กู้อิ๋นมองดูเวลาที่แสดงอยู่ด้านล่างหน้าจอคอมพิวเตอร์ เอ่ยอย่างสงบเสงี่ยม ๆ ว่า “เกรงว่าคุณต้องไปเองแล้วล่ะค่ะ”ตามปกติพวกเธอจะรับผิดชอบในงานของตนเอง โดยทั่วไปเรื่องของตนเองก็ต้องจัดการให้เสร็จด้วยตนเองและงานของเธอกับจินเยี่ยนก็อยู่ในขอบเขตที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงจินเยี่ยน “ประธานเผยให้ฉันเข้าร่วมประชุมด้วย เอกสารของหมิงเฉิงพวกนี้จะชักช้าไม่ได้”ชูหรันขมวดคิ้วและลุกขึ้นยืนอย่างไม่เต็มใจอยู่ที่โต๊ะทำงานของกู้อิ๋น “ผู้ช่วยจิน ฉันช่วยไปส่งให้ค่ะ”แล้วอีกอย่าง เวลาประธานเผยประชุมกู้อิ๋นก็ต้องอยู่ด้วย แล้วจินเยี่ยนเข้าไปมีส่วนด้วยตั้งแต่เมื่อไหร่?กู้อิ๋นก็มองดูห้องทำงานของเผยเซียวตามจิตใจ้สำนึก หน้าต่างมู่ลี่ถูกดึงไว้อย่างมิดชิด เธอก็เลยมองไม่เห็นจินเยี่ยนเลิกคิ้ว “ทำไม? ไม่เชื่อเหรอ? เธอไปถามประธานเผยด้วยตัวเองสิ?”กู้อิ๋นคืนสายตากลับมา หอบเอกสารขึ้นมาแล้วยันตัวขึ้น “ได้ ฉันจะไป”โดยปกติทุกคนจะเข้ากันได้ดี อาจเป็นเพราะการประชันเพื่อชิงการเป็นผู้ช่วยเบอร์หนึ่ง แต่นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่บ้างเล็กน้อยจินเยี่ยนไม่มีแม้แต่ความรู้สึกขอบคุณเลยแม้แต่น้อย ส่งเสียงหัว
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว สายตาที่จริงจังของลั่วเหยียนปนความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย “นี่ถึงต้องถามนายไง”เผยเซียว “.......”ลั่วเหยียน “แต่ตอนนี้เธอเป็นภรรยาของนายนะ!”ภรรยาของบอส ใครจะกล้าเข้าไปยุ่งสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ?เพิ่งแต่งงานกันเมื่อเช้านี้ ตอนนี้หนีหายไปไม่เห็นแม้แต่เงาแล้วเหรอ?เผยเซียวจุดบุหรี่หนึ่งมวน สูบเข้าปากแล้วพูดอย่างเย็นชา “เธอไปส่งเอกสารที่หมิงเฉิงแล้วน่ะสิ!”ลั่วเหยียนได้ฟังคำพูดแล้วใจก็สั่น “เธอไปส่งเอกสารอะไรที่หมิงเฉิง?”มีประธานจางของหมิงเฉิงที่พวกเขาติดต่อด้วย เป็นคนที่ขึ้นชื่อว่าบ้ากาม จินเยี่ยนรู้สถานการณ์ดี ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ครั้งเธอจึงหลบเลี่ยงได้แต่กู้อิ๋นคนนี้ไม่ได้รู้จักหมิงเฉิงเลยด้วยซ้ำ ถ้าเกิดไปพบเข้า? จะโดนอะไรบ้างนะ? สายตาของเผยเซียวอึมครึม “นี่ต้องถามนายไง ตอนนี้ใครเป็นคนดูแลหมิงเฉิงอยู่?ลั่วเหยียนเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง!ยัยจินเยี่ยนนี่......เลอะเลือนจริง ๆ เลย!ยันตัวขึ้นอย่างรีบร้อน “ฉันจะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้”พูดจบเขาก็รีบออกจากห้องทำงานทันที หมายเลขโทรศัพท์ของกู้อิ๋นกำลังกระพริบอยู่บนโทรศัพท์ในตอนที่กู้อิ๋นจะต้องขึ้นรถโดยสาร พบว่าตน
