ผู้คนจากบริษัทฝั่งตรงข้ามคิดว่ามีคนมาที่นี่เพื่อก่อเรื่อง ยังไงซะทุกคนจากบริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลแฮริสันนั้นก็หยิ่งยโสมากอีกอย่างบริษัทนั้นมีภูมิหลังที่แข็งแกร่ง พวกนั้นค่อนข้างรวย พวกเขาอิจฉาคนในบริษัทนั้นเพราะพวกนั้นมีรถหลายคันขับ แม้แต่สนามของพวกนั้นก็ได้รับการออกแบบอย่างสวยงามพวกเขาไม่คิดว่าจะมีใครที่กล้าหาเรื่องคนพวกนั้นอย่างไรก็ตาม พวกเขาเข้าใจทันทีเมื่อได้ยินสิ่งที่เฟนด์พูด ดูเหมือนว่าคนพวกนั้นจะหยิ่งเกินไปและทำให้ลูกค้าโกรธมีคำกล่าวที่ว่าลูกค้าคือพระราชา พวกเขาไม่คิดว่าชายหัวโล้นจะดูถูกชายคนนั้นและยังโจมตีเขาอีกด้วย แต่ดูเหมือนว่าชายหัวโล้นจะถูกเฟนด์สวนกลับ“ครูฝึก คนคนนี้เป็นลูกค้าจริง ๆ งั้นเหรอ?” อาจารย์ใหญ่ถามหลังจากที่คิดได้ชายหัวโล้นพูดทันทีว่า “อาจารย์ใหญ่ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่หมอนี่พูด เขาแต่งตัวธรรมดามาก เขาดูเหมือนคนที่จะมาเพื่อจ้างบอดี้การ์ดเหรอ? และเขายังพูดจาหยาบคายกับผมด้วย!”“ฮ่าฮ่า คนทำผิดชอบขี้ฟ้อง กล้าดียังไงถึงทำตัวยโสโอหัง ทั้ง ๆ ที่แกเป็นคนแอบลอบโจมตีฉันจากข้างหลังก่อน?! แกมันสมควรตาย!”เฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชา พวกเขาไม่รู้ว่าเขาเพิ่งฆ่า
“เร็วมาก!” ไม่ใช่แค่คนในบริษัทรักษาความปลอดภัยแฮริสันเท่านั้นที่ตกใจ แต่ผู้คนจากบริษัทฝั่งตรงข้ามก็ตกใจมากเช่นกัน พวกเขาเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดจากตรงทางเข้าพวกเขาเริ่มสงสัยว่าคนที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะมาจ้างบอดี้การ์ดจริงเหรอ? คนอย่างเขายังต้องการบอดี้การ์ดอีกเหรอ?“ไม่!” ชายหัวโล้นยังไม่ทันที่จะสู้กลับ เขายังรู้สึกงุนงงอยู่เลย แล้วเฟนด์ก็มาอยู่ตรงหน้าเขา ไม่นานหมัดของเฟนด์ก็ต่อยเข้าที่อกของเขาชายหัวโล้นตะโกนออกมาอย่างหวาดกลัวและกระเด็นออกไป หลังจากนั้นก็กระแทกกับกำแพงอีกครั้งนึ่ง เขาร่วงลงมาและตายอยู่ตรงนั่น“อาจารย์ใหญ่ อยากจะลองดูสักครั้งไหม?” เฟนด์ไม่ได้หันไปมองชายหัวโล้นด้วยซ้ำ เขาหันกลับมามองที่อาจารย์ใหญ่แล้วหรี่ตาลง “ฉันมาที่นี่เพื่อเอาเงินมาให้คุณ แต่คุณกลับไม่ต้องการมัน แล้วยังกล้ามาทำตัวน่าฆ่าทิ้งซะแบบนี้อีก!”อึก!อาจารย์ใหญ่กลืนน้ำลาย เขารู้ตัวว่าหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นเขารู้ว่าพลังที่แท้จริงของคนนี้น่ากลัวเกินไป แม้คนที่มาจากสำนักงานใหญ่ พวกเขาก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลย“เฟนด์!” ตอนนั้นเอง สกายเลอร์ก็แทรกกลุ่มคนเข้ามาเพราะเขาได้ยินเสียงที่ฟังดูเหมือนเส
“เป็นไปได้ยังไง? ผู้ชายคนนั้นเพิ่งฆ่าคนไป บริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนตัวแฮริสันไม่เพียงแต่ปล่อยเขาไป แต่พวกเขายังขอโทษเขาด้วย? และยังเสนอว่าจะจัดหาบอดี้การ์ดจำนวนมากให้ฟรีเป็นเวลาหลายปีอีก?” คนที่ดูอยู่อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “บริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลแฮริสันนั้นสูงส่งและทรงพลังมาโดยตลอด แต่วันนี้พวกเขากลับกลายเป็น...”“ฮ่าฮ่า นายไม่เห็นเหรอว่าเกิดอะไรขึ้น? เห็นได้ชัดว่าราชาแห่งสงครามแปดดาราปกป้องหัวหน้าผู้บัญชาการคนนี้ อีกอย่างมันก็เป็นความผิดของบริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลแฮริสันเองด้วย ถ้าราชาแห่งสงครามแปดดาราโกรธ พวกเขาคงหนีไม่รอดจากความโกรธของเขาหรอก!”บอดี้การ์ดผมสั้นหัวเราะและพูดว่า “ครั้งนี้พวกเขาได้เจอกับคนที่ต่อต้านพวกเขาและชายหนุ่มคนนั้นเพิ่งจะได้รับโชคชิ้นใหญ่ ถ้าเขาจ้างบอดี้การ์ดยี่สิบคนต่อปี เขาคงจะต้องจ่ายเงินห้าล้านเหรียญ แต่เงินเดือนสำหรับการจ้างงานห้าปีอาจจะมีค่าใช้จ่ายมากกว่ายี่สิบล้าน บริษัทรักษาความปลอดภัยส่วนบุคคลแฮริสันคงต้องสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่ และพวกเขายังสูญเสียครูฝึกที่แข็งแกร่งอีกด้วย!”ในฐานะที่เป็นคู่แข่งกัน พวกเขามีความสุขที่ได
หลังจากที่พวกเขามาถึงตรอกเล็ก ๆ แล้ว เฟนด์ก็มองไปรอบ ๆ เพื่อดูว่ามีใครตามพวกเขามาหรือเปล่า ก่อนที่จะพูดอย่างจริงจังว่า “ต่อไปนี้ห้ามพูดถึงว่าฉันดูเหมือนนักรบสูงสุดอีก ฉันแค่อยากมีชีวิตที่สงบสุขและไม่อยากถูกรบกวน!”หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็พลิกฝ่ามือและโชว์ป้ายประจำตัวสีดำออกมา ป้ายประจำตัวนั่นดูมีอำนาจมากและมีรูปมังกรอยู่บนนั้นเฟนด์เก็บป้ายประจำตัวทันทีหลังจากที่สกายเลอร์พยายามแอบดูชู่วว!สกายเลอร์หายใจเข้าอย่างแรงหลังจากที่เขาแอบดูป้ายนั่น เขาคุกเข่าทันที “ราชาแห่งสงครามสกายเลอร์ เซเลสติโนคำนับท่านนักรบสูงสุดและขอบพระคุณมากที่ช่วยชีวิตผมไว้เมื่อหลายปีก่อน ลูกศิษย์ของผม ลูกน้องและผมอยากจะตอบแทนท่านนักรบสูงสุด แต่เราไม่เคยได้รับโอกาสนั้นเลยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผมใฝ่ฝันมากว่าจะได้มีโอกาสพบท่าน และในที่สุดความฝันของผมก็เป็นจริง!”ดวงตาของสกายเลอร์แดงก่ำเมื่อเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง หลายปีก่อนเฟนด์ไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตของเขาไว้เท่านั้น เขายังช่วยชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาและครูฝึกหัดของเขาอีกสองสามคนด้วยเฟนด์ตกใจ แต่เขาเข้าใจความรู้สึกของสกายเลอร์ เขาช่วยให้สกายเลอร์ลุกขึ้น “ทำไมคุณไม่ลุกข
สิ่งที่สกายเลอร์พูดออกมาทำให้มุมปากของเฟนด์กระตุก บอดี้การ์ด 50 คน นั่นหมายความว่าเงินเดือนต่อปีจะอยู่ที่ประมาณสิบล้านเหรียญเขายิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “พวกเราไม่ได้ต้องการคนมากมายขนาดนั้น เพราะฉันไม่ได้จะจ้างบอดี้การ์ดให้กับตระกูลเทย์เลอร์ทั้งหมด ฉันต้องการคนเพียงไม่กี่คนเพื่อมาปกป้องครอบครัวเล็ก ๆ ของฉัน แค่ไม่กี่คนที่เก่งศิลปะการต่อสู้ นั่นก็เกินพอแล้ว พ่อกับแม่ยายของฉันคงจะไม่ชินถ้ามีบอดี้การ์ดมากเกินไป!”เฟนด์คิดเกี่ยวกับมันก่อนจะพูดขึ้นว่า “สิบ สิบคนก็พอแล้ว!”“ได้ครับ สิบคน!” สกายเลอร์พยักหน้าและพูดกับเฟนด์ว่า “เฮ้อ ช่วงนี้มันน่าเบื่อมาก ผมชอบออกไปรบเหมือนตอนที่เราอยู่ในสนามรบมากกว่า มันน่าตื่นเต้นมากที่จะฆ่าไอ้พวกอเมริกันนั่น แต่ตอนนี้ฉันกลับมาที่นี่แล้วและไม่มีอะไรให้ทำเลย เงินทั้งหมดที่ฉันมีก็เอาไปดื่มหรือเที่ยวเล่นกับกับลูกน้องเท่านั้น ฉันกลัวมากว่าจะได้เจอกับนายน้อยรวย ๆ ตอนที่ฉันออกไปข้างนอก เมื่อพวกเขาจำฉันได้ พวกเขาก็จะมาพยายามเอาอกเอาใจฉันโดยการชวนไปที่คาราโอเกะหรือไปทำกิจกรรมอื่น ๆ ให้ตายสิ มันน่ารำคาญชะมัด!”เฟนด์อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเมื่อได้ยินสิ่งที่สกายเล
เฟนด์คิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “พวกเขาไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ ฉันกลัวว่าพวกเขาจะกล้ามาสร้างปัญหาให้ฉันอีก และมันจะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของฉัน!”สกายเลอร์กำมือแน่นเมื่อเขาได้ยินเช่นนั้น “บ้าเอ๊ย คนพวกนั้นมันโง่ กล้าดียังไงถึงคิดลักพาตัวภรรยาของคุณ! ตระกูลเซนอสไม่ควรมีอยู่อีกต่อไป!”เฟนด์พยักหน้า “อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เกินไป แค่ฆ่านักสู้และหัวหน้าตระกูลเซนอสซะ พวกสาวใช้และคนงานคนอื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง ก็ปล่อยพวกเขาไป!”“รับทราบครับ!” สกายเลอร์พยักหน้า เขาคิดเกี่ยวกับมันและพูดว่า “แต่ถ้าตระกูลนี้ถูกกำจัดหมด แล้วทรัพย์สินของพวกเขาล่ะ? มันมีเยอะมาก!”“งั้นก็เพียงขายทรัพย์สินพวกนั้นออกไปในราคาต่ำ พยายามหาเงินเพิ่ม จากนั้นแบ่งครึ่งเท่า ๆ กัน โดยเอาเงินครึ่งหนึ่งไปบริจาคให้กับการกุศล ส่วนอีกครึ่งหนึ่งที่เหลือโอนเข้าบัญชีของฉัน!” เฟนด์พูดหลังจากที่คิดเกี่ยวกับการตัดสินใจของเขาอยู่พักหนึ่ง“ครับ ผมจะจัดการตามนี้!” สกายเลอร์พูดอย่างมีความสุข “มันนานมากแล้วที่ผมไม่ได้ต่อสู้ และผมก็โหยหามัน ฮ่าฮ่า!”ไม่นานสกายเลอร์จากไปหลังจากที่พวกเขาคุยกันเสร็จ เฟนด์ก็ขับรถออกไปเพื่อจ้างสาวใช้ พ่อครัว และพนักง
“ไป ๆ มันเป็นเรื่องดี ไปจัดการให้เร็วเลย พวกนายจะรู้สึกเป็นเกียรติมากถ้ามีโอกาสเป็นบอดี้การ์ดของคนคนนั้น!” สกายเลอร์พูดกับพวกลูกศิษย์ทันทีพร้อมโบกมือ“เป็นไปได้ยังไง? ตระกูลไหนที่พวกเราต้องไปเป็นบอดี้การ์ดให้? ยอดเยี่ยมมากเลยเหรอ?” ลูกศิษย์หญิงยิ้มเล็กน้อย คิดว่าอาจารย์ของเธอคงจะไม่ปฎิเสธเธอจึงพูดว่า “อาจารย์คะ ฉันขอจองคนหนึ่งได้ไหม? อาจารย์ไม่ได้พูดเหรอว่าถ้าได้บอดี้การ์ดเป็นผู้หญิงคงจะดี?”สกายเลอร์ตกลงหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน “เดี๋ยวก่อน ก่อนที่เธอจะออกไป หาผู้ใต้บังคับบัญชาหญิงที่มีฝีมือการต่อสู้สูงสักสิบคน เพราะมันจะดีกว่าถ้าพวกเขาเป็นบอดี้การ์ดหญิง วิธีนี้มันคงทำให้สงสัยได้ยากและมันสะดวกมากกว่าตอนที่พวกเขาไปเป็นเพื่อนภรรยาของเฟนด์ในระหว่างช้อปปิ้งและเรื่องอื่น ๆ!”“ไม่มีทาง พวกเขาอยากได้แค่บอดี้การ์ดหญิงเหรอ? เราไม่มีโอกาสเหรอ?” สีหน้าของศิษย์ชายมืดลงหลังจากได้ยิน ท่าทางของอาจารย์ของเขาดูเหมือนจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ดีกว่ามาก แต่มันจะไม่ใช้เรื่องดีสำหรับเขา“ทำไมอาจารย์ไม่ตอบล่ะ? ฉันก็เป็นลูกศิษย์ที่โดดเด่นของอาจารย์นะ อาจารย์ควรใส่ใจฉันด้วยสิ!” ลูกศิษย์หญิงเม้มริมฝีปากส
“คุณออร์คิด ทำไมคุณถึงอยากทำงานนี้?” เธอถามเบา ๆ ขณะที่เธอเดินไปข้างออร์คิดออร์คิดเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดเบา ๆ ว่า “เอเลนเป็นลูกศิษย์ของราชาแห่งสงคราม ถ้าเธอเป็นคนขอเสนอที่จะไปทำงานนี้แสดงว่ามันคงจะดีจริง ๆ ฉันสงสัยว่าเราอาจจะได้ทำงานเป็นบอดี้การ์ดของเทพีแห่งสงครามก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นมันคงจะสะดวกกว่าถ้าเราอยู่เคียงข้างเทพีแห่งสงคราม ไม่งั้นทำไมพวกเขาถึงอยากได้บอดี้การ์ดหญิง?”หญิงสาวมีความสุขหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น ฟังดูดีนะ เป็นไปได้สูงที่พวกเขาอาจจะได้ไปทำงานให้กับเทพีแห่งสงคราม ถ้าพวกเขาอยากได้บอดี้การ์ดผู้หญิงมากกว่านอกจากนี้ ราชาแห่งสงครามเซเลสติโนยังกระตือรือร้นที่จะช่วยทำไม ถ้าไม่ใช่เพราะเทพีแห่งสงครามคราม?คนอื่น ๆ เริ่มยกมือขึ้นเมื่อเห็นว่ามีสามคนเข้าร่วมแล้ว ไม่นานก็ได้คนครบทั้งสิบคน“เอาล่ะ ทุกคนกลับไปได้แล้ว ขอบคุณทุกคนมากที่แวะมา!” สกายเลอร์บอกให้คนอื่น ๆ กลับไปก่อนหลังจากที่พวกเขาออกไปหมดแล้ว เขาก็พูดกับผู้หญิงสิบคนนี้ว่า “ไปที่ห้องของฉันแล้วฉันจะบอกพวกเธอเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมด!”เมื่อพวกเธอทั้งหมดเข้ามาในห้อง สกายเลอร์ก็ปิดประตูหลังจากที่เขาเดินเข้ามา“อาจาร
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