Share

บทที่ 263

Author: ดอกถังร่วงหล่น
จากนั้นก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากอีกฝั่ง พร้อมกับเสียงตวาดด้วยความเดือดดาลว่า “นังผู้หญิงแพศยา เจ้าปล่อยข้านะ!

“เจ้าสกปรกโสโครกเกินไป อย่ามาแตะตัวข้า!”

ในบรรดาเสียงหวีดแหลมเหล่านั้นมีเสียงของพระสนมสวี่ปะปนมาด้วย “....ร่างกายเจ้าไม่แข็งแรง อย่ามีโทสะเลย...ได้ ได้ ได้ ข้าไปแล้ว...“

เฟิ่งชูอิ่งที่ได้ยินแบบนั้นก็ลอบขำในใจ

พระสนมสวี่มีบุตรชายสองคน พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อฆ่าลูกชายอีกคนเอาชีวิตมาต่อให้ลูกชายคนเล็ก ผลสุดท้ายลูกชายคนเล็กกลับเห็นนางเป็นศัตรู

นี่กระมังที่เขาเรียกกันว่าเวรกรรม

งานฉลองวันเกิดของพระสนมสวี่ช่างมีสีสันยิ่งนัก นางทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปที่องค์ชายสิบสาม จึงปิดจบงานเลี้ยงวันเกิดอย่างเร่งรีบ

วันนี้นางเก็บความโมโหเอาไว้ หลังจากแยกทางกับองค์ชายสิบสาม ก็เอาโทสะทั้งหมดไประบายกับเทียนซือ

นางถามเสียงเย็นชา “วันนี้มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรกันแน่? ไหนเจ้าบอกว่าสามารถฆ่าพวกเขาได้ไง? ทำไมวิญญาณร้ายตัวนั้นถึงหันมาโจมตีข้าแทนล่ะ?”

เทียนซือพ่นลมหายใจเบาๆ แล้วตอบว่า “พวกเราประมาทเฟิ่งชูอิ่งมากเกินไป นางน่าจะเป็นผู้รู้วิชาศาสตร์ลี้ลับ

“วันนี้นางน่าจะใช้วิชาบางอย่างกับจิ่งโม่เยี่ย ตัดขาดคำสา
Locked Chapter
Continue Reading on GoodNovel
Scan code to download App

Related chapters

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 264

    ถึงเทียนซือจะพูดแบบนั้น แต่ในใจของเขากลับไม่อาจสลัดความสงสัยในตัวของหลินชูเจิ้งออกไปได้ตกเย็นวันนั้น เทียนซือก็สั่งให้คนเรียกตัวหลินชูเจิ้งมาพบก่อนหน้านี้หลินชูเจิ้งไม่เคยพบเจอกับเทียนซือมาก่อน แต่กลับรู้ว่าเทียนซือเป็นแขกคนสำคัญของพระสนมสวี่ มักจะแวะมาที่ตำหนักเฟิ่งไหลของพระสนมสวี่บ่อยๆ ตอนนี้เทียนซือต้องการพบตัวเขา น่าจะเป็นความต้องการของพระสนมสวี่ความสัมพันธ์ของพระสนมสวี่กับฮ่องเต้เจาหยวน ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาก็พอจะได้ยินผ่านหูมาบ้าง เพียงแต่ยังไม่แน่ใจดังนั้นตอนที่ถูกเทียนซือเรียกไปพบ เขาจึงงุนงงอย่างมากตอนที่เทียนซือพบหน้าเขาก็ยังแสดงท่าทีมีมารยาทด้วย แต่กลับลอบดูโหงวเฮ้งของอีกฝ่ายอย่างเงียบๆ โหงวเฮ้งของหลินชูเจิ้งเป็นคนต่ำช้าที่เจ้าเล่ห์ ไม่มีความใกล้เคียงกับวิญญูชนที่ยึดถือคุณธรรมสักนิด คนประเภทนี้เพราะมีจิตใจไม่เที่ยงตรง จึงมักจะคิดเล็กคิดน้อยตลอดเวลา แล้วยังรู้หลบเป็นปีก รู้หลีกเป็นหางหลินชูเจิ้งถูกอีกฝ่ายจ้องมองจนรู้สึกอึดอัด จึงถามว่า “ไม่ทราบว่าเทียนซือเรียกข้ามาวันนี้มีเรื่องอะไรจะชี้แนะหรือ?”เทียนซือก็ไม่คิดจะอ้อมค้อมและถามเขาตรงๆ “เจ้ารู้ไหมว่าเฟิ่งชูอิ่งร่ำเรี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 265