ลั่วเหยียนมองจินเยี่ยน แล้วเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ปัญหาเดียวของคุณ คือการควบคุมอารมณ์ไม่อยู่!”ไม่เพียงแค่ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ วันนี้อะไรที่ไม่ควรทำก็ลืมไปหมดแล้วสินะสมองของจินเยี่ยนถูกสั่งสอนจนว่างเปล่า พยายามจะพูดขอโทษ แต่ลั่วเหยียนไม่อยากฟังเธออธิบายเมื่อเจิ้งเฟยกลับมาจากข้างนอก เห็นจินเยี่ยนถูกสั่งสอนเป็นครั้งแรก บนหน้าก็มีรอยยิ้มพอใจฉายออกมาสั่งสอนจนถึงช่วงสุดท้าย ลั่วเหยียนก็กล่าวทิ้งไว้ว่า “จากนี้ไปกู้อิ๋นรับผิดชอบแค่เรื่องที่ประธานเผยสั่งให้ทำเท่านั้นส่วนเรื่องอื่นพวกคุณก็พิจารณา แยกแยะแล้วจัดการด้วยตัวเอง!”พิจารณา แยกแยะแล้วจัดการ?หมายความว่ากู้อิ๋นต้องเลิกงานก่อนเวลา ส่วนพวกเธอทั้งหมดต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อช่วยเธอทำงานให้เสร็จ หมายถึงแบบนี้ใช่ไหม?แน่นอน ว่าลั่วเหยียนหมายถึงเช่นนี้“เจิ้งเฟยตามผมมา!” ลั่วเหยียนหันตัวกลับมาด้วยความโกรธเคืองโชคดีที่เจอเร็ว ถ้ากู้อิ๋นเกิดเสียเปรียบที่บริษัทหมิงเฉิง เผยเซียวจะต้องยกเลิกแผนกผู้ช่วยทั้งหมดแน่!ลั่วเหยียนคิดอยู่ตลอด ว่าทำไมเผยเซียวถึงปกป้องหญิงสาวที่มาจากบ้านนอกคนนี้ขนาดนี้ด้วยเขาก็เคยสืบมาแล้ว ทั้งสองคนไม่เคยมีควา
นี่ประธานเผยเลยนะ ตอนนี้มีประชุมโครงการมูลค่าตั้งร้อยล้านบาท เขาจะถามเรื่องเล็กน้อยที่ไม่มีอะไรสำคัญเลยเนี่ยนะ!?ชูหรันและผู้จัดการฝ่ายการเงินมองหน้ากันและเห็นความตกตะลึงในสายตาระหว่างกัน!พวกเขาทั้งสองคิดว่าเผยเซียวจะโกรธและด่ากู้อิ๋นที่ไร้สมอง!แต่ในช่วงเวลาต่อมาน้ำเสียงของเผยเซียวก็มีความนุ่มนวลพูดออกมาว่า"จะซื้อทั้งหมดนี่หิ้วไหวไหมล่ะ?"ชูหรัน:"......"ผู้จัดการฝ่ายการเงิน:"......"หัวใจของพวกเขาหดแน่นและสมองเต็มไปด้วยความว่างเปล่านี่เป็นผู้ช่วยกู้จริงๆหรือผู้ช่วยเล็กๆกันแน่นะเนี่ย!?กู้อิ๋นบอกว่าเขาหิ้วเองได้และถามว่าในครัวไม่มีอะไรใช่ไหมคะเผยเซียวตอบว่าใช่และให้เขาซื้อน้อยๆไปก่อน เห็นได้ชัดว่าเผยเซียวห่วงว่าเธอจะยกกลับมาไม่ได้ทุกคนในห้องประชุมแม้แต่คนที่นั่งอยู่ไกล ไม่พอที่จะได้ยินเนื้อหาของโทรศัพท์ต่างก็พยายามเดาว่าใครเป็นคนที่กำลังคุยกับเผยเซียวอยู่ไม่คิดเลยว่าพวกเขาจะได้เห็นด้านที่อ่อนโยนของเผยเซียวด้วย!ใช่ น้ำเสียงของเผยเซียวที่มีต่อทางโทรศัพท์เมื่อกี้ที่อ่อนโยนอย่างนั้นที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนเลยชูหรันและผู้จัดการฝ่ายการเงินตกตะลึงเป็นพิเศษเมื่อก่อนเผยเซี
