เธอไม่อยากเผชิญหน้ากับผู้ใหญ่สักเท่าไรพอนึกถึงสีหน้าท่าทางของเฉินลี่หัวแล้ว เธอก็รู้สึกว่าผู้ใหญ่ทางฝ่ายชายไม่ค่อยน่าเข้าหาเลยสักนิดแต่ก็รู้ ว่าการแต่งงานตามข้อตกลงของเผยเซียวและเธอ แน่นอนว่าทำเพื่อให้ผู้ใหญ่เห็นโดยปกติทายาทของตระกูลใหญ่มักไม่ค่อยสนใจเรื่องการแต่งงานมากเท่าไร แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อผู้ใหญ่เร่งรัดให้แต่งงานทำให้เริ่มหวาดระแวงโลกใบนี้คิดไม่ถึงว่า เผยเซียวที่ปกติจะดูเย็นชาและน่าเกรงขามในบริษัท จะมีผู้ใหญ่ประเภทนี้ด้วยเผยเซียว “คุณจะเข้าใจแบบนี้ก็ย่อมได้”เข้าใจแบบนี้หมายความว่ายังไง เป็นความจริงงั้นเหรอ?กู้อิ๋นไม่รับบทสนทนาต่อ กินอาหารเช้าอย่างตั้งใจ แปลกมากที่เธอเป็นคนกลัวสิ่งสกปรกอยู่หน่อย ๆตอนเป็นเด็ก มีบางครั้งที่แม่จะเอาอาหารที่น้องชายอย่างสวีจิ้งอวี๋ทานไม่หมดให้เธอ มันทำให้เธอรู้สึกขยะแขยงของที่ปนน้ำลายแต่ถ้าเป็นของที่เผยเซียวกินแล้ว นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่รังเกียจอาจเพราะไข่ดาวที่สุกด้านเดียวและขนมปังปิ้งที่เผยเซียวเป็นคนทำมีกลิ่นหอมมากล่ะมั้ง?“คุณทำอะไรเป็นบ้าง?” เผยเซียวถามกู้อิ๋นในตอนที่กำลังจะทานเสร็จ เมื่อกี้กู้อิ๋นเพิ่งบอกไปว่าเธอทำอาหารเป็น
น้ำเสียงประชดประชันนี้ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้การหายใจของกู้อิ๋นถี่ขึ้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองทำให้เขาขุ่นเคืองตรงไหนเผยเซียวไม่พูดอะไรต่อ หลังจากผ่านสัญญาณไฟจราจรไปแล้ว ก็จอดรถตรงริมถนนกู้อิ๋นรีบเผ่นลงจากรถ โดยไม่สนว่าเขาจะพูดอะไรเผยเซียวมองดูแผ่นหลังที่ว่องไวราวกับกระต่ายของเธอ สีหน้าขรึมลงอย่างไม่สามารถควบคุมได้เขาคือหมาป่าที่น่ากลัวเหรอ? เธอถึงได้กลัวขนาดนี้เลย?เมื่อกู้อิ๋นกลับมาที่บริษัท วินาทีแรกก็พุ่งตัวไปที่ห้องทำงานของลั่วเหยียนทันที บอกว่าเผยเซียวให้เธอมาเซ็นข้อตกลงกับเขาลั่วเหยียนมองเธอด้วยสีหน้าที่จริงจัง “ข้อตกลงนี้ เกรงว่าจะไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้”“หา? หมายความว่าไงคะ?”กู้อิ๋นไม่เข้าใจ ไม่สามารถเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรได้หมายความว่าไง? ข้อตกลงต้องทำเป็นลายลักษณ์อักษรถึงจะมีผลไม่ใช่เหรอ?ถ้าไม่มีลายเซ็นเป็นลายลักษณ์อักษร หากเกิดข้อพิพาทอะไรขึ้นมา มันก็ไม่มีใครให้ความชัดเจนได้นะ! ลั่วเหยียนดันกรอบแว่นสีดำบนสันจมูกขึ้น เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เรื่องของข้อตกลงระหว่างคุณกับประธานเผยไม่ใช่เรื่องล้อเล่น หากข้อตกลงนี้รั่วไหลออกไป คุณคงยังไม่เข้าใจผล
