Share

บทที่ 1260

Author: หว่านชิงอิ๋น
ลั่วฉิงคิดว่าเมื่อฟู่เฉินหวนถูกควบคุม เขาจะต้องมาช่วยนางแน่นอน

แต่ร่างที่อยู่ใต้ชายคากลับยันกำแพง แล้วเบือนหน้าหนี

ฟู่เฉินหวนพยายามอดกลั้นความเจ็บปวด เขาถอยหลังไปสองก้าวด้วยสีหน้าซีดเผือด

“ท่านอ๋อง ท่านกลับไปเถิด อย่าดูเลยพ่ะย่ะค่ะ อยู่ที่นี่มีแต่จะเจ็บปวด” ซูโหยวเตือน

ฟู่เฉินหวนขมวดคิ้ว “ข้ามิวางใจ”

“ต้องจับลั่วฉิงให้ได้! ต้องฆ่านาง!” ภัยร้ายนี้มิอาจเก็บไว้ได้!

ซูโหยวพยักหน้า “วางพระทัยเถิดท่านอ๋อง! กระหม่อมสั่งให้คนปิดทางเข้าออกสามสายแล้ว ลั่วฉิงหนีมิพ้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”

“กระหม่อมจะพาท่านอ๋องกลับไป!”

มุมปากของฟู่เฉินหวนมีเลือดไหลออกมา เขาเช็ดเลือดด้วยสีหน้าซีดเซียว แล้วเดินจากไป

ส่วนทางนี้ ลั่วฉิงพยายามต่อสู้หมายจะฝ่าวงล้อมออกไปอย่างสิ้นหวัง

แต่สู้คนเดียวย่อมสู้มิไหว สุดท้ายก็ถูกจับ

ราษฎรมากมายมามุงดูที่หัวถนนทั้งสองฝั่ง

ลั่วฉิงถูกจับตัวเข้าคุกในทันที

......

ในห้องทรงพระอักษรมีเสียงคนกำลังโต้เถียงกัน

“นางเป็นคนของข้า!”

“ฟู่อวิ๋นโจว ท่านหมายความว่าอย่างไร? ท่านจะล้างบางพวกหม่อมฉันแล้วหรือ!” เหยียนหน่ายซินกล่าวด้วยความโกรธ

ปกติแล้วนางมิค่อยควบคุมอารมณ์มิอยู่ โดยเฉพาะตอ
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1261

    ลั่วชิงยวนพักฟื้นมาหลายวันแล้ว นั่งอาบแดดด้วยจิตใจที่แจ่มใส“เจ้าเปลี่ยนแปลงวงเวทตรงไหนบ้าง!” เวินซินถงถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาลั่วชิงยวนหลับตา กล่าวแผ่วเบา “เจ้าเป็นนักบวชหญิง กลับมาถามเรื่องนี้กับข้า”เวินซินถงกำมือแน่นด้วยความโกรธจัดนางไร้ความสามารถจริง ๆ!เทียบกับศิษย์พี่ลั่วเหลามิได้เลยทั้งพรสวรรค์และความสามารถลั่วชิงยวนเดาความรู้สึกของเวินซินถงได้ เพราะสำหรับเวินซินถงแล้ว นางเป็นเพียงพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการของแคว้นเทียนเชวียเหตุใดจึงเก่งกว่านักบวชหญิงอย่างนาง“วันนี้เจ้ามา มิใช่เพื่อถามเรื่องนี้กระมัง เพราะข้าจะมิบอกเจ้าง่าย ๆ หรอก”เวินซินถงกัดฟัน กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “สำนักนักบวชขอเชิญเจ้าเข้าร่วม”ได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็เลิกคิ้วและลืมตาขึ้น“ช้ากว่าที่ข้าคิดนิดหน่อย” ลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปากเวินซินถงกล่าวด้วยน้ำเสียงมิพอใจ “นี่เป็นครั้งแรกที่สำนักนักบวชเชิญคนนอก ข้าหวังว่าเจ้าจะรู้จักประมาณตน”ลั่วชิงยวนพูดด้วยรอบยิ้ม “สำนักนักบวชเชิญข้าเข้าร่วมก็เพื่อให้ข้าฟื้นฟูวงเวท ท่าทางของเจ้า มิใช่ท่าทางของคนที่มาขอร้อง”เวินซินถงโกรธจนกำมือแน่นยามนี้ราชวงศ์เร่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1262