เผยเซียวขมวดคิ้ว:"นี่บะหมี่อะไร""บะหมี่ผักชีค่ะ"กู้อิ๋นพูดอย่างจริงจังเป็นบะหมี่ผักจริงๆและเผยเซียวก็ดูออกแล้ว เส้นบะหมี่และผักใบเขียวนั้นก็เด่นชัดเอามากๆแต่นอกจากนั้นก็ดูไม่มีอะไรเลยเหมือนกับว่าแม้แต่น้ำมันก็ไม่มีเลยด้วยซ้ำ และเห็นได้ชัดว่าจะเป็นบะหมี่น้ำใสด้วยนี่นา?เผยเซียวนั่งลงหยิบตะเกียบพลิกไปมา แน่นอนว่ามันเป็นแค่บะหมี่น้ำใสธรรมดาที่ไม่มีรสชาติอะไรเลยเขาลองชิมไปคำนึง นั่นทำให้เผยเซียวแทบจะอ้วกออกมาเลยด้วยซ้ำกู้อิ๋นมองหน้าเขาและกังวลขึ้นมาอีกครั้ง "ไม่..ไม่อร่อยเหรอคะ"“ไม่มีอะไรสักอย่างเลยนอกจากเกลือ!”เผยเซียวพยายามรักษาน้ำเสียงของเขาให้สงบในตอนเช้าเธอบอกว่าเธอทำบะหมี่ได้หลายชนิด และเขาก็อยากลองชิมดู แต่ตอนนี้เผยเซียวรู้สึกว่าไม่ควรอยากรู้อยากเห็นเรื่องที่เกี่ยวกับกู้อิ๋นมากเกินไปนักใบหน้าเล็กๆของกู้อิ๋นแสดงออกมา "ฉันก็ทำแบบนี้ตั้งแต่เมื่อก่อนนี่นา!"เวลาที่เธอได้ลองทำอาหารก็คือตอนที่เธออยู่กับคุณย่าและคุณย่าก็บอกว่าการกินแบบนี้จะดีต่อสุขภาพดังนั้นทุกครั้งที่เธอทำบะหมี่เธอแทบจะไม่ใส่อะไรเลยนอกจากเกลือเธอกินแบบนี้มาตั้งหลายปี และชินกับรสชาตินี้มานานแล้ว แต่
เมื่อก่อนกู้อิ๋นไปกินข้าวที่โรงอาหารในตอนกลางวันกับเหยียนฉู่แต่วันนี้กลับไม่เห็นสองคนนี้เลยแผนกอื่นๆก็ไม่รู้สึกอะไรหรอก แต่แผนกต้อนรับและแผนกผู้ช่วยกลับไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ โดยเฉพาะแผนกผู้ช่วยตอนนี้ทุกคนต่างก็กำลังแย่งชิงตำแหน่งผู้ช่วยเบอร์หนึ่งกันอยู่ แต่กู้อิ๋นกลับยังไม่ได้ออกจากห้องทำงานของประธานเผยเลยตั้งแต่ตอนเที่ยงของวันนี้......นี่หมายความว่าอะไร?เธอคิดจะไต่เต้าหรือไงกัน?ถ้าเป็นอย่างนี้ ก็หมายความว่าเธอกำลังทำลายตัวเองชัดๆ ทั้งตระกูลเผยและแม้แต่ไห่เฉิงต่างก็รู้ดีว่าเผยเซียวไม่ใช่คนที่จะถูกความงามล่อลวงได้ตอนนี้แผนกผู้ช่วยทั้งหมดกำลังจับตาดูว่ากู้อิ๋นจะจบเห่ลงอย่างไร......ในห้องพักขณะนี้กู้อิ๋นรู้สึกง่วงนอนเล็กน้อยหลังทานอาหารเสร็จ เผยเซียวมองดูเธอแล้วพูด "ไปล้างจาน!""โอ้ ค่ะ"กู้อิ๋นรีบตื่นขึ้นและตระหนักว่าการล้างจานเป็นสิ่งที่เธอควรทำมากที่สุด เธอสามารถทำได้โดยไม่เกิดข้อผิดพลาดอะไรเผยเซียวมีความเคยชินในการนอนกลางวันเมื่อกู้อิ๋นเก็บข้าวของในครัวเสร็จแล้วก็เดินออกมา เธอเห็นเผยเซียวเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดธรรมดา แล้วงีบหลับไปบนเตียงสองตาของเขาปิดสนิทและลดความเค