มุมปากของกู้อิ๋นกระตุกอีกครั้ง เธอทำงานที่นี่มาตั้งนานขนาดนี้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะไม่รู้แต่เพื่อเงินชดเชยในการเลิกกันห้าร้อยล้านบาทนั่น เธอจะทำงานรับใช้เขาอย่างดีเลยกู้อิ๋นสูดลมหายใจและมองไปที่เผยเซียวอย่างตื่นเต้นนิดหน่อยเมื่อเผยเซียวเห็นท่าทางที่จะพูดอึก ๆ อัก ๆ ของเธอ ก็เอ่ยเสียงเข้มว่า “มีธุระเหรอ?”“มีค่ะ คือว่า เมื่อกี้หัวหน้าลั่วไม่ได้ให้ฉันเซ็นข้อตกลงเป็นลายลักษณ์อักษร!”“ได้บอกเหตุผลชัดเจนไหม?”“อื้ม ฉันก็แค่อยากถามสักหน่อยว่า เงินค่าเลิกกันห้าร้อยล้านบาทที่เขาพูด ตกลงเป็นเรื่องจริงไหมคะ”ยิ่งพูดถึงช่วงท้ายมากเท่าไร เสียงของกู้อิ๋นก็เบาลงเท่านั้นเธอรู้ว่ามันค่อนข้างหยาบคายที่จะพูดเรื่องเงินต่อหน้าคนที่ไม่ได้ขาดเงินอย่างเผยเซียว แต่เธอก็เป็นคนหยาบคายไงถึงแม้ว่าลั่วเหยียนจะพูดอย่างชัดเจนมากแล้ว แต่อยู่ในเผยซื่อเขาก็เป็นเพียงผู้ช่วยหัวหน้าคนที่พูดจริงทำจริงจริง ๆ คือเผยเซียวสุดท้ายแล้วจำนวนมากมายขนาดนั้น กู้อิ๋นคิดว่าตนเองต้องถามให้ชัดเจนไปเลยถึงจะถูกเผยเซียวกระตุกคิ้ว “น้อยเกินไป?”“ไม่ ไม่ใช่ค่ะ ฉันแค่อยากจะยืนยันความจริง!”จะน้อยไปได้ยังไงเล่า นั่นมันเยอะมาก
ถึงแม้ว่าเมื่อคืนจะกำชับกู้อิ๋นทุกรูปแบบว่าต้องยืนหยัดให้ได้!แต่ที่จริงแล้วคืนเมื่อวาน เหยียนฉู่ก็นอนไม่หลับทั้งคืน จากท่าทีของเผยเซียวเมื่อคืน การแต่งงานปลอม ๆ ของพวกเขาก็ต้องมาร่วมห้องหอกันอีกกู้อิ๋นยัยเด็กที่ซื่อสัตย์เกินไปคนนี้ เมื่อไหร่ที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ก็จะเปิดเผยความลับจนหมดเปลือก“ฉันไม่รู้อ่ะ? แต่ถ้าเขาไม่ถามถึงเรื่องในคืนนั้นก็คงจะไม่เป็นไร”“แล้วถ้าถามล่ะ?” เหยียนฉู่หายใจเข้าถี่ขึ้นถ้าถามล่ะ!กู้อิ๋นมองไปที่เหยียนฉู่ เหยียนฉู่มองดูสายตาของเธอ “ที่ฉันบอกเธอไป ลืมหมดแล้วเหรอ?”“อะไรเหรอ?”“ถ้าเกิดเขาถามแล้ว เธอต้องพยายามเลี่ยงหัวข้อสนทนานี้ให้เร็วที่สุดเลยนะ อย่าปล่อยทิ้งไว้นานกว่าหนึ่งวินาทีเชียว!”แต่ถ้ามากกว่าวินาทีเดียว นั่นก็จะยิ่งอันตรายมากขึ้นกู้อิ๋นพยักหน้าอย่างเต็มที่ “อื้ม ฉันจำได้”“งั้นเธอจะผ่านมันไปได้ภายในหนึ่งวินาทีใช่ไหม?”“ไม่ได้!” กู้อิ๋นพยักหน้าต่อไปเผยเซียวเป็นคนฉลาดแบบไหน พวกเธอต่างก็รู้ถ้าหากจงใจที่เลี่ยงหัวข้อสนทนา จะต้องถูกการสังเกตที่ว่องไวของเขาจับได้อย่างแน่นอน......!เหยียนฉู่ “......”ตอนนี้ถึงคราวที่เธอต้องกลัวจนจะบ้าตายแล