    ทว่าพอถูกเทียนซือไล่ถาม ทำให้เขาตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่าเฟิ่งชูอิ่งไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เห็นเพราะว่าฮว๋าซื่อกับหลินหว่านถิงวางแผนเล่นงานเฟิ่งชูอิ่งตั้งมากมาย นอกจากนางจะไม่ตายแล้ว เรื่องแต่ละอย่างที่เกิดตามมายังผิดปกติอย่างมากนางสามารถหลีกเลี่ยงได้หนึ่งครั้งอาจเพราะโชคช่วย หลีกเลี่ยงได้สองครั้งเพราะจิ่งโม่เยี่ยช่วยเหลือ แต่พอนางรอดพ้นอันตรายบ่อยครั้งเช่นนี้ จะบอกว่านางไม่มีความสามารถเลยก็คงไม่ได้หลังจากหลินชูเจิ้งกลับมาจากที่พำนักของเทียนซือ เขาก็รู้สึกได้ว่าตนเองถูกเฟิ่งชูอิ่งหลอกแล้วความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาโกรธเคืองอย่างมาก เขาเป็นถึงขุนนางขั้นสามของราชสำนัก แต่กลับถูกเด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งหลอกปั่นหัว!หากเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไป เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน!หลังจากเทียนซือสนทนากับหลินชูเจิ้ง แม้จะไม่รู้ว่าเฟิ่งชูอิ่งร่ำเรียนศาสตร์ลี้ลับมาจากใคร แต่เขากลับได้ข้อมูลมาเยอะพอสมควรเลยหากคิดจะฆ่าจิ่งโม่เยี่ย ต้องฆ่าเฟิ่งชูอิ่งให้ตายก่อนเขาไม่คิดจะเผชิญหน้ากับเฟิ่งชูอิ่งตรงๆ เพราะไม่รู้ว่าวิชาของนางล้ำเลิศถึงเพียงไหน แต่ดูจากการที่นางสามารถตัดขาดคำสาปของเขากับจิ่งโม่เยี่ยได้ชั่วคราว

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 266

    เฟิ่งชูอิ่งหันกลับไปพบเห็นว่าจิ่งสือเยี่ยนยืนอยู่ด้านหลังของนาง ก็พลันลูบอกเบาๆ แล้วถามว่า “อ๋องจิ้นมาทำอะไรแถวนี้เพคะ?”จิ่งสือเยี่ยนตอบว่า “การเดินเรือพวกนี้เป็นกิจการส่วนตัวของข้าเอง วันนี้ข้ามาตรวจสอบกิจการแล้วบังเอิญเจอเจ้า ก็เลยแวะเข้ามาทักทาย”เขามองสำรวจไปรอบๆ แล้วถามว่า “เจ้าจะเช่าเรือหรือ?”เฟิ่งชูอิ่งเคยอ่านนิยายเพียงผิวเผินก่อนจะทะลุมิติเข้ามาในยุคสมัยนี้ การจัดวางเนื้อเรื่องในนิยายส่วนมากจะได้ยินมาจากผู้เป็นน้องสาว นางจึงไม่ค่อยรู้อะไรมากนัก นางรู้แค่ว่ามารดาของจิ่งสือเยี่ยนฐานะต่ำต้อยไม่ได้รับความโปรดปราน แล้วก็รู้ว่าเขาไม่ได้รับความโปรดปรานเช่นกันส่วนเรื่องกิจการของเขา นางไม่รู้เลยสักนิดเดียวนางถามว่า “กิจการส่วนตัวของท่านมีเรืออยู่กี่ลำอย่างนั้นหรือ?”จิ่งสือเยี่ยนตอบว่า “เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆ รู้แค่เรื่องที่จอดอยู่ในแม่น้ำสายนี้ มากกว่าครึ่งน่าจะเป็นเรือในกิจการของข้า”เฟิ่งชูอิ่ง “......”เฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”ก่อนหน้านี้นางเชื่อคำอธิบายในนิยายมาโดยตลอดว่ามารดาของเขาฐานะต่ำต้อย ก็เลยคิดว่ามารดาของเขาคงเป็นบุตรสาวขุนนางเล็กๆ สักคน ถึงไม่ระบุฐานะอย่างเจาะจงตอนนี้นา