    ในคืนนั้นฉินอี้มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง แล้วถามผู้ใต้บังคับบัญชา “แจ้งทุกคนแล้วหรือยัง?”“แจ้งหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ! คืนนี้เมื่อประตูเมืองเปิด ก่อนฟ้าสางจะมีคนเข้าเมืองอย่างน้อยห้าร้อยคน!”ฉินอี้พยักหน้า ยกยิ้มมุมปาก “ห้าร้อยกว่าคน คงจะพอจัดการสิบวายร้ายและสตรีที่อ่อนแอคนเดียวได้”ผู้ใต้บังคับบัญชาตอบ “แน่นอนว่าพอพ่ะย่ะค่ะ! คนห้าร้อยกว่าคนนั้นมิใช่คนธรรมดา แม้แต่ทหารหุ้มเกราะก็มิแน่ว่าจะรับมือได้พ่ะย่ะค่ะ”“อย่าว่าแต่สตรีอ่อนแอผู้นั้นเลย แค่สิบวายร้ายก็ยังพอจะรับมือได้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอี้พอใจมาก กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้องทำให้แนบเนียน อย่าให้เฉินชีรู้ว่าเป็นฝีมือของเรา”“องค์ชายใหญ่โปรดวางพระทัยพ่ะย่ะค่ะ!”......รุ่งเช้าวันต่อมาลั่วชิงยวนพาสิบวายร้ายมาที่ถนนเสวียนอู่ถนนสายนี้ตรงไปยังประตูวังหลวงแต่เมื่อมาถึงถนนสายนี้กลับมิคึกคักเหมือนเคย จากที่ร้านค้าทั้งสองฝั่งเคยเต็มไปด้วยลูกค้า บัดนี้ถนนเงียบสงัดจิตสังหารแผ่ซ่านไปทั่วในโรงน้ำชาและโรงเตี๊ยมมีบุรุษสตรีมากมายนั่งอยู่ การแต่งกายของพวกเขานั้นหาได้ธรรมดาไม่โฉวสือชีสำรวจรอบ ๆ แล้วเตือนด้วยเสียงแผ่วเบา “คนพวกนี้ดูมีพิรุธ”“ระวังต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1263

    แต่ศัตรูมีมากมาย พวกเขาจึงค่อย ๆ กระจัดกระจายไปเพราะต่างฝ่ายต่างก็ต้องเอาตัวรอดทันใดนั้นก็มีเงาร่างหนึ่งร่วงลงมาจากฟ้า ถือกระบี่ยาวแทงไปที่หัวของลั่วชิงยวน“ลั่วชิงยวน ตายซะ!”เมื่อได้ยินเสียงนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงเสียงคุ้นมากเป็นหล่างชิ่นนี่เอง!แสงกระบี่วาววับแยงตาลั่วชิงยวน นางยกมือขึ้นสกัดกั้นโดยสัญชาตญาณ พลันหลับตาลงเฉินชีที่อยู่มิไกลเห็นดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย“ตาของนางเป็นอะไร?”ภัยอันตรายใกล้เข้ามา ลั่วชิงยวนรีบก้าวเบี่ยงตัวหลบแล้วชักกระบี่ขึ้นมารับกระบี่ของหล่างชิ่น ทั้งสองถอยห่างจากกันลั่วชิงยวนมองหล่างชิ่นด้วยแววตาเย็นชา เป็นนางจริง ๆหล่างชิ่นยังมิยอมแพ้ ตามมาถึงแคว้นหลี ความพยายามนี้ช่างมิธรรมดาเลยหล่างชิ่นจ้องมองลั่วชิงยวนด้วยความเกลียดชัง “วันนี้เจ้าหนีมิพ้นแน่!”“ถึงแม้ว่าข้าจะฆ่าเจ้ามิได้ ข้าก็จะดูพวกมันฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ!”หล่างชิ่นทุ่มสุดตัว โจมตีลั่วชิงยวนอีกครั้งจิตสังหารแผ่ซ่านพร้อมที่จะตายลั่วชิงยวนหรี่ตาลง มิหลบแม้แต่น้อย จิตสังหารพัดปอยผมและชายกระโปรงของนาง“คุกเข่า!”เสียงใสที่แฝงไปด้วยความโกรธดังกึกก้องไปทั่วถนนเสวียนอู่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1264

