“ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?”เคลลี่และหัวหน้าตระกูลโกลด์ และคนอื่น ๆ ต่างก็อยู่ในขบวนรถเหล่านั้น และทุกคนก็ต่างดีใจมากขบวนรถที่พวกเขาเตรียมมาในวันนี้ค่อนข้างใช้ได้เลยทว่า ทุกคนก็รู้สึกราวกับเป็นบ้าทันทีที่พวกเขาลงจากรถ เห็นได้ว่ามีรถจำนวนมากมายจอดอยู่ตรงหน้าทางเข้าของคฤหาสน์ของเฟนด์และคนอื่น ๆ เขาเตรียมรถมาทั้งหมดยี่สิบคันเท่านั้น ในขบวนนี้ แต่พวกเขามีรถเกือบร้อยคัน และทุกคันก็เป็นรถโรลส์-รอยซ์“ไม่มีทาง เฟนด์เตรียมทั้งหมดนั่นให้เซเลน่างั้นเหรอ?”ตระกูลเทย์เลอร์ก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน ทุกคนต่างก็หน้าชาไปกับภาพที่เห็น“เฟนด์นี่กล้าดีจริง ๆ เลยนะ!”อีวานชำเลืองมองไปที่เฟนด์จากไกล ๆ ความสับสนก่อขึ้นในตัวเขา เขายังมองเห็นอยู่อีกเหรอ? ตามหลักแล้ว เขาต้องลุกไม่ไหวแล้วสิ อาจจะเป็นเพราะร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก เขาถึงทนไหวมาจนถึงตอนนี้รึเปล่านะ?“ไม่มีทาง ทั้งหมดนั่นเป็นรถแต่งงานหมดเลยนี่!”เซซิเลีย ที่อยู่ในชุดแต่งงาน ริมฝีปากของเธอบิดเบี้ยว เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเฟนด์จะเตรียมรถแต่งงานพวกนั้นไว้ให้เซเลน่า “ใช่ มันไม่มีทางเกิดขึ้น!”“เซเลน่าไม่ได้ใส่ชุดแต่งงานด้วยซ้ำ” ซีน่าพูดแทรก
ไม่นาน นายใหญ่โกลด์ก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรผิดปกติ เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เฟนด์จะตามเขามาทำบ้าอะไร?“บางทีอาจจะเป็นเป็นที่เดียวกันก็ได้ เขาอาจจะต้องไปทางนี้เหมือนกัน!”นายใหญ่เทย์เลอร์คิ้วขมวด เฟนด์พูดว่าเขาอยากจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้เซเลน่า แต่เขาก็เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เขาไม่แม้แต่ส่งบัตรเชิญมาให้พวกเขาด้วยซ้ำ จริง ๆ แล้ว เขาไม่เคยบอกใครเลยด้วยว่าจัดวันไหน หรือที่ไหนเขาเดาว่า เฟนด์อาจจะคิดว่าการกระทำนั้นไร้ความหมาย เขาเดาว่าตระกูลเทย์เลอร์ และตระกูลชนชั้นสูงระดับที่สองอื่น ๆ จะไปงานแต่งงานของเซซิเลียแทน เขาเดาว่าเฟนด์ไม่บอกใครก็เพราะอย่างนั้นอย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าเฟนด์จะขี้อวดขนาดนั้นในวันนี้ ไอ้หนุ่มนั่นต้องใช้ความโชคดีได้รถขบวนนั้นมาแน่ ๆ เขาจัดการทั้งหมดนั่นจริง ๆ เหรอ?“รู้แล้ว!”ในตอนนี้ นายท่านโกลด์ตบเข่าฉาด “มันต้องเป็นเพราะโรงแรมเจ็ดดาวที่ถูกจองโดนตระกูลที่ร่ำรวยมากแน่ ๆ ส่วนเฟนด์และคนอื่น ๆ อาจจะนั่งรถคนอื่นไปลงที่โรงแรมของตัวเอง ที่บังเอิญอยู่แถว ๆ นี้ก็ได้ ก็ปล่อยให้เขาไปตามทาง… เขาทำแบบนี้ก็เพื่อความภาคภูมิใจของเขาเท่านั้นแหละ”“ไม่มีทาง นั่นมันรถในง