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 267

    เฟิ่งชูอิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าเหยียดหยาม “พวกเขาไม่ชอบทรัพย์สินเงินทองถึงเพียงนั้น แล้วจะอยากได้เงินเบี้ยหวัดไปทำไม!“แล้วพวกเขาก็ไม่ควรจะใช้เงินซื้อข้าวกินด้วย ไม่ควรเอาเงินไปซื้อเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่ๆ มาสวมใส่ด้วย!”จิ่งสือเยี่ยนได้ยินแบบนั้นก็ชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะหัวเราะออกมา “ข้าเพิ่งเคยได้ยินคนพูดแบบนี้ครั้งแรกเลย”เฟิ่งชูอิ่งถามว่า “แล้วที่ข้าพูดมันไม่จริงตรงไหนล่ะเพคะ?”จิ่งสือเยี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย “เป็นความจริง ก่อนหน้านี้ข้าแค่คิดไม่ถึงเท่านั้นเอง“แม่นางเฟิ่ง เจ้าเป็นสตรีที่ตรงไปตรงมามากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบเจอ”เขากล่าวจบก็ขยับเข้ามาใกล้นาง “เจ้าวางใจเถอะ เรื่องนี้ข้าจะช่วยเจ้าเก็บเป็นความลับเอง”เฟิ่งชูอิ่งหันขวับมองเขา เขาจึงกระซิบว่า “ตอนอยู่ในพระราชวังครั้งก่อน สาเหตุที่พี่รองล่วงละเมิดพระสนมอวิ๋นเช่นนั้น เป็นเพราะเคลื่อนไหวเหมือนกับข้าใช่ไหมล่ะ?“ส่วนสาเหตุที่เขาเคลื่อนไหวเหมือนกับข้า ก็เพราะว่ายันต์แผ่นนั้นของพี่สามกระมัง? แล้วยันต์แผ่นนั้นพี่สามก็คงได้มาจากแม่นางเฟิ่งสินะ?”ตอนแรกเขายังไม่เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้หรอก แต่พอลองคิดดูดีๆ แล้ว กลับพบว่าคำตอบมันได้มาง่ายกว่าที่คาด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 268

    จิ่งสือเยี่ยนตอบว่า “ข้าเติบโตมาในรั้ววัง เห็นคนดีมากมายถูกฆ่าตายโดยไร้ความผิด ในซอกหลืบที่ไม่มีใครมองเห็นและล่วงรู้“แล้วเจ้าก็เป็นเพียงผู้บริสุทธิ์คนหนึ่ง ไม่ควรถูกลากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ดังนั้นข้าจึงอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่ต่อไป”เฟิ่งชูอิ่งได้ยินสิ่งที่เขาพูดก็คิดขึ้นมาได้ว่า การที่เขาเติบโตในวังหลวงแล้วยังรักษาความคิดเช่นนี้เอาไว้ได้นับว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยากนางจึงถามยิ้มๆ ว่า “ท่านไม่กลัวว่าช่วยข้าหนีออกจากเมืองหลวง อ๋องฉู่จะพาลโกรธท่านหรือ”จิ่งสือเยี่ยนลังเลไปเล็กน้อยแล้วตอบว่า “พี่สามก็แค่ดูเหมือนคนเย็นชา แต่ความจริงแล้วเป็นคนดีมาก“ตอนข้ายังเด็กถูกคนผลักตกสระจนเกือบจมน้ำตายในอุทยานหลวง เป็นเขาช่วยชีวิตเอาไว้”เขากล่าวถึงตรงนี้ก็ถอนหายใจ “ตอนนั้นอดีตฮ่องเต้เพิ่งจะสวรรคต สถานภาพของเขามิสู้ดีนัก แต่ก็ยังช่วยเหลือข้าอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง”พอเฟิ่งชูอิ่งได้ยินแบบนี้ นางก็รู้แล้วว่าทำไมเขาถึงดีกับจิ่งโม่เยี่ยนักเพราะเป็นคนที่รู้จักทดแทนบุญคุณคนนี่เองหลังจากทั้งสองคนรู้จักกันมาสักระยะ นางก็พบว่าความจริงแล้วเขาเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ร่าเริงสดใสและใจดีมีเมตตาแต่นางคิดไม่