    นางเดินไปที่รถม้า แล้วเข้าไปนั่ง“เข้าวัง”ในขณะที่นั่งลงนั้นราวกับว่านางกำลังนั่งลงบนบัลลังก์ หาใช่รถม้าไม่โฉวสือชีมองร่างบอบบางนั้นด้วยแววตาที่ลุกโชน นางช่างดูสูงส่งและมีอำนาจรถม้าค่อย ๆ ออกเดินทางตรงเข้าวังหลวงผู้คนบนถนนลุกขึ้น มิเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นเพียงแต่ในใจของพวกเขาไม่มีความแค้นและความเกลียดชังอีกต่อไป“แยกย้ายกันเถิด”ผู้คนแยกย้ายกันไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นสิบวายร้ายต่างตกตะลึง หงไห่มิรู้ว่าจะเก็บมีดในมือไว้ที่ใด“สถานการณ์นี้มันอะไรกัน! คนพวกนี้ใจเสาะเสียไม่มี ยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนี้เลยน่ะรึ” หงไห่กล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกโฉวสือชีกลับหัวเราะเบา ๆ “พวกเราเลือกถูกคนแล้ว”หงไห่มิเข้าใจ พลันถามต่อ “พวกเรามิตามเข้าวังหรือ?”“มิจำเป็น ไม่มีใครทำร้ายนางได้” โฉวสือชีมองไปในระยะไกลแล้วพาทุกคนออกจากถนนเสวียนอู่มินานถนนเสวียนอู่ก็กลับมาเป็นปกติ แต่คนที่แอบดูอยู่กลับยังคงตกตะลึงมิหาย มิสามารถดึงสติกลับมาได้สำหรับฉินอี้แล้ว เขามิแปลกใจ นั่นเป็นความสามารถของนักบวชหญิงทุกยุคทุกสมัยแต่นักบวชหญิงได้รับความเคารพนับถือ ผู้คนต่างเชื่อฟังและทำตามคำสั่งของนักบวชหญิงลั่วชิง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1265

    ของประดับบนตู้ ม้วนตำราที่เปิดอยู่บนโต๊ะ ยังคงเหมือนกับตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ก่อนจะตายเพียงแต่ประตูและหน้าต่างปิดสนิท ทำให้รู้สึกอึดอัดเล็กน้อยนางเปิดหน้าต่างแล้วไปนั่งลงบนเตียงพลางมองภาพวาดอาวุธในม้วนตำราตอนนั้นนางดูสิ่งนี้ก็เพื่อเลือกอาวุธที่เหมาะมือตำรายังคงเปิดค้างอยู่หน้านี้แม้แต่ลมก็มิเคยพัดพลิกหน้ากระดาษเลยหรือ?ความรู้สึกนี้ทำให้นางรู้สึกราวกับกลับไปยังวันนั้น ชั่วขณะนั้น ประหนึ่งว่าเวลามิเคยผ่านไปมินาน นางกำนัลก็นำอาภรณ์และของใช้ต่าง ๆ มาให้ลั่วชิงยวนจัดวางสิ่งของตามความเคยชิน แล้วจึงออกจากห้องไปเมื่อออกไปก็เห็นเฉินชีเขาเดินเข้ามาด้วยท่าทีกอดอก “อาเหลาสมกับเป็นอาเหลาจริง ๆ”ลั่วชิงยวนมองไปรอบ ๆ ด้วยความประหม่า แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “อย่าเรียกข้าว่าอาเหลาอีก”ตอนนี้นางยังมิอยากให้ใครรู้ว่านางคือนักบวชหญิงคนก่อนที่ตายไปแล้วเนื่องจากยังมิพบตัวคนที่สังหารนาง จึงมิอาจเปิดเผยได้“ก็ได้ เช่นนั้นจะให้ข้าเรียกเจ้าว่าอะไร? ชิงยวนรึ? ข้ามิชอบเลย” เฉินชีครุ่นคิดลั่วชิงยวนมองเขาอย่างใจเย็น “ตามใจเจ้า”นางเดินจากไปเฉินชีเดินตาม “เช่นนั้นก็เรียกเจ้าว่าอาเห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1266

    แต่เขามิได้อยากฆ่าลั่วชิงยวน คนที่มีความสามารถเช่นนี้ หากสามารถใช้งานได้ก็สามารถลบล้างคำครหาที่ว่าเขามีพรสวรรค์ธรรมดาได้เก่งกาจด้วยตัวเองอาจจะมิได้ยิ่งใหญ่เสมอไปทว่าหากสามารถปราบคนที่เก่งกว่าสิบเท่า ร้อยเท่าได้ นั่นแหละที่น่าเกรงขาม!เหมือนกับลั่วชิงยวน!“ได้ ข้าจะหาวิธี” ฉินอี้ตอบรับอย่างใจเย็น......เพื่อหายา ลั่วชิงยวนจึงพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมในเมืองหลวงหลายวันแล้วให้สิบวายร้ายไปตามหาบัวถวายตามโรงหมอและร้านโอสถแต่สุดท้ายก็มิพบโฉวสือชีกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้สมุนไพรชนิดนี้หาได้มิยาก แต่ช่วงนี้มิรู้ว่าเป็นอะไร หาบัวถวายมิได้เลย”“ตามหาไปทั่วก็ไม่มีใครมี จะขโมยก็ไม่มีที่ให้ขโมย”โฉวสือชีรู้สึกจนปัญญาเป็นครั้งแรกลั่วชิงยวนมีสีหน้าเคร่งขรึม เหตุใดจู่ ๆ บัวถวายจึงหายากขึ้นมา“ถามโรงหมอและร้านโอสถหรือยังว่าเมื่อใดจะมีมาขาย?”โฉวสือชีกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ถามแล้ว แต่พวกเขาก็บอกว่าไม่มี มิรู้ว่าเมื่อใดจะมี”“แต่ข้าดูแล้ว ตอนนี้คงจะหายาก”“ถึงมี ก็คงไม่มีใครยอมขาย”ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะไอออกมา “แค่กแค่กแค่กแค่ก...”“ดูเหมือนว่าร่างกายของเจ้าจะแย่ลงแล้ว” โฉวสือชีมองนางด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1267

