แชร์

บทที่ 546

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าหากเหมยตงยวนยื่นมือเข้าไปสอดเรื่องพวกนี้จริงๆ จะต้องเกิดเรื่องที่คาดเดาได้ยากขึ้นมาแน่

นางตัดสินใจเกลี้ยกล่อมเขาอีกที “ท่านพ่อ เรื่องระหว่างข้ากับจิ่งโม่เยี่ย หากคิดดีๆ ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของข้ากับเขา”

“หากจะจัดการเขา ข้าก็อยากทำด้วยตัวเอง ไม่อยากให้คนอื่นยื่นมือเข้ามาสอดแทรก”

เหมยตงยวนขมวดคิ้วแล้วก้มมองขาที่บวมเป่งและช้ำจนเป็นสีดำของนาง ถามว่า “เจ้าอยากจัดการจิ่งโม่เยี่ยด้วยตัวเองหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าวิธีการคิดของนางกับเหมยตงยวนไม่ค่อยจะเหมือนกัน นางจึงอธิบายคำพูดของตัวเองให้ชัดเจนขึ้น

นางกล่าวว่า “ไม่ว่าจิ่งสือเยี่ยนจะมีความทะเยอทะยานหรือไม่ ก็เป็นเรื่องของเขา”

“จิ่งโม่เยี่ยทำให้ข้าเจ็บตัว ข้าเกลียดชังเขา แต่กลับไม่อยากเกี่ยวข้องกับเขาอีก”

“เรื่องพวกนี้เดิมทีก็ไม่เกี่ยวข้องกับจิ่งสือเยี่ยน การลากเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย ไม่ค่อยจะยุติธรรมกับเขานัก”

เหมยตงยวนถาม “เจ้าสนิทกับจิ่งสือเยี่ยนหรือ?”

เฟิ่งชูอิ่งคิดเล็กน้อยแล้วเอ่ย “ใช่ว่าจะสนิท แต่ก็เคยพูดคุยกันอยู่หลายครั้ง คิดว่าเขาเป็นคนที่สดใสร่าเริงดี”

“ข้าคิดว่าเขาไม่ยุ่งเกี่ยวกับการแก่งแย่งในราชวงศ์ ใช้ชี
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
เมษา หน้าร้อน
กำลังสนุกเลย หยุดอีกแล้ว อัปเดตเร็วๆหน่อยค่ะ
goodnovel comment avatar
เจนจิรา ศรีตนันท์
ไม่กล้าไปอ่านเรื่องอื่นเลยกลัวคาราคาซังแบบนี้
goodnovel comment avatar
เจนจิรา ศรีตนันท์
ขอคำตอบหน่อยนะค่ะ....ใกล้จบยังคะมีกี่ตอน
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 547

    “ข้าห้ามไม่ให้ท่านพ่อยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของข้าและจิ่งโม่เยี่ยได้ แต่บอกให้เขาปล่อยวางความแค้นไม่ได้”เฉี่ยวหลิงกล่าวตามสัตย์จริง “ถึงคุณหนูอยากจะสอดมือเข้าไปก็ทำไม่ได้อยู่ดีเจ้าค่ะ”“สภาพของท่านในตอนนี้ ขาก็หัก ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว เคลื่อนไหวลุกเดินไม่รอด...”นางเห็นเฟิ่งชูอิ่งถลึงตาใส่จึงเปลี่ยนวาจา “ข้าช่วยนวดกระตุ้นเลือดลมให้คุณหนูดีกว่า แบบนี้ท่านจะได้หายดีไวๆ”เฟิ่งชูอิ่งไม่เคยรู้สึกว่าตนเองไร้ค่าขนาดนี้มาก่อนเลย ตอนนี้นอกจากนอนเฉยๆ นางก็ทำอะไรไม่ได้เลยสภาพนางเป็นแบบนี้ ต้องใช้เวลาอีกนานเลยว่าจะฟื้นฟูเป็นปกติหลังจากขานางเริ่มหายดีแล้ว นางจะออกจากเมืองหลวงทันที สถานที่โสมมแบบนี้นางอยู่ต่อไม่ไหวจริงๆ!นางเห็นขาที่หักของตัวเองก็อดคิดถึงจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้ นางเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหลับตาให้เฉี่ยวหลิงนวดตอนเย็นของวันนั้น จิ่งโม่เยี่ยพากำลังพลบุกกลับเข้ามาในเมืองหลวง ทว่าตอนที่เขามาถึงเมืองหลวง กลับถูกกองทัพอวี๋ซานของจิ่งสือเยี่ยนขวางไว้ตอนที่จิ่งโม่เยี่ยเห็นจิ่งสือเยี่ยน แววตาก็เย็นชาทันทีตอนแรกจิ่งโม่เยี่ยสามารถควบคุมสถานการณ์ในเมืองหลวงได้แล้ว แต่จิ่งสือเยี่ยนกลับกองทัพอวี๋ซ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 548

    จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าหากเฟิ่งชูอิ่งไม่คิดหลบหนีออกไปตอนนั้น เขาคงไม่โกรธจัดจนเสียการควบคุม แล้วก็คงไม่ทำเช่นนั้นกับนาง...ความเงียบของจิ่งสือเยี่ยนบ่งบอกถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ของเขาจิ่งโม่เยี่ยตาแดงก่ำ สูดหายใจลึกๆ แล้วเอ่ยว่า “จิ่งสือเยี่ยน นางไว้ใจเจ้ามาก ถึงได้ไม่ระแวงเจ้าสักนิด”“เจ้าทรยศความเชื่อใจของนาง....”ส่วนนางก็ไม่เคยพูดความจริงยามอยู่ต่อหน้าเขาเลยสักครั้ง แล้วยังหวาดระแวงเขามากด้วยวิธีการเข้าหากันเช่นนี้ ทำให้พวกเขามีเพียงความหวาดระแวงต่อกันแล้วก็เพราะเหตุนี้ จิ่งโม่เยี่ยถึงเอาแต่คิดว่าเฟิ่งชูอิ่งจะหนีจากตนเองไปเขาคิดว่าในคืนแต่งงานจะพูดคุยกับนางดีๆ เผยความจริงใจให้นางได้เห็น บอกนางว่าในใจเขามีนางเพียงผู้เดียวขอแค่นางยินดีจะอยู่ข้างกายเขา ไม่ว่าจะต้องทำอะไรเขาก็ยอมทั้งนั้นทว่าวันนั้นกลับเป็นการแยกจากด้วยความตาย คำพูดของเขาไม่สามารถพูดกับนางได้ แล้วก็ไม่มีหน้าจะไปพูดให้นางฟังด้วยเกรงว่านางจะเกลียดชังเขามาก จนชาตินี้ไม่อยากเจอหน้าเขาอีกแล้วสิ่งที่นางปฏิบัติต่อจิ่งสือเยี่ยน เป็นสิ่งที่เขาอยากจะได้จากนางมาโดยตลอดในที่สุดจิ่งสือเยี่ยนก็เอ่ยว่า “ในเมื่อตราพยัคฆ์อยู่ในมือข

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 549

    จิ่งสือเยี่ยนใจเต้นผิดจังหวะ แปลว่าเกิดเรื่องกับเฟิ่งชูอิ่งจริงน่ะสิเขามองดูผมสีขาวโพลนของจิ่งโม่เยี่ย มองสายตาที่บ้าคลั่งของเขา จึงพอจะเดาได้ว่าเรื่องดังกล่าวคงจะไม่สู้ดีนักความคิดที่เขามีต่อเฟิ่งชูอิ่ง เขาย่อมรู้ดีแก่ใจ คำพูดไร้สาระพวกนั้นไม่จำเป็นจะต้องพูดออกมาเขาสูดหายใจลึกๆ กล่าวว่า “พี่สาม พวกเราคุยกันก่อนเถอะ”นัยน์ตาของจิ่งโม่เยี่ยฉายแววสังหาร แต่กลับตอบว่า “เอาสิ”ชายวัยกลางคนที่อยู่ด้านหลังจิ่งสือเยี่ยนตะโกนว่า “ท่านอ๋องจิ้น!”จิ่งสือเยี่ยนไม่พูดอะไร ปู๋เยี่ยโหวที่อยู่ข้างๆ กลับพูดว่า “แหม นี่ใครกันเนี่ย? หรือว่าคิดจะตัดสินใจแทนอ๋องจิ้น?”จิ่งสือเยี่ยนบอกกับชายวัยกลางคนผู้นั้น “ไม่เป็นไร พี่สามไม่ทำร้ายข้าหรอก”ชายวัยกลางคนใช้สายตามองจิ่งสือเยี่ยนสลับกับจิ่งโม่เยี่ยหลายครั้ง สุดท้ายก็ไม่ยอมตามออกไปปู๋เยี่ยโหวยกแขนกอดอก มองเขาด้วยท่าทางคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มในวังเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น มากกว่าครึ่งเป็นเพราะคนพวกนี้ก่อนหน้านี้ปู๋เยี่ยโหวเห็นจิ่งสือเยี่ยนยังคิดอยู่เลยว่านิสัยใช้ได้ คิดไม่ถึงว่าจะซ่อนสันดานได้มิดชิดเพียงนี้จิ๊ จิ๊ คนพวกนี้ไม่มีใครธรรมดาจริงๆชายวัยกลางคนหัน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 550

    เขากล่าวถึงตรงนี้ก็ส่งยิ้มให้ซูโหย่วเหลียง “จิ่งโม่เยี่ยทำลายกองทัพรักษาพระองค์ที่ด้านนอกเมืองหลวงได้ พวกเจ้าคิดว่าจะรักษาเมืองหลวงเอาไว้ได้นานแค่ไหนล่ะ?”ซูโหย่วเหลียงเอ่ยเสียงเย็นชา “อ๋องฉู่เป็นขุนนางกบฏ หลังจากนี้จะมีกองกำลังรักษาพระองค์มาเพิ่มอีก”ปู๋เยี่ยโหวไม่ชอบเวลาที่มีคนพูดอะไรแบบนี้ จึงหัวเราะอย่างเย็นชา “เขาเป็นขุนนางกบฏ? น่าขันจริงๆ!”“ใต้เท้าซูเกรงว่าจะลืมไปแล้ว บัลลังก์มังกรของฮ่องเต้เจาหยวนแย่งชิงมาจากใคร เรื่องนี้คนในราชสำนักเขารู้กันหมดแหละ”“ต่อให้มีกองทัพรักษาพระองค์บุกเข้าเมืองหลวงมาช่วยฮ่องเต้เจาหยวน แต่ใต้เท้าซูลองเดาดูสิ ในกองทัพมีคนมากน้อยแค่ไหนที่เลือกยืนอยู่ฝั่งจิ่งโม่เยี่ย?”ซูโหย่วเหลียงใจสั่นวูบจิ่งโม่เยี่ยเป็นบุตรชายเพียงคนเดียวของอดีตฮ่องเต้ ความสามารถโดดเด่นตั้งแต่เด็ก ในราชสำนักจึงมีคนจำนวนมากที่สนับสนุนเขาเขาอายุสิบสี่ก็ยกทัพไปตีแคว้นหนานเยว่ได้ แล้วยังบุกเข้าไปถึงวังหลวงของแคว้นหนานเยว่ด้วย แม้ฮ่องเต้เจาหยวนจะสั่งปิดข่าว แต่ในกองทัพล้วนทราบเรื่องนี้ดีบรรดาแม่ทัพนายกองทั้งหลาย เกือบทั้งหมดเลือกจะยืนฝั่งเดียวกับจิ่งโม่เยี่ย มิฉะนั้นกองทัพรักษาพระองค์