กู้อิ๋นมองดูเวลาที่แสดงอยู่ด้านล่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ เอ่ยอย่างสงบเสงี่ยม ๆ ว่า “เกรงว่าคุณต้องไปเองแล้วล่ะค่ะ”ตามปกติพวกเธอจะรับผิดชอบในงานของตนเอง โดยทั่วไปเรื่องของตนเองก็ต้องจัดการให้เสร็จด้วยตนเองและงานของเธอกับจินเยี่ยนก็อยู่ในขอบเขตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจินเยี่ยน “ประธานเผยให้ฉันเข้าร่วมประชุมด้วย เอกสารของหมิงเฉิงพวกนี้จะชักช้าไม่ได้”ชูหรันขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจอยู่ที่โต๊ะทำงานของกู้อิ๋น “ผู้ช่วยจิน ฉันช่วยไปส่งให้ค่ะ”แล้วอีกอย่าง เวลาประธานเผยประชุมกู้อิ๋นก็ต้องอยู่ด้วย แล้วจินเยี่ยนเข้าไปมีส่วนด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่?กู้อิ๋นก็มองดูห้องทำงานของเผยเซียวตามจิตใจ้สำนึก หน้าต่างมู่ลี่ถูกดึงไว้อย่างมิดชิด เธอก็เลยมองไม่เห็นจินเยี่ยนเลิกคิ้ว “ทำไม? ไม่เชื่อเหรอ? เธอไปถามประธานเผยด้วยตัวเองสิ?”กู้อิ๋นคืนสายตากลับมา หอบเอกสารขึ้นมาแล้วยันตัวขึ้น “ได้ ฉันจะไป”โดยปกติทุกคนจะเข้ากันได้ดี อาจเป็นเพราะการประชันเพื่อชิงการเป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเล็กน้อยจินเยี่ยนไม่มีแม้แต่ความรู้สึกขอบคุณเลยแม้แต่น้อย ส่งเสียงหัว
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว สายตาที่จริงจังของลั่วเหยียนปนความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย “นี่ถึงต้องถามนายไง”เผยเซียว “.......”ลั่วเหยียน “แต่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของนายนะ!”ภรรยาของบอส ใครจะกล้าเข้าไปยุ่งสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ?เพิ่งแต่งงานกันเมื่อเช้านี้ ตอนนี้หนีหายไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วเหรอ?เผยเซียวจุดบุหรี่หนึ่งมวน สูบเข้าปากแล้วพูดอย่างเย็นชา “เธอไปส่งเอกสารที่หมิงเฉิงแล้วน่ะสิ!”ลั่วเหยียนได้ฟังคำพูดแล้วใจก็สั่น “เธอไปส่งเอกสารอะไรที่หมิงเฉิง?”มีประธานจางของหมิงเฉิงที่พวกเขาติดต่อด้วย เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าบ้ากาม จินเยี่ยนรู้สถานการณ์ดี ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ครั้งเธอจึงหลบเลี่ยงได้แต่กู้อิ๋นคนนี้ไม่ได้รู้จักหมิงเฉิงเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดไปพบเข้า? จะโดนอะไรบ้างนะ? สายตาของเผยเซียวอึมครึม “นี่ต้องถามนายไง ตอนนี้ใครเป็นคนดูแลหมิงเฉิงอยู่?ลั่วเหยียนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง!ยัยจินเยี่ยนนี่......เลอะเลือนจริง ๆ เลย!ยันตัวขึ้นอย่างรีบร้อน “ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”พูดจบเขาก็รีบออกจากห้องทำงานทันที หมายเลขโทรศัพท์ของกู้อิ๋นกำลังกระพริบอยู่บนโทรศัพท์ในตอนที่กู้อิ๋นจะต้องขึ้นรถโดยสาร พบว่าตน