    นางรีบเข้าไปดูเฉินชีในชุดเกราะเดินมาหานางอย่างองอาจ บนใบหน้ามีรอยยิ้มหยิ่งผยองเขาเดินเข้ามาหมายจะกอดนาง “คิดถึงข้าหรือ?”ยังมิทันได้สัมผัสลั่วชิงยวน มือของลั่วชิงยวนก็ยันหน้าอกของเขาไว้นางมองเฉินชีด้วยแววตาเย็นชา “ฟู่เฉินหวนอยู่ที่ใด?”เฉินชีเลิกคิ้ว “ที่แท้เจ้ามาเพราะเขา ข้าจะพาเจ้าไปดูเขาเอง”ในป่าเงียบสงัดลั่วชิงยวนเดินตามเฉินชี เดินผ่านต้นไม้ใบหญ้า หัวใจนางเต้นระรัวมือเปียกชื้นไปด้วยเหงื่อมิรู้ว่าเพราะเหตุใด นางถึงรู้สึกกลัวผลลัพธ์ยังมิทันได้ยินเสียงของฟู่เฉินหวน เฉินชีก็หยุดเดินเขาหลีกทางให้ แล้วโน้มตัวเข้ามากระซิบข้างหูนางด้วยรอยยิ้ม“ดูสิ เขาอยู่ตรงนี้”“อาเหลา ข้าแก้แค้นให้เจ้าแล้ว”ภาพที่ปรากฏต่อหน้าคือฟู่เฉินหวนที่นอนนิ่งอยู่บนพื้นเลือดท่วมกาย ไร้ซึ่งลมหายใจบนร่างกายและใบหน้าเต็มไปด้วยรอยจากคมดาบแต่ยังคงจำได้ว่านั่นคือฟู่เฉินหวน!ในชั่วขณะนั้น ลั่วชิงยวนราวกับถูกบีบคอ นางหายใจมิออกจนแทบจะยืนมิอยู่เขาตายแล้วเขาตายแล้วหรือ?!เขาจะตายได้อย่างไรลั่วชิงยวนตกตะลึงราวกับถูกฟ้าผ่า นางมองศพนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำเฉินชีจงใจเข้ามาใกล้นาง “อาเหลา ข้าแก้แ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1268

    โลหิตสาดกระเซ็นเปรอะเปื้อนชายกระโปรงของลั่วชิงยวนในพริบตาร่างไร้วิญญาณบนพื้นเจิ่งนองไปด้วยเลือด เนื้อหนังปะปนจนแยกมิออก อนาถเกินกว่าจะมองภาพตรงหน้าของลั่วชิงยวนเต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน นางเจ็บแปลบที่อก ความโกรธแค้นเต็มอกทำให้นางพลันชักกระบี่ออกมาอย่างแรงแล้วชี้ไปที่เฉินชีด้วยความดุดันเฉินชีมองนางด้วยแววตาที่ซับซ้อน นัยน์ตาของเขายังคงเต็มไปด้วยความหยิ่งยโสและความก้าวร้าว เขาหัวเราะออกมา“ไยเล่า? เจ้ายังคงปวดใจอีกรึ? มิใช่ว่าตัดใจแล้วรึ?”“มิใช่ว่าตัดขาดกับเขาแล้วหรือไร?”“เหตุใดจึงโกรธเช่นนี้? มิกล้ามองแม้แต่ศพของเขาเลยงั้นรึ?”ทันใดนั้น เฉินชีใช้มือคว้าใบมีดที่คมกริบเดินเข้าหานางโลหิตไหลลงตามข้อมือของเขาลั่วชิงยวนจ้องมองเขาด้วยแววตาดุดัน นางดึงกระบี่ออกมาแทงเข้าที่หน้าอกของเฉินชีอย่างแรงแล้วตะโกนด้วยความโกรธ “ข้าเกลียดเขา ข้าจะฆ่าเขาด้วยมือของข้าเอง! ใครใช้ให้เจ้ามายุ่ง!”เฉินชีตกใจ มองนางด้วยความประหลาดใจจากนั้นก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้เองหรือ?”ทันใดนั้น เฉินชีก็คุกเข่าลงแต่กลับกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เรื่

