เซเลน่าโล่งใจ เธอเคยกังวลว่าน้องชายของเธอจะใช้ชีวิตด้วยความสับสนวุ่นวาย และเธอก็ยังกังวลว่าเขาจะแต่งงานกับซีน่าอีกด้วย สัญชาตญานของเธอรู้ดีว่าซีน่าไม่ดีกับเบ็นเลยสักนิด ผู้หญิงคนนั้นทั้งชอบเอาเปรียบ แถมยังชอบเสแสร้งเอเลนนั้นบริสุทธิ์กว่ามากถ้าเทียบซีน่า และเอเลนก็ยังสวยกว่ามากทั้งคู่เคลียร์ตารางงานเพื่อวันนี้ พวกเขาไปรับไคลี่กลับจากโรงเรียนไม่จำเป็นต้องพูดอะไร ไคลี่ดีใจมากที่ทั้งแม่และพ่อของเธอมารับเธอกลับจากโรงเรียน แค่ดูหน้าก็รู้แล้ว ว่าเธอตื่นเต้นขนาดไหนและทุก ๆ คนก็พักผ่อนอย่างดีในคืนนั้น…ฟีโอน่าปลุกเซเลน่ากับเฟนด์เช้ามาก ๆ ในตอนเช้า“อะไรกันเนี่ยแม่? หนูอยากกลับไปนอนฝันหวานต่อ ทำไมแม่ปลุกหนูเช้าขนาดนี้? เดี๋ยวนี้หนูไม่ต้องทำงานแล้วนะ” เซเลน่าพึมพำอย่างไม่พอใจ เธอนอนดึกแล้วเมื่อคืนนี้ และมันเกิดขึ้นหลังจากที่เฟนด์พูดเป็นนัย ๆ ว่าอยากมีลูกคนที่สอง แน่นอน ทั้งเธอและเขาต่างก็นอนดึกกันทั้งคู่เซเลน่าอยากตื่นสายกว่านี้ เพราะเธอยังคงเหนื่อยอยู่ เธอไม่คิดเลยว่าแม่ของเธอจะมาปลุกเธอตั้งแต่แปดโมงเช้าแบบนี้“ฟังแม่นะ หนึ่งในเพื่อนสนิทของแม่ที่แต่งงานกับคนต่างชาติ เพิ่งจะกลับมาห
คำพูดของฟีโอน่าที่พูดถึงพ่อของเซเลน่าซึ่งก็คือสามีของเธอเอง ทำให้เซเลน่าอึ้งจนเธอพูดไม่ออก เธอกลอกตาไปที่ฟีโอน่า “แม่คะ พ่อเป็นคนดีมาก อย่างน้อยพ่อก็เป็นคนที่ไม่ค่อยพูดมากและเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก พ่อเป็นคนที่มีความรับผิดชอบและไม่หัวแข็ง แม่ควรพอใจกับสิ่งที่พ่อเป็นนะ อีกอย่างพ่อไม่เคยมองผู้หญิงคนอื่นเลย จริงไหม?”ฟีโอน่ากัดฟันทันทีเมื่อเซเลน่าพูดจบ “เขาเหรอ? ฮ่าฮ่า! แม่ก็ไม่ว่าอะไรหรอกนะถ้าเขาจะมีภรรยาใหม่หากเขาเป็นคนที่มีความสามารถจริง ๆ ในทางกลับกัน ถ้าเขาไร้ความสามารถแล้วยังอยากมีภรรยาใหม่ แม่จะสอนบทเรียนดี ๆ ให้เขาเอง!” ฟีโอน่าหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อว่า “ในอีกแง่หนึ่ง ถ้าเขามีความสามารถและให้เงินแม่ใช้สิบล้านเหรียญต่อเดือนเพื่อที่แม่จะได้เอาไปซื้อของได้อย่างพอใจ แม่ก็จะไม่ว่าอะไรเลยถ้าเขาจะมีภรรยาอีกสองหรือสามคน!”เฟนด์และเซเลน่าพูดไม่ออกเมื่อได้ยินสิ่งที่ฟีโอน่าพูดออกมา ดูเหมือนว่าฟีโอน่าจะเห็นแก่เงินจริง ๆ“ขับรถโรลส์-รอยซ์ไปกันเถอะ” ฟีโอน่าพูดในขณะที่เฟนด์กำลังจะขึ้นรถคันอื่น เธอหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อว่า “รถคันนี้แพงกว่ารถคันอื่น ๆ!”เฟนด์และเซเลน่าพูดไม่ออกเป็นรอบที่เ
ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตและความสูงของลอว์เรนซ์ทำให้เขาดูเหมือนชายฉกรรจ์ เขาคาบบุหรี่อยู่ในปากซึ่งมันถูกสูบไปครึ่งหนึ่งแล้วเขามองเซเลน่าและฟีโอน่าอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแล้วพูดออกมาว่า “ฮ่าฮ่า! ผมได้ยินมาจากไอรีนว่าเพื่อนสนิทของเธอที่นี่เป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียนของเธอ และตอนนี้เราก็ได้พบหน้ากันแล้ว ผมเห็นด้วยว่าคุณสวยมาก ลูกสาวของคุณก็โตขึ้นมาก แต่คุณยังดูเด็กอยู่เลย คุณดูเหมือนเพิ่งจะอายุสามสิบเอง”“โอ้ คุณวัตสัน คุณก็พูดเกินไป! เพื่อนที่ดีที่สุดของฉันคนนี้ก็เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในชั้นเรียนของเราด้วยเหมือนกัน!” ฟีโอน่าอดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้ คนสามคนตรงหน้าเธอเป็นชนชั้นสูง และบอดี้การ์ดยี่สิบคนของพวกเขาก็เป็นชายจากต่างประเทศ บอดี้การ์ดรวมทั้งชายผิวสีสองคนสองคนดูท่าทางค่อนข้างแข็งแกร่งฟีโอน่ามองดูชายหนุ่มร่างท้วมหน่อย ๆ ที่อยู่ข้าง ๆ “ลูกชายของคุณก็หล่อเหมือนกัน!”เฟนด์งงกับคำที่ฟีโอน่าเลือกพูดออกไป เพราะเจย์เดนไม่ใช่คนขี้เหร่ แต่เขาก็ไม่ได้หล่อนัก“ฮ่าฮ่า! ถ้าพูดอย่างนั้น แล้วผมจะพูดอะไรได้? คนรวยทุกคนก็หล่อหมดแหละ!” เจย์เดนยิ้มอย่างอวดหยิ่งขณะที่เขาพูดต่อว่า “ประเทศ
“มันทำให้ฉันประหลาดใจว่าผู้ชายที่เลือกเสื้อผ้าใส่มาในโอกาสแบบนี้จะมีภรรยาที่สวยขนาดนี้ได้ยังไง! ฉันสงสัยว่าทำไมนายถึงได้โชคดีนัก” เจย์เดนมองไปที่เฟนด์อีกครั้งก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่ลิฟต์ สายตาของเขาเต็มไปด้วยการดูถูก“ฉัน...” เฟนด์กำหมัดแน่น พร้อมที่จะวิ่งเข้าไปหาเขาเฟนด์ก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวก่อนที่เซเลน่าจะพูดแทรกขึ้นมาเธอหยุดมองเขาทางสายตา และหลังจากที่คนอื่น ๆ เดินไปก่อนหน้าพวกเขาแล้วเธอก็พูดขึ้นมาว่า “ทำไมคุณถึงไปสนใจคำพูดของคนไร้ค่าอย่างเขา? อย่าไปสนใจเขาเลย เดี๋ยวเราก็ไม่ต้องเจอกันแล้วหลังจากที่เราทานอาหารเสร็จ คนแย่ ๆ แบบนั้น ฉันคงไม่มาที่นี่หรอกถ้าไม่ใช่เพราะแม่บังคับให้พวกเรามา!”“ก็ได้” เฟนด์รีบยับยั้งความโกรธลงอย่างรวดเร็วหลังจากที่เซเลน่าเกลี้ยกล่อมเขา และเขาก็บอกตัวเองว่าอย่าลดตัวลงไปยุ่งกับคนไร้ค่าอย่างนั้น...ไม่นานพวกเขาทั้งหมดก็เดินเข้าไปในห้องส่วนตัวที่ตกแต่งอย่างดี“ทุกคนสั่งได้ตามที่ต้องการเลยนะ บอกตามตรงเลยนะ ผมโตมาในต่างประเทศและไม่ค่อยได้ทานอาหารจีน ผมไม่ชอบอาหารที่นี่เลย!” นายน้อยวัตสันนั่งลงและยังคงมีทัศนคติที่ไม่ดีเกี่ยวกับที่นี่นักเซเลน่าแล
“นั่งลงซะเฟนด์! นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร? เรามาที่นี่เพื่อทานอาหาร ไม่ได้มาเพื่อสู้กัน!” ฟีโอน่าโกรธจนแทบจะเป็นลม พวกเขามาที่นี่เพื่อทานอาหารและดูว่าเฟนด์จะช่วยรักษาปู่ของเจย์เดนได้ไหม แต่เธอไม่คิดว่าสถานการณ์จะแย่ลงแบบนี้ เธอลืมไปว่าเฟนด์เป็นคนที่ชอบสร้างปัญหา เธอลืมเตือนเขาฟีโอน่าก็ไม่ค่อยชอบเจย์เดนแต่เธอรู้ว่าเขายังเด็กอยู่ เฟนด์จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างนั้นเหรอ?“แม่ครับ ผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อต่อสู้ ผมมาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับพวกเขา!” เฟนด์นวดหมัดของตัวเองและเดินไปยังอีกด้านหนึ่งของห้อง“ฮ่าฮ่า! ไอ้หนุ่ม นายแน่ใจนะว่าอยากทำแบบนี้? เสียงเยาะเย้ยจากบอดี้การ์ดชาวอเมริกันที่แสยะยิ้มเหยียดหยามพูดออกมา “นายก็รู้ว่าประเทศของเราเป็นศัตรูกัน นายไม่กลัวว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะไปทำลายความสงบสุขของสองประเทศเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังบอกเป็นนัยกับเฟนด์“ฉันไม่กลัวเรื่องนั้นหรอก!” เฟนด์คิดเกี่ยวกับมันและพูดตอบกลับไปว่า “เพราะยังไงซะ พวกคุณทั้งหมดก็เอาชนะฉันไม่ได้หรอก”เจย์เดนหัวเราะ “นายนี่มันช่างอวดดีจริง ๆ!” จากนั้นเขาก็หันไปทางฟีโอน่าและพูดว่า “คุณป้าครับ อาหารก็ยังไม่มาเสิร์ฟเลย
“จัดการเขาซะ! ฉันไม่เชื่อหรอก!” บอดี้การ์ดที่แข็งแรงมองหน้ากันก่อนจะพุ่งเข้าไปหาเฟนด์ปัง! เปรี้ยง! ผัวะ!แม้จะโจมตีเข้าไปพร้อมกันทุกคน แต่ก็ไม่มีใครสามารถแตะผมของเฟนด์ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนที่พวกเขาทั้งหมดจะล้มลงกับพื้น บอดี้การ์ดพวกนั้นเอามือจับท้องหรือหน้าอกด้วยความเจ็บปวด พร้อมทั้งหน้าซีดหลายคนคร่ำครวญออกมาอย่างเจ็บปวดเพราะซี่โครงหักสีหน้าของลอว์เรนซ์และเจย์เดนมืดลงเมื่อพวกเขาเห็นบอดี้การ์ดของตัวเองนอนอยู่บนพื้น“เป็นทีมที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ พวกนายกล้าดียังไงมาอ้างว่าตัวเองเป็นทหารรับจ้าง?” เจย์เดนเยาะเย้ยในขณะที่เขายืนขึ้นด้วยความโกรธ “พวกนายเอาชนะคนหนุ่มแค่คนเดียวยังไม่ได้เลย! ฉันไม่เข้าใจเลยจริง ๆ!”“นายน้อย เราไม่ได้ไร้ประโยชน์นะ แต่เด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเกินไปจริง ๆ บอกตามตรงเลย เราเอาชนะเขาไม่ได้!” ชายคนหนึ่งที่หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อเนื่องจากความเจ็บปวดพูดออกมา “นายน้อย ซี่โครงผมหัก! ผมต้องไปโรงพยาบาล!”“พวกแกทุกคนออกไปซะ! ออกไป!” เจย์เดนสั่งให้คนของเขาไปโรงพยาบาลด้วยสีหน้าเย็นชาไอรีนเพื่อนสนิทของฟีโอน่าหัวเราะก่อนที่เธอจะพูดยิ้ม ๆ ว่า “ฟีโอน่า ลูกเขยของเธอค่อน
ในตอนนั้นเอง ฟีโอน่าก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่แล้ว คุณวัตสัน ลูกเขยของฉันไม่ใช่แค่เป็นนักสู้ที่ดี แต่เขายังเชี่ยวชาญในทักษะบางอย่างอีกด้วย ฉันเรียกเขามาในวันนี้ด้วยก็เพราะหวังว่าเขาจะสามารถช่วยคุณได้!” “จริงเหรอ? บอกผมหน่อยสิ!” ลอว์เรนซ์ยิ้มอย่างสงสัย “ลูกเขยของฉันยังเป็นแพทย์ที่เก่งและมีความรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับยา ฉันจะเล่าเรื่องคุณหนูคนหนึ่งของตระกูลชนชั้นหนึ่งในอาณาเขตกลางให้ฟังนะ ชารอน จอร์จ แห่งตระกูลจอร์จ เธอได้รับความทุกข์ทรมานจากโรคแปลกประหลาดโรคหนึ่งซึ่งทำให้เธออ้วน...” ฟีโอน่าเริ่มเล่าเรื่องวีรกรรมของเฟนด์ หลังจากที่เธอเล่าเรื่องจบ เธอก็พูดว่า “บอกฉันทีสิ เขาเป็นคนที่ยอดเยี่ยมมากใช่ไหม? เขาช่วยเธอลดน้ำหนักได้ภายในสามวัน เธอเปลี่ยนจากคนอ้วนตัวใหญ่กลายมาเป็นหญิงสาวที่ผอมบางและงดงาม!” “ช่างมหัศจรรย์เสียจริง การที่ทำให้น้ำหนักลดได้มากขนาดนั้นภายในสามวัน เขาต้องเก่งมากแน่ ๆ เลย!” ไอรีนอุทานออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอมองไปที่เฟนด์ “ดูฉันสิ ฉันกินอาหารดี ๆ เยอะเกินไป และตอนนี้ไขมันรอบเอวของฉันก็เยอะมาก” เธอพูด “ขอยาวิเศษนั่นให้ฉันสักเม็ดได้ไหม? ช่วยทำให้ฉันน
คำพูดของเฟนด์ทำให้ไอรีน ลอว์เรนซ์ และคนอื่น ๆ พูดไม่ออกอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าเขาขึ้นราคา ช่างเถอะ เขารีดไถเงินไปสามร้อยร้อยเหรียญ แต่เขากลับมาบอกว่ายาไม่ได้มีค่าขนาดนั้น “ฮ่า มันไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้นจริง ๆ นั่นแหละ ตอนนี้ฉันคิดดูแล้ว มันก็ไม่แพงเลยถ้ามันช่วยแม่ได้จริง ๆ มันก็ไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น เพราะยังไงซะ หัวของนายอาจจะมีค่าแค่สามร้อยล้านเหรียญ เป็นหัวที่ดีเลยทีเดียว!” เจย์เดนพูดยิ้ม ๆ “เอาล่ะ ทานอาหารกันเถอะ!” ลอว์เรนซ์พูดยิ้ม ๆ เขารู้ว่าลูกชายของตนเป็นคนแบบไหน ทุกคนยิ้มในขณะที่เจย์เดนพูดอย่างกับว่ามันเป็นเรื่องตลก แต่ถ้ายาของเฟนด์ใช้ไม่ได้ผล ด้วยเงินสามร้อยล้านเหรียญที่เขาเสียไป เขาจะจัดการฆ่าเฟนด์เอง นอกจากนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะภรรยาของเขาชวนให้พวกเขามาพบกับสาวสวยสมัยก่อนในชั้นเรียน และมาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง เขาก็คงไม่อยากมาที่นี่หรอก เพราะรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ทำเขาเสียเวลาอันมีค่าไป ฟีโอน่ายิ้ม “นายน้อยวัตสัน คุณเป็นคนตลกจัง คุณรู้จักพูดล้อเล่นด้วย!” เธอมองไปที่ไอรีนที่อยู่ข้าง ๆ เธอ “ฉันจำได้ว่านายใหญ่ของตระกูลวัตสันป่วยด้วยโรคประหลาด” เธอพูด “หลังจากที่เราทานอาหา
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