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 269

    เฟิ่งชูอิ่งคิดว่าคำพูดของเขาก็มีเหตุผลอยู่ จึงเอ่ยว่า “หลังจากเจ้าคิดเงินจากการขายให้ข้ารอบนี้แล้ว อีกสักพักข้าจะส่งยันต์มาให้เจ้าอีกชุดหนึ่ง”เจ้าอาวาสหัวเราะฮี่ฮี่ “ถ้างั้นเจ้าก็ส่งมาให้เยอะหน่อยเถอะ เพราะยันต์ที่ขายอยู่ตอนนี้มีไม่เพียงพอต่อความต้องการ”ตอนนั้นเองด้านนอกก็มีเสียงพระลูกวัดตะโกนเรียกเจ้าอาวาส บอกว่ามีประสกต้องการขอซื้อยันต์เจ้าอาวาสได้ยินแบบนั้นจึงเอ่ยทิ้งท้ายว่า “เจ้ารอตรงนี้ก่อนนะ” แล้วเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่ง “......”นางอยู่ตรงนี้ไปก็ไม่มีอะไรทำ จึงตามเขาออกไปดูเรื่องสนุกสักหน่อยนางเห็นกับตาว่าเจ้าอาวาสขายยันต์ของนางในราคาสูงถึงห้าพันตำลึง แต่ฝั่งผู้มาซื้อกลับรู้สึกขอบคุณเขาเป็นล้นพ้นที่สำคัญคือ ในระหว่างการซื้อขายยันต์แผ่นนั้น เจ้าอาวาสไม่เคยปริปากพูดคำว่าเงินออกไปแม้แต่ครึ่งคำ เอาแต่พูดว่ามันเป็นเรื่องของบุญวาสนาสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็ยอมจ่ายเงินห้าพันตำลึงด้วยความเต็มอกเต็มใจเฟิ่งชูอิ่งพลันคิดว่าหากพระในอารามแห่งนี้ไปทำงานค้าขายจะต้องเก่งกาจมากแน่ๆ หลังจากเขาส่งแขกกลับไปแล้ว เขาก็ถือตั๋วเงินเดินกลับมาอย่างอารมณ์ดีและบอกกับเฟิ่งชูอิ่งว่า “เจ้าวาดยันต์ ข้าขายยันต์

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 270

    เฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทีแบบนั้นก็รู้ทันทีว่าหลินชูเจิ้งจะต้องไปรู้เรื่องอะไรมาแน่ ตอนนี้ถึงได้มาคิดบัญชีกับนางแต่ตอนนี้นางยังไม่รู้ว่าหลินชูเจิ้งรู้มามากน้อยแค่ไหน จึงคิดจะหยั่งเชิงดูก่อนนางถามว่า “ท่านลุงคิดจะทำอะไรหรือ?”นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่แฝงความหวาดกลัวเล็กน้อยเหมือนที่ผ่านมา ประหนึ่งว่านางกำลังกลัวอย่างมากเฉี่ยวหลิงเห็นอะไรแบบนี้บ่อยแล้วจึงเข้าไปประคองเฟิ่งชูอิ่งอย่างแนบเนียน “คุณหนู ไม่ต้องกลัว น่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดกันเฉยๆ ลองอธิบายให้แน่ชัดก็พอแล้วเจ้าค่ะ”หลินชูเจิ้งแค่นเสียงเย็นชา “เจ้าไม่ใช่เฟิ่งชูอิ่งชัดๆ บอกมานะ เจ้าเป็นใครกันแน่?”เฟิ่งชูอิ่งทำหน้างงแล้วเอ่ยว่า “ท่านลุง ท่านป้าฟ้องอะไรท่านอีกแล้วล่ะ? ท่านถึงได้มาถามข้าเช่นนี้?“ข้าไม่ใช่ข้า แล้วข้าจะเป็นใครล่ะ?”“ยังไม่เลิกเสแสร้งอีก!” หลินชูเจิ้งเอ่ยอย่างเย็นชา “ของพวกนี้เจ้าเป็นคนเอาไปวางบนภูเขาจำลองสินะ!”เขากล่าวจบก็โยนของที่เฟิ่งชูอิ่งเคยเอาไปวางไว้กลางตาค่ายกลบนภูเขาจำลองให้นางดูวันนี้หลังจากเขาไปพบเทียนซือและสนทนากับอีกฝ่ายแล้ว เขาก็หูตาสว่างขึ้นอย่างมากขณะที่เดินกลับมาที่จวน ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องทุกอย