Latest chapter

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1282

    เลือดสด ๆ ยังคงไหลมิหยุด ไหลนองไปตามร่องลึกของลวดลายวงเวทบนพื้นดินคาดมิถึงว่ามันจะค่อย ๆ ทำให้อักษรเวทของวงเวทส่องแสงขึ้นจากนั้นหมอกสีเขียวจาง ๆ ก็กระจายฟุ้งอยู่รอบตัวลั่วชิงยวนสิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นไอโอสถทั้งสิ้นหอรักษ์ดาราแห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่สามารถกลั่นไอโอสถจากเลือดได้ และไอโอสถเหล่านี้ก็สามารถรักษาร่างกายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้ลั่วชิงยวนหลับตาและสูดลมหายใจด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ร่างกายที่ปวดร้าวของนางดูเหมือนจะผ่อนคลายลงนี่อาจจะเป็นความหมายของการมีอยู่ของแท่นประลองหอรักษ์ดาราแต่ไอโอสถนี้ก็จางลงอย่างรวดเร็วลั่วชิงยวนปล่อยเกาเหมียวเหมี่ยว นางยืนขึ้นพร้อมกับยืดเส้นยืดสาย และเดินลงจากแท่นประลองคนอื่นที่อยู่รอบ ๆ ต่างมองมาที่นางด้วยสายตาที่หวาดกลัวมากขึ้น และพวกเขาก็มิกล้าพูดจาดูถูกเหยียดหยามนางเหมือนก่อนหน้านี้อีกต่อไปแล้วลั่วชิงยวนกวาดตามองอย่างเรียบเฉย จากนั้นก็มองไปที่เฉินชีด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วเดินจากไปเกาเหมียวเหมี่ยวที่ได้รับบาดเจ็บถูกปลดแส้ออกอย่างรวดเร็วและถูกช่วยลงจากแท่นประลอง นางกัดฟันแน่นพลางจ้องตามหลังลั่วชิงยวนที่กำลังเดินออกไปครู่ต่อมา นางก็เห

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1281

    “โอ้สวรรค์ ข้าคงมิได้ตาลายใช่หรือไม่?”“นางไปเอาความกล้ามาจากที่ใดกัน!”ทุกคนในเมืองหลวงต่างรู้ดีว่าเกาเหมียวเหมี่ยวคือใครนางมิเพียงมีสถานะองค์หญิงที่สูงส่งเท่านั้น แต่ยังมีโอกาสที่จะได้สืบราชบัลลังก์ในภายภาคหน้าอีกด้วยเนื่องจากองค์ชายใหญ่มีความสามารถปานกลาง จึงมิเป็นที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิและฮองเฮา ทว่าองค์หญิงผู้นี้กลับแข็งแกร่งและไร้ความปรานี จึงได้รับความโปรดปรานจากพวกเขาไม่มีใครในเมืองหลวงกล้าขัดใจนางเว้นเสียแต่ เฉินชีเพราะนางชอบเขาทว่าแม้จะเป็นเฉินชี แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นเขาก็ให้เกียรตินางมากลั่วชิงยวนผู้นี้กล้ามากถึงขั้นเหยียบย่ำองค์หญิงต่อหน้าธารกำนัลมากมายเช่นนี้!เกาเหมียวเหมี่ยวพยายามดิ้นพร้อมกับก่นด่าไปด้วย “ลั่วชิงยวน ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! หากเจ้ามิปล่อยข้า ข้าจะทำให้เจ้าตายจนหาที่ฝังมิได้เลยคอยดู!”“ท่านนี่พูดมากนัก เงียบเสีย!”ลั่วชิงยวนมองนางด้วยสายตาเย็นชา พลางคว้าแส้แล้วดึงมันอย่างแรงทันใดนั้นแส้ที่คอของเกาเหมียวเหมี่ยวก็รัดแน่นขึ้นบังคับให้เกาเหมียวเหมี่ยวต้องเชิดหน้าขึ้นสูงแต่ยังคงถูกแส้รั้งไว้จนหน้าแดงนางหายใจมิออกจนเส้นเลือดแตกและตา

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1280

    ลั่วชิงยวนถูกแส้ฟาดจนกระอักเลือด ทำให้อาภรณ์ชุดขาวของนางมีรอยเปื้อนสีแดงมีรอยแส้ที่น่าสะเทือนใจพาดอยู่บนหลังของนางเป็นเส้น ๆทุกคนที่อยู่รอบนอกต่างรู้สึกหวาดกลัวมีคนที่อดมิได้ที่จะกระซิบขึ้นว่า “มิยุติธรรมเลย คนหนึ่งมีอาวุธ แต่อีกคนไม่มี นี่มันจงใจแกล้งกันชัด ๆ มิใช่หรือ”“ชู่! พระนางเป็นองค์หญิง ถึงพระนางจะจงใจฆ่าลั่วชิงยวน แล้วใครจะพูดอะไรได้ ระวังไว้เถิด หากนางจับได้ เจ้าได้เดือดร้อนแน่”ทุกทิศมีแต่ความเงียบงันไม่มีใครกล้าพูดอะไรใครใช้ให้เกาเหมียวเหมี่ยวเป็นองค์หญิงเล่า?นางคือองค์หญิงที่ได้รับความโปรดปรานมาตั้งแต่ยังเล็กนางกลายเป็นคนเย่อหยิ่งบ้าอำนาจ และวิธีการของนางเลวทรามมิน้อยไปกว่าเฉินชีเลยทุกคนในที่นี้ล้วนไม่มีใครกล้าขัดทว่ามีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่สามารถช่วยลั่วชิงยวนได้ แต่คนผู้นั้นกลับนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ พลางมองลั่วชิงยวนที่ถูกฟาดบนพื้นจนร่างกายเต็มไปด้วยเลือดมีแสงประกายเจิดจ้าอยู่ในดวงตาของเขาและเจือไปด้วยความยินดีปรีดาลั่วชิงยวนกลิ้งไปบนพื้นและทันใดนั้นก็กระอักเลือดออกมาเต็มปากนางเงยหน้าขึ้นมาและเห็นสายตาที่แสดงถึงความตื่นเต้นดีใจของเฉินชี เขาม

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1279

    “สตรีนางนี้ตอบสนองได้รวดเร็วยิ่งนัก”“การตอบสนองเร็วเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การเอาชนะคู่ต่อสู้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง”“พลังความสามารถของจั๋วฉ่างตงนั้นสูงมาก แม้แต่บรรดาคนที่อยู่ที่นี่ก็ยังมีเพียงมิกี่คนเท่านั้นที่สามารถเอาชนะนางได้”ผลลัพธ์ของการประลองครั้งนี้ ไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นแล้วทว่าขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน ทันใดนั้นจั๋วฉ่างตงก็ล้มลงอย่างแรงเมื่อทุกคนจ้องมองไปและแน่ใจว่าคนที่ลอยตกลงมาคือจั๋วฉ่างตง พวกเขาก็พากันตกตะลึงงัน“ข้าเห็นมิชัดเลย จั๋วฉ่างตงกระเด็นออกไปได้อย่างไรกัน?”ทุกคนต่างสงสัยจั๋วฉ่างตงกระอักเลือดและเงยหน้ามองคนผู้นั้นด้วยความตกตะลึง ดวงตาของนางเยือกเย็นจนน่าหวาดกลัวเป็นไปได้อย่างไรกันนางเป็นขยะไร้ค่ามิใช่รึคราวก่อนที่ส่งคนไปทดสอบ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าไม่มีพลังที่จะรับมือได้เลย เป็นไปมิได้ที่จู่ ๆ นางจะเปลี่ยนมาร้ายกาจถึงเพียงนี้!จั๋วฉ่างตงมิยอมรับ นางดีดตัวขึ้นและพุ่งไปหาลั่วชิงยวนอีกครั้งดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา ร่างกายของนางเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็นภาพลวงตา พลางปล่อยหมัดออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าลั่วชิงยวนต่อยจั๋วฉ่างตงอย่างรุนแรงจนกระเด็น จากน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1278

    “ได้ยินมาว่านางจะประลองกับจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดาราในวันพรุ่ง”แม้หลายปีมานี้จั๋วฉ่างตงจะมิได้ดำรงตำแหน่งขุนนางใด ๆ แต่กำลังความสามารถของนางก็ถือว่าโดดเด่นที่สุดในบรรดาคนรุ่นเดียวกันอย่างแน่นอน“แล้วเจ้ามิช่วยนางเล่า? เหตุใดจึงปล่อยให้นางขโมยโอสถทะลวงปราณไป?”ขณะนี้ เฉินชีที่อยู่ในห้องเดินออกมาอย่างช้า ๆ พร้อมมองไปยังทิศทางที่ลั่วชิงยวนหนีไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายริมฝีปากของเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา“ข้าชอบที่เห็นนางอยู่ในสภาพบาดเจ็บเลือดตกยางออก”“ยิ่งนางจนมุมข้าก็ยิ่งปรีดา”เฒ่าโอสถขมวดคิ้วและส่ายหัวด้วยอารมณ์ซับซ้อน “สตรีบ้านไหนได้เจอเจ้า ถือว่าโชคร้ายที่สุดจริง ๆ”……หลังจากกลับมาถึงห้องอย่างปลอดภัยแล้ว ลั่วชิงยวนก็รีบเปลี่ยนอาภรณ์และนั่งขัดสมาธิบนตั่งนุ่มข้างหน้าต่างนางหยิบโอสถทะลวงปราณ และนำเข็มทิศอาณัติแห่งสวรรค์ออกมาทำการบำเพ็ญตนแค่คืนเดียวก็เพียงพอที่จะนำเอาประสิทธิภาพสูงสุดของโอสถทะลวงปราณออกมาได้แม้จะมิสามารถฟื้นฟูพลังยุทธได้อย่างสมบูรณ์ แต่ก็สามารถฟื้นคืนมาได้อย่างน้อยเจ็ดถึงแปดในสิบส่วนเพียงแค่จัดการกับจั๋วฉ่างตงได้ก็พอแล้ว……วันต่อมาเวลารุ่งสางบริเวณร

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1277

    เกาเหมียวเหมี่ยวกำหมัดแน่น รู้สึกโมโหมากจนแทบจะปรี๊ดแตกออกมาความรู้สึกอับอายถาโถมเข้ามาหานางเหมือนกับคลื่นยักษ์“เฉินชี คอยดูเถอะ!” เกาเหมียวเหมี่ยวจ้องมองเขาด้วยความโกรธเกรี้ยวนางสวมอาภรณ์แล้วหนีไปทันที……คืนก่อนวันประลองที่หอรักษ์ดาราทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในความเงียบสงบหลังจากลั่วชิงยวนพักผ่อนได้หนึ่งวัน นางก็เปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดท่องราตรีนางแอบเปิดประตูห้องแล้วอาศัยจังหวะที่บริเวณรอบ ๆ ไม่มีคน มุ่งหน้าไปยังหอปรุงโอสถทั้งยังปล่อยเตี่ยฉุยออกมาเพื่อช่วยนางดูคนที่ผ่านไปมาให้อีกแรงหอปรุงโอสถเป็นสถานที่สำคัญของสำนักนักบวช บุคคลทั่วไปมิได้รับอนุญาตให้เข้าไปตามใจชอบ หากนางถูกจับได้ จะต้องตายสถานเดียวทว่าหากมิขโมยโอสถ วันพรุ่งก็ต้องตายในการประลองที่หอรักษ์ดาราอยู่ดีดังนั้นนางจึงทำได้เพียงยอมเสี่ยงดูสักครั้งลั่วชิงยวนอาศัยความที่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้ได้อย่างรวดเร็ว ทำการหลบเลี่ยงจุดที่อาจจะมีคนและมาถึงด้านนอกของหอปรุงโอสถขณะนี้ หอปรุงโอสถเงียบสงบและไม่มีใครเฝ้ายามลั่วชิงยวนเดินเข้ามาในลานจนถึงประตูที่ลงกลอนเอาไว้นางดึงปิ่นปักผมออกมาปลดกลอนประตูอย่างชำนาญจากนั้นก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1276

    “ใครให้เจ้าใช้กลิ่นกล้วยไม้? คิดว่าตัวเองคู่ควรกับมันรึ?”แววตาอันชั่วร้ายและกลิ่นอายสังหารทั่วร่างที่แผ่ออกมาทำให้หลานจีหวาดกลัวจนต้องดิ้นรนอย่างสุดชีวิต“ท่าน… ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นให้ข้าใช้มันเองนะเจ้าคะ”ดวงตาของเฉินชีเปลี่ยนเป็นเยือกเย็น เขาโยนหลานจีออกจากห้องอย่างโหดร้าย“นับตั้งแต่วันนี้ห้ามใช้น้ำหอมกลิ่นกล้วยไม้อีก ไสหัวไป!”หลานจีล้มออกมานอกห้องอย่างแรงจนกลิ้งตกขั้นบันไดและกระอักเลือดออกมา ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่ดูมิได้อย่างยิ่งนางเงยหน้าขึ้นด้วยความมิอยากเชื่อ มิเข้าใจว่าเหตุใดอารมณ์ของท่านแม่ทัพถึงเปลี่ยนไปอย่างกะทันหันเมื่อก่อนเขาชอบดูนางร่ายรำเป็นที่สุด และชอบกลิ่นหอมของกล้วยไม้บนตัวของนางด้วยเช่นกันเหตุใดจู่ ๆ ถึง…หลานจีพยายามลุกขึ้นจากพื้นพลางมองไปที่เฉินชีที่ยังคงดื่มอยู่ในห้อง “ท่านแม่ทัพมีเรื่องอันใดมิสบายใจใช่หรือไม่เจ้าคะ หลานจียินดีช่วยแบ่งเบาความกังวลให้ท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ!”ทันใดนั้นก็มีบุคคลหนึ่งก้าวออกมาจากด้านหลัง ร่างนั้นเดินผ่านหน้านาง และได้ตบนางอย่างแรงทำให้หลานจีล้มลงกับพื้นอีกครั้ง“ไล่ให้เจ้าไสหัวไปแต่กลับมิทำ จะรอข้ามาถลกหนังรึไร?” ดวงตาของเก

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1275

    ฟู่เฉินหวนหาได้แปลกใจไม่ คนที่ปรากฏตัวที่นี่ได้ย่อมมิใช่คนธรรมดาเขามิได้ตอบ เพราะกำลังครุ่นคิดฉินอี้พูดต่อ “คนของเฉินชีล้อมภูเขาทั้งลูกไว้แล้ว เจ้าบาดเจ็บสาหัส ออกไปเองมิได้หรอก”“มีเพียงการไปกับข้าเท่านั้น ข้าจึงจะพาเจ้าออกจากที่นี่ได้”“อีกอย่าง เจ้าก็น่าจะสัมผัสได้ถึงจิตสังหารของเฉินชี ถึงแม้ว่าเจ้าจะรอดชีวิตออกจากภูเขาลูกนี้ก็เข้าเมืองหลวงมิได้อยู่ดี และไม่มีทางได้พบลั่วชิงยวน”“ทั่วแผ่นดินแคว้นหลี มีเพียงข้าเท่านั้นที่ช่วยเจ้าได้”ฟู่เฉินหวนหรี่ตาลง “เงื่อนไขคืออะไร?”“เจ้าอุตส่าห์มาช่วยข้า คงต้องมีเงื่อนไขกระมัง”ฉินอี้ยกยิ้ม “ข้าชอบคบหากับคนฉลาด!”“สิ่งเดียวที่ข้าอยากทำ ก็คือฆ่าเฉินชี!”แววตาของฉินอี้เต็มไปด้วยจิตสังหารเฉินชีควบคุมกองทัพ มักทำอะไรตามใจชอบถึงแม้ว่าภายนอกจะเชื่อฟังราชวงศ์ แต่ความจริงแล้วเขาแทบมิยอมรับข้อบังคับของราชวงศ์ มิเคยเห็นใครอยู่ในสายตายิ่งไปกว่านั้น เขามิเคยนับถือองค์ชายผู้นี้เลย คอยแต่จะเยาะเย้ยเสมอเมื่อมีโอกาสสิ่งที่เขาอยากทำมากที่สุดในชีวิตคือ ฆ่าเฉินชี!ฟู่เฉินหวนดูออก ฉินอี้มิได้โกหกเรื่องนี้ ความเกลียดชังในดวงตาของเขาแทบจะพวยพุ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1274

    นางลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพื่อหลบ ทว่าหาได้มีทางหลบได้ไม่ เงาดำหลายร่างจับร่างจองนางเหวี่ยงไปมาร่างของนางราวกับใบไม้ที่ถูกลมพัดปลิวไปมา ชนกำแพง ชนประตู ชนต้นไม้จนเลือดไหลออกมาดูน่าเวทนายิ่งนักมีคนหลายคนยืนดูความเคลื่อนไหวในเรือนจากในที่มืดระยะไกล แล้วต่างหัวเราะอย่างพึงพอใจ“คิดว่าจะเก่งแค่ไหนกันเชียว กล้ามาท้าทายจั๋วฉ่างตงที่หอรักษ์ดารา สุดท้ายก็ได้แค่นี้”“ความจริงนางก็มิได้เก่งหรอก มิรู้ว่าปราบสิบวายร้ายได้อย่างไร”“ส่งไปอีกสองตัว! ทรมานอีกสักรอบ อีกสองวันข้างหน้าเมื่อไปหอรักษ์ดารา นางอาจจะยอมแพ้ไป!”พูดจบ พวกเขาก็เปิดกล่องที่ผนึกด้วยยันต์แปดทิศ และกระดาษยันต์หนึ่งแผ่นก็เริ่มควบคุมสิ่งของในกล่องให้บินออกมาทันใดนั้นก็มีเท้าข้างหนึ่งยื่นออกมาเตะกล่องคว่ำสิ่งที่พุ่งออกมาทันทีนั้นส่งเสียงคำรามอันน่าสยดสยอง ทำให้หลายคนตกใจพลันรีบถอยหลังหลบกันไป“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วรึไร!” หลายคนรีบลุกขึ้นตะโกนใส่อวี๋โหรวที่เตะกล่องคว่ำพวกเขาลุกขึ้นยืน ทุกคนตัวสูงกว่าอวี๋โหรวยิ่งทำให้อวี๋โหรวดูตัวเล็กดูน่ารังแกแต่อวี๋โหรวกลับมองพวกเขาด้วยแววตาเย็นชา “พอได้แล้ว!”“หากทำให้นางตาย ข้าจะดูว่าเ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status