“ฮ่าฮ่า! ยังจะกล้าขู่อีก!” ลาน่าหัวเราะและถามว่า “ว่าแต่ ราชาสงครามลุงของนายนี่ดารากี่ดวง?”เคเลบอับอาย ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่าลุงเขาน่ากลัวขนาดไหน แต่ก็ยังจะมาบังคับให้เขาคุกเข่าเขามองและเยาะเย้ยอย่างหยิ่ง ๆ “ฮึ่ม! ลุงฉันไม่ใช่แค่ดาราหรือสองดารานะ แต่เป็นถึงสามดารา! รู้ยัง? กลัวเลยไหมล่ะ? ถ้ากลัวก็ปล่อยพวกเราไปซะ ถ้าไม่ พวกแกจะต้องเจอลุงฉันโกรธแน่!”“สามดารา? โอ๊ย กลัวมาก! ทำไมไม่บอกกันก่อน?” ลาน่าจงใจเปลี่ยนเป็นกลัว ก่อนที่จะค่อย ๆ นิ่งลง “คุกเข่า!” เธอตะคอก “ฉันจะกระทืบแกถ้าแกไม่ทำ!”เคเลบนึกได้ว่าเธอมาเยาะเย้ยเขา “เธอ... กล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้?”ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากคุกเข่าและลาน่าก็มองอย่างเฉียบคม ขณะที่เขากัดฟันแน่น“โอเค ฉันจะไปกินอาหารแล้ว พวกแกค่อยออกไปหลังจากที่ฉันกินเสร็จ แล้วก็หลังจากที่ฉันออกไปแล้ว!” ลาน่าปรบมือและเดินเข้าไปในร้านอาหาร“ผู้หญิงคนนี้คือใคร? กล้าดียังไงมาทำกับเราแบบนี้!” นายน้อยคนหนึ่งส่งเสียงฮึมฮัมเมื่อลาน่าออกไป“ฮ่า ๆ ! ทำกับเราแบบนี้? แกคนแรกเลยนะที่คุกเข่า!” เคเลบไม่พอใจ สามคนนี้กระจอก แล้วก็คุกเข่าเร็วเกินไป อย่างน้อยเขา
คาเลบขมวดคิ้วกับคำพูดนั้น เขาคิดก่อนตัดสินใจว่า “หึ ฉันไม่สนใจหรอก! เราจะสั่งสอนพวกมัน ฉันจะขอให้ลุงทำร้ายผู้หญิงนั่น ตราบใดที่เธอบาดเจ็บสาหัสได้ อีกสองคนก็จะไม่เป็นอันตรายอะไร มันจะง่ายสำหรับฉันที่จะตามสามคนนี้ไปทีหลังแล้วค่อยกระทืบด้วยตัวเองหลังจากลุงออกไปแล้ว”ทุกคนพยักหน้าตามคำพูดของคาเลบในขณะเดียวกัน… “ทำไมพวกเขาถึงคุกเข่าอยู่กับพื้น?” ขณะเงยหน้าขึ้นมองเฟนด์ก็สังเกตว่าบอดี้การ์ดคุกเข่าอยู่ที่พื้นลาน่ามองตามไปและยิ้มอย่างสงบ “ฮ่า ๆ...! เขาคงจะไม่พอใจและเรียกลุงมาล่ะมั้ง ลุงราชาสงครามสามดารานั่นน่ะ! ฉันจะสั่งสอนให้!”“ปล่อยเขาไปเถอะถ้าเขาดี นั่นก็แค่การกระทำของหลานชาย สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นคนที่ทำเพื่อประเทศชาติ!” เฟนด์แนะนำหลังจากประเมิณสถานการณ์แล้ว “อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาพยายามปกป้องหลานชายแล้วทำตัวหัวแข็ง เอานิ้วเขามาหนึ่งนิ้ว”“โอเค” ลาน่าพยักหน้าและกินสเต็กต่ออย่างสบายใจบทสนทนาของพวกเขาทำให้เซเลน่าตกตะลึงทำไมเธอรู้สึกเหมือนเฟนด์สั่งเทพีสงครามลาน่าได้? ทำไมลาน่าฟังทุกอย่างที่เขาพูด?เพราะเฟนด์คือแพทย์เฉพาะของเก้ามหาเทพแห่งสงครามเหรอ? ไม่น่าใช่นะ ไม่ใช่หมอเหรอที่จะเป็นคนเ
“เหมือนว่าเขาจะเอาแต่ใจนะเนี่ย!” ลาน่ายิ้มเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วก็พูดกับเฟนด์และเซเลน่าว่า “เดี๋ยวดูเขาเสียนิ้วไปแล้วกันนะ!”“ลุง! ลุงสุดที่รักของผม! ในที่สุดก็มาแล้ว!” นายน้อยควินตันลุกขึ้นจากพื้นขณะที่ขาชาจากการคุกเข่า “เกือบตายใต้แสงแดดนี่เลยนะ มันช่วยไม่ได้เลยที่เราขายขี้หน้า คุกเข่าที่สาธารณะแบบนี้ด้วยนะ!”“ถูกต้อง ราชาสงครามฮันเตอร์ มัวร์ คนพวกน่ารังเกียจมาก! ไม่ใช่แค่กระทืบเรานะ แต่ยังบังคับให้เราคุกเข่าใต้แสงแดดนี่ด้วย!” นายน้อยคนหนึ่งช่วยอธิบายสถานการณ์“ถูกต้อง ราชาแห่งสงครามฮันเตอร์ มัวร์! ผู้หญิงคนนั้นกล้าพูดเลยว่าเธอไม่กลัวคุณแม้ว่าคุณจะมา!” นายน้อยอีกคนพูดขณะที่เขายืนขึ้นปัดหัวเข่า“คุณลุง ผู้หญิงที่สวมหน้ากากนั่น น่ารังเกียจสิ้นดี! ผมใจดีที่จะเลี้ยงอาหาร แต่กลับถูกปฏิเสธ แล้วก็มาบอกว่าผมไปล้อเลียนเรื่องที่พวกเขาจน เราทะเลาะกันเพราะพวกนั้นไม่เคารพตระกูลควินตัน!” คาเลบชี้ไปที่ทั้งสามคนนั้นและเล่าต่อ“ตกลง เข้าใจแล้ว” ฮันเตอร์พยักหน้าและเดินเข้าไปหา“พวกเธอกล้ามากนะ จะบอกอะไรให้ รู้ไหมว่านี่ใคร? นายน้อยตระกูลควินตัน และหลานชายฉัน พวกเธอไม่ใช่แค่กระทืบเขา แต่ยังให้คุ
ราชาแห่งสงครามหนึ่งดาราทำหน้าถมึง “ฮ่าฮ่า ไม่คิดเลยนะเนี่ย ว่าคุณจะเป็นราชาแห่งสงครามหนึ่งดารา ดูเหมือนว่าพวกคุณวางแผนที่จะช่วยนายน้อยควินตันโดยไม่มีเหตุผล และไม่ได้คำนึงถึงผลที่จะตามมาเลยสินะ ฮะ? ดูเหมือนว่าจะมีคนเปลี่ยนไปหลังจากที่กลับมาด้วยสินะ!” เฟนด์เอ่ยความคิดเห็น ขณะที่เขามองไปที่ชายคนนั้น พลางยิ้มอ่อน “ไอ้น้อง มันไม่ใช่เวลาที่นายจะมาพูดนะ นายโดนแน่ รอให้เราจัดการนังนี่เสร็จก่อน!” ฮันเตอร์ตะคอก ขณะที่เขาจ้องไปที่เฟนด์อย่างโกรธแค้น เคเลบ ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ พวกเขา ก็พูดขึ้นมา “คุณลุง ผู้หญิงคนนี้ร้ายมาก ลุงต้องอัดมันให้น่วมเลยนะ ถ้าลุงจะไม่ฆ่ามัน ลุงก็ต้องสั่งสอนให้มันหลาบจำ ให้มันติดเตียงไปครึ่งเดือนเลย!” คาเลบเยาะเย้ยพวกเขาในใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้ดูแข็งแรงไปกว่าราชาแห่งสงครามหนึ่งดาราเลยสักนิด และเธอสู้ลุงของเขาไม่ได้แน่นอน ตราบเท่าที่ลุงของคาเลบทำให้เธอหมดหนทางได้ พวกเขาจะได้ตามเธอทั้งคู่ไปได้ หลังจากที่ลุงของเขากลับไป พวกเขาจะได้พาทั้งคู่ไปเสพสมที่โรงแรม แล้วถ้าเป็นผู้ชายน่ะเหรอ? ง่าย ๆ เลยนะ ก็ฆ่าทิ้งไง “ฮ่าฮ่า! ครึ่งเดือนเลยเหรอ? แกฝันไปรึเปล่า? ” ลาน่ายิ้มอย่างเยือ
“อ๊าก!” หน้าของราชาสงครามมัวร์ซีดเผือด เขาตะโกนร้องสุดเสียงด้วยความเจ็บปวดที่นิ้วของเขาโดนตัด ถึงเขาจะเจ็บปวดแค่ไหน แทนที่จะแสดงให้เห็นว่าเขากลัว เขากลับจ้องเธอด้วยสายตาน่ากลัวอย่างไม่ลดละ และสายตาของก็ดุร้ายอย่างเห็นได้ชัด ลาน่าเยาะเย้ย “นายดูไม่ได้สำนึกเลยนะ!” ลาน่ายืนขึ้นอย่างใจเย็น พลางเช็ดเลือดออกจากกริชของเธอ “และเธอจะต้องเสียใจ!” ฮันเตอร์ขู่ พร้อมกัดฟันแน่น “ฮ่าฮ่า! นี่เป็นบทเรียนของนาย ถ้านายไม่กลับตัวกลับไปใจ ไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองล่ะก็ อย่ามาโทษฉันแล้วกันถ้าคราวหน้าฉันฆ่านาย!” ลาน่าพูดขึ้นมา เผยให้เห็ยรอยยิ้มแสนเยือกเย็นของเธอ ขณะที่เธอกำลังกลับออกไปพร้อมเฟนด์กับเซเลน่า ชายอีกคนหนึ่งที่มากับฮันเตอร์ก็เป็นราชาแห่งสงครามด้วย ราชาแห่งสงครามสองดาวในตอนนั้นเขายืนยืนนิ่งขณะที่เห็นฮันเตอร์โจมตีเธอ แต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อเหตุการณ์พลิกผัน ฮันเตอร์สู้ผู้หญิงคนนั้นไม่ไหว และเขาก็พ่ายแพ้ในไม่ช้า ผลลัพธ์ก็คงไม่ต่างกัน ถ้าเขาคิดจะอัดเธอ เขาก็จะแพ้เช่นเดียวกัน“ราชาสงคราม มัวร์ คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ?” บอดี้การ์ดจำนวนหนึ่งยืนขึ้น ก่อนจะวิ่งไปหาเขา“ลุง เป็นไงบ้างครับ” คาเลบตกใจกับ
หลังจากที่ตัดสินใจเสร็จ คาเลบก็สั่งว่า “เอาล่ะ! ไปให้ไว แกสองคน ใช้รถแอบตามพวกมัน สืบมาว่าพวกมันอยู่ที่ไหนกัน ทำอะไรให้ฉลาดรอบคอบ รักษาระยะห่างเอาไว้ด้วย อย่าให้พวกมันเห็นแก เข้าใจไหม?” อย่างไรก็ตาม ทั้งสามคนไม่ได้เดินไปไหนไกล เลยไม่ได้ขับรถไป แน่นอนว่าบอดี้การ์ดของเขาตามทั้งสามคนทัน และติดตามพวกเขาไปอย่างว่องไว “ครับ นายน้อย!” บอดี้การ์ดทั้งสองพยักหน้าด้วยความเคารพนับถือ ก่อนจะแอบตามเฟนด์ เซเลน่า และลาน่าไป ในขณะเดียวกัน… “เราไปข้างนอกมาค่อนวัน แต่ก็ยังไม่เห็นร้านไหนที่เหมาะจะทำธุรกิจด้วยเลย!” เซเลน่าเหนื่อยมาก เมื่อเธอมาถึงบ้าน เธออาบน้ำอาบท่า ก่อนจะนอนลงบนเตียง “เราไม่จะเป็นต้องทำงานด้วยซ้ำ แต่มันจะดีสำหรับเราแน่ ๆ ถ้าเราทำธุรกิจอะไรสักอย่าง พวกคนจะเริ่มตั้งคำถาม และสงสัยเรื่องอดีตของเรา” ในตอนนั้นเอง... สมาชิกในตระกูลแลมเบิร์ตก็มาถึงอาณาเขตกลาง และเริ่มทำการสอบสวนอย่างลับ ๆ เมื่อได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้อาวุโสคนที่สามของตระกูลแลมเบิร์ต เทา แลมเบิร์ต และนายท่านของตระกูลฟรีแมน หลุยส์ ฟรีแมนก็ทำสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พวกเขาค้นพบแล้วว่าเฟนด์ และครอบครัวของเขาได้ย้ายออกจ
หลุยส์ไม่รู้จะพูดอะไร หลังจากที่ได้ยินคำตอบของวินสตัน เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ครุ่นคิด ก่อนจะพูดออกมาว่า “เอางี้นะ เราจะไปแล้ว ตอนนี้ แต่เราจะทิ้งช่องทางการติดต่อเอาไว้ ถ้าคุณได้ข่าวอะไรเกี่ยวกับพวกเขาให้โทรหาเราทันที ถ้ารู้ว่าเขาไปไหน หรือเขากลับมาแล้วหรืออะไรก็ตาม ตราบใดที่คุณให้ข่าวที่เป็นประโยชน์แก่เรา เราจะให้ของขวัญดี ๆ เป็นการตอบแทน” “ตกลง อย่ากังวลไปเลยครับ คุณผู้ชาย ผมจะติดต่อคุณแน่นอนถ้าผมได้ข่าวเกี่ยวกับพวกเขา!” วินสตันพยักหน้าตกลง "ดีมาก" หลุยส์พยักหน้า ก่อนจะจากไปพร้อมกับเทา และลูกน้องของเขา วินสตันเช็ดเหงื่อเย็น ๆ บนหน้าผากของเขา หลังจากที่พวกเขาจากไป “หัวใจจะวาย พวกเขาพาคนมากว่าร้อยคน คนพวกนั้นต้องเป็นยอดฝีมือแน่!” ตอนนี้ ชารอนที่ยืนอยู่ข้างหลังวินสตัน และคนอื่น ๆ ต่างก็ก้าวออกมา“เฟนด์และคนอื่น ๆ ตัดสินใจอย่างเฉลียวฉลาด ใครจะรู้ล่ะว่าคนพวกนั้นจะมาตามหาพวกเขาไวขนาดนั้น พวกเขาต้องเจอปัญหาใหญ่แน่ถ้าพวกเขาไม่ออกไปก่อน!” “พ่อไม่แน่ใจว่าเทพีสงครามลาน่าจะสู้พวกเขาได้รึเปล่า แน่นอนว่าลาน่าจะอยู่ข้าง ๆ เฟนด์และครอบครัวของเขาไปตลอดไม่ได้ใช่ไหมล่ะ? จะเกิดอะไรขึ้นกันนะถ้าคนพวก
“คุณชารอนส่งข้อความมาว่า มีคนร้อยคนจากตระกูลแลมเบิร์ตมาที่อาณาเขตกลาง ถามเรื่องพวกเรา แถมยังถ่อไปถึงบ้านของเธอเพื่อถามข่าวคราวของเราอีกด้วย เธอแนะนำให้เราเปลี่ยนเบอร์ เราจะได้ปลอดภัยมากขึ้น” เซเลน่าพูขึ้นมา ขณะที่สายตาของเธอจ้องไปที่โทรศัพท์ “ใช่ เราต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์ เราจะทำยังไงล่ะ ถ้าเราไม่เปลี่ยน แล้วพวกมันตามเราจนเจอขึ้นมา?” ฟีโอน่าตกใจเมื่อเธอได้ยินข่าว เธอกลัวว่าพวกเขาจะตามหาพวกเธอ แอนดรูว์ก็เห็นด้วย เขาพูดเสริมอีกว่า “มันจะดีมาก ถ้าทุกคนหยุดติดต่อกับญาติของเราหลังจากที่เราเปลี่ยนเบอร์ พวกเขาอาจจะบอกว่าเราเป็นใคร อยู่ที่ไหน ก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นเราก็ไม่ต่างอะไรกับตกนรกแน่!” นายใหญ่เทย์เลอร์ถอนหายใจ อย่างไรก็ตาม คนพวกนั้นก็เป็นคนในตระกูลเทญเลอร์เหมือนกัน ถึงพวกเขาเลือกที่จะเดินออกมาอย่างเยือกเย็น แต่พวกเขาก็ไม่อยากให้มีอะไรเกิดขึ้นกับญาติของพวกเขา หรือหยุดติดต่อพวกเขาเลยสักนิด เฟนด์ ที่อยู่อีกฝั่ง พูดออกมาอย่างไม่แยแส “จริง ๆ เลยนะ ผมว่าเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ผมไม่กลัวตระกูลแลมเบิร์ตอะไรนั่นหรอกนะ โดยเฉพาะตอนนี้ เรามียอดฝีมือมากมายอยู่กับพวก
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