พอกลับมาถึงซ่างเหอหยวนกู้อิ๋นกับเผยเซียวก็ลงจากรถ คนขับรถก็ขับรถออกไปเลยตอนแรกกู้อิ๋นตั้งใจจะขอให้คนขับรถพาเธอไปส่งที่หอพัก แต่พอเห็นความเย็นชาและถือตัวของเผยเซียวในตอนนี้ เธอก็ไม่กล้าจะพูดอะไรเลย ได้แต่เดินตามไปอย่างช่วยไม่ได้เมื่อมาถึงที่บ้านเผยเซียวก็มองมาทางกู้อิ๋น : “ข้าวของเธอเมื่อไหร่จะย้ายเข้ามาที่นี่สักที?”กู้อิ๋นหัวใจเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย“ต้องย้ายมาอยู่ที่นี่จริงๆ หรอคะ” เธอยังคงอยากจะคัดค้านสักหน่อยก็เธอน่ะ ไม่อยากย้ายมาที่นี่จริงๆ นี่นา……!ยิ่งมองไปทางเผยเซียว ในใจของเธอก็ยิ่งกังวลต้องมาเจอหน้ากันเป็นเวลานานๆ เธอกลัวว่าเธอจะหลุดพูดเรื่องคืนวันนั้นออกมาจนหมดดวงตาของเผยเซียวแสดงถึงความไม่พอใจออกมากู้อิ๋นเห็นดังนั้นจึงรีบพยักหน้า “พรุ่งนี้จะย้ายเข้ามาแล้วค่ะ”เผยเซียวไม่ได้พูดอะไรอีก แต่หันไปถอดเสื้อตัวนอกออกและโยนโทรศัพท์ลงบนโซฟาก่อนจะเดินเข้าไปที่ห้องนอนกู้อิ๋นหยุดยืนที่ทางเดิน และปลอบตัวเองเบาๆสองสามทีก่อนจะถอนหายใจออกมายาวๆเรื่องมาถึงตรงนี้แล้วเธอเองก็รู้แล้วว่าเธอคงเลี่ยงไม่ได้แล้วล่ะเรื่องที่จะต้องอยู่กับเผยเซียวเนี่ย!ไม่นานเผยเซียวก็เดินกลั
เสียงที่ดังขึ้นมากพอที่จะทำให้เผยเซียวขมวดคิ้วเขามองไปทางห้องน้ำกู้อิ๋นที่อยู่ในห้องน้ำหัวใจเต้นตึกตัก ได้ยินเสียงเผยเซียวดังออกมาจากด้านนอก “มีอะไร?”ได้ยินเสียงของเผยเซียวตัวของเธอก็แข็งอยู่กับที่!เธอหลับตาแน่นก่อนจะกัดฟัน “ท่านประธานเผยคะ ฉันไม่มีผ้าขนหนูน่ะค่ะ!”ตอนนี้ทุกอย่างอยู่ในความสงบ!ตอนนี้กู้อิ๋นรู้สึกอยากจะกัดลิ้นตัวเองสุดๆถ้าไม่เคยเห็นว่ากู้อิ๋นเล่อล่าขนาดไหน เผยเซียวจะคิดว่าเธอกำลังอ่อยเขาอยู่เป็นแน่แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกปวดหัวมากกว่าเดิมเพราะความเล่อล่าของเธอเขาลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ห้องสำหรับเก็บของหยิบเอาผ้าขนหนูผืนใหม่ก่อนจะเดินไปที่หน้าห้องน้ำ ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยเสียงต่ำ “เปิดประตู”กู้อิ๋นแง้มประตูออกเล็กน้อยไม่เห็นว่ามีคนยืนอยู่ เธอจึงยื่นมือเล็กๆ ของเธอออกไปหยิบผ้าขนหนูเข้ามา “ขอบคุณนะคะ”เผยเซียวรู้ว่ากู้อิ๋นมีรูปร่างที่บอบบาง แต่ก็ไม่คิดว่ามือของเธอจะดูมีน้ำมีนวลขนาดนี้และที่สำคัญเด็กบ้านนอกแบบเธอกลับมีผิวพรรณที่ขาวใส......กู้อิ๋นหนาวจนจะแย่อยู่แล้ว เธอจึงรีบใช้ผ้าขนหมูมาเช็ดตัวก่อนจะสวมใส่เสื้อผ้าแต่เผยเซียวกลับมีแต่เสื้อและกางเกงให้ก