ที่อยู่ของโรงแรม ก็อยู่ในข้อความนั้นเช่นกัน “ทำไมเฟนด์มาจัดงานแต่งงานเอาตอนนี้ล่ะ? เขาไม่แม้แต่จะบอกเราก่อนด้วย? เขาบอกว่ามันเป็นงานเลี้ยงวันเกิดไม่ใช่หรือไง?”นายท่านรอยส์ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เขากำลังจะออกจากบ้านเพื่อไปงานแต่งงานของเซซิเลีย แต่ก็มีข้อความที่ไม่คาดคิดหยุดเขาเอาไว้“เราทำไงดีล่ะ นายท่าน? ถ้าเราไปงานแต่งงานของเฟนด์ งานแต่งงานของเซซิเลียก็ยังถูกดำเนินต่อไป และครอบครัวของเซซิเลียกับตระกูลของเธอ ก็เชิญเราเป็นพิเศษด้วย! ไม่เพียงแต่เฟนด์ไม่ได้ประกาศล่วงหน้า แต่เขาจัดงานแต่งงานขึ้นเพื่อชดเชยสิ่งที่เขายังไม่ได้ทำ ถ้าเราไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอกครับ!”ชายวัยกลางคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ นายท่านรอยส์ เขาครุ่นคิด ก่อนจะตั้งคำถามนายท่านรอยส์ก็พูดไม่ออกไปครู่นึง “พระเจ้า เขาเลือกวันอื่นไม่ได้รึไง? ทำไมถึงต้องจัดวันเดียวกับงานแต่งงานเซซิเลียด้วย? ฉันคงไม่คิดจะไปหรอกนะถ้าเป็นงานเลี้ยงวันเกิด เพราะงานแต่งงานของเซซิเลียก็สำคัญกว่าอยุ่แล้ว และในเมื่อตอนนี้ฉันควรให้เกียรติตระกูลเทย์เลอร์ ฉันไม่รู้จะทำยังไงแล้ว!”“ทำไมเราไม่รอดูก่อนละครับ ว่าเทพีแห่งสงครามไปร่วมงานรึเปล่า? แล้วเราค่อยไปงานแต่ง
โรเบิร์ตเลียนแบบท่าทีของชายชรา “คุณพูดถูก มันคงไม่เป็นไรหรอกถ้าจะไม่ไปงานเลี้ยงของเฟนด์ แต่ไอ้นั่นเพิ่งจะประกาศงานแต่งงานไปหมาด ๆ เขาอาจจะอยากทำให้เซเลน่าประหลาดใจ เขาเลยทำแบบนั้น แต่เขากำลังทำให้พวกเราลำบาก!”ชายคนนึงจากตระกูลชนชั้นสูงระดับที่สามแทรกขึ้นมา “ใครสน? เขาไม่เสียเวลามาบอกเราด้วยซ้ำ ไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก ตระกูลโกลด์ส่งบัตรเชิญตั้งนานแล้ว คงแย่แน่ถ้าพวกเราไม่ไป ผมคิดว่าพวกเราไปงานแต่งนายน้อยตระกูลโกลด์ดีกว่า”โรเบิร์ตพยักหน้า เขายิ้มออกมา “ใช่ ไปงานแต่งงานของตระกูลโกลด์ก่อนดีกว่า คงไม่ง่ายแน่ ๆ กว่าเฟนด์จะจองโรงแแรมใหญ่โตขนาดนั้นได้ อาจจะมีคนอื่นไปงานของเขาก็ได้!”ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ตกลงไปโรงแรมหกดาวกัน“พ่อ เฟนด์เป็นคนจองโรงแรมเจ็ดดาวนั่น เขาบอกที่อยู่ในข้อความด้วย งั้นก็จะไม่มีใครมางานของเราน่ะสิครับ? ผมเริ่มกังวลแล้ว พวกเราจองโต๊ะไปหลายร้อยโต๊ะ ถ้าไม่มีคนมา เราก็จะ…”เคลลี่กำลังอยู่บนชั้นดาดฟ้าของโรงแรมหกดาว เขาเริ่มกังวลแล้วในตอนนี้ สุดท้ายแล้ว เฟนด์จองโรงแรมตั้งเจ็ดดาวไป ไม่เป็นไรที่เขาจองโรงแรมที่ดีกว่า แต่เขาดันส่งข้อความไปหาทุก ๆ คนในเมืองอีก“อย่าห่วงไปเ