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 551

    กว่าเขาจะอาการดีขึ้น ก็ได้ยินเรื่องทั้งหมดที่จิ่งโม่เยี่ยทำลงไป เขาจึงเกิดขี้ขลาดขึ้นมาทันทีไม่ใช่เพราะเหตุผลอื่น จิ่งโม่เยี่ยลงดาบได้อย่างว่องไวและคมกริบมาก ยามเขาเชือดใครสักคน ไม่มีลังเลสับสนแม้แต่น้อยเหล่าขุนนางที่ต่อต้านจิ่งโม่เยี่ยหนักที่สุดในราชสำนัก ต่างก็ถูกเขาล้วงหลักฐานการทำผิดออกมาตัดสินโทษแม้ทุกคนจะคิดว่าการกระทำของจิ่งโม่เยี่ยเป็นการทำลายคนที่คิดเห็นต่าง แต่เพราะหลักฐานที่เขานำออกมามีน้ำหนัก คนอื่นจึงไม่กล้าพูดอะไรพวกเขาเป็นขุนนางมานาน ไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่ามือตัวเองขาวสะอาดอีกอย่างพวกเขาก็ประจักษ์วิธีการของจิ่งโม่เยี่ยมากับตา หลักฐานพวกนั้นเกรงว่าเขาจะสั่งให้คนรวบรวมเอาไว้นานแล้วไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ทุกวันนี้จิ่งโม่เยี่ยควบคุมเมืองหลวงได้อย่างเบ็ดเสร็จภายในกองทัพก็มีแม่ทัพนายกองจำนวนมากที่สวามิภักดิ์ต่อเขา ประกอบกับอำนาจกองทัพในมือของตัวเอง คาดว่าทหารครึ่งหนึ่งน่าจะอยู่ในมือของเขาจิ่งสือเฟิงเห็นสถานการณ์แบบนี้ก็ได้แต่โง่งมถึงเขาไม่ได้ฉลาดมากนัก แต่เขาก็ไม่ใช่คนโง่ ไม่มีทางทำตัวเป็นนกชูหัวหาเรื่องตายหรอกจนป่านนี้แล้วจิ่งสือเฟิ่งเพิ่งจะระลึกเรื่องบางอย่างได้ นั่น

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 552

    ฉินจื๋อเจี้ยนอยากจะเกลี้ยกล่อมจิ่งโม่เยี่ย พวกเขาเห็นกับตาว่าเฟิ่งชูอิ่งตายไปแล้ว เห็นกับตาว่านางเป็นเพียงศพเย็นชืดจิ่งโม่เยี่ยเห็นกับตาว่าเฉี่ยวหลิงนำร่างของเฟิ่งชูอิ่งใส่โลงศพแล้วขุดดินฝัง ในสถานการณ์แบบนั้น ต่อให้เป็นต้าหลัวจินเซียน[footnoteRef:1]ลงมายังโลกมนุษย์ ก็ไม่สามารถช่วยชีวิตนางได้อยู่ดี [1: หนึ่งในเทพเจ้าทั้งห้าของลัทธิเต๋า ไม่แก่ไม่ตายเป็นอมตะ] แต่สุดท้ายเขาก็ต้องกลืนคำพูดพวกนั้นกลับเข้าไป เพราะเขารู้ว่าจิ่งโม่เยี่ยพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะคิดว่าเฟิ่งชูอิ่งยังมีชีวิตอยู่ แต่เพราะหวังอยากให้นางมีชีวิตอยู่เขาเอ่ยเบาๆ ว่า “ท่านอ๋องฐานะสูงศักดิ์ ตอนนี้สถานการณ์ของท่านดีกว่าแต่ก่อนทุกอย่าง แต่ก็ชวนกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง”“หากท่านอ๋องมีลูกของตัวเองสักคน ก็จะมีทายาทผู้สืบทอด ตำแหน่งของท่านย่อมมั่นคง”“ตอนนี้ท่านอ๋องไม่มีภรรยาอนุ มิสู้รับอนุภรรยาเข้ามาสักหน่อยล่ะ ท่านอ๋องจะได้มีทายาทสืบสกุล?”จิ่งโม่เยี่ยเข้าใจความคิดของเขา จึงหันไปมองแล้วบอกว่า “เจ้าคิดว่าข้าว่างมากนักหรือไง?”ฉินจื๋อเจี้ยนยิ้มตอบ “ย่อมไม่ใช่แบบนั้น ท่านอ๋องยุ่งจนตัวเป็นเกลียวเลยพ่ะย่ะค่ะ”“แต่เพราะว่าท่านอ๋องยุ่ง