กู้อิ๋นหัวใจเต้นรัวและเร็วมากยิ่งขึ้น!ยิ่งรู้ว่าอีกคนเริ่มไม่มีสติแล้วในใจของเธอก็ยิ่งกลัวมากขึ้น “ไม่ได้นะคะท่านประธานเผย”เธอใช้แรงเพิ่มมากขึ้นอีกเพื่อที่จะพาตัวเองออกมาจากพันธนาการของอีกคนคนที่เหมือนจะเมาไม่รู้ตัวอย่างเผยเซียวเมื่อได้ยินเสียงของเธอก็เริ่มที่จะมีสติขึ้นมา......ความอบอุ่นในสายตาหายไปแล้วเหลือแต่ความเย็นชา!สายตาเย็นชามองมาที่เธอ กู้อิ๋นจึงยิ่งหวั่นใจเข้าไปอีก ก่อนที่เธอจะใช้น้ำเสียงอ่อนๆ พูดขึ้นมา “ท่านประธานเผยคะ”แค่คำเรียกว่าท่านประธานเผยคำเดียว ทำให้เผยเซียวสร่างเมาขึ้นไปอีกเกือบครึ่งเขาพูดด้วยเสียงที่ต่ำกว่าเดิม “ไปนอนได้แล้ว”ไปนอน?พอได้ยินคำว่าไปนอนสองคำนี้ กู้อิ๋นก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก เสียงของเธอจึงสั่นมากๆ ตอนที่พูด “นอนที่ไหนคะ?”เพราะว่าเหตุการณ์เมื่อสักครู่ทำให้เธอตกใจเป็นอย่างมาก ตอนนี้ก็ยังไม่ได้สติกลับมาเผยเซียวได้ยินคำถามโง่ๆจากปากเธอ ความอบอุ่นในสายตาก็หายไปจนหมดโดยเฉพาะตอนที่เห็นเธอถามคำถามโง่ๆ นี้ออกมามุมปากจึงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่กู้อิ๋นไม่เข้าใจ “แล้วเธออยากจะนอนที่ไหนล่ะ?”“ฉันไม่อยากนอนที่ไหนทั้งนั้นค่ะ ฉันอยากกลับหอพักของฉัน
“ต่อให้ยากแค่ไหนแต่ก็จะต้องหาให้ได้!” กู้อิ๋นพูดด้วยเสียงที่เย็นชามากขึ้นไปอีกจากที่เธอดูแล้วไม่ใช่ว่างานมันหายากหรอก แต่เพราะสวีจิ่งอวี่เป็นเหมือนกับที่เหยียนฉู่พูดว่าเป็นพวกทะเยอะทะยานสูงตอนนี้เป็นแค่เด็กฝึกงานยังจะเพ้อฝันอยากจะมีงานที่มีเงินเดือนมากกว่าหลักหมื่นอยากจะรู้จริงๆว่าบริษัทไหนจะยอมควักเงินเดือนเป็นหมื่นๆ เพื่อมาจ้างเด็กฝึกงาน? มันก็ต้องไปทีละขั้นไม่ใช่หรือไง?สวีจิ้งอวี่เห็นเธอเป็นแบบนี้ก็เริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมาบ้างแล้ว “ก็ไม่ใช่ว่าผมยังหาไม่ได้ไม่ใช่หรือไง? ทำไมพวกพี่ถึงเอาแต่จะบังคับผมล่ะ!”“ใครบังคับแกกัน? ไม่ใช่เป็นเพราะปากของแกอยากจะกินข้าวหรือไงบังคับงั้นหรอ? คำนี้กู้อิ๋นชักจะไม่พอใจแล้วล่ะ!ถ้าแน่จริงก็อย่ากลับมาขอเงินคนที่บ้านสิ ใครบ้างที่โตแล้วจะไม่อยากพยายามเพื่อมีชีวิตที่ดีกันน่ะ?บ้านของพวกเธอก็ไม่ใช่คนร่ำรวยอะไร สามารถเรียนจบออกมาได้ก็แปลว่าเลือกทางเดินในอนาคตถูกต้องไปครึ่งหนึ่งแล้วแต่ดูจากสวีจิ้งอวี่ตอนนี้แล้ว เรียนไปก็ไม่สามารถรับรู้เรื่องราวพวกนี้ได้ก็อย่างกับเรียนไปเปล่าประโยชน์!สวีจิ้งอวี่เห็นท่าทีไม่ยอมลงให้ของกู้อิ๋นก็เริ่มจะหงอยลง “พี่ร
