สีหน้าของเฟนด์หม่นลง “ฉันก็เป็นแค่ทหารธรรมดา และนี่ก็เป็นงานรวมตัวของเหล่าทหาร พวกเราก็เป็นทหารเหมือนกัน แล้วทำไมฉันถึงรินไวน์ไม่ได้ล่ะ?”จอมพลเดนนิสถึงกับพูดไม่ออกกับสิ่งที่เฟนด์พูด เขาทำได้เพียงค่อย ๆ ปล่อยขวดไวน์ แล้วมองดูเฟนด์รินไวน์ให้คนอื่น ๆ ในโต๊ะทุกคนสุภาพมาก พวกเขายืนขึ้นแล้วโค้งเล็กน้อยขณะที่เฟนด์รินไวน์ให้ “มาเถอะ ผมอยากจะกล่าวอวยพรให้ทุกคนสักหน่อย พวกเราเหล่าพี่น้องผู้เสียสละเพื่อแคทธีเซีย เพราะฉะนั้นตอนนี้เรามามีความสุข แล้วมาดื่มให้หนำใจกันเถอะ!” เฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชาแล้วชูแก้วไวน์ขึ้นเหนือหัว “ใช่เลย! พวกเราพวกเราไม่ต่างกันเลยสักนิด งั้นเรามาดื่มให้จุใจกันเถอะ!” ผู้บังคับบัญชาคนหนึ่งพูดขึ้นมาทุกคนที่โต๊ะต่างก็ดื่มไวน์จนหมดแก้วในงานรวมตัว ทุกคนกำลังดื่มด่ำไปกับบรรยากาศที่มีชีวิตชีวา ร่วมกับความจริงที่ว่าตอนนี้มีเหล่าดาราสาวกำลังร้องเพลงอยู่บนเวที ทุก ๆ คนมีความสุขมากแน่นอนว่ามีผู้คนมากมายเข้าไปพบควินน์และแม็กนัสเพื่อการดื่มอวยพรที่เกิดขึ้นอย่างนับครั้งไม่ถ้วน แน่นอนว่าคนอย่างพวกเขาต้องดื่มเก่งอยู่แล้ว พวกเขาจึงร่วมดื่มอวยพรทุกครั้ง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ดา
“ราชาแห่งสงคราม แม็กนัส ซัทเธอร์แลนด์ อยากพบพวกเราอย่างงั้นเหรอ?” สาวสวยทั้งสองรู้สึกดีอย่างมากเมื่อรู้เช่นนั้นถึงแม้พวกเธอจะเป็นดารา พวกเธอก็เทียบไม่ได้กับเหล่าคนร่ำรวยกับความทรงพลังของราชาแห่งสงคราม พวกเธอนั้นด้อยค่า“ใช่แล้วล่ะ โดยเฉพาะคุณเบลค ราชาแห่งสงครามซัทเธอร์แลนด์เป็นแฟนคลับของเธอเลยล่ะ เขาบอกฉันก่อนหน้านี้ว่าเขาชอบที่เธอร้องเพลงล่ะ!”นายน้อยมิลเลอร์หยุดคิดแล้วพูดเป็นนัย ๆ ว่า “ฉันหวังว่าพวกเธอจะไม่ปฏิเสธนะ!”เบลคสัมผัสได้ถึงความจริงจังเล็กน้อยในน้ำเสียงของเขา เธอรู้ได้เลยว่าการพบกันครั้งนี้จะต้องไม่ธรรมดาแน่ ๆ เธอคิดแล้วพูดอออกมาว่า “นายน้อยมิลเลอร์ เราจะกล้าปฏิเสธได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อราชาแห่งสงครามเอ่ยปากว่าอยากเจอพวกเราขนาดนี้? แต่ว่า ฉันสงสัยน่ะว่าทำไมเขาถึงอยากเจอพวกเรา มีอะไรพิเศษรึเปล่า?”นายน้อยมิลเลอร์ก่อนจะพูดว่า “คุณไนท์ คุณนี่ฉลาดจริงๆ แน่นอนว่ามันจะต้องไม่ใช่การพบกันแบบธรรมดา ๆ ฉันหวังว่าพวกเธอทั้งสองคนจะรักษาความสัมพันธ์ดี ๆ กับราชาแห่งสงครามไว้ในคืนนี้นะ ฉันจะไม่ทำแย่ ๆ กับพวกเธอหรอก แต่การทำให้ราชาแห่งสงครามมีความสุขจะเป็นประโยชน์ต่อเราทั้งสองฝ่าย!”
ชายหลายคนรีบปรี่เข้ามา แล้วปิดประตูด้านหลังทันที“ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติแล้ว ฉันคงไม่ใช้วิธีนี้หรอก อย่างไรก็ตาม วันนี้พวกเธอไม่มีสิทธิ์เลือก!”“ฉันจ่ายเงินให้แน่นอน และ 70 ล้านก็เป็นราคาที่สูงเสียดฟ้า! พวกเธอเลิกทำตัวไร้เดียงสาได้แล้ว ดาราทุกคนมีราคาทั้งนั้น ช่างไร้สาระจริง ๆ ขายศิลปะไม่ได้ขายตัวงั้นเหรอ?!” แซนยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าพวกเธอสองคนจะมาถึงจุดนี้ได้โดยที่ไม่ได้นอนกับใครเลยน่ะ ฮ่าฮ่า ฉันให้เกียรติพวกเธอไปแล้ว โดยการจ่ายเงินจำนวลมหาศาลให้นั่นไง!”“นายน้อยมิลเลอร์ คุณต้องการให้เราทำอะไรแบบนี้กลางวันแสก ๆ อย่างงั้นเหรอ? ถ้าเรื่องนี้หลุดออกไป คุณไม่คิดว่ามันจะทำลายชื่อเสียงของคุณเหรอ?” เบลคหวาดกลัวมากจนหน้าซีด อย่างไรก็ตาม เธอยังคงกัดฟันแล้วข่มขู่แซน“ฮ่าฮ่า นั่นมันไร้สาระ ฉันเป็นผู้ชายนะ ฉันจะกลัวไปทำไมล่ะ? แล้วชื่อเสียงของพวกเธอสองคนล่ะ? ชื่อเสียงของพวกเธอสำคัญกว่าของฉันไม่ใช่หรือไง?” นายน้อยมิลเลอร์หัวเราะออกมาแล้วมองไปที่ทั้งสองอย่างโหดเหี้ยม “ฉันไม่อยากเสียเวลามาเถียงเรื่องไร้สาระกับพวกเธอหรอกนะ พวกเธอมีสองตัวเลือก หนึ่ง ฟังฉันอย่างว่าง่ายแล้วฉันจะจ่ายพวก
หลังจากผ่านการล้างสมองไปสองสามนาที นายน้อยมิลเลอร์ก็ยืนขึ้น “ไปกันเถอะ ฉันจะบอกลูกน้องให้เตรียมห้องสำหรับพวกเธอไว้ให้ที่ด้านหลัง ส่วนพวกเธอก็รอราชาแห่งสงครามซัทเธอร์แลนด์มา พวกเธอทั้งสองคนต้องทำดีกับเขาไว้ เข้าใจไหม? เขาเป็นราชาแห่งสงครามที่มีอิทธิพลและน่านับถือ!”“อย่าคิดที่จะหนีเชียวล่ะ เพราะมันไม่มีทางที่พวกเธอจะหนีไปได้ ต่อให้พวกเธอหนีไป ฉันก็จะตามหาพวกเธอและฆ่าทิ้งซะ เข้าใจใช่ไหม?” แซนครุ่นคิดก่อนจะขู่สาวทั้งสอง เขาเปิดประตูแล้วเดินออกไปแซน มิลเลอร์และสาวสวยทั้งสองกำลังมุ่งหน้าไปสู่อีกฝั่งนึงของคฤหาสน์บังเอิญว่าเฟนด์ที่กำลังดื่มอยู่ ดันไปเห็นฉากนี้เข้าเขาชำเลืองมองผ่าน ๆ แล้วขมวดคิ้ว “แปลกจริง พวกเขาเข้าไปคุยอะไรกันในนั้นนะ? แล้วทำไมดาราพวกนั้นถึงสีหน้าแย่แบบนั้น?”ขณะที่เฟนด์กำลังคิดอยู่ ดาราสาวทั้งสองก็ถูกพาออกไปโดยคนรับใช้ ผ่านประตูโค้งไปที่ลานบ้านด้านใน เฟนด์คิดเกี่ยวกับเรื่องนั้น และเขาก็สรุปได้ว่าเขาคงคิดมากเกินไปก่อนจะกลับมาดื่มอีกครั้งเขาดื่มเหล้าไปเพียงสองอึกเท่านั้นตอนที่เขาเห็นนายน้อยมิลเลอร์เดินออกมาจากลานบ้าน เขากลับมานั่งที่เดิมพร้อมกับรอยยิ้มบนหน้าของเขา
“โอ้ งั้นเรามาดื่มต่อกันเถอะ มาสิ!” เหล่าคนที่เหลือกลับมาดื่มกันต่อเดนนิสดื่มไปไม่กี่อึก เขามองดูเฟนด์ที่รีบวิ่งออกไปหาห้องน้ำเขายืนขึ้นแล้วเดินตามเฟนด์ไป บอกคนที่เหลือในโต๊ะว่าเขาเองก็ต้องเข้าห้องน้ำเหมือนกัน“สวัสดีค่ะ ราชาแห่งสงครามซัทเธอร์แลนด์!” ดาราสาวทั้งสองเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรแม็กนัสเปิดประตูเข้ามา“สวัสดีแม่สาวน้อย ขอโทษที่ทำให้รอนะ!” แม็กนัสยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ สีหน้าจริงจังของเขาได้หายไปและมีความหยิ่งยโสมาแทนที่“ราชาแห่งสงครามซัทเธอร์แลนด์ ฉันได้ยินมาว่าคุณอยากคุยกับพวกเราอย่างงั้นเหรอคะ?” เบลคกลืนน้ำลายก่อนจะพูดออกไปอย่างระมัดระวัง เธอถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยความกลัว“คุยงั้นเหรอ ฮ่าฮ่า พวกเธอล้อฉันเล่นรึเปล่า? นายน้อยมิลเลอร์ไม่ได้บอกให้ชัดเจนเหรอ ตั้งแต่พวกเธอสองคนอยู่ที่นี่ งั้นคืนนี้ดูแลฉันให้ดีๆแล้วกัน!”แม็กนัสยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดต่อว่า “ฉันเป็นราชาแห่งสงครามเจ็ดดารา มันเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พวกเธอได้พบฉัน เข้าใจไหม?”“เบลค ช่างมัน… ช่างมันเถอะ” ธิอันน่าพยายามกล่อมเบลคที่กำลังตื่นกลัวอย่างมาก ถ้าพวกเธอออกไปในตอนนี้ ราชาแห่งสง
แม็กนัสมีความสุขมากเมื่อเบลคเริ่มประนีประนอมผู้หญิงที่มีชื่อเสียงสองคน เทพธิดาที่มีรูปร่างดี หลายคนมักจะพยายามจีบพวกเธอเขาไม่คิดว่าเขาจะมีโอกาสได้นอนกับผู้หญิงทั้งสองคนในวันนี้เขาปล่อยพวกเธอไปเมื่อพวกเธอประนีประนอมกันได้แล้วและพูดว่า “ดีนะที่เธอเข้าใจ ถอดเสื้อผ้าออกซะ!”ธิอันน่ารู้สึกไม่สบายใจ แต่เธอไม่มีทางเลือกอื่นทำได้เพียงแค่ปลดกระดุมเสื้อผ้าเท่านั้นแม็กนัสที่ดื่มไวน์ไปเยอะยิ่งรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเมื่อได้มองใบหน้าที่อ่อนโยนของพวกเธอ เขาพูดอย่างหมดความอดทนว่า “เธอช้าเกินไป! เดี๋ยวฉันช่วยเธอเอง!”จากนั้นเขาก็มองไปที่เบลคซึ่งอยู่ข้าง ๆ เขาและพูดว่า “เธอก็ด้วย ถอดเสื้อผ้าของเธอออกซะ!”“ช่วยด้วย!” เบลคกัดฟันและกรีดร้อง เธอห้ามความคิดจากใจของเธอไม่ได้และวิ่งออกไปด้านนอก“เธออยากตายเหรอ? กล้าดียังไงถึงขัดคำสั่งของฉัน” แม็กนัสไม่คิดว่าผู้หญิงคนนี้จะดื้อรั้นขนาดนี้ เขารีบวิ่งไปหาเธอและจับผมยาว ๆ ของเธอไว้แล้วดึงเธอกลับมาหาก่อนที่จะตบเธอเพี๊ยะ!แม็กนัสโกรธจัดมากจนใช้กำลังตบเธออย่างแรง เสียงตบดังมากจนเบลคเกือบหมดสติการตบนั้นได้ทิ้งรอยมือขนาดใหญ่ไว้บนใบหน้าของเบลคและเลือดก็ไห
“ไอ้บ้า แกมาทำอะไรที่นี่!” แม็กนัสโกรธมากเมื่อเห็นเฟนด์ เขามองไปที่เฟนด์และพูดว่า “นี่คือส่วนหลังบ้าน ฉันเมาแล้วก็มาพักผ่อนที่นี่ แกมาทำอะไรที่นี่?“ออกไปแล้วปิดประตูซะ! ไม่งั้นแกจะต้องรับผิดชอบกับการทำแบบนี้!” แม็กนัสขู่เฟนด์ด้วยใบหน้าเย็นชาเฟนด์ปิดประตูแต่เขาก็ยังคงยืนอยู่ในห้อง“แก...ฉันสั่งให้ออกไปไง!” แม็กนัสโกรธจัด สมองของหมอนี่มีอะไรผิดปกติรึไง? เขาถึงไม่เข้าใจคำพูดง่าย ๆ?“ฮ่า ๆ ราชาแห่งสงครามซัทเธอร์แลนด์ดูเหมือนจะอารมณ์ดีนะ คุณอยากได้สาวสวยสองคนซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นดาราที่มีชื่อเสียงมานอนกับคุณในขณะที่คุณพักผ่อน ฉันต้องบอกว่าฉันชื่นชมคุณจริง ๆ! แต่ดูเหมือนคุณจะไม่เมาเลยนะ!” เฟนด์หัวเราะและพูด“ไอ้หนุ่ม แกนี่อยากตายจริง ๆ ใช่ไหม! ในเมื่อแกกล้าเข้ามารบกวนฉัน ฉันจะฆ่าแกซะ! ยังไงเสียวันนี้ก็มีคนมาเพียงแค่สองสามร้อยคนและบางคนก็เริ่มกลับไปแล้ว เมื่อฉันฆ่าแกแล้วสิ่งที่ฉันต้องทำก็คือขอให้เจ้าของสถานที่นี้กำจัดศพแกซะ! คนอื่น ๆ จะคิดว่าแกกลับไปหลังจากที่เมา นอกจากนี้การตายของทหารธรรมดาอย่างแกคงจะไม่ทำให้ใครสงสัยหรอก!” แม็กนัสคิดเกี่ยวกับมันและยิ้มขณะที่เขากำหมัดของตัวเอง“ฮ่าฮ่า
“ฉันไม่ได้โกหกนะน้องชาย ขอบคุณสำหรับความหวังดีแต่นายไม่ควรมายุ่ง!” เบลคทนไม่ไหวอีกต่อไปน้ำตาไหลลงมาจากหางตาของเธอ เธอไม่เคยรู้สึกหมดหนทางเช่นนี้มาก่อนเธอไม่เคยรู้สึกว่าการตายยังจะดีกว่าการมีชีวิตอยู่เหมือนอย่างที่เธอรู้สึกในตอนนี้“เฮ้อ คุณยังอยู่ที่นี่ ฉันไม่เคยเห็นใครที่ตะโกนขอความช่วยเหลือถ้าพวกเขามาอย่างเต็มใจจริง ๆ! ฉันลังเลก่อนที่จะเข้ามาแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คำว่า ‘ช่วยด้วย’ บอกฉันว่าคุณทั้งสองคนถูกบังคับให้ทำสิ่งนี้!” เฟนด์พูดอย่างเปิดเผย “บอกฉันมาตรง ๆ ว่าผู้ชายคนนี้บังคับให้คุณทำแบบนี้หรือเปล่า? ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันจะฆ่าเขาเพื่อช่วยคุณเอง!”“ไอ้หนุ่ม ล้อเล่นเหรอ? แกเป็นแค่ทหารธรรมดา แกกล้าดียังไงถึงคิดที่จะฆ่าราชาแห่งสงคราม? ฉันเคยเห็นคนโง่มามากมายแต่ฉันยังไม่เคยเห็นใครโง่เท่าแกมาก่อน!” ราชาแห่งสงครามซัทเธอร์แลนด์หัวเราะ เขาคิดว่าชายหนุ่มตรงหน้าเขาเป็นไอ้โง่ที่กล้ามาก ความแตกต่างระหว่างทหารธรรมดากับราชาแห่งสงครามนั้นต่างกันมาก มันไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย“ฉัน...” เบลคมองไปที่เฟนด์แต่ก็ยังเลือกที่จะเงียบ“ฮ่า ๆ คุณกล้าพอที่จะขอความช่วยเหลือแต่ไม่กล้าที่จะเป
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