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 553

    ก่อนหน้านี้เขามัวแต่ไปแก้แค้น ในใจมีเรื่องต้องแบกรับจึงดูสุขุมอยู่บ้างตอนนี้แม้ว่าปู๋เยี่ยโหวจะยังแก้แค้นไม่สำเร็จอย่างแท้จริง ฮ่องเต้เจาหยวนยังมีชีวิตอยู่ แต่ก็อยู่ไม่ไกลจากความตายนักองครักษ์เงาของฮ่องเต้เจาหยวนกับกองทัพอวี๋ซานคุ้มครองเขาอย่างแน่นหนา ปู๋เยี่ยโหวจึงบุกเข้าวังไปสังหารเขาไม่ได้จิ่งโม่เยี่ยมอบตำแหน่งรองเจ้ากรมของกรมคลังให้ปู๋เยี่ยโหว ตอนรับตำแหน่งใหม่ๆ เขาก็ยังไปทำงานอยู่บ้างเขาเป็นคนที่ฉลาดเป็นกรด จึงโอนย้ายงานของตัวเองไปให้เพื่อนร่วมงานส่วนหนึ่ง ส่วนตัวเองก็ทำงานที่เหลืออยู่จนเสร็จ จากนั้นก็หนีออกไปเที่ยวเล่นสองสามวันก่อนจิ่งโม่เยี่ยมีเรื่องจะปรึกษาแต่หาตัวเขาไม่เจอ หลังจากสั่งสอนเขาไปยกใหญ่ก็สงบเสงี่ยมอยู่สองสามวัน แต่หลังจากนั้นก็กลับมาเหมือนเดิมตอนนี้เขาชักจะอิจฉาปู๋เยี่ยโหวขึ้นมาแล้ว เจ้าหมอนั่นใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปวันๆ เหมือนคนไม่มีหัวใจเขาเอ่ยว่า “ขอแค่เขาทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสิ้น เขาจะไปไหนก็ช่างเถอะ”สำหรับจิ่งโม่เยี่ย ถึงสายเลือดจะเบาบางแค่ไหน แต่ปู๋เยี่ยโหวก็เป็นญาติเพียงคนเดียวที่เขายอมรับฉินจื๋อเจี้ยนถอนหายใจ “ท่านอ๋องตามใจเขาไปเถอะ ระวังวันหนึ่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 554

    จิ่งโม่เยี่ยรู้ว่าในเมืองหลวงมีคนมากมายอยากให้เขาตาย ไม่ว่าใครจะเป็นคนจ้างคนเหล่านี้มา ก็สมควรตายทั้งสิ้น!ห้วงอารมณ์ที่เขากักเก็บเอาไว้ถูกปลดปล่อยออกมาในชั่วพริบตา การปรากฏตัวของคนเหล่านี้กลายเป็นที่ระบายความโกรธแค้นของเขาทว่าพวกคนชุดดำมีจำนวนมากเกินไป จิ่งโม่เยี่ยพาองครักษ์ติดตัวมาด้วยไม่กี่คน แม้พวกเขาจะฝีมือร้ายกาจสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถต้านทานกำลังของคนหมู่มากได้หลางซานเข้ามาคุ้มกันข้างกายจิ่งโม่เยี่ย “ท่านอ๋อง เสด็จหนีเร็วพ่ะย่ะค่ะ!”จิ่งโม่เยี่ยหันไปเห็นว่ามีศพคนชุดดำจำนวนไม่น้อยล้มทับบนหลุมศพของเฟิ่งชูอิ่ง เขาจึงรู้สึกรังเกียจขึ้นมาเล็กน้อยหากพวกคนชุดดำมานอนตายอยู่ตรงนี้ เขากลัวว่าจะเป็นการรบกวนเฟิ่งชูอิ่งทว่าคนชุดดำมีจำนวนมากเกินไป ยิ่งฆ่าก็ยิ่งมาก ศพจึงกองทับถมมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็จะยิ่งรบกวนเฟิ่งชูอิ่งเขาจึงพาพวกหลางซานฝ่าวงล้อมออกไปด้วยใบหน้าดำทะมึนคนชุดดดำพวกนั้นรับคำสั่งเด็ดขาดมา จึงไล่ตามพวกเขาไม่ปล่อยหลางซานกล่าว “ท่านอ๋อง จวนตากอากาศของปู๋เยี่ยโหวอยู่แถวนี้ วันนี้เขาอยู่ในจวนด้วย”ปู๋เยี่ยโหวอยู่ที่นั่นจะต้องมีทหารองครักษ์อยู่ด้วยไม่น้อย ทั้งสองกลุ่มรวมกันอย่างไรก

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status