เมื่อตื่นขึ้นมาก็รู้สึกอ่อนล้าโรยแรง ให้ตายสิ ทำไมเขาถึงฝันแบบนี้นะบางทีอาจมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับผู้หญิงที่โรงแรมคืนนั้นก็ได้ พอได้ประสบพบผ่านมาแล้วก็ไม่เหมือนกับที่คิดเลยจริงๆเมื่อนึกถึงคืนวันนั้นที่หนานเฉิง เผยเซียวก็ยิ่งรู้สึกอดรนทนไม่ได้ อยากออกตามหาผู้หญิงคนนั้นและหั่นเธอเป็นชิ้นๆกู้อิ๋นที่กำลังทำอาหารเช้าอยู่ในครัว รู้สึกวูบวาบขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย จากนั้นก็ ‘ฮัดชิ๊ว!’ ไปหนึ่งที‘ครืด ครืด!’ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนเคาน์เตอร์ครัวกำลังสั่นเมื่อเห็นว่าเป็นกู้หลานโทรมา กู้อิ๋นจึงรับสาย ‘ค่ะพี่’“เมื่อคืนเธอได้โอนเงินหนึ่งพันบาทให้สวีจิ้งอวี่ไหม”“แค่ข้าวมื้อเดียวก็เกินพอ! ” กู้อิ๋นพูดด้วยความหงุดหงิดใครกันนะที่ทำให้เขาคิดจะทำตัวเป็นพี่ใหญ่ทั้งที่ทำตัวไม่เอาถ่าน ต้องสั่งสอนเขาให้ดูเป็นบทเรียนสักหน่อยแล้ว!ถึงมันจะช่วยแก้ปัญหาไฟลนก้นของเขาได้ แต่ความรู้สึกที่ว่าเกือบตายแค่ไหนยังไงก็รอดมาได้อยู่ดี คงจะติดตัวเขาไปตลอดชีวิตคิดว่าเดี๋ยวกู้หลานก็คงบ่นอีกว่าจ้าวเป่าอวิ๋นหาปัญหามาให้อีกแล้วแต่ไม่คิดเลยว่าเธอจะหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างอดไม่ได้ “พอแล้วล่ะ พวกเราคงต้องให้บทเรียนเขาแล
พอมาลองดูให้ดีๆ ที่หลังฝ่าเท้าของเธอกลับมีตุ่มพองขึ้นมาจริงๆเผยเซียวมองดูทางนั้น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “โง่จริงๆเลย”กู้อิ๋นกัดริมฝีปากบางของตัวเอง ในใจรู้สึกน้อยใจมากขึ้นกว่าเดิมนั่นก็เป็นเพราะเขายืนอย่างเงียบๆ อยู่ด้านหน้าห้องครัว มันเลยทำให้เธอตกใจขนาดนี้ตอนนี้ยังจะมาหาว่าเธอโง่อีก...ในความรู้สึกของเผยเซียวแล้วกู้อิ๋นเป็นคนที่ค่อนข้างซุ่มซ่าม ไม่ว่าจะทำอะไรก็ต้องมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเสมอหลายครั้งงานของเธอก็ไม่ได้รับความไว้วางใจจากลั่วเหยียน เขาจะต้องตรวจสอบอีกรอบทุกครั้ง!“พองหมดแล้วเนี่ย”เผยเซียวมองอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นมาน้ำร้อนๆ ของซุปที่หกรดฝ่าเท้าของเธอ มันลวกผิวหนังอยู่พอสมควรกู้อิ๋นมองเท้าของตัวเองที่พองเป็นตุ่มใสๆ หลายจุดก็เบะปากออกมา ในใจยิ่งรู้สึกน้อยใจมากขึ้นไปอีกเผยเซียวหยิบเอากล่องปฐมพยาบาลออกมาดู เมื่อเห็นว่าไม่มียาที่ทาสำหรับลดการบาดเจ็บจากแผลน้ำร้อนลวกจึงรีบโทรศัพท์ไปหาคุณหมอประจำตัวหมอบอกให้เขาใช้น้ำแข็งประคบไปก่อนหลังจากวางสายเรียบร้อยแล้ว เผยเซียวก็อุ้มกู้อิ๋นไปที่โซฟามองไปทางกู้อิ๋นที่น้ำตาคลอ ก่อนจะพูดว่า “จะร้องไห้หรือไง?”