ลั่วเหยียนมองจินเยี่ยน แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ปัญหาเดียวของคุณ คือการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่!”ไม่เพียงแค่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ วันนี้อะไรที่ไม่ควรทำก็ลืมไปหมดแล้วสินะสมองของจินเยี่ยนถูกสั่งสอนจนว่างเปล่า พยายามจะพูดขอโทษ แต่ลั่วเหยียนไม่อยากฟังเธออธิบายเมื่อเจิ้งเฟยกลับมาจากข้างนอก เห็นจินเยี่ยนถูกสั่งสอนเป็นครั้งแรก บนหน้าก็มีรอยยิ้มพอใจฉายออกมาสั่งสอนจนถึงช่วงสุดท้าย ลั่วเหยียนก็กล่าวทิ้งไว้ว่า “จากนี้ไปกู้อิ๋นรับผิดชอบแค่เรื่องที่ประธานเผยสั่งให้ทำเท่านั้นส่วนเรื่องอื่นพวกคุณก็พิจารณา แยกแยะแล้วจัดการด้วยตัวเอง!”พิจารณา แยกแยะแล้วจัดการ?หมายความว่ากู้อิ๋นต้องเลิกงานก่อนเวลา ส่วนพวกเธอทั้งหมดต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อช่วยเธอทำงานให้เสร็จ หมายถึงแบบนี้ใช่ไหม?แน่นอน ว่าลั่วเหยียนหมายถึงเช่นนี้“เจิ้งเฟยตามผมมา!” ลั่วเหยียนหันตัวกลับมาด้วยความโกรธเคืองโชคดีที่เจอเร็ว ถ้ากู้อิ๋นเกิดเสียเปรียบที่บริษัทหมิงเฉิง เผยเซียวจะต้องยกเลิกแผนกผู้ช่วยทั้งหมดแน่!ลั่วเหยียนคิดอยู่ตลอด ว่าทำไมเผยเซียวถึงปกป้องหญิงสาวที่มาจากบ้านนอกคนนี้ขนาดนี้ด้วยเขาก็เคยสืบมาแล้ว ทั้งสองคนไม่เคยมีควา
นี่ประธานเผยเลยนะ ตอนนี้มีประชุมโครงการมูลค่าตั้งร้อยล้านบาท เขาจะถามเรื่องเล็กน้อยที่ไม่มีอะไรสำคัญเลยเนี่ยนะ!?ชูหรันและผู้จัดการฝ่ายการเงินมองหน้ากันและเห็นความตกตะลึงในสายตาระหว่างกัน!พวกเขาทั้งสองคิดว่าเผยเซียวจะโกรธและด่ากู้อิ๋นที่ไร้สมอง!แต่ในช่วงเวลาต่อมาน้ำเสียงของเผยเซียวก็มีความนุ่มนวลพูดออกมาว่า"จะซื้อทั้งหมดนี่หิ้วไหวไหมล่ะ?"ชูหรัน:"......"ผู้จัดการฝ่ายการเงิน:"......"หัวใจของพวกเขาหดแน่นและสมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่านี่เป็นผู้ช่วยกู้จริงๆหรือผู้ช่วยเล็กๆกันแน่นะเนี่ย!?กู้อิ๋นบอกว่าเขาหิ้วเองได้และถามว่าในครัวไม่มีอะไรใช่ไหมคะเผยเซียวตอบว่าใช่และให้เขาซื้อน้อยๆไปก่อน เห็นได้ชัดว่าเผยเซียวห่วงว่าเธอจะยกกลับมาไม่ได้ทุกคนในห้องประชุมแม้แต่คนที่นั่งอยู่ไกล ไม่พอที่จะได้ยินเนื้อหาของโทรศัพท์ต่างก็พยายามเดาว่าใครเป็นคนที่กำลังคุยกับเผยเซียวอยู่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะได้เห็นด้านที่อ่อนโยนของเผยเซียวด้วย!ใช่ น้ำเสียงของเผยเซียวที่มีต่อทางโทรศัพท์เมื่อกี้ที่อ่อนโยนอย่างนั้นที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเลยชูหรันและผู้จัดการฝ่ายการเงินตกตะลึงเป็นพิเศษเมื่อก่อนเผยเซี