แชร์

บทที่ 813

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
จิ่งโม่เยี่ยเอ่ยเสียงเรียบว่า “ถึงแม้ข้าจะเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการ แต่ข้าก็ไม่ได้ดูแลเรื่องการไต่สวนลงทัณฑ์”

“เรื่องการพิจารณาคดี ควรให้ผู้เชี่ยวชาญมาทำดีกว่า จะได้ไม่มีใครกล่าวหาว่าข้าลำเอียง”

“เอาล่ะ ไปเชิญขุนนางผู้ดูแลกระทรวงยุติธรรมทั้งสามมา”

คำพูดที่ตรงไปตรงมาของเขา ทำให้คนที่ยังแคลงใจในตัวเขาคลายความสงสัยจนหมดสิ้น

การพิจารณาคดีร่วมกันของทั้งสามกระทรวงแบบนี้ ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ราชวงศ์

ท่านมหาราชครูมองเห็นผู้คนที่กำลังซุบซิบนินทาตัวเองรอบด้าน ก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกต่อไป

ดวงตาของเขามืดลงเหมือนจะหมดสติ แต่จิ่งโม่เยี่ยก็เข้ามาประคองไว้ได้ทัน

จิ่งโม่เยี่ยหันไปบอกหมอหลวงที่รออยู่ข้างๆ ว่า “ท่านมหาราชครูอายุมากแล้ว ทนรับความกดดันไม่ไหว”

“เจ้าดูแลเขาหน่อย อย่าให้เขาเป็นลมหรือหัวใจวายตายเพราะความอับอาย”

หมอหลวงมองท่านมหาราชครูแวบหนึ่งแล้วตอบว่า “พ่ะย่ะค่ะ”

คนที่ซูโหย่วเหลียงส่งมาปะปนอยู่ในกลุ่มคน พอเห็นภาพนี้ก็รู้ว่าสถานการณ์ไม่ดีแล้ว

เดิมทีพวกเขาเป็นกลุ่มคนที่ส่งเสียงดังที่สุดในฝูงชน ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยเปิดเผยหลักฐานมัดตัวของท่านมหาราชครู พวกเขาก็ถึงกับอึ้งไปเลย

ซูโหย่วเ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 814

    จิ่งโม่เยี่ยพูดกับรองเจ้ากรมราชทัณฑ์ว่า “เอาล่ะ โจทก์มาแล้ว เริ่มพิจารณาคดีได้”รองเจ้ากรมราชทัณฑ์รับคำ แล้วเริ่มพิจารณาคดีแท้จริงแล้วคดีนี้ไม่มีอะไรต้องพิจารณามาก เพราะหลักฐานมัดแน่น มีทั้งพยานบุคคลและพยานวัตถุครบถ้วน ปฏิเสธไม่ได้เมื่อมหาราชครูเห็นคนเหล่านั้นพากันออกมา เขาก็รู้ว่าเรื่องคราวนี้จบสิ้นแล้วแต่มาถึงตอนนี้ เขาก็ไม่สามารถนั่งรอความตายได้ตอนที่คนเหล่านั้นกล่าวหาเขา เขาน้ำตาไหลพรากพูดว่า “ทั้งหมดเป็นความผิดของข้าที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาไม่ดี จึงทำให้พวกเขาสร้างเรื่องเลวร้ายเช่นนี้”เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่เขาที่เป็นคนลงมือทำเอง แต่เป็นการสั่งให้คนสนิทไปทำในตอนนี้ เขาโยนความผิดให้ลูกชายหรือคนสนิท ฟังดูก็ไม่น่าสงสัยอะไรมากแต่การกระทำแบบนี้ ในสายตาของทุกคนมันช่างเสแสร้งและน่ารังเกียจทุกคนมองสีหน้าของมหาราชครูที่เปลี่ยนไปหลายครั้งมหาราชครูในตอนนี้ไม่เพียงแต่ตกจากแท่นบูชาเท่านั้น แต่ยังถูกคนถ่มน้ำลายรดหน้าอีกด้วยมหาราชครูเคยได้รับสายตาแบบนี้ที่ไหนกัน?ในใจเขารู้สึกอึดอัดมาก แต่พร่ำบอกกับตัวเองว่า ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีโอกาสรักษาเกียรติยศของวงศ์ตระกูลไว้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 815

    ซูโหย่วเหลียงชอบฟังคำพูดแบบนี้เขาถามว่า “คนของเราที่ส่งไปเฝ้าหน้าจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการมีข่าวอะไรส่งกลับมาบ้างไหม”ผู้ดูแลส่ายหน้า “ยังไม่มีขอรับ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว พวกเขาน่าจะยังยุยงปลุกปั่นอยู่ที่นั่น”“ข้าน้อยคาดว่าที่นั่นคงวุ่นวายไปหมดแล้ว อ๋องผู้สำเร็จราชการถึงได้ลงมืออย่างเด็ดขาด”ซูโหย่วเหลียงรู้สึกว่าคำพูดของผู้ดูแลมีเหตุผลในสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาสามารถเติมฟืนใสไฟได้อีกสักหน่อย แล้วจิ่งโม่เยี่ยก็จะกลายเป็นคนที่ใครๆ ต่างรุมประณาม ตำแหน่งอ๋องผู้สำเร็จราชการก็จะไม่มั่นคงซูโหย่วเหลียงครุ่นคิดสักพักแล้วพูดว่า “ข้าตัดสินใจจะไปที่นั่นด้วยตัวเอง”ผู้ดูแลเอ่ยด้วยความกังวล “นายท่านเดินทางไปเอง จะอันตรายหรือไม่ขอรับ”ซูโหย่วเหลียงพูดอย่างใจเย็น “เป็นแบบนี้แล้ว จะมีอันตรายอะไรได้”เขาพูดจบ ดวงตาก็ทอประกายเย็นชา “ยิ่งไปกว่านั้น ต้องเสี่ยงอันตรายจึงจะได้โชคลาภ”ผู้ดูแลได้ยินคำนี้ก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงพูดว่า “ข้าน้อยจะไปกับนายท่านด้วยขอรับ”ซูโหย่วเหลียงพยักหน้าทั้งสองคนเตรียมตัวเสร็จแล้วก็ไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการตอนที่พวกเขามาถึง ก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังระงมซูโหย่ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 816

    ซูโหย่วเหลียงตะโกนเสียงดังว่า “ท่านมหาราชครูเป็นผู้ทรงคุณธรรมสูงส่ง เป็นที่ประจักษ์แก่สายตาของทุกคน”“อ๋องผู้สำเร็จราชการทรงถามเช่นนี้ ควรจะถามบัณฑิตทั่วหล้าว่าเห็นด้วยหรือไม่!”จิ่งโม่เยี่ยยิ้มแล้วหันไปถามขุนนางทั้งหลายที่ยืนอยู่ว่า “พวกท่านคิดว่าท่านมหาราชครูเป็นผู้ทรงคุณธรรมสูงส่งหรือไม่?”สีหน้าของทุกคนดูไม่สู้ดี ไม่มีใครพูดอะไรก่อนวันนี้ พวกเขาคิดว่าท่านมหาราชครูเป็นผู้ทรงคุณธรรมสูงส่งจริงๆแต่วันนี้ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองถูกหลอกให้หลงเชื่ออย่างน่าอนาถอู่อิ้งเหวินเห็นดังนั้นจึงก้าวออกมาพูดว่า “ท่านมหาราชครูหลอกลวงผู้คนในใต้หล้า เป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก”“เขาไม่คู่ควรเป็นพ่อคน และไม่คู่ควรเป็นอาจารย์ด้วย!”ซูโหย่วเหลียงได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก “พูดจาเหลวไหล!”“ท่านมหาราชครูเป็นอาจารย์ของฮ่องเต้ พวกเจ้าเป็นแค่ชนชั้นต่ำ จะมาวิจารณ์ท่านได้อย่างไร?”อู่อิงเหวินหัวเราะเยาะ “พวกเราเป็นแค่ชาวบ้านธรรมดา ไม่มีอำนาจ ไม่มีวาสนา ใช้ชีวิตแบบคนทั่วไป”“แต่เพราะพวกเราชาวบ้านนี่แหละ ที่ทำนาเสียภาษีเลี้ยงดูขุนนางในราชสำนัก พวกท่านถึงได้กินดีอยู่ดี”“ดังนั้นพวกเราไม่ใช่ชนชั้นต่ำ พวกเราคือชา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 817

    องครักษ์ของซูโหย่วเหลียงต้องการเข้ามาช่วย แต่พวกเขายังไม่ทันขยับ ก็ถูกคนของจิ่งโม่เยี่ยจับตัวไว้ก่อนซูโหย่วเหลียงตวาดลั่น “หยุดนะ!”หลางซานไม่สนใจคำพูดของเขา เตะเข้าที่ขาพับของซูโหย่วเหลียงจนล้มลงกับพื้นจิ่งโม่เยี่ยมองลงมาจากที่สูง “คนชั้นต่ำอย่างเจ้า พูดด้วยก็มีแต่จะทำให้ปากของข้าสกปรก”“ฉินจื๋อเจี้ยน เจ้ามาประกาศความผิดของซูโหย่วเหลียง”ฉินจื๋อเจี้ยนกล่าวเสียงดัง “ในเดือนเจ็ด รัชศกเจาหยวนที่ห้า ซูโหย่วเหลียงสมคบคิดกับศัตรูภายนอก ปล้นร้านปักผ้าที่เจียงหนาน ฆ่าช่างปักผ้าหนึ่งร้อยสามสิบหกคน”“ในเดือนสาม รัชศกเจาหยวนที่หก ซูโหย่วเหลียงนำคนไปเผาค่ายทหาร ฆ่าชาวบ้านธรรมดากว่าสองร้อยคน และปล้นยาสมุนไพรล้ำค่าไปกว่าหมื่นจิน”“ในเดือนเก้า รัชศกเจาหยวนที่เจ็ด ซูโหย่วเหลียงร่วมมือกับคนอื่นเปลี่ยนข้าวชั้นดีเป็นข้าวขึ้นรา ทำให้ทหารนับไม่ถ้วนท้องเสีย เป็นเหตุให้แพ้สงครามที่ด่านเฉิงเหลียง”“……”สีหน้าของซูโหย่วเหลียงดูน่าเกลียดมากเขาไม่คิดว่าจิ่งโม่เยี่ยจะสืบเรื่องทั้งหมดของเขาได้!เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้เขาทำอย่างลับๆ ไม่มีใครรู้แต่เขาไม่รู้ว่าเรื่องพวกนี้ไม่สามารถปิดบังจิ่งโม่เยี่ยได้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 818

    แน่นอนว่าซูโหย่วเหลียงไม่เต็มใจที่จะเชื่อคำพูดของจิ่งโม่เยี่ย แต่เขาก็ไม่อาจไม่เชื่อได้เพราะตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่เขาดื้อดึงจะลงมือเอง วังจิ้นอ๋องก็ปิดประตูไม่รับแขก จิ่งสือเยี่ยนก็ไม่มาพบเขาอีกตอนนั้นเขาคิดว่าจิ่งสือเยี่ยนแค่กำลังงอน เมื่อเขาสร้างผลงานได้ก็คงจะดีขึ้นแต่จนถึงตอนนี้ เขายังไม่ได้สร้างผลงานอะไร กลับต้องพ่ายแพ้ด้วยน้ำมือของจิ่งโม่เยี่ยนั่นหมายความว่าก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนมองออกว่าแผนการมีปัญหา เตือนเขาไม่ให้ลงมือทำ แต่เขากลับไม่ฟังเองพอมากถึงตอนนี้ เขาก็เริ่มกลัวแล้วจิ่งสือเยี่ยนไม่มาช่วยเขา เขาก็ต้องหาทางช่วยตัวเองเขาพูดเสียงต่ำว่า “ถึงแม้ท่านจะพิสูจน์ได้ว่าข้ามีความผิด ท่านก็ลบความจริงที่ท่านทำร้ายขุนนางผู้ภักดีไม่ได้!”“เหล่าขุนนางที่คุกเข่าหน้าประตูวังเพื่อถวายฎีกา ล้วนตายด้วยน้ำมือของท่าน!”เมื่อทุกคนได้ยิน ต่างก็คิดว่าคำพูดนี้มีเหตุผลถึงแม้ว่าซูโหย่วเหลียงจะทำเรื่องเลวร้ายมากมาย แต่จิ่งโม่เยี่ยก็ทำร้ายขุนนางในราชสำนัก นี่ก็เป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้งได้สายตาที่พวกเขามองจิ่งโม่เยี่ยก็เปลี่ยนไปเพียงแต่ก่อนหน้านี้มีเรื่องหน้าแตกยับเยินไปเยอะแล้ว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 819

    ตอนนี้ทุกคนมองนางด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนมีอะไรบางอย่างหากเป็นคนอื่นอาจจะเรียกวิญญาณไม่ได้ แต่พอเป็นนางแล้วกลับสามารถทำได้ทุกอย่างเมื่อนางมาถึง สีหน้าของท่านอ๋องฉู่จิ่งโม่เยี่ยก็อ่อนโยนลงเขากล่าวกับทุกคนว่า “ทุกคนคงสงสัยว่าใครคือผู้ที่อยู่เบื้องหลัง”“ชูอิ่งสามารถเรียกวิญญาณได้ วันนี้เราจะมาสอบสวนกันต่อหน้าทุกคนว่าใครคือผู้ร้ายที่อยู่เบื้องหลัง”สีหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปหลายครั้ง การเรียกวิญญาณกลางวันแสกๆ แบบนี้มันน่าตื่นเต้นจริงๆมนุษย์มักจะสนใจในสิ่งที่ไม่รู้ดังนั้นตอนนี้พวกเขาจึงทั้งตื่นเต้นและอยากรู้อยากเห็นอวี๋ฟางก้าวออกมาแล้วกล่าวว่า “หากพระชายาสามารถหาตัวคนร้ายได้ ข้าน้อยจะขอบพระคุณอย่างยิ่ง”“ข้าก็อยากรู้ว่าในเมืองหลวงนี้ ใครกันที่มีจิตใจโหดเหี้ยมถึงขนาดลงมือกับพวกเรา!”ไม่ใช่แค่อวี๋ฟางเท่านั้นที่อยากรู้ แต่คนอื่นๆ ก็เช่นกันถึงแม้ในใจพวกเขาจะพอเดาได้ แต่ตอนนี้ทุกคนต้องการคำตอบที่แน่ชัดเฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วกล่าวว่า “ต่อไปนี้คือช่วงเวลาแห่งปาฏิหาริย์ โปรดยืนให้มั่นคงด้วย”ทุกคนไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงพูดแบบนี้ พวกเขายืนอยู่ตรงนี้ดีๆ พวกเขารู้สึกว่าตัวเองมั่นคงดี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 820

    เขาโพล่งออกมาด้วยความร้อนรนว่า “อย่าเข้ามานะ!”แน่นอนว่าเฉี่ยวหลิงไม่ฟังคำพูดของเขา นางก้าวเดินเข้าไปหาเขาทีละก้าวเขาได้แต่ถอยหลังไปทีละก้าว จนในที่สุดก็ถอยหลังไปชนกำแพงด้านหลัง “อย่าเข้ามานะ!”เฉี่ยวหลิงกอดอกพร้อมกับพูดว่า “มองข้าให้ดีๆ สิ เราเคยเจอกันมาก่อน”เมื่อมหาราชครูได้ฟังคำพูดของนาง เขาก็ยิ่งขนลุก นางยืนอยู่ตรงหน้าเขาโดยไม่มีคางและไม่มีดวงตาแบบนี้ เขาจะกล้ามองได้อย่างไร?เขานั่งขดตัวลงกับพื้นแล้วพูดว่า “ข้าไม่เคยเจอเจ้ามาก่อนแน่ เจ้าจำคนผิดแล้ว!”เหล่าวิญญาณร้ายที่เหมยตงยวนพามาก่อกวนในจวนมหาราชครู ส่วนใหญ่เขาเคยเจอและรู้จักแต่สำหรับเฉี่ยวหลิง เขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับนางเลยแม้แต่น้อยเฉี่ยวหลิงมองดูท่าทางของเขาแล้วครุ่นคิด “ดูเหมือนว่าสิ่งที่คุณหนูพูดเป็นเรื่องจริง ชีวิตของข้าสำหรับท่านก็เหมือนเศษใบไม้ใบหญ้า ท่านคงจำไม่ได้ด้วยซ้ำ”“คนอย่างท่าน ก็แค่หลงคิดว่าตัวเองสูงส่ง”“พวกท่านเคยชินกับการกำหนดชะตาชีวิตของผู้อื่น มีเพียงตอนที่ชีวิตของพวกท่านตกอยู่ในกำมือของคนอื่น พวกท่านถึงจะรู้จักความกลัว”พูดจบนางก็มองไปที่มหาราชครู “งั้นข้าจะให้คำใบ้ท่านหน่อยแล้วกัน!”“ตอนท

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 821

    พูดจบเขาก็กระโดดโลดเต้น ชี้ไปที่ทุกคนแล้วพูดว่า “พวกเจ้าเห็นเง็กเซียนฮ่องเต้แล้ว ไฉนยังไม่ยอมคุกเข่าคำนับ!”ทุกคน “……”ในใจพวกเขาต่างคาดเดากันว่าเขาคงจะบ้าไปแล้วเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางแบบนั้นของเขา ในดวงตาก็เต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยามไม่ว่ายุคสมัยไหน พอเจอเรื่องที่แก้ไขไม่ได้ก็จะแกล้งทำเป็นบ้า เหมือนกันหมดจริงๆแถมบทพูดก็ยังเหมือนกันอีกต่างหาก ต่างก็อวดอ้างว่าตัวเองเก่งกาจแค่ไหนท่าทางแบบนั้นของพวกเขา ทำให้นางนึกว่าพวกเขากำลังพูดความในใจของตนเอง เพียงแต่ดัดแปลงความในใจของตนเองเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยเฟิ่งชูอิ่งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ว่า “ท่านมหาราชครูบ้าไปแล้วหรือ”จิ่งโม่เยี่ยตอบว่า “ดูเหมือนแกล้งทำ”เฟิ่งชูอิ่งถามต่อว่า “จะพิสูจน์ได้อย่างไรว่าเขาแกล้งบ้าหรือบ้าจริง”จิ่งโม่เยี่ยพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ข้าเคยได้ยินมาว่า คนบ้าชอบกินอุจจาระ พวกเขาคิดว่าอุจจาระเป็นของที่อร่อยที่สุดในโลก”“ดังนั้นเรื่องนี้จึงง่ายมาก แค่ให้คนไปเอาอุจจาระมา ลองดูว่าเขากินหรือไม่ ลองดูก็รู้ผลแล้ว”มุมปากของเฟิ่งชูอิ่งกระตุกอย่างรุนแรงนางไม่คิดจริงๆ ว่าจิ่งโม่เยี่ยจะมีด้านร้ายกาจแบบนี้ด้วย คำพูด

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status