท่านั้นจวินฉงได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไรอีกทันทีความรักในครอบครัวราชวงศ์นั้น บางเบาราวกับปีกจักจั่นเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจสูงสุด การห้ำหั่นกันเองในครอบครัว การฆ่าฟันกันเองระหว่างพี่น้องก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเขาก็ผ่านการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นเช่นนี้มาแล้วเช่นกันแล้วเขาจะมีสิทธิ์อะไรที่จะเรียกร้องให้ลูก ๆ รักใคร่ปรองดองกันกันเล่า?เขาหวังเพียงแค่ว่า ลูกของตนจะสามารถเอาชีวิตรอดจากเกมการต่อสู้แย่งชิงนี้ไปได้ไม่ว่าอย่างไร ขอแค่มีชีวิตรอดก็พอส่วนเขาก็ควรจะทำอะไรสักอย่าง เพื่อตัดความคิดที่ไม่ควรมีของผู้อื่นเสียจวินจิ๋วอิ่นออกมาจากวังหลวง ไม่ได้กลับไปที่จวนอ๋องด้วยซ้ำเขาพาองครักษ์ลับสิบคน มุ่งหน้าไปยังจวนองค์ชายสามโดยตรงเป็นเวลากลางวันแสก ๆ แต่กลับพังประตูเข้าไปองครักษ์ของจวนองค์ชายสาม ยังไม่ทันได้เข้าใจสถานการณ์ว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ถูกซัดจนกระเจิง ใบหน้าปูดบวมกันทุกคน

  • ยอดหนูน้อยซวี่เป่า : มารดานางมารสะท้านเมือง   บทที่ 92

    มือสังหารถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุสิบคน จับเป็นได้สามคนและหลังจากการสอบสวน พบว่าทั้งสามคนนั้นเป็นคนของท่านอ๋องเก้าด้วยเหตุนี้ เจียงเถียนจึงไปร้องไห้ฟูมฟายกับจวินฉงในคืนนั้นจวินฉงจึงจำต้องเรียกตัวจวินจิ๋วอิ่นเข้าวังในคืนนั้นจวินฉงนำหลักฐานที่ส่งมาจากจวนองค์ชายสาม โยนใส่มือของจวินจิ๋วอิ่น“ว่าอย่างไร?”จวินจิ๋วอิ่นถือหนังสือรับสารภาพที่เปื้อนเลือดเหล่านั้น มุมปากอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยออกมา“ไม่มีอะไร!”จากนั้น ก็วางหลักฐานความผิดลงในมือของจวินฉงอีกครั้ง“คนพวกนั้นเป็นคนของเจ้าจริง ๆ หรือ?”จวินฉงไม่สนใจหลักฐานความผิดเหล่านั้น และมองเขาด้วยสายตาล้ำลึก“หากข้าต้องการเอาชีวิตของเขา ตอนนั้นข้าคงไม่ทำแค่หักขาของเขาเท่านั้น”จวินจิ๋วอิ่นไม่หลบเลี่ยงแม้แต่น้อย นั่งลงหน้าโต๊ะที่อยู่ทางด้านข้างอย่างไม่เกรงกลัว“ก็จริง พ่อก็เดาว่าไม่ใช่ฝีมือของเจ้า”เรื่องนี้ จวินฉงยังคงมั่นใจในตัวเองมากเรื่องที่จวินจิ๋วอิ่นลอบสังหารจวินหงคัง เขารู้มาตั้งนานแล้วแม้กระทั่งในวินาทีที่ข่าวเข้ามาถึงวังหลวง เขาก็เดาได้แล้วว่าเป็นฝีมือของจวินจิ๋วอิ่นเพราะว่าก่อนหน้านี้ คนเหล่านั้นลอบสังหารจ

DMCA.com Protection Status