ราชาสงครามแปดดารา นายทหารมากมาย และราชาสงครามอีกสองคน ล้วนปรากฏตัวขึ้นบนจอภาพของโรงแรมฝั่งตรงข้าม ภาพเหล่านั้นทำให้นักธุรกิจมากมายโบกมือทักทายพวกเขา“เหอะ ใครจะรู้ล่ะว่าจะมีคนไปเยอะขนาดนั้น!”โรเบิร์ตยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน อย่างน้อย เขาก็มาที่นี่เพื่อให้ของขวัญ และคำอวยพร มันคงไม่เป็นไรหรอก ถ้าเขาจะไปงานนู้นสักประเดี๋ยว อย่างไรก็ตาม เขาก็ทำหน้าที่ของเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังมีคนมากมายที่อยู่ที่นี่เช่นกัน นักธุรกิจมากมายต่างก็พากันมาเพื่อแสดงเคารพนับถือเห็นได้ชัดว่าคนมากมายคิดจะมางานแต่งงานของตระกูลโกลด์ก่อน เพราะเฟนด์ไม่ได้เชิญพวกโดยส่วนตัวก่อนหน้านี้ พวกเขาพิจารณาสถานการณ์ ก่อนจะตัดสินใจไปงานแต่งงานของเฟนด์ในไม่ช้าเวลาล่วงเลยผ่านไป นายท่านจอร์จ กับชารอนและคนอื่น ๆ ก็มาร่วมงานแต่งงานของเซซิเลียเช่นกันอย่างไรก็ตาม พวกเขามาเพื่อแสดงความเคารพนับถือเท่านั้น ก่อนนายท่านจอร์จจะพูดกับนายท่านโกลด์ด้วยรอยยิ้ม “นายท่านโกลด์ ทำไมงานแต่งงานของเคลลี่ ถึงจัดวันเดียวกับงานแต่งงานของเฟนด์เลยล่ะ? นี่มันทำให้พวกเราตัดสินใจยากมาก แต่ในเมื่อพวกเราให้ของขวัญไปแล้ว ผมก็ควรไปงานของอีกฝ่ายเช
“อย่าห่วงไปเลยเซซิเลีย เรายังมีเรื่องน่าสนใจที่ต้องพิสูจน์อีกนะ!”อีวานและซีน่ามองหน้ากัน ก่อนจะพูดกับเซซิเลีย“เรื่องน่าสนใจอะไร ฉันไม่ใช่เรื่องน่าสนใจหรือไง ตอนนี้น่ะ?”เซซีเลียแทบจะร้องไห้“มาตรงนี้สิ!”อีวานยิ้ม ก่อนจะดึงเซซิเลียมายืนข้าง ๆ หลังจากนั้น เขาก็เล่าให้เธอฟังว่าเฟนด์โดนวางยายังไง“จริงเหรอ? นายจะบอกว่าเฟนด์ก็จะล้มตายไปเฉย ๆ น่ะนะ?”เซซิเลียรู้สึกดีขึ้นทันทีเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น ถ้าเธอต้องขายหน้าในวันนี้ เธอก็คงดีใจมากถ้าเฟนด์ต้องตาย เธอคงจะลืมความแค้นโกรธแค้นที่เธอมีหลังจากนั้น “แน่นอน ฉันเพิ่งไปเช็คมาเมื่อไม่กี่วันก่อนนี่เอง เขาเริ่มมีอาการแล้ว เขาบอกว่ามันปวดหัว แถมยังรู้สึกเพลีย ๆ ตอนนี้ ส่วนใดส่วนนึงของร่างกายเขาควรจะเริ่มเน่าได้แล้ว และจริง ๆ เขาไม่ควรยืนไหว แต่น่าจะเป็นเพราะร่างกายของเขาแข็งแรงมาก เขาเลยยังไม่เป็นไร!”“ฮึ่ม สมควร ใครจะรู้ล่ะว่ามันไปเอาเงินที่ไหนมาจองโรงแรมเจ็ดดาว? มันทำให้ฉันต้องอับอายไปตลอดชีวิต มันสมควรตาย!”เซซิเลียมองไปที่จอภาพของโรงแรมฝั่งตรงข้าม “ดูจากท่าทีที่เขาหัวเราะกับเทพีแห่งสงครามแล้ว เขาอาจจะยืมเงินมาจากเธอก็ได้ คนแบบเธอ
“นั่น นั่นมันเจ้าของแคทธีเซียจิวเวลไม่ใช่เหรอ? เขาเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมากในเมืองจิน! และตอนนี้เขาก็มาที่นี่ในเมืองเล็ก ๆ ของเราแล้ว!” ผู้คนบางคนจำผู้อาวุโสตรงหน้าได้ทันที เพราะเขาเป็นคนสำคัญที่มักจะออกทีวีอยู่บ่อย ๆ “ยินดีด้วยนะ!” ผู้จัดการลินช์ก็มางานนี้ด้วย เธอส่งยิ้มให้เฟนด์แบบเขิน ๆ แล้วหันมาสนใจเซเลน่า “เจ้าสาวสวยมาก!” เธออุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปนความอิจฉา ทันทีที่เธอเห็นเซเลน่าด้วยตาตัวเอง ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมเฟนด์ถึงไม่เคยนอกใจเซเลน่าเลย เซเลน่ามีชื่อเสียงมากในเรื่องความงาม เธอเป็นราชินีแห่งอาณาเขตกลาง อีกอย่าง การแต่งหน้าและชุดของเธอยังถูกทำขึ้นโดยทีมช่างแต่งหน้าและนักออกแบบเสื้อผ้ามืออาชีพ และเมื่อสวมชุดแต่งงานที่สวยงามแล้ว มันทำให้เธอยิ่งดูมีเสน่ห์มากขึ้นไปอีก “ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมงานแต่งของผม บอกตรง ๆ เลยนะ ผมรู้สึกปลื้มปิติมาก!” รอยยิ้มบาง ๆ และดูเขินอายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟนด์ ในขณะที่เขาสวมแหวนอันวิจิตรงดงามลงบนนิ้วที่เรียวยาวของเซเลน่า “ฉันต้องสวมแหวนหลายวงเหรอ? ดูสิ ฉันมีที่…” แก้มของเซเลน่าเปลี่ยนเป็นสีชมพูอย่างกับถูกช่างแต่งหน้าปัดบลัชออนสี
ผู้คนรอบข้างก็ตกใจแทบตายเมื่อเห็นชายคนนั้นกระโดดลงมาจากเฮลิคอปเตอร์ เขาพยายามกระโดดลงมาที่จุดชมวิวที่อยู่บนตึก จุดชมวิวไม่ได้กว้างนัก บางทีมันอาจจะจุคนได้ไม่เกินยี่สิบคน แต่ชายคนนั้นเลือกที่จะกระโดดลงมาบนนั้น การกระโดดของเขาต้องแม่นยำแค่ไหน? “ตุ้บ!” เสียงที่เบาและไม่ได้ดังมาก ชายคนที่กระโดดลงจากเฮลิคอปเตอร์ นั่งยอง ๆ หลังจากที่กระโดดลงมาบนจุดชมวิว เขาค่อย ๆ ลุกขึ้นยืน รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นที่มุมปากของชายคนนั้น ผู้รับผิดชอบการถ่ายทำและบันทึกวิดีโอวิ่งเข้ามาดูชายคนนั้น กรามของเขาค้าง ปากอ้างกว้าง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “เทพสงคราม โยเซฟ สมิธ!” หลังจากที่เงียบไปชั่วขณะท่ามกลางผู้คน ชายชราคนหนึ่งก็ตะโกนออกมาอย่างตื่นเต้นและเรียกชื่อของชายคนนั้น โยเซฟยิ้มออกมานิด ๆ และเดินเข้าไปหาเฟนด์อย่างชิว ๆ “เฮ้ เฟนด์! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ!" เขาหยุดไปพักหนึ่งขณะที่ความสนใจของเขาเปลี่ยนจากเฟนด์ไปที่เซเลน่า “นี่เจ้าสาวเหรอ? คุณสวยมากจริง ๆ!” โยเซฟมองเซเลน่าและพูดชมเชยออกมา “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ท่านเทพสงคราม!” เซเลน่ารู้สึกสับสนและดีใจมาก นี่เทพสงครามมางานแต่งของเธองั้นเห
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