“เป็นไปได้ยังไง? เขาตายแล้ว!” ใบหน้าของคนที่กำลังพุ่งเข้าใส่เฟนด์ซีดเมื่อเห็นชายร่างกำยำกลิ้งตกภูเขาด้วยร่างที่ไร้ศีรษะ ความสามารถในการต่อสู้ของเฟนด์นั้นทรงพลังมากอย่างไม่น่าเชื่อ ดาบของเขาคมตัดดาบอีกคนราวกับมันเป็นแค่โคลนเฟนด์ไม่สะดุดเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ฆ่าชายคนนั้น เขารีบกระโดดไปที่ยอดเขา"ฆ่ามัน!"นอกจากคนของตระกูลวิลสันแล้ว ก็มีคนจากกรีนสกายฮอลล์เช่นกัน คนที่อ่อนแอจากคิงส์ตันฮอลล์ และพรรคอินทรีก็อยู่ที่ด้านล่างของภูเขาขณะที่พยายามจะรุมเฟนด์เฟนด์กลัวอย่างเดียวคือเฮคเตอร์และคนอื่น ๆ จะผิดคำพูด หากเขามาสาย มันอาจจะฆ่าไคลี่และบอดี้การ์ดอีกสองคนได้เฟนด์เลยเลือกที่จะเมินเฉยคนพวกนี้และรีบขึ้นไปข้างบนต่อไป เขาเหวี่ยงดาบฟันคนที่พยายามจะเข้ามารุมเฟนด์ก้าวไปข้างหน้าโดยมีเลือดพุ่งที่ทั่ว เขาฆ่าพวกนั้นด้วยการแกว่งดาบเพียงไม่กี่ครั้งก่อนจะรีบไปต่อด้วยการกระโดดเขาไปเรื่อย ๆ อย่างไม่ลังเลที่จะฆ่าคนรอบข้าง ดาบเหวี่ยงไปมาอย่างต่อเนื่องเพื่อโจมตี“เจ้านาย คุณคิดว่าผู้ชายคนนี้จะขึ้นมาถึงพวกเราได้ไหม?” ที่ศาลากลางทางระหว่างขึ้นไปบนภูเขา หญิงวัยกลางคนถามชายอีกคนที่อยู่ข้างหน้าเธอขณะที่พ
หวืด! หวืด!ชายวัยกลางโยนอาวุธลับไปที่เฟนด์เฟนด์ดึงตัวไมเคิลเข้ามาเป็นที่กำบังทันที“แก” ไมเคิลโดนแทงทันทีก่อนที่จะรู้ว่าอะไรเกิดขึ้น“นายน้อยไมเคิล!” ชายวัยกลางคนมองด้วยความตกใจ การกระทำของเฟนด์เร็วเกินไป เขาตามไม่ทัน ที่เห็นก็เพีงแค่เงาที่เลือนลางเท่านั้น แล้วเฟนด์ก็ได้เคลื่อนที่แล้วเฟนด์เหวี่ยงร่างของไมเคิลไปข้างหน้ากระแทกเข้ากับชายวัยกลางคนเขาถอยหลังไปสองสามก้าว ขณะที่กำลังจะผลักร่างของไมเคิลออก เขาก็พบว่าเฟนด์ได้จ่อดาบไว้ที่คอของเขาแล้วชายคนนั้นมองเฟนด์อย่างประหลาดใจ แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าเฟนด์น่ากลัวขนาดไหนเขาทั้งคู่ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในอาณาเขตกลาง เขาไม่กลัวแม้แต่จะต้องเจอกับราชาแห่งสงครามสองหรือสามดารา มันเป็นไปได้ที่พวกเขาจะฆ่าราชาแห่งสงครามพวกนี้ได้อย่างไรก็ตาม พวกเขาทำอะไรไม่ถูกเมื่อได้เจอกับเฟนด์ชิ้ง!เฟนด์สะบัดดาบ แล้วเลือดของชายวัยกลางคนก็พุ่งออกมา ร่างของเขาล้มลง เฟนด์รีบขึ้นต่อไป“เป็นไปได้ยังไงกัน!?” มีศพเต็มไปหมด แล้วหลาย ๆ คนก็ตามเฟนด์ไม่ทันพวกเขารู้ว่าทั้งสองคนแข็งแกร่งมากขนาดไหน ทุกคนจึงประหลาดใจที่ทั้งคู่โดนฆ่าอย่างรวดเร็วคนที่เหลือหยุดวิ
เดวิด วิลสัน และคนอื่น ๆ ตกตะลึงเมื่อเห็นเฟนด์เปื้อนไปด้วยเลือด เสื้อของเขากลายเป็นสีแดงเข้มพวกเขาคิดว่าเฟนด์คงหมดแรงไปแล้ว โดยมองจากร่างกายที่เต็มไปด้วยเลือดพวกเขาไม่คิดว่าเฟนด์จะเคลื่อนไหวเร็วขนาดนี้ ความเร็วของเขาเร็วกว่าผู้เชี่ยวชาญเสียอีกในตอนที่กำลังผิดหวัง เฟนด์ก็ไปอยู่ข้าง ๆ ออร์คิดและคนอื่น ๆ แล้ว เขาตัดเชือกทุกคนออก“ฮู่ว...พ่อ!” ไคลี่กลัวตั้งแต่ตอนแรก แต่เธอไม่กล้าร้องไห้ เธอเริ่มร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นพ่อของเธอ เฟนด์วิ่งเข้ามาด้วยเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ไม่รู้ว่ากลัวหรือว่าเป็นห่วงเฟนด์“ไคลี่ ไม่ต้องกลัวนะ!” เฟนด์วาดดาบไปฆ่าคนที่เข้ามาหาพวกเขา “ออร์คิดพาไคลี่ไปที่ที่ปลอดภัยเร็ว!”หลังจากนั้นเฟนด์ก็วิ่งไปหาเฮคเตอร์“ฆ่ามัน! ฆ่าพวกมันให้หมด! มันจะต้องตายอย่างอนาถตรงนี้! จำไว้ว่าพวกแกเป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งนั้น!” เฮคเตอร์ตะโกนเสียงดังเมื่อเห็นเฟนด์วิ่งเข้ามา“ฆ่ามัน!” นักสู้คำรามเสียงดังและวิ่งเข้าหาเฟนด์พร้อมกับคนอื่น ๆ “วันนี้คือวันสุดท้ายของแก! ฮ่า ๆ!” เฟนด์หัวเราะกำดาบแน่นและพุ่งเข้าไปข้างหน้าคราวนี้ เฟนด์เร็วมากกว่าเดิม เขาฆ่าผู้เชี่ยวชาญที่เข้ามาด้วยการฟันดาบไปเพี
"อ๊า!" ลีตะโกนด้วยความตกใจและพยายามหนีเมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันเลวร้ายขึ้นขนาดไหนแต่คนในพรรคอินทรีล้อมเขาไว้แล้วเขาก็ถูกฆ่าตายทันทีผู้เชี่ยวชาญและคนแข็งแกร่งทั้งหลายถูกฆ่าตายในที่เกิดเหตุทันที"อย่าลืมจัดการศพ ยังไงซะพวกนี้ก็เคยเป็นพี่น้องของพวกแก" เฟนด์พูด ก่อนที่เขากับออร์คิดและคนอื่น ๆ จะพากันลงจากภูเขาคนที่เหลือหลีกทางให้เฟนด์โดยอัตโนมัติขณะที่เดินผ่าน พวกเขามองตามไปขณะที่เฟนด์เดินหลายคนเช็ดเหงื่อที่หน้าผากหลังจากเฟนด์เดินออกไปหลังจากที่มาถึงตีนเขา เฟนด์ก็หันกลับมาหาไคลี่มองด้วยสายตาอ่อนโยน "ไม่ต้องกลัวนะลูก พรรคพวกนี้จะหายไปตลอดกาล! พวกนั้นทำให้ลูกกลัวหรือเปล่า?""อืม... พ่อเก่งที่สุด...! ไคลี่จะหยุดร้องไห้..." ไคลี่เม้มริมฝีปากกลั้นไคลี่มองไปที่พ่อของเธออย่างกังวล "พ่อ เจ็บไหมคะ?""ฮ่า ๆ! ไม่ต้องห่วงลูกรัก พ่อไม่เป็นไร เลือดนี่มันมาจากคนโง่!" เฟนด์ถอดเสื้อผ้าออกหลังจากพูด "รออยู่ที่นี่ก่อน ฉันจะไปล้างตัวที่แม้น้ำนั่น มันคงจะดูน่ากลัวถ้ามีคนมาเห็นในสภาพนี้!""ค่ะนายท่าน!" ออร์คิดและบอดี้การ์ดอีกคนพยักหน้า เธอพาไคลี่ไปที่รถของเฟนด์เฟนด์ไปที่แม่น้ำเพื่ออาบน้ำเปลี่ยน
เซเลน่าไม่ได้คิดอะไรมากกับการลักพาตัวนี้ ตราบใดที่ไคลี่และคนอื่น ๆ กลับมาอย่างปลอดภัย เธอก็ไม่ได้พูดอะไรมาก พ่อแม่จะได้ไม่กังวลใจสุดท้ายแล้ว เซเลน่ารู้ว่าฟีโอน่าจะไม่แค่กังวลใจเท่านั้น แต่ยังต่อว่าใส่เฟนด์ไม่จบแน่ ๆ ฟีโอน่าอาจจะดุเฟนด์ได้ แม่คงจะพูดว่าเขาสร้างศัตรูไว้เยอะแยะมากมายจนทำให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเฟนด์หยิบยาขวดเล็กให้ออร์คิดและบอดี้การ์ดอีกคน จากนั้นก็บอกให้ทั้งสองไปพักผ่อน ก่อนจะพาไคลี่ไปที่คฤหาสน์คืนนั้นเกิดความโกลาหลไปทั่วอาณาเขตกลางข่าวที่ว่าตระกูลวิลสัน กรีนสกายฮอลล์ คิงส์ตันฮอลล์ และพรรคอินทรี โดนรื้อออกไปแพร่กระจายในชั่วข้ามคืนราวกับไฟป่ามีข่าวลือมาว่าพวกเขาได้ล้ำเส้นบุคคลที่สำคัญมาก และนายท่านของพรรคเหล่านี้ก็ถูกฆ่าตายด้วยสาเหตุนี้ข่าวลือยังคงดำเนินต่อไปอีกว่า คนที่เหลือรอดออกมาเก็บข้าวของราคาแพงออกจากอาณาเขตกลางในคืนนั้นทันทีราวกับว่ากลัวตัวเองจะถูกฆ่าไปด้วยตระกูลอื่นตกใจอย่างมากเมื่อได้ยินมาเช่นนั้น เพราะกรีนสกายฮอลล์และพรรคอินทรีก็ไม่ใช่กลุ่มเล็ก ๆ ที่คนจะมาแหยมด้วย และในทางกลับกัน คิงส์ตันฮอลล์เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากลุ่มเหล่านั้น และสี่
สเปคเตอร์เฟซพยักหน้า ขณะที่เขากำลังพูดหลังจากนั้นไม่นาน เจมส์ก็ไปเยี่ยมทิโมธี ทิโมธีจ้องเขม็งไปที่เจมส์ ก่อนจะละสายตาไปทางอื่น แล้วทำเป็นไม่สนใจเจมส์ “พ่อมาที่นี่ เพราะพ่อมีอะไรจะบอกลูก” เจมส์พูดขึ้นมาโดยที่ไม่ละสายตาไปจากทิโมธีแม้แต่น้อย “ลูกหยุดคิดเรื่องที่จะกลับไปแก้แค้นเฟนด์จะดีกว่าคิงส์ตันฮอลล์ กรีนสกายฮอลล์ ตระกูลวิลสัน และพรรคอินทรี ถูกทำลายเพียงชั่วข้ามคืนเท่านั้น ทั้งยอดฝีมือและผู้นำทั้งหลาย ตายกันหมดแล้ว คนที่เหลืออยู่ก็ไม่มีฝีมือมากพอ พวกเขาเลยวิ่งหนีออกไปจากอาณาเขตกลางเมื่อคนนี้!”“อะไรนะ?!” ทิโมธีตกใจมาก “พ่อจะบอกว่า พรรคใหญ่ ๆ ทั้งสองพรรคอย่างคิงส์ตันฮอลล์ กับพรรคอินทรี รวมทั้งตระกูลวิลสัน กับกรีนสกายฮอลล์ต่างก็โดนทำลายไปหมดแล้วอย่างงั้นเหรอ?!”เจมส์พยักหน้า “เราสืบเกี่ยวกับเรืองที่เกิดขึ้น แล้วเราก็ค้นพบว่าเฟนด์เป็นคนที่อยู่เบื้องหลังความฉิบหายวายวอดของพวกเขา ทั้งสี่พรรคทรงอำนาจวางแผนจะลักพาตัวลูกสาวของเฟนด์ เฟนด์ไปที่ภูเขาเพลิงไฟเพียงคนเดียว ทางที่เขาเดินเต็มซากศพ และนั่นทำให้สี่พรรคที่ทรงพลังหายวับไปจากอาณาเขตกลาง!”“เขาไปคนเดียวงั้นเหรอ? เป็นไปไม่ได้…นั่นมันเ
“น่ากลัวมาก…น่ากลัวจริง ๆ ทั้งสี่พรรคที่ทรงพลังถูกทำลายล้างเพียงชั่วข้ามคืน!” นายท่านตระกูลจอร์จเองก็ตกใจสุดขีดเขามองไปที่ชารอน ที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ ก่อนจะพูดกับเธอ “ชารอน ลูกอยากรู้ไหมว่า ผลลัพธ์ของเรื่องที่เราไปสืบมาเป็นยังไง? ความหายนะของทั้งสี่พรรคนั่น เกิดขึ้นโดยคนคนเดียวเท่านั้น! มีความเป็นไปได้สูงมาก ว่าเขาลงมือด้วยตัวเอง!”“เป็นไปได้ยังไง? คนเดียวเนี่ยนะ? พ่อจะบอกหนูว่า คน ๆ นั้นทำเรื่องทั้งหมดนี่คนเดียวงั้นเหรอ?” ชารอนมองไปที่พ่อของเธอ ตาของเธอโตราวกับไข่ห่าน ขณะที่เธอเองก็ประหลาดใจไม่ต่างกับพ่อของเธอ นายท่านตระกูลจอร์จพยักหน้า “ใช่และคน ๆ นั้นก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือเฟนด์!”“เป็นไปได้ยังไง? ไม่มีทาง!” ชารอนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “ถึงเฟนด์จะแข็งแรง แต่ไม่มีทางที่เขาจะทรงพลังขนาดนั้น นายท่านของคิงส์ตันฮอลล์มีพลังที่เทียบกับราชาสงครามได้ ซึ่งมากกว่านายท่านของพรรคอื่น ๆ หนูว่า นอกเหนือจากเทพสงคราม หรือราชาสงครามแปดดาราอย่างเซเลสติโน ก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว ขนาดสกายเลอร์ เซเลสติโน ยังต้องบาดเจ็บเลย ถ้าเขาต้องถูกล้อมรอบด้วยคนมากมายขนาดนั้น และฆ่า…”“เขาบาดเจ็บ!” ชารอนยืนขึ
มุมปากของสกายเลอร์กระตุกขึ้น เมื่อเฟนด์เปิดเผยเรื่องที่เขาไม่เคยรู้มาก่อน อย่างไรก็ตาม เอเลนก็เคยเป็นลูกศิษย์คนนึงของเขาเขาตบเข่าฉาด ก่อนจะพูดด้วยความโกรธเคือง “อะไรกัน? ทำไมเอเลนไม่บอกผม? ไม่ให้เกียรติกันเลย ผมเป็นถึงอาจารย์ของเธอนะ!”“อะไรนะ? เอเลนเป็นลูกศิษย์ของคุณงั้นเหรอ?” ฟีโอน่าตื่นเต้นมาก ที่ได้ยินความจริงที่น่าพึงพอใจเช่นนั้น เมื่อเบ็นแต่งงานกับเอเลน พวกเขาจะช่วยให้สถานะของครอบครัวของเธอสูงขึ้น ด้วยความสัมพันธ์ฉันท์ศิษย์-อาจารย์ ได้รึเปล่านะ? ถ้าเกิดอะไรขึ้น สกายเลอร์คงไม่เมินเฉยแน่ ๆ ไม่มีทาง ใช่ไหมล่ะ?โชคไม่ดีที่เอเลนและเบ็นไม่อยู่ที่โต๊ะอาหารด้วย พวกเขาอยู่ที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่แทน คงจะดีถ้าพวกเขาอยู่ตรงนี้ด้วย เบ็นจะได้ดื่มกับสกายเลอร์สักสองสามแก้ว แถมได้พัฒนาความสัมพันธ์ของทั้งคู่อีกด้วย“ใช่! และเธอก็ควรจะบอกผมสิ!” สกายเลอร์พูดอย่างมีความสุข “ถ้าพวกคุณไม่บอกผม ผมคงรู้อีกทีตอนเขาแต่งงานกันแล้วล่ะ!”“ฮ่าฮ่า! มาดื่มกันเถอะ!” เฟนด์หัวเราะร่า เขาหยิบขวดไวน์แดงที่อยู่ตรงหน้าของเขาขึ้นมา แล้วรินไวน์ให้กับสกายเลอร์“โอ้พระเจ้า คุณจะมารินไวน์ให้ผมได้ยังไง?” สกายเลอร์สะดุ้งด
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