สุดท้ายแล้วเผยเซียวก็เป็นคนทำมื้อเช้าแบบอเมริกันง่ายๆเองกู้อิ๋นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่แต่ก็ยอมฝืนกินทานลงไปตอนนี้เธอยังสวมเสื้อที่เผยเซียวมอบให้เธอเมื่อคืน และชุดของเธอเมื่อวานก็ด้วยเพราะอารามการตกใจจึงยังไม่ได้ซักเพราะอย่างนั้นไม่ว่าจะอย่างไรวันนี้ก็คงต้องลางานอยู่ดีเผยเซียวเห็นท่าทางคิดไม่ตกของเธอจึงพูดไปว่า “ทีหลังเธอไม่ต้องเข้าครัวแล้ว อีกอย่างเธอทำไม่อร่อยด้วย”ไม่ใช่แค่ไม่อร่อย แต่เป็นเมนูประหลาดซะเสียด้วยสิครั้งแรกไข่กับขนมปังก็ถูกเธอทำไหม้ไป! ครั้งที่สองก็ทำบะหมี่น้ำเปล่า ครั้งที่สามก็ทำน้ำซุปหกรดตัวเองพอมาคิดๆ ดู ไม่ว่าจะครั้งไหนเธอก็ไม่เคยทำได้ดีเลยสักครั้งกู้อิ๋นคิดว่าเป็นเพราะอุบัติเหตุวันนี้ทำให้เผยเซียวไม่พอใจ จึงพูดเสียงเบาๆ ว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ”“มันไม่เกี่ยวกับว่าเธอตั้งใจหรือหรือเปล่า แต่เป็นเพราะฝีมือการทำอาหารของเธอมันแย่จริงๆ แบบนี้เป็นการเปลืองทรัพยากร!”“.……”คำพูดแบบนี้มันก็น่าโมโหอยู่หรอก แต่เธอไม่มีคำไหนที่สามารถตอบโต้ได้เลยสักนิดหลังจากจบมื้อเช้าลงเผยเซียวก็จะเข้าไปที่บริษัทก่อนจะไปก็แวะมาบอกกับเธอ “ไม่ต้องเข้าไปในห้องครัวอีกล่ะแล้ว เดี
”สวัสดีค่ะ พวกเรามาส่งเสื้อผ้าให้คุณกู้ค่ะ”พอได้ยินว่ามาส่งเสื้อผ้าให้เธอ กู้อิ๋นจึงลุกขึ้นมาจากโซฟาก่อนจะชะโงกหน้าออกไปดูเหยียนฉู่ขยับตัวเล็กน้อย มีพนักงานสี่คนในชุดสูทกำลังเข็นเอาราวแขวนเสื้อผ้าเข็นเข้ามาต่อให้จะเป็นเหยียนฉู่แต่เธอก็รู้สึกตกใจอยู่ไม่น้อย!ลูกสาวเศรษฐีแบบเธอต้องรู้อยู่แล้วว่าเสื้อผ้าพวกนี้มาถูกสั่งตัดโดยเฉพาะจากดีไซเนอร์คนไหนพวกเขาสองคน......แต่งงานกันหลอกๆ จริงหรอเนี่ย?เหยียนฉู่มองไปที่เสื้อผ้าด้วยความสงสัย และก็ยังมองอย่างสงสัยไปทางกู้อิ๋นที่นั่งซื่อบื้ออยู่บนโซฟาด้วย......อีกด้านหนึ่งที่บริษัท พนักงานทุกคนเริ่มเข้าทำงานของตัวเองตามหน้าที่ ทั่วทั้งบริษัทกำลังสว่างไสวเรื่องที่เผยเซียวลากกู้อิ๋นกลับไปด้วยกันเมื่อวานรู้กันไปทั่วทั้งบริษัทแล้วสาวๆ ในบริษัทหลายคนต่างก็ไม่พอใจโดยเฉพาะจินเยี่ยนและเจิ้งเฟยไม่ต้องพูดถึงจินเยี่ยน เธอเป็นคนที่ทำงานเก่งมากและมักจะคิดว่ากู้อิ๋นเป็นพวกไก่อ่อน ไม่เหมาะจะทำหน้าที่เลขาส่วนตัวของเผยเซียวด้วยซ้ำส่วนเจิ้งเฟย ตอนนี้เธอกำลังเล็งตำแหน่งเลขาเบอร์หนึ่งอยู่ตอนนี้เห็นกู้อิ๋นไม่มาทำงาน ทั้งสองคนจึงต่างตกอยู่ในความค