“ซี๊ด……” กู้อิ๋นเจ็บจนอดไม่ได้ที่จะซี้ดปากออกมา ในตอนนี้ผมของเธอก็ถูกแก้มัดออกได้แล้วและผมที่ติดอยู่นั้นเธอเห็นว่ามันสั้นลง เห็นได้ชัดเลยว่าถูกเผยเซียวดึงออกอย่างรุนแรงไม่รอให้กู้อิ๋นได้สติกลับมา เผยเซียวก็พูดด้วยน้ำเสียงโทนต่ำและเย็นชา "ออกไป!"กู้อิ๋นกลัวมากจนไม่กล้ามองไปทางเขาและแทบไม่กล้าหายใจ ก่อนจะวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อออกมาจากห้องทำงานของประธานได้แล้ว เธอก็รู้สึกว่าทั้งหลังและหน้าผากของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆชูหรัน เจิ้งเฟยและจินเยี่ยนกลับเข้ามาแล้ว เมื่อเห็นเธอพวกเขาก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันออกไปโดยเฉพาะจินเยี่ยนและเจิ้งเฟยสองคนนี้มองกู้อิ๋นด้วยความสายตาที่ดูถูกเมื่อมองดูใบหน้าที่ซีดเซียวของกู้อิ๋นแล้ว พวกเธอก็รู้ได้ทันทีว่ากู้อิ๋นคงล้มเหลวในการอ่อยประธานเผยและจะถูกไล่ออกจากเผยซื่อกรุ๊ปในอีกไม่ช้านี้อย่างแน่นอนแม้แต่กู้อิ๋นเองก็รู้สึกได้ว่าเธอคงจะถูกไล่ออกในวันนี้แล้วเช่นกัน"เป็นอะไรหรือเปล่า?"ชูหรันเข้ามายืนข้างๆ กู้อิ๋น และยื่นแก้วน้ำให้กับเธอเธออยู่ในห้องประชุมด้วยและได้ยินโทรศัพท์ของประธานเผยกับหูของตัวเอง ชูหรันคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างกู้อิ๋นและเผยเ
ขอแค่กู้อิ๋นกับเผยเซียวไม่ได้อยู่ในห้องเดียวกันมันก็จะไม่มีปัญหามากมายเกิดขึ้นกู้อิ๋นพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเหยียนฉู่สายตาที่เผยเซียวมองกู้อิ๋นมันก็เหมือนกับการมองผู้หญิงคนอื่นที่จ้องจะปีนเตียงของเขานั่นแหละทั้งดุดันทั้งอันตราย!"แล้วฉันจะไม่ถูกไล่ออกจากเผยซื้อกรุ๊ปหรอ?"เมื่อนึกถึงสิ่งนี้กู้อิ๋นก็มองไปทางเหยียนฉู่ด้วยความกลัวเหยียนฉู่ส่ายหน้า "ไม่หรอก ตอนนี้เขายังต้องการให้เธอเป็นภรรยาอยู่ เพราะอย่างนั้นเขาจะไม่ไล่เธอออกจากบริษัทหรอก"เหตุผลที่เผยเซียวต้องแต่งงานกับเธอนั่นก็เพราะเขาต้องต่อกรกับทางตระกูลเผยจะไล่เธอออกในเวลานี้มันเป็นไปไม่ได้แน่นอนเธอก็จะยังต้องคอยอยู่ข้างๆเขา แต่เผยเซียวคงจะไม่ให้กู้อิ๋นเข้าใกล้ตัวเองอีกต่อไปแล้วล่ะดังนั้นกู้อิ๋นจึงถือว่าได้รับความโชคดีจากความโชคร้ายหลังจากที่ทั้งสองวิเคราะห์เรื่องราวเสร็จแล้ว กู้อิ๋นเองก็อารมณ์ดีขึ้นแล้ว ตอนนี้เธอปราศจากความกลัวจากเรื่องเมื่อซักครู่แล้ว"แต่คราวหน้าเธอก็ต้องระวังหน่อยนะ ถึงเผยเซียวจะไม่ยอมให้เธอเข้าใกล้แล้วแต่ว่าวันนี้สิ่งที่ทำมันก็สุดยอดไปเลย"กู้อิ๋นพยักหน้าอย่างบ้าคลั่ง "อืม ฉันจะพยายาม"เห็น