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 271

    ข้ออ้างและเหตุผลในการลงมือ เขาคิดรอเอาไว้เรียบร้อยแล้ว เขาแค่บอกกับคนด้านนอกว่าเฟิ่งชูอิ่งถูกปีศาจร้ายสิงร่าง เทียนซือส่งคนมาช่วยกำจัดปีศาจเพียงเท่านี้ ชื่อเสียงดีงามของเขาก็จะอยู่ครบถ้วนเฟิ่งชูอิ่งมองหุ่นไม้ที่เปื้อนเลือดบนพื้น แววตาพลันลึกล้ำตอนแรกที่นางวางหุ่นไม้เอาไว้ได้สร้างค่ายกลไว้ที่ข้างๆ ด้วย เพื่อใช้หลอกล่อคน ไม่ให้มีใครรู้ว่าของที่อยู่ตรงกลางค่ายกลถูกสับเปลี่ยนไปแล้วตอนนี้หลินชูเจิ้งสามารถนำหุ่นไม้ออกมาได้ แปลว่าเทียนซือเป็นคนลงมือช่วยเหลือก่อนหน้านี้นางลองหยั่งเชิงหลินชูเจิ้ง แม้ว่าคนผู้นี้จะจิตใจเอนเอียง นิสัยใจคอเลวร้าย แต่กลับไม่รู้จักวิชาศาสตร์ลี้ลับค่ายกลที่นางวางเอาไว้ที่นั่นแม้จะไม่ได้ร้ายกาจมากมาย แต่ไม่ใช่สิ่งที่หลินชูเจิ้งหรือผู้มีวิชาทั่วไปสามารถทำลายได้แน่นอนดังนั้นนอกจากยามประจำจวนที่กำลังโอบล้อมพวกนางตอนนี้ ก็น่าจะมียอดฝีมือศาสตร์ลี้ลับอยู่แถวนี้ด้วยเพียงแต่ไม่รู้ว่าคนที่มาในคืนนี้ใช่เทียนซือหรือไม่ หากเทียนซือมาด้วยตัวเองล่ะก็ คืนนี้นางจะต้องรอดยากแน่นอนแต่หากเป็นเทียนซือส่งตัวลูกศิษย์มาแทน นางก็ไม่ต้องหวาดกลัวจนเกินเหตุนางรู้จักเทียนซือไม่มากนัก แต

Latest chapter

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 991

    เขาไม่เคยเจอใครดื้อด้านเท่านางมาก่อน!เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับโทสะ เพราะตอนนี้เขาไม่สามารถตบตีหรือด่าทอนางได้ทั้งนั้นเขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าอยากไปเจียงหนานไม่ใช่หรือ? พอออกจากที่นี่ได้ ข้าจะไม่ขัดขวางเจ้า เจ้าก็จะได้ไปชมวิวทิวทัศน์เจียงหนานที่เจ้าอยากเห็น”“เจียงหนานในฤดูหนาวที่มีหิมะปกคลุมทั้งงดงามและน่าหลงใหล ถ้าเจ้ายังไม่เคยเห็น ต้องไปดูด้วยตาตัวเองให้ได้เลย”เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนอยู่บนพื้นไม่ยอมลุกขึ้น “ไม่ไป อากาศหนาวเกินไป เดินทางเหนื่อยเกินไป”จิ่งสือเยี่ยน “…...”ตั้งแต่วินาทีที่เขาติดกับอยู่ที่นี่ สถานะระหว่างเขากับเฟิ่งชูอิ่งก็สลับกันโดยสิ้นเชิงเพราะเขามีความทะเยอทะยาน อยากใช้ชีวิตอย่างสุขสบายยิ่งเฟิ่งชูอิ่งแสดงออกว่าอยากตายมากเท่าไหร่ จิ่งสือเยี่ยนก็ยิ่งไม่ยอมให้นางตายมากขึ้นเท่านั้นดังนั้นตอนนี้นางจึงควบคุมเขาได้อย่างเบ็ดเสร็จการที่นางแสดงท่าทีไม่ยอมทำตามไม่ว่าเขาจะใช้ไม้แข็งหรือไม้อ่อนเช่นนี้ ทำให้เขาแทบเป็นบ้าจิ่งสือเยี่ยนไม่เคยคิดฝันมาก่อนว่าการจับตัวประกันจะน่าอึดอัดขนาดนี้เฟิ่งชูอิ่งนอนเอกเขนกอยู่ตรงนั้นอย่างสบายใจ เหตุผลก็ง่ายๆ นางใช้

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 990

    เฟิ่งชูอิ่งยิ้มแล้วถามว่า “ทางที่ข้าชี้นำ เจ้ากล้าเดินตามหรือ?”เมื่อมาถึงตอนนี้แล้ว นางก็คร้านจะเสแสร้งต่อไปสีหน้าของจิ่งสือเยี่ยนแข็งค้างไปครู่หนึ่ง นางพูดอย่างเฉื่อยชาว่า “เพราะพวกเจ้าติดอยู่ที่นี่ คงรู้สึกหนาวเหน็บและหวาดกลัว”“เจ้าบาดเจ็บ ในสภาพอากาศหนาวเย็นเช่นนี้ แผลของเจ้าจะยิ่งทรุดหนัก”“เจ้ารีบร้อนมารวบรวมกำลังพลของกองกำลังอวี๋ซาน เจ้าคงไม่ได้พกอาหารมาด้วยมากนัก ดังนั้นตอนนี้พวกเจ้าคงหิวมากแล้ว”“ในสถานการณ์เช่นนี้ แค่ข้ากักขังพวกเจ้าไว้ที่นี่ ต่อให้ไม่หนาวตาย พวกเจ้าก็คงอดตายอยู่ดี”ขณะนี้หิมะขาวโพลนโปรยปรายไปทั่ว อากาศหนาวเหน็บ สภาพอากาศเช่นนี้คงจะดำเนินต่อไปเป็นเวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนเป็นอย่างที่เฟิ่งชูอิ่งบอก พวกเขาเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้พกเสบียงอาหารแห้งหรืออะไรทำนองนั้นมาด้วยเลยด้วยเหตุนี้ตอนที่พวกเขาเดินวนจนครบรอบที่สาม เสบียงอาหารก็หมดลงตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้ว หลังจากตกกลางคืน อากาศจะยิ่งหนาวเย็นลง พวกเขาจะยิ่งลำบากมากขึ้นจิ่งสือเยี่ยนชักกระบี่ยาวออกมา “เจ้าเชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถบั่นคอเจ้าด้วยกระบี่เล่มนี้ได้!”เฟิ่งชูอิ่งยิ้มหวานแล้วเอ่ยว่า “เอาเลย ฆ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 989

    เขาคลี่ยิ้มมุมปากเล็กน้อย “ได้”หลังจากฆ่าจิ่งโม่เยี่ยแล้ว จะปล่อยนางไปหรือไม่ เรื่องนี้เขาจะเป็นคนตัดสินใจนางเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขารู้สึกชอบจริงๆ และนางก็เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขารู้จักกับความล้มเหลวเขารู้ว่านางมีวิธีการบางอย่างที่คนทั่วไปไม่มี ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าประมาท เขาจะป้อนยาที่ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงให้นางกินทุกวันเฟิ่งชูอิ่งรู้ทันความคิดของเขา และยอมให้ความร่วมมือแต่โดยดีขณะที่ในใจของนางกำลังครุ่นคิด ครั้งที่แล้วโดนไปขนาดนั้นยังรอดมาได้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องหาโอกาสฆ่าเขาให้ตายสนิทแบบไม่มีสิทธิ์ฟื้นขึ้นมาอีกนางพลันนึกถึงเรื่องที่เหมยตงยวนวิญญาณแหลกสลายหลังจากรู้ข่าวการตายของเฟิ่งชิงหลิง จิตใจนางจึงหม่นหมองตามไปด้วยนางรู้ว่าเหมยตงยวนรักเฟิ่งชิงหลิงอย่างสุดซึ้ง แต่ไม่คิดว่านั่นจะเป็นรากฐานที่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ในโลกใบนี้เพราะนางเห็นความรักของพวกเขา นางจึงยิ่งรู้ชัดว่าตัวเองมีความรู้สึกแบบไหนต่อจิ่งโม่เยี่ยในเมื่อรักแล้ว ก็ต้องรักให้สุดหัวใจอย่าได้ทำเรื่องที่ทำให้ตัวเองเสียใจและทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดอีกจิ่งสือเยี่ยนไม่ได้ไปตามล่าจิ่งโม่เยี่ยโดยตรง เขาวางแผนท

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status