หลังจากที่เฟนด์ออกไป ก็มีผู้หญิงสวยคนหนึ่งเดินมาจากห้องตรงข้าม“คุณหญิง เราจะทำยังไงกันดี? คุณคงได้ยินทั้งหมดแล้ว มันยากมากที่จะเกลี้ยกล่อมนายน้อย!” ชายแก่ทำความเคารพและพูดกับหญิงสาวตรงหน้าเธอยิ้มอย่างใจเย็น “นั่นเป็นเรื่องปกติ เฟนด์กับแม่ถูกไล่ออกหลังจากที่ถูกค้นพบ หลายปีผ่านไป ตระกูลวู๊ดก็ไม่เคยเหลียวแลเลย ถ้าเราเจอเขาก่อนหน้านี้มันก็คงดีกว่านี้!” หญิงสาวยิ้มขมขื่นก่อนจะพูดต่อ “ถ้าฉันเป็นเขา แล้วรู้ว่าครอบครัวมาหาเพียงเพราะเขากลายเป็นหมอส่วนตัวของเก้ามหาเทพแห่งสงคราม ฉันก็คงทำแบบเขาเช่นกัน!”ชายแก่พยักหน้าและพูดว่า “แต่เราก็ยังพูดสิ่งที่ต้องการไม่จบเลย เฮ้อ เราจะยอมแพ้ไปแบบนี้ไม่ได้! ทำไมเราไม่ไปเยี่ยมพวกเขาและอธิบายทุกอย่างให้ฟังล่ะ!?”หญิงสาวคิดและพูดว่า “เราไม่รีบ รออีกวันสองวัน เรามากะทันหันเกินไป ให้เวลาเขาคิดวิเคราะห์สิ่งต่าง ๆ ไปก่อน ฉันว่าเราหาวิธีที่จะพบโจแอนได้ในวันพรุ่งนี้!”ชายแก่คิดและพยักหน้ารับ “ที่คุณพูดก็มีเหตุผล เฟนด์ไม่มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งอะไรกับนายท่านของเรา เป็นเรื่องปกติที่เขาจะตอบสนองกลับมาแบบนี้ บางทีเราอาจจะเริ่มจากไปเกลี้ยกล่อมโจแอน สุดท้ายแล้วพวกเขาก
ชายคนนั้นพยักหน้าทันที“ฮ่า ๆ กระตือรือร้นเสียจริง ก่อนเคยมีคนพยายามต่อราคา แต่เราไม่ยอมรับใด ๆ ทั้งสิ้น!” ฟีโอน่ามีความสุขและส่งกระดาษให้เขา “นี่รายละเอียดบัญชีธนาคาร โอนเงินได้เลยไม่ต้องห่วง ลูกเขยฉันแน่นอน ถ้ารักษาไม่ได้เดี๋ยวเราคืนเงินให้!”อีกฝ่ายรีบโอนเงินและขับรถพาเฟนด์ไปนอกเมือง“ไม่ได้อยู่ในอาณาเขตกลางเหรอ?” เฟนด์ตะลึงถามชายคนที่ขับรถอยู่เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังออกจากเมือง“ฮ่า ๆ หมอปาฏิหาริย์ ไม่ต้องกังวลไปนะ เราจะยังอยู่ในอาณาเขตกลาง ผมกับภรรยาชอบที่สงบ ๆ เราเลยสร้างกระท่อมหลังเล็ก ๆ ที่นอกเมือง เราชอบตกปลาอยู่ริมทะเลสาบตอนว่าง ๆ!” ชายคนนั้นอธิบายอย่างมีความสุขไม่นานนัก ชายคนนั้นก็จอดรถไว้หน้าทางเข้าป่าและพูดกับเฟนด์ว่า “ผมขอโทษทีนะหมอ แต่ข้างหน้าไม่มีถนน ผมขับรถเข้าไปไม่ได้ เราต้องจอดรถที่นี่และคุณเดินไปกับผม มันอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ สักพักเราก็ถึงกันแล้วหลังจากเข้าไปในป่า!”“ไม่เป็นอะไร!” เฟนด์ลงรถพร้อมกับชายคนนั้นและลอบยิ้มอย่างเย็นชาเมื่อเห็นสถานการณ์รอบ ๆ ตัวเห็นได้ชัดว่าชายคนนี้กำลังโกหกเขายังรู้สึกว่านี่อาจเป็นกับดักอย่างไรก็ตาม เขาขี้เกียจที่จะเปิดเผยออกมา เ
เฟนด์ยักไหล่พูดอย่างเฉยเมย “ช่วงนี้ฉันอารมณ์ไม่ดีนะ ในเมื่อพวกแกมาฆ่าตัวตายกัน ถ้าตายจริงก็อย่ามาโทษแล้วกัน!”เฟนด์ยิ้ม คนนับสิบกระโดดลงจากต้นไม้รอบ ๆ นั้นทันที“ฮ่า ๆ ไอ้หนุ่ม ฉลาดมากที่รู้ว่าเรามาที่นี่เพื่อฆ่าแก!” ผู้เฒ่าพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ฉันว่ามันไม่ดีเท่าไหร่นะที่แกมั่นใจ เพราะพวกเรามากันเยอะ!”แปะ! แปะ!หลังจากเสียงปรบมือดังขึ้น นีลและเคนก็เดินออกจากพุ่มไม้เตี้ย ๆ “เฟนด์ แกไม่รู้เรื่องอะไรเลยใช่ไหม? แกตายแน่วันนี้!” เคนยิ้มอย่างเย็นชา อีวานกำลังยุ่งกับอะไรบางอย่างที่บรัท น่าเสียดายที่เขามาเห็นเฟนด์ตายต่อหน้าด้วยตัวเองไม่ได้แต่เคนก็ได้สัญญากับอีวานไว้ว่าเขาจะส่งรูปของเฟนด์ที่โดนฆ่าทันทีหลังจากเฟนด์ตายแล้ว เพื่อแบ่งปันความสุขกับอีวาน“อ้อ เข้าใจแล้ว เป็นแกสองคนนี่เอง!” เฟนด์มองและกำหมัด “เยี่ยมเลย ฉันจะได้ฆ่าพวกแกเหมือนกัน และจะได้หยุดสร้างปัญหาให้ฉันเสียที! ฉันให้โอกาสมาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่คิดว่าแกจะไม่ยอมแพ้กันจนกระทั่งทุกวันนี้!”“ฮ่า ๆ... เฟนด์ หยุดเสแสร้งเถอะ ถ้าสมมติฐานของฉันถูกต้อง ก็คือแกโดนวางยาพิษ แม้จะขับมันออกไปแล้ว แต่ฉันไม่เชื่อหรอกว่ามันจะไม่มีผลอะไรเลยกับ
“พระเจ้า แหวนนั่นมันคือสมบัติ! ฉันเคยได้ยินมาว่ามีแหวนที่เก็บของไว้ และแหวนพวกนั้นคือสมบัติ! แหวนในมือของผู้ชายคนนี้คือสมบัติอันล้ำค่าแน่นอน!” ผู้เฒ่าอันดับสองอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา ดวงตาเขาเปลี่ยนเป็นสีแดงเขารีบพุ่งเข้าหาเฟนด์พร้อมกับดาบหลังจากที่พูด ราวกับกลัวว่าคนอื่น ๆ จะไปแย่งชิงแหวนนั่น“ฮ่า ๆ มันคือสมบัติ แต่ฉันเกรงว่าแกจะไม่มีชีวิตได้อยู่ใช้มันน่ะสิ!” เฟนด์ยิ้มและเริ่มขยับเขา เขาเร็วจนหายตัวไปหวืด!เมื่อเฟนด์ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง เขาก็อยู่ข้าง ๆ ผู้เฒ่าแล้ว และดาบในมือเขาก็ตัดดาบในมือของผู้เฒ่าอย่างรวดเร็ว“อะไรน่ะ!” ผู้เฒ่าตกตะลึงและอุทานออกมา เฟนด์เร็วเกินไป ดาบในมือเขาก็ไม่ใช่ดาบธรรมดา มันคือสมบัติอันน่าทึ่งที่คมอย่างเหลือเชื่อและมันสามารถตัดเหล็กได้ราวกับเป็นแค่โคลนวูบ!หลังจากมีลมพัดผ่านตัวพวกเขา เฟนด์ก็หยุดเคลื่อนไหว พร้อมกับร่างของผู้เฒ่าถูกฟันขาดเป็นสองซีก เลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว ผู้เฒ่าคนนั้นตายแล้วเรียบร้อย“อะไรกันเนี่ย?” ขณะที่เฟนด์ฆ่านักฆ่าอันดับสอง คนที่กระโดดขึ้นจะทุบค้อนใส่เฟนด์ก็คิดว่าเขาจะหลบไม่ได้ แต่เขาไม่รู้ว่าเฟนด์จะรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดและเลี่ยงการ
บอดี้การ์ดพวกนี้ซึ่งแข็งแกร่งมากและได้ฆ่าไปหลายคน แต่กลับกลัวจริง ๆ ในตอนนี้สุดท้ายแล้ว พลังในการต่อสู้ของนักฆ่าอันดับสองก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริง แต่คนนั้นกลับถูกเฟนด์ฆ่าตายอย่างง่ายดายฟุ่บ! ฟุ่บ!ด้วยคลื่นดาบอีกครั้ง ชายทั้งสองที่ไม่มีอันดับในรายชื่อนักฆ่าก็ถูกฆ่าตาย“พวกเราทุกคนโจมตีมันพร้อมกัน!” ชายคนที่ถือค้อนก้าวไปข้างหน้าและพุ่งเข้าหาเฟนด์วูบ!ครั้งนี้เฟนด์ไม่ได้ให้โอกาสชายคนนั้นเลย เขาหายตัวไปและปรากฏขึ้นด้านหลัง จากนั้นก็เหวี่ยงดาบใส่คนนั้นชายคนนั้นเห็นแค่เสียงวาบไปตรงหน้าเท่านั้น หลังจากเฟนด์หายตัวไป ก็มีความรู้สึกวิกฤต ที่ทำให้ศีรษะของเขามึนงงและตกใจเขาอยากจะหันไปต่อสู้กลับ แต่มันก็สายเกินไป แสงดาบวาบขึ้นและชายคนนั้นล้มลงกับพื้นเฟนด์ยังคงโบกดาบไปมา คลื่นที่น่ากลัวก็พุ่งเข้าหาและฆ่าไปหลายคน“บ้าเอ๊ย เราไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่เหมาะกับเขา มันยากที่เราจะเข้าใกล้เขาทั้งที่มีลมจากดาบนั่น!” หนึ่งในนักฆ่าเกือบจะสิ้นหวังแล้ว แค่เวลาเพียงครู่เดียว พวกเขาก็ตายไปแปดคน และคนที่เหลือแทบจะไม่ได้แตะเฟนด์ได้ด้วยซ้ำ“หนีกันเถอะ พลังเขาเทียบได้กับพลังของเทพสงครามเลย!” ชายอันดับแรกอยาก
เฟนด์พลิกมือและซ่อนเข็มเอาไว้ขณะมองร่างศัตรูที่อยู่บนพื้น เคนและนีลวางแผนลอบฆ่าเขา ทั้งที่ให้โอกาสไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังอยากจะเอาชนะ เพราะงั้นจะมาโทษเขาก็ไม่ได้เป็นเรื่องดีที่ฆ่าคนพวกนี้ซะเพราะมันจะรับประกันได้เลยว่าเขาจะมีชีวิตอย่างสงบสุขในอนาคตแต่เฟนด์ก็ยังสงสัยว่าทำไมทั้งอีวานกับซีน่าถึงไม่มา มันคงจะดีกว่านี้ถ้าทั้งคู่มาเพราะจะได้ไม่ต้องห่วงอะไรถ้าฆ่าพวกนั้นด้วยโดยเฉพาะซีน่าที่เคยวางยาเขาก่อนหน้านี้ ถ้าเธอมา เขาจะไม่เมตตาอะไรเลยในขณะนั้นเอง ชายชราคนหนึ่งยิ้มอย่างเฉยเมยที่สวนในบ้านและกำลังจับมือโจแอนไว้ “สวัสดีครับคุณผู้หญิง ผมคือพ่อบ้านคนปัจจุบันของตระกูลวู๊ด เราเชิญคุณมาที่นี่เพราะหวังว่าคุณและนายน้อยจะกลับมาอยู่กับครอบครัววู๊ดได้ ตอนนี้ตระกูลเราตกอยู่ในอันตราย นายท่านป่วยหนัก...”หญิงสาวข้างชายชราพูดขึ้นเช่นกัน “ใช่ค่ะ คุณป้า... อย่างไรเฟนด์ก็เป็นลูกชายของนายท่าน และเราหวังว่าเขาจะยอมรับครอบครัวตัวเอง!”โจแอนยิ้มอย่างเย็นชาหลังจากได้ยินสิ่งที่พวกเขาพูด “ก่อนหน้านี้ทำกับเราไว้ยังไง? หวังว่าลูกชายฉันจะกลับไปเพราะตอนนี้เขาประสบความสำเร็จเหรอ?”ดวงตาของโจแอนเปลี่ยนเป็นสีแ
“คุณผู้หญิง คุณไปว่านายท่านก็ไม่ได้เพราะเขาก็ตกอยู่ในสถานะลำบากเหมือนกัน ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เขาต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับครอบครัว! นอกจากนี้เขาก็ได้ให้เงินล้านกับคุณทุกปี และไม่มีใครรู้เรื่องที่ลูกชายของคุณคุกเข่าอยู่หน้าบ้านตลอดทั้งคืน!” ชายชราพูดอย่างกังวล “ฉะนั้น ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นลิลลี่ ลาโกริโอ ที่ขอให้คนงานโกหก ทำให้พวกเราเข้าใจผิดกัน!”หญิงสาวคิดและพูดว่า “คุณป้า ถ้าไม่ยกโทษให้ก็ไม่เป็นไร แต่นายท่านกำลังจะตาย และฉันหวังว่าคุณจะกลับไปเยี่ยมนายท่านพร้อมกับนายน้อย คิดเสียว่านี่เป็นการเคารพกันครั้งสุดท้าย นายท่านละเมอชื่อคุณทุกวัน ฉันเชื่อว่าเขาจะมาพบนายน้อยเฟนด์ด้วยตัวเองถ้าลุกขึ้นได้!”“ตอนนี้แย่หมดแล้วเหรอ?” โจแอนกังวลเล็กน้อยหลังจากได้ยินเช่นนั้น เธอเคยรักแนช และเขาก็เป็นพ่อเฟนด์ นั่นปฏิเสธไม่ได้เธอไม่ได้กังวลเมื่อได้ยินชายชราพูดว่าแนชป่วยหนัก เธอรู้ว่าตระกูลเป็นตระกูลชนชั้นสูง หมายความว่าเขามีลูกน้องและผู้เชี่ยวชาญที่ยอดเยี่ยมมากมายอยู่รอบตัว แนชจะได้รับการรักษาอย่างง่ายดายแม้ว่าจะป่วยก็ตาม ฟังดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาร้ายแรง“อาการนายท่านหนักมาก ก่อนหน้านี้เราจ้างทีมแ
ชายชร่าครุ่นคิด ก่อนจะพูดกับโจแอนอีกครั้ง “หนึ่งในหมอของพวกเราบอกว่า นายท่านจะมีชีวิตอยู่ไม่เกินสามเดือนเท่าด้วยอาการล่าสุดของเขา ดังนั้น ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราหวังอย่างยิ่งว่าคุณจะอยู่กับเราจนถึงสามเดือนครับ” ชายชรายื่นนามบัตรให้กับโจแอน หลังจากที่เขาพูดจบ “ก็ได้!” โจแอนรับนามบัตรจากเขา เธอมองที่อยู่ที่อยู่บนนามบัตร และออกไปในที่สุด หลักจากที่โจแอนจากไป หญิงสาวก็ถามพ่อบ้าน “พ่อบ้าน คุณคิดว่าเฟนด์จะไปรึเปล่า?” ชายชรายิ้มอย่างขมขื่น “ผมก็ไม่มั่นใจเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ในเมื่อโจแอนรับนามบัตรไปแล้ว ผมเชื่อว่าเธอต้องเกลี้ยกล่อมเฟนด์แน่ เฮ้อ ทำยังไงดีล่ะ… ตระกูลวู๊ดติดค้างพวกเขามากเกินไป และผมเข้าใจ ไม่ว่าพวกเขาจะตัดสินใจยังไงก็ตาม!” หญิงสาวขมวดคิ้วหลังจากครุ่นคิด “อย่างไรก็ตาม มาดามลิลลี่คงไม่พอใจแน่ ถ้ารู้ว่าเราใช้วิธีนี้เพื่อให้เฟนด์กลับมา ผู้หญิงคนนั้นดูมีความสุขตลอดเวลา ฉันล่ะกังวลจริง ๆ ว่าเฟนด์จะได้รับอันตราย ถ้าเขากลับไปหาตระกูลวู๊ด!” ชายชราก็หน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นกัน “นั่นเป็นปัญหาที่ค่อนข้างใหญ่ อย่างไรก็ตาม เหล่าบุคคลสำคัญ และผู้อาวุโส ต้องอยู่ฝั่งเฟนด์แน่ ในเมื่อพวกเ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