“อะไรนะ?”เมื่อฟีโอน่าได้ยินเช่นนั้นเธอก็ตกใจและสูดหายใจเข้าลึก ๆเธอก้าวไปข้างหน้าทันทีและจ้องไปที่เฟนด์อย่างโกรธจัด “เฟนด์นายบ้าไปแล้วเหรอ? ฉันบอกให้นายหาบอดี้การ์ดมาปกป้องลูกสาวของฉัน แต่นายเพิ่งหาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ? นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขาเป็นเจ้าหน้าที่และเป็นจอมพลในตอนนั้น นายกำลังขอให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดเหรอ?”เมื่อพูดจบเธอก็ดึงเฟนด์ให้มายืนต่อหน้าเดนนิส “รีบไปขอโทษจอมพลเดนนิสซะ แม้ว่านายจะโชคดีที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้โดยการให้ยาแก่เขา เขาก็แสดงความขอบคุณไปแล้ว นายมีสิทธิ์อะไรที่จะขอให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของนาย?ฟีโอน่ากลัวว่าจะเกือบตายเพราะเฟนด์ หมอนี่พูดแต่เรื่องไร้สาระจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าจอมพลมีอำนาจขนาดไหน?ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมพล คนมากมายย่อมต้องการที่จะตีสนิทกับพวกเขาอย่างไรก็ตาม ฟีโอน่าไม่คิดว่าเดนนิสจะยิ้มอย่างเฉยเมย “นั่นไม่ใช่ปัญหา ฉันจะปกป้องพี่สะใภ้อย่างลับ ๆ ถ้าคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันก็ไม่จำเป็น ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอเมื่อเธอเดินทางไปทำงานคนเดียวหรือเมื่อเธอออกไปข้างนอกตามลำพัง”“ตกลง เห็นด้วยกับเขาไหม?”ฟิโอน่าอ้าปากค้างเธอส
ฟีโอน่ายิ้มก่อนจะพูดว่า “ใช่แล้ว เดนนิส เชิญเข้าไปนั่งข้างใน คุณอยากดื่มอะไรไหม?”“ฮ่า ๆ ไม่ต้องหรอกมันสายแล้ว ฉันควรจะไปได้แล้ว!” เดนนิสหัวเราะและรีบขับรถออกไป“เซเลน่า ขอดูหน่อยว่ามันคืออะไร?” ฟีโอน่ามองกล่องที่อยู่ในมือของเซเลน่าเธออยากรู้แทบตายเซเลน่าเปิดกล่องและมองเข้าไปข้างใน “สร้อยข้อมือหยก ฉันคิดว่าวัสดุดูดีทีเดียวเกรงว่ามันจะมีค่าอย่างน้อยก็สองสามแสนเหรียญ”“ไม่น่าเชื่อ แพงมาก!” ฟีโอน่าสูดหายใจเข้าด้วยความเย็นเฉียบ “เดนนิสใจกว้างเกินไปแล้ว!”เมื่อพูดจบเธอก็หันไปสนใจเฟนด์ “เฟนด์ นายนี่โชคดีนักที่เคยช่วยชีวิตเดนนิสไว้ ในความคิดของฉันทักษะทางการแพทย์ของนายดีมาก นอกจากนี้เขายังเรียกนายว่าพี่ชายอีกด้วย ต้องเป็นพรจากพระเจ้าแน่!”“ผมก็แค่โชคดี!” เฟนหัวเราะก่อนจะเดินเข้าบ้านดูจากการเดินกลับเข้าไปของเฟนด์ฟีโอน่ายักไหล่และช่วยเซเลน่าสวมสร้อยข้อมือ “สร้อยข้อมือนี้ดูดีมากเมื่ออยู่บนