Share

บทที่ 876

Author: ดอกถังร่วงหล่น
แม่ลูกสองคนนี้ พอเจอหน้ากันก็จิกกัดกันไปมา

จิ่งโม่เยี่ยไม่ได้รู้สึกอะไรกับนาง แต่กลับรู้สึกขยะแขยงกับพฤติกรรมบางอย่างของนางเป็นอย่างยิ่ง

เขาพูดอย่างไม่แสดงสีหน้าใดๆ ว่า “กลับตำหนักเฟิ่งไหลของท่านไปเสีย อย่าบีบบังคับให้ข้าต้องลงมือ”

พระสนมสวี่เบ้ปาก “ข้าอุตส่าห์ออกจากตำหนักเฟิ่งไหลมาได้อย่างยากเย็นแสนเข็ญ จะกลับไปง่ายๆ ได้อย่างไร”

ข้างกายนางมีทหารองครักษ์เกล็ดทองหลายคน

ทหารองครักษ์เหล่านั้นเห็นจิ่งโม่เยี่ยก็ยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ขขยับเขยื้อน

จิ่งโม่เยี่ยเห็นภาพเช่นนี้ก็รู้ได้ทันทีว่านางออกมาได้อย่างไร

เขาไม่ได้สนใจเรื่องของนาง แต่ตอนนี้นางเข้าวังหลวงมาแล้ว ต้องการจะเข้าเฝ้าฮ่องเต้เจาหยวน ซึ่งเขาไม่อนุญาต

เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ทหาร พาพระสนมสวี่กลับตำหนักเฟิ่งไหล”

องครักษ์ข้างหลังเขาขยับ ทหารองครักษ์เกล็ดทองก็ล้อมพระสนมสวี่ไว้ทันที

พระสนมสวี่ถอนหายใจแล้วพูดว่า “ข้าเข้าวังมาไม่ใช่เพื่อมาหาฮ่องเต้เจาหยวน ข้ามาหาเจ้า”

จิ่งโม่เยี่ยพูดโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ ว่า “ข้าไม่มีอะไรจะพูดกับท่าน”

พระสนมสวี่เห็นท่าทางของเขาก็อดถอนหายใจไม่ได้จริงๆ ความสัมพันธ์ของแม่ลูกคู่นี้เรียกได้ว่าเลว
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 877

    เพียงแต่เขาไม่ได้รู้สึกดีกับนางแม้แต่น้อย เขาจึงไม่ได้สืบสาวเรื่องนี้ต่อเขารู้ว่ามีองครักษ์เกล็ดทองคอยคุ้มกัน หากพระสนมสวี่วางแผนจะออกจากวัง เขาก็คงห้ามไม่ได้ดังนั้นเขาจึงส่งคนไปเฝ้าดูพระสนมสวี่ หากมีความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ให้รีบรายงานเขาทันทีจิ่งโม่เยี่ยแทบจะไม่คาดหวังอะไรในตัวของพระสนมสวี่เลยขอแค่นางอย่าก่อเรื่องก็พอตายไปได้ก็ยิ่งดีเขาได้ยินพระสนมสวี่บอกว่าตัวเองกำลังจะตาย เขารู้สึกว่านี่เป็นข่าวดีจริงๆ หวังว่านางจะไม่ได้โกหกเขาฮ่องเต้เจาหยวนรออยู่ในห้องเป็นเวลานาน เฝ้ารอพระสนมสวี่เข้ามาพบแท้จริงแล้ว เขาก็มีความรู้สึกกับพระสนมสวี่อยู่บ้าง กับเรือนร่างบอบบางน่าทะนุถนอม ที่ทำให้เขาหลงใหลในค่ำคืนนับไม่ถ้วนความรู้สึกแบบนั้น ผู้หญิงคนอื่นไม่สามารถมอบให้เขาได้เขายังคิดเตรียมเอาไว้ด้วยว่าเมื่อพระสนมสวี่เข้ามา เขาจะพูดอะไรกับนาง ทำอย่างไรถึงจะทำให้นางยอมเป็นเบี้ยล่างให้เขา และเอาคืนจิ่งโม่เยี่ยอีกครั้งหากใช้ประโยชน์จากนางได้ดี นางอาจจะมีประโยชน์ไม่น้อยแต่เขารอแล้วรอเล่า ก็ยังไม่เห็นพระสนมสวี่เข้ามาสักทีเขารู้สึกเสียดาย เขาคิดว่าพระสนมสวี่เข้าวังมาเพื่อพบเขา การที่นางเข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 878

    จิ่งสือเยี่ยนขมวดคิ้ว “นางจะมีเรื่องอะไรมาประกาศ?”ผู้ดูแลตอบ “บอกว่าเกี่ยวกับฮ่องเต้พ่ะย่ะค่ะ”จิ่งสือเยี่ยนทำสีหน้าไม่ใส่ใจ “เรื่องระหว่างนางกับเสด็จพ่อ คนทั้งเมืองหลวงก็รู้กันหมด”“ตอนนี้นางไปหาพวกขุนนาง คงอยากจะบอกคนทั้งโลกว่านางมีความสัมพันธ์กับเสด็จพ่อ”พูดถึงตรงนี้เขาก็ด่าเบาๆ “นางนี่หน้าไม่อายจริงๆ!”ความสัมพันธ์ระหว่างพระสนมสวี่กับฮ่องเต้เจาหยวน ถึงจะพูดได้ไม่เต็มปากว่ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมือง แต่ก็ใกล้เคียงก่อนหน้านี้ ถึงแม้ฮ่องเต้เจาหยวนจะโปรดปรานนางอยู่บ้าง แต่นางก็ไม่ได้รับความเคารพจากใครคนในราชวงศ์ทั้งหมด ไม่ว่าหญิงหรือชาย พอพูดถึงนางก็ต้องด่าว่าโง่กันทั้งนั้นผู้ดูแลลังเลเล็กน้อย “แต่ข่าวที่นางปล่อยออกไป บอกว่ามีเรื่องสำคัญอย่างยิ่งจะประกาศพ่ะย่ะค่ะ”“นางเป็นถึงพระมารดาของอดีตอ๋องผู้สำเร็จราชการ ครั้งที่แล้วที่จวนผู้ว่าราชการประจำเมืองหลวง นางก็ช่วยอ๋องผู้สำเร็จราชการ”“ท่านมหาราชครูถูกตัดสินความผิดเร็วขนาดนั้น ก็คงเกี่ยวข้องกับนางไม่น้อย”จิ่งสือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ “ท่านมหาราชครูเป็นพระบิดาของฮองเฮา นางกับฮองเฮามองหน้ากันไม่ติดมาหลายปีแล้ว”“นางอยาก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 879

    “พวกเจ้าต้องถามแน่ว่า ข้ากับฮ่องเต้เจาหยวนฆ่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนได้อย่างไร มีหลักฐานหรือไม่”“ตอนนี้ข้าจะบอกพวกเจ้า ฮ่องเต้พระองค์ก่อนถูกข้ากับฮ่องเต้เจาหยวนวางยาพิษจนตาย”“ยาพิษฮ่องเต้เจาหยวนเป็นคนมอบให้ข้า ส่วนคนที่ให้ยาพิษกับเขาก็คือ ลั่วชิงเหอ หมอหลวงจากสำนักหมอหลวง”“หลังจากที่พวกเราวางยาพิษฮ่องเต้พระองค์ก่อน ฮ่องเต้เจาหยวนก็ให้ข้าหลบไป แล้วเขากับท่านมหาราชครูก็จัดการเรื่องที่เหลือกันต่อ”คำพูดเหล่านี้ ถือเป็นเรื่องอื้อฉาวของราชวงศ์อย่างแน่นอนตอนนี้ที่ด้านล่างหอลิ่วเจวี๋ย ไม่เพียงแต่มีขุนนางอาวุโสในราชสำนักเท่านั้น แต่ยังมีนักเล่าเรื่องชื่อดังในเมืองหลวง และชาวบ้านละแวกใกล้เคียงอีกจำนวนหนึ่งวันนี้เป็นวันเทศกาลหยวนเซียว[footnoteRef:1]พอดี หน้าหอลิ่วเจวี๋ยจึงประดับประดาด้วยโคมไฟหลากสีสัน [1: เทศกาลโคมไฟ] หอลิ่วเจวี๋ยเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดสำหรับการชมโคมไฟ ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะยังไม่มืด แต่ก็มีผู้คนมารวมตัวกันมากมายแล้วคำพูดของพระสนมสวี่ถูกผู้คนมากมายได้ยิน ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม เรื่องนี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงจิ่งโม่เยี่ยได้ยินคำพูดเหล่านี้ก็รู้สึกประหลาดใจ เข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 880

    ตอนนี้นางเผชิญหน้ากับการถูกนินทา นางไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อยนางพูดอย่างแผ่วเบาว่า “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าจะด่าว่าข้าเป็นผู้หญิงสำส่อน ไม่รักษาศีลธรรม ไร้ยางอาย”“จริงๆ แล้วสำหรับข้า ข้าแค่อยากจะใช้ชีวิตอยู่กับคนที่ข้ารักเท่านั้น”“ตอนนั้น ฮ่องเต้พระองค์ก่อนทรงบังคับให้ข้าแต่งงานด้วย ข้าจึงเกลียดเขามาก หลังจากแต่งงานกับเขา ข้าก็อยากจะฆ่าเขาอยู่ตลอดเวลา”“ตอนนั้น ฮ่องเต้เจาหยวนบอกว่าเขาจะดูแลข้าไปตลอดชีวิต นอกจากตำแหน่งฮองเฮาแล้ว เขาจะให้ทุกสิ่งทุกอย่างกับข้า”พูดถึงตรงนี้ สีหน้าของนางเต็มไปด้วยความโกรธ “แต่เขาก็เป็นแค่คนโกหกหลอกลวง!”“เขาไม่ได้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับข้าเลย ข้าเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าเขาวางแผนจะฆ่าข้า!”“ข้าทุ่มเททุกอย่างให้เขา ฆ่าฮ่องเต้พระองค์ก่อนเพื่อเขา แต่เขากลับทำกับข้าแบบนี้!”ที่จริงนางรู้อยู่แล้วเรื่องที่ฮ่องเต้เจาหยวนต้องการฆ่านางถึงนางจะโกรธมากในตอนนั้น แต่ก็ไม่ได้คิดที่จะพูดเรื่องนี้ออกมาในช่วงที่นางถูกเทียนซือเคี่ยวกรำทรมานทุกวัน นางเคยส่งองครักษ์เกล็ดทองไปส่งข่าวให้ฮ่องเต้เจาหยวน ให้เขาช่วยเหลือนางแต่องครักษ์กลับมาพร้อมกับคำพูดของฮ่องเต้เจาหยวนเพียงคำ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 881

    พูดจบนางก็ค่อยๆ ยืนขึ้น ทุกคนต่างตกตะลึงมีคนตะโกนว่า “พระสนมสวี่ รีบกลับลงมาพ่ะย่ะค่ะ!”แต่พระสนมสวี่ไม่หันกลับไป นางยืนอยู่บนราวระเบียงแล้วพูดว่า “ชีวิตของข้าช่างโสมมยิ่งนัก”“บัดนี้ความลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจข้าได้ถูกเปิดเผยแล้ว ข้าไม่เหลืออะไรให้ห่วงอีก”พูดจบนางก็หลับตาแล้วกระโดดลงมาจากหอลิ่วเจวี๋ยการกระทำของนางทำให้จิ่งโม่เยี่ยตกตะลึงอย่างมากจิ่งโม่เยี่ยคิดมาตลอดว่าคนอย่างพระสนมสวี่เป็นพวกเห็นประโยชน์ส่วนตน นางจะคิดแต่ทำร้ายคนอื่น ไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างแน่นอนดังนั้นเขาจึงยืนดูอยู่ข้างๆ พอเห็นท่าไม่ดีจึงรีบวิ่งไป แต่ก็สายไปเสียแล้วถึงแม้ว่าระยะห่างระหว่างเขากับพระสนมสวี่จะไม่ไกลนัก แต่ตอนนี้มีคนเต็มไปหมด คนเหล่านั้นขวางทางเขาไว้ ทำให้เขาเข้าไม่ถึงตัวของพระสนมสวี่เขาเห็นพระสนมสวี่กระโดดลงมาจากหอลิ่วเจวี๋ย ร่างกระแทกตกพื้นอย่างแรงจิ่งโม่เยี่ยแหวกผ่านฝูงชน วิ่งเข้าไปหาพระสนมสวี่อย่างรวดเร็วตอนนี้นางนอนอยู่บนพื้น มีเลือดไหลซึมออกมาจากด้านหลังแผ่ขยายออกไปราวกับดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานเขายืนอยู่ตรงหน้าพระสนมสวี่ มองนางด้วยความไม่เข้าใจตอนนี้รอบๆ ตัวมีแต่ผู้คนรายล้อม

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 882

    เดิมทีพระสนมสวี่คิดว่าคำพูดนี้คงจะพูดออกมายากนัก แต่พอได้พูดออกไปแล้ว กลับพบว่ามันก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิดมองจิ่งโม่เยี่ยจากมุมมองของนาง นางเพิ่งสังเกตเห็นเป็นครั้งแรกว่าลูกชายของนางนั้นหล่อเหลาเอาการในวินาทีนี้ นางคิดถึงเรื่องราวมากมายหลายอย่างทั้งความดีที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีต่อนาง และภาพของจิ่งโม่เยี่ยในวัยเยาว์ที่น่ารักเมื่อนึกย้อนกลับไป ตอนนี้นางรู้สึกว่าที่จริงแล้วนางก็ไม่ได้ไร้ความรู้สึกต่อฮ่องเต้พระองค์ก่อนเสียทีเดียว ก็เคยมีบ้างที่รู้สึกซาบซึ้งเพียงแต่ในตอนนั้น ฮ่องเต้เจาหยวนมักจะมาหานาง พูดจาใส่ร้ายฮ่องเต้พระองค์ก่อน บอกเล่าความรักที่ลึกซึ้งระหว่างพวกเขาด้วยเหตุนี้ นางจึงเผลอมองข้ามความดีที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนมีต่อนางไป จดจำได้แต่เพียงการบังคับและช่วงชิงของพระองค์ส่วนจิ่งโม่เยี่ย นางไม่ได้เกลียดชังเขามาตั้งแต่แรก เขาเป็นลูกชายที่นางอุ้มท้องนานสิบเดือนและคลอดออกมา ตอนแรกนางก็รักและสงสารเขามากเป็นฮ่องเต้เจาหยวนที่บอกกับนางว่า จิ่งโม่เยี่ยคือหลักฐานที่ฮ่องเต้พระองค์ก่อนข่มเหงนาง เด็กคนนี้ไม่ควรเกิดมาบนโลกใบนี้ยิ่งคิดนางก็ยิ่งรู้สึกว่าคำพูดของเขามีเหตุผล นางจึงพยาย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 883

    พระสนมสวี่มองตาเขาด้วยดวงตาแดงก่ำ นางรู้สึกเจ็บปวดหัวใจอย่างมากในใจนางรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางทำเรื่องโง่ๆ ไปเท่าไหร่ พลาดคนและเรื่องสำคัญไปมากแค่ไหน?นางอยากจะบอกเขาว่า "เยี่ยเอ๋อร์ อย่าเสียใจ ข้าไม่คู่ควร"แต่นางก็พูดประโยคนี้ออกมาไม่ได้อีกแล้ว รูม่านตาของนางเบิกกว้าง หัวใจหยุดเต้น มือที่วางอยู่ในมือของจิ่งโม่เยี่ยก็ตกลงมาจิ่งโม่เยี่ยร้องเรียก "เสด็จแม่!"เสียงนี้เป็นเสียงที่เขาเรียกออกไปโดยไม่รู้ตัว เขาคงลืมไปแล้วว่าพระสนมสวี่ไม่ได้เป็นฮองเฮาผู้สูงศักดิ์อีกต่อไปเขามองพระสนมสวี่ที่นอนจมกองเลือดอย่างเงียบๆ หลับตาลงช้าๆ เก็บกดอารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจหัวหน้าองครักษ์เกล็ดทองวิ่งมาอย่างรีบร้อน เขาเห็นสภาพของพระสนมสวี่ก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งวันนี้พระสนมสวี่บอกว่านางจะนัดพบขุนนางที่หอลิ่วเจวี๋ย ให้เขาไปเอาของบางอย่าง เขาจึงอยู่ห่างจากพระนางเขาไม่คิดว่าวันนี้พระสนมสวี่จะสั่งให้เขาออกห่างเพื่อฆ่าตัวตายถึงแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำหลายๆ อย่างของพระสนมสวี่ แต่นางก็เป็นเจ้านายของเขา และเขาก็มีแต่ต้องเชื่อฟังนางเขาพับชายเสื้อขึ้นแล้วคุกเข่าลงต่อหน้าพร

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 884

    วันนี้นางสวมเสื้อคลุมสีขาวเหมือนหิมะ ยืนอยู่ตรงนั้นแล้วดูงดงามน่ารักเขาอยากยิ้มให้นาง แต่กลับพบว่าตัวเองเหมือนจะยิ้มไม่เป็นเขาพยักหน้าเบาๆ เป็นการตอบรับ แล้วหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งเรียกเขาอีกครั้ง “ท่านจะไปไหน”จิ่งโม่เยี่ยตอบ “ข้าจะไปเดินเล่น”เขาอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองนางอีกครั้ง พอดีมีลมพัดมา ทำให้ร่มของนางพลิกกลับด้านนางมองร่มในมือ แล้วดึงกลับมาเหมือนเดิมจิ่งโม่เยี่ยจึงพูดว่า “ตรงนี้ลมแรง รีบกลับเข้าไปเถอะ ระวังจะป่วยเอาได้”ระหว่างที่พูด ร่มของเฟิ่งชูอิ่งก็ปลิวออกไป นางจะเดินไปเก็บร่ม แต่จิ่งโม่เยี่ยกลับเร็วกว่า ใช้วิชาตัวเบาไปเก็บร่มที่ปลิวไปไกลกลับมาให้นางตอนที่จิ่งโม่เยี่ยยื่นร่มให้นาง นิ้วของเขาสัมผัสกับนิ้วของนาง นิ้วของนางอบอุ่น แต่เขากลับรู้สึกเหมือนถูกไฟลวก รีบหดมือกลับอย่างรวดเร็วเขาพูดเบาๆ ว่า “ข้างนอกหนาว กลับไปข้างในเถอะ”เขาหันหลังจะเดินจากไป แต่เฟิ่งชูอิ่งกลับจับแขนเสื้อเขาไว้ “เดิมทีข้าตั้งใจจะไปดูโคมไฟ…”จิ่งโม่เยี่ยมองนาง นางยิ้มให้เขาเล็กน้อย “แต่อากาศหนาวขนาดนี้ ข้าเปลี่ยนใจแล้ว”“ข้าอยากกลับไปทำโคมไฟเอง ท่านไปเป็นเพื่อนข้าได้ไหม”ถ้าก

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status