“เมียลับเหรอคะ” “ใช่ ฉันมีเหตุผลที่บอกใครไม่ได้” ออสตินถอนหายใจเพราะไม่รู้จะเริ่มพูดยังไงให้วรรษมนเข้าใจถึงความจำเป็นที่เขาต้องปิดบังไว้ “เมล่อนไม่อยากรู้เหตุผลหรอกนะคะ แค่คุณให้สถานะเมียเมล่อนก็ดีใจแล้วค่ะ เมล่อนไม่สนใจคำต่อท้ายเลยขอแค่ระหว่างที่เมล่อนเป็นเมียคุณจะไม่ทิ้งให้เมล่อนอยู่คนเดียวก็พอ” วรรษมนไม่ต้องการอะไรเลยไม่ว่าจะเป็นเงินทองหรือของใช้เธอต้องการแค่มีเขาอยู่ข้างๆ ก็พอ “ขอแค่นี้เองเหรอ” พอได้ยินสิ่งที่หญิงสาวพูดออสตินก็ยิ่งรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้เขาไม่ควรมองข้ามและเห็นเธอเป็นแค่คู่นอนอย่างที่ผ่านมา เขาไม่อยากจะยอมรับเลยว่าตอนนี้ตนเองนั้นรู้สึกกับวรรษมนมากกว่าความหลงใหลแต่เขากำลังรักเธอแม้จะไม่เคยรักใครมาก่อนแต่ความรู้สึกที่มีให้วรรษมนนั้นเขาคิดว่ามันคือความรัก ความห่วงใยและหวนแหนเธอกว่าใครทั้งหมด ยิ่งเห็นหญิงสาวไม่เรียกร้องไม่ต้องอะไรเขาก็ยิ่งรักเธอมากขึ้นเรื่อยๆ “ค่ะ” “ฉันสัญญาาว่าจะมีแค่เธอนะ” เขากระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นก่อนจะบอกหญิงสาวถึงเหตุผลที่ตนเองไม่อยากให้ใครรู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขา ออสตินไ
“เย็นนี้คุณจะไปทานข้าวเย็นกับคุณแม่ก็ได้นะคะ” เพราะตลอดสองวันนี้เธอได้ยินมารดาของเขาโทรศัพท์มาหาตลอด หญิงสาวเลยไม่อยากให้มารดาเขาไม่ชอบเธอตั้งแต่ยังไม่รู้จักกัน “ผมไปทานกับท่านก็ได้ แต่ผมจะกลับมาค้างที่นี่นะ รอผมได้ไหม” “ผม…” เธอรู้สึกแปลกกับคำที่เขาใช้แทนตัวเอง “ไม่ชอบเหรอ” “ชอบค่ะ ดูเหมือนเราสนิทกันมากขึ้น” “ผัวเมียก็ต้องสนิทกันอยู่แล้ว เมล่อนก็เลิกเรียกผมว่าคุณออสตินได้แล้วนะ เรียกแค่ออสตินได้ไหม” เขาเดินเข้าใกล้จนหญิงสาวได้กลิ่นน้ำหอมอันเป็นเอกลักษณ์ออกมาจากตัวเขา กลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่ผสมกับกลิ่นของเขามันเป็นกลิ่นที่เธอชอบที่สุด วรรษมนรู้สึกดีทุกครั้งที่เขาอยู่ใกล้แบบนี้ “ก็ได้ค่ะ ขยับอีกนิดสิคะเมล่อนจะช่วยติดกระดุมให้จะได้รีบไปทำงาน” หญิงสาวพูดพลางช่วยเขาติดกระดุมเสื้อ แต่พอสายตาเห็นแผงอกของชายหนุ่มที่มีแต่รอยเล็บใบหน้าสวยก็ร้อนเห่อด้วยความเขินอาย “ฝีมือใครกันนะที่ทำผมเป็นแบบนี้” เขาถามขณะที่สองมือกอดเธอไว้อย่างหลวมๆ จมูกโด่งหอมไปที่แก้มแดงระเรื่อทั้งสองข้าง “เจ็บไหมคะ เมล่อนไม่ได
จากที่นัดกับวรรษมนว่าจะรีบกลับไปหาเธอออสตินก็ต้องผิดนัดเพราะกาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำมีปัญหา “ผมขอโทษนะเมล่อน” เขาพูดอย่างสำนึกผิด “เมล่อนเข้าใจค่ะ แต่คุณจะไปหลายวันไหมคะ” “ไม่แน่ แต่จะรีบจัดการทุกอย่างให้เร็วที่สุดนะ” “เมล่อนอยากไปกับคุณจังค่ะ ให้เมล่อนไปด้วยได้ไหมคะ” “งานของผมมันอันตรายนะ ถ้าเมล่อนมาด้วยผมก็คงทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะห่วงหน้าพะวงหลัง” “เมล่อนคงเหงาแย่เลยนะคะ” “ไม่เหงาหรอก เมล่อนก็ไปเรียนทำขนมอย่างที่อยากเรียนไง ผมจะให้ภูมิเป็นคนคอยรับส่ง” “ได้ค่ะ เมล่อนขอใช้เงินที่คุณโอนให้นะคะ” “ผมให้แล้วเมล่อนจะเอาไปทำอะไรก็ได้ ถ้าไม่พอก็บอก หรือรูดบัตรก็ได้นะ” “เมล่อนไม่ชอบรูดบัตรเพราะมันไม่เห็นว่าเราจ่ายไปมากแค่ไหนและเหลือเงินแค่ไหน” “ผมตามใจเมล่อนเลย ผมต้องไปขึ้นเครื่องแล้วนะ” “เดินทางปลอดภัยนะคะ” วรรษมนทำหน้าเซ็งเมื่อเขาวางสายไปแล้วหญิงสาวเข้าไปแช่น้ำในอ่างที่เตรียมไว้ให้เขาก่อนจะออกมานั่งคุยกับเพื่อนในไลน์กลุ่มซึ่งเพื่อนๆ นัดกันไปดูหนังตอนบ่
วรรษมนนัดเจอเพื่อนที่หน้าโรงหนังซึ่งพอหญิงสาวมาถึงเพื่อนๆ ก็มารอกันอยู่ก่อนแล้ว“อาย มิ้นต์ ไม่เจอกันเกือบเดือนสวยขึ้นนะเนี่ย” หญิงสาวทักทายเพื่อนทั้งสองคนที่นั่งรออยู่ก่อน“เมล่อนนี่ปากหวานตลอดเลยนะ เธอก็สวยขึ้นเหมือนกันนะแล้วดูสิทั้งชุดทั้งกระเป๋ารองเท้าแบรนด์เนมทั้งตัวเลยนะ ไปรวยมาจากไหน”“ของปลอมทั้งนั้นแหละ”“ไม่ต้องมาโกหกเลยเราดูออกนะอันไหนของจริงของปลอม” มิ้นต์ซึ่งที่บ้านฐานะดีกว่าใครพูดขึ้น“บอกพวกเรามาเลยว่าไปรวยมาจากไหนเมล่อน” อายคาดคั้น“ไม่ได้รวยหรอก ของพวกนี้ของพี่สาวเราน่ะ”“ไหนว่าพี่สาวหนีไปแล้ว”“ก็ใช่นะ นางหนีไปแล้วแต่ของพวกนี้นางไม่เอาไปเราเลยหยิบมา” “ทิ้งไว้แต่ของแพงแบบนี้สงสัยว่าพี่เธอคงจะไปได้ดี” “ก็คงอย่างนั้นมั้ง แล้วจินนี่ไปไหนล่ะทำไมยังไม่มาอีก” “นางมาแล้วแต่ขอไปเข้าห้องน้ำแล้วก็คงโทรรายงานแฟนนั่นแหละ” “อ้อ” วรรษมนพยักหน้าเพราะเข้าใจเพื่อนดี “ไม่รู้จินนี่ทนได้ยังไงนะ มีแฟนหรือมีพ่อก็ไม่รู้ไปไหนทำอะไรก็ต้องโทรรายงานตลอด ถ้ามีแฟนแบบนี้เราขอไม่มีดีกว่า” อายส่ายศีรษะเพราะเธอเป็นคนไม่ชอบให้ใครมาจู้จี้
เวลาในแต่ละวันไม่ได้ผ่านไปอย่างไร้ค่า ถึงแม้ว่าตอนนี้ออสตินจะยังไม่กลับมาจากกาสิโนที่สามเหลี่ยมทองคำเพราะนอกจากเขาจะไปดูกาสิโนแล้วเขายังซื้อโรงแรมที่นั่นเพิ่มอีกหนึ่งแห่ง เลยทำให้ยังไม่สามารถกลับมากรุงเทพได้ แม้ว่าตัวจะอยู่ไกลแต่ชายหนุ่มก็ยังพยายามปลีกเวลาวิดีโอคอลมาหาวรรษมนเกือบทุกวัน เขารู้สึกหายเหนื่อยเมื่อได้เห็นหน้าของหญิงสาว “ตอนนี้ทำขนมได้กี่อย่างแล้วล่ะเมล่อน” “หลายอย่างแล้วค่ะ แต่ยังไม่ค่อยอร่อย เมล่อนคงไม่มีฝีมือด้านนี้เลย” ในทุกวันวรรษมนจะนั่งรถตู้ของออสตินมายังโรงเรียนสอนทำเบเกอรี่ แต่ก็เพียงแค่เดินผ่านเพราะเธอแอบออกทางด้านหลังโรงเรียนเพื่อไปยังโรงเรียนสอนการต่อสู้โดยมีภูมิพาไปส่วนลูกน้องคนอื่นก็ได้แต่รออยู่ที่โรงเรียนสอนทำเบเกอรี่เพราะฉะนั้นฝีมือการทำขนมของวรรษมนจึงยังไม่พัฒนา “ใจเย็นๆ นะค่อยเรียนเดี๋ยวก็เก่งเอง” “ออสตินคะ ถ้าเมล่อนเรียนแล้วแต่ยังทำไม่อร่อยคุณจะไม่ว่าอะไรใช่ไหม” “ไม่หรอกเพราะผมไม่ได้คาดหวังแต่ที่ให้ไปเรียนเพราะไม่อยากให้คุณอยู่ว่างๆ แล้วเรื่องเรียนขับรถล่ะตกลงว่าได้เรียนไปกี่ชั่วโมงแล้
วรรษมนดูหนังกับเพื่อนจบก็ออกมายังโซนที่เป็นร้านค้าเพราะมิ้นต์อยากได้กระเป๋าคอลเล็กชันใหม่ที่เพิ่งวางขาย “กระเป๋าอะไรใบนิดเดียวราคาตั้งหลายหมื่น” อายพูดขึ้นเมื่อเห็นราคากระเป๋าแต่ละใบที่แพงจนเธอไม่กล้าจะหยิบขึ้นมาดู “กระเป๋าแบรนด์เนมแบบนี้แหละอาย แต่เราซื้อไปแล้วก็ขายต่อได้นะ ราคาไม่เคยตกด้วย” “แต่พวกเรายังเรียนอยู่จะเอาเงินที่ไหนมาซื้อล่ะ บ้านพวกเราไม่รวยเหมือนที่บ้านมิ้นต์” “บ้านเราก็มิ้นต์ไม่รวยเท่าไหร่หรอกแต่ที่มีเงินมาซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมพวกนี้ก็เพราะทุกครั้งที่ปิดเทอมหรือมีวันหยุดยาวเราก็จะช่วยที่บ้านทำงานด้วยแม่ก็เลยแบ่งเงินให้น่ะ” บ้านของหญิงสาวมีธุรกิจหลายอย่างทั้งคอนโดมิเนียมที่ให้ต่างชาติเช่า แผงให้เช่าในตลาดสด ห้องแถวและอาคารพาณิชย์อีกหลายแห่ง “มีธุรกิจนี่ก็ดีเหมือนกันนะ เราอยากมีแบบนี้บ้างจัง” “อายก็มีแล้วนี่ ขายของออนไลน์ไงล่ะ” “มันต่างกันน่ะสิ ขายของออนไลน์ถ้าวันไหนไม่ไลฟ์หรือสินค้าไม่น่าสนใจคนก็ซื้อน้อย แล้วตอนนี้คนก็ทำเยอะมากแล้วบางคนก็แต่งตัวสวยเชียวอย่างอายหน้าบ้านๆ แบบนี้ก็ยากหน่อย
พอออกจากร้านกระเป๋ามาแล้วมิ้นต์ก็หยุดเดินกะทันหันจนคนที่เดินตามมาข้างหลังชนเข้าอย่างจัง “จะหยุดทำไมไม่บอกก่อนล่ะมิ้นต์”“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะเมล่อน” มิ้นต์พูดด้วยสีหน้าจริงจัง“เรื่องอะไร”“ก็เรื่องในร้านกระเป๋าเมื่อกี้ไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”“เดี๋ยวเราเล่าให้ฟังนะ ตอนนี้เรารีบตามสองคนนั้นไปเลือกเสื้อผ้าก่อนเถอะ”“ต้องเล่าจริงๆ นะ”“จริงสิ เดี๋ยวซื้อเสื้อผ้าเสร็จแล้วไปหาอะไรกินกัน เมล่อนจะได้เล่าให้ทุกคนฟังพร้อมกันดีไหมล่ะ”“ก็ต้องดีสิ งั้นก็รีบไปกันเถอะ”วรรษมนและมิ้นต์เดินไปยังแผนกเสื้อผ้า พอไปถึงก็ช่วยกันเลือกชุดให้กับอายหลายชุด ก่อนจะพากันมายังร้านอาหารญี่ปุ่นเพราะมิ้นต์อยากจะทานซาซิมิ“เล่ามาเลยเมล่อน”“เล่าอะไรกันเหรอมิ้นต์”“ก็เล่าเรื่องในร้านกระเป๋าน่ะสิจินนี่”“เกิดอะไรขึ้นที่ร้านกระเป๋าเหรอ”“ก็มีผู้หญิงคนหนึ่งจะซื้อกระเป๋าสองใบแต่นางก็ลีลาเลือกไม่ได้สักทีว่าจะเอาสีไหนพอผู้ชายบอกว่าจะซื้อให้สองสีนางก็ดีใจแล้วหันเกาะแขนผู้ชายแล้วตอนนั้นเมล่อนก็บอกพนักงานว่าจะซื้อกระเป๋าสองใบนั้น ที่นี่นางก็ไม่ยอม นางบอกนางจองไว้แล้ว แต่เพื่อนเราก็ไม่ยอมเหมือนกัน”“ก
กลับมาถึงคอนโดมิเนียมวรรษมนก็รีบทำกับข้าวและเตรียมน้ำให้กับออสตินเพราะคิดว่าอีกสักพักเขาก็คงจะกลับมาแต่รอจนสี่ทุ่มก็ยังไม่มีแม้แต่เงาของชายหนุ่ม หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่าเขาไปนอนกับผู้หญิงที่ชื่อมิเชลหรือเปล่า จากที่คิดว่าไม่เป็นไรก็เริ่มน้อยใจขึ้นทีละนิด เธอนอนมองโทรศัพท์และอยากจะวิดีโอคอลไปหาแต่ก็กลัวว่าถ้าเห็นเขาอยู่กับผู้ให้หญิงคนนั้นแล้วตนเองจะรับไม่ได้ กว่าวรรษมนจะข่มตาหลับก็เกือบจะเที่ยงคืน ออสตินกลับมาถึงคอนโดมิเนียมหลังเที่ยงคืนเล็กน้อยเพราะหลังจากพามิเชลช็อปปิ้งแล้วยังต้องพาเธอไปทานข้าวและฟังเพลงต่อและคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะได้ทำแบบนี้เนื่องจากเขาสั่งคนที่โรงแรมแล้วว่าห้ามไม่ให้มิเชลเข้าไปยุ่งวุ่นวายที่โรงแรมอีกและมารดาของเขาก็เลิกล้มความคิดที่อยากให้มิเชลเป็นลูกสะใภ้เพราะเธอทำอะไรหลายๆ อย่างที่มารดาเขาไม่ชอบ ทั้งห้องปิดไฟมืดเขาเปิดตู้เย็นเพื่อจะหาน้ำดื่มก็เห็นว่ามีกับข้าวอยู่หลายอย่างไม่ต้องเดาก็รู้ว่าวรรษมนทำไว้รอเขา ชายหนุ่มอยากจะเข้าไปหาเธอเข้าไปอธิบายว่าเพราะอะไรเขาถึงไม่บอกเธอว่ากลับมาถึงกรุงเทพแล้วและอยากบอกหญิงสาวถึง
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช
การเดินทางมาอิตาลีครั้งนี้นอกจากออสตินจะมาทำธุระเรื่องงานแล้วเขายังถือโอกาสมาอวยพรวันเกิดให้กับมารดาของตนเองอีกด้วย ตั้งแต่มาถึงเขาก็ยังไม่เคยพาวรรษมนไปเจอกับบิดามารดาเพราะอยากจะพาเธอไปให้ท่านรู้จักในงานวันเกิดซึ่งจะมีคนมากันหลายคนและมารดาของเขาคงไม่กล้าที่จะหักหน้าเขาหน้าบรรดาเพื่อนและญาติคนอื่น “เมล่อนไม่มั่นใจเลยค่ะ” วรรษมนมองตนเองในกระจกหลังจากแต่งหน้าและสวมชุดราตรีเปิดใหล่สีครีมที่ยาวกร่อมเท้า “สวยแล้ว คุณใส่อะไรก็สวย” ออสตินที่สวมสูทสีเข้มกับเนกไทสีเดียวกับหญิงสาวพูดให้กำลังใจ “เมล่อนไม่ได้หมายถึงชุดที่ใส่ค่ะ แต่หมายถึงการไปงานวันเกิดของแม่คุณวันนี้” “ไหนว่าไม่กลัวอะไรไงครับ” “เมล่อนไม่กลัวอะไรก็จริงแต่เม่ล่อนกลัวแม่คุณนะคะ” “ผมอยู่ทั้งคนคุณจะกลัวอะไรล่ะ” “แล้วงานนี้จะเจอคุณมิเชลไหมคะ เมล่อนกลัวเธอจำได้แล้วจะโกรธเมล่อนเรื่องกระเป๋าค่ะ” “มิเชลก็คงจะมานั่นแหละ แต่แม่ไม่คิดจะจับคู่ผมกับเธอแล้ว” “ทำไมคะ” “ก็ระหว่างที่มิเชลอยู่เมืองไทยเธอชอบออกไปเที่ยวกลางคืนบ่อยๆ แ
“ออสตินคะ” “มองหน้าผมทำไมคิดว่าที่ผมให้ลงมาเพราะผมจะพอแค่นี้เหรอเมล่อน หันหลังให้ผมสิ” วรรษมนทำตามอย่างว่าง่ายเธอพลิกตัวหันหลังให้เขาก่อนที่เขาจะโน้มตัวเธอให้ราบลงบนโต๊ะให้สะโพกสวยลอยเด่น “เซ็กซี่ชะมัด” ออสตินพึมพำขณะที่สองมือบีบสะโพกปลุกเร้าหญิงสาวอีกครั้ง ปลายท่อนเอ็นที่เขี่ยขึ้นลงบนกลีบกุหลาบก็ทำให้วรรษมนสั่นสะท้าน “อ๊ะ!...อื้อ...” เธอสะดุ้งสุดตัวเมื่อตัวตนของเขามันเข้ามาทีเดียวจนรู้สึกว่าลึกกว่าทุกครั้ง “อ่า...เมล่อน ตอดแรงเลยเสียวเหรอ” “ยังจะถามอีกนะคะ ใครไม่เสียวบ้างล่ะ” “แล้วชอบไหม” “แล้วคุณล่ะคะชอบให้เมล่อนทำแบบนี้ไหม” “อ้า...เมล่อนจ๋า อย่ารัดแรงแบบนี้” เขาครางลั่นเมื่อวรรษมนขมิบช่องทางรักเข้าหาความใหญ่โตของเขา ออสตินพอใจกับผู้หญิงของเขาอย่างที่สุด สองมือเขาประคองสะโพกกลมกลึงไว้ขณะที่สะโพกก็เสยเข้าหาช่องทางอ่อนนุ่มด้วยความกระสันเสียวอย่างที่สุด จังหวะรักครั้งนี้เต็มไปด้วยความดิบเถื่อนและรุนแรง ชายหนุ่มไม่อาจห้ามความรู้สึกของตนเองได้ ทุกจัง
เพราะต้องออกเดินทางจากเมืองไทยไปอิตาลีในเวลาตีหนึ่งคืนนี้ทั้งวรรษมนและออสตินจึงเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม พอสี่ทุ่มหญิงสาวก็รู้สึกหิวน้ำจึงลงมายังห้องครัวด้านล่าง พอดื่มเสร็จและกำลังจะหันหลังกลับออสตินก็ตามลงมาพอดี“หิวน้ำเหรอคะ” หญิงสาวเปิดประตูตู้เย็นอีกครั้งแล้วรินน้ำส่งให้เขา“หิวน้ำเมล่อน” เขาหยิบแก้วน้ำในมือเธอไปวางไว้ด้านบนของตู้เย็นก่อนที่จะกอดเธอไว้สองมือบีบสะโพกเบาแล้วดึงเข้าหาตัว“ไม่นะคะ เราคุยกันแล้วนะคะเมล่อนกลัวตื่นไม่ทันไปสนามบิน”“เราไปนอนบนเครื่องก็ได้นะ ถ้าไม่ให้ผมตอนนี้ผมนอนไม่หลับหรอก คุณไม่รู้สึกเลยเหรอว่าน้องชายผมมันกำลังตื่น นะครับ”“ถ้าเมล่อนไม่ยอมล่ะคะ” วรรษมนแกล้งถามไปแบบนั้นทั้งที่ตอนนี้ตัวเองก็มีความต้องการไม่ต่างจากเขา“ผมไม่บังคับแต่จะให้คุณเลือก” “เลือกอะไรคะ”“เลือกระหว่างให้ผมกินคุณตอนนี้หรือจะให้ผมอดทนแล้วไปกินบนเครื่องบิน”“คุณมีทางเลือกให้เมล่อนแค่นี้เหรอคะ เมล่อนว่า....”เสียงหวานยังพูดไม่จบออสตินกดจูบลงบนเรียวปากอย่างเร่าร้อน บดเบียดจนเธอยอมให้เขาส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานอย่างที่เขาต้องการ กว่าจะยอมปล่อยให้ปากเธอเป็นอิสระเขาก็ทำเธอแทบขาดใจ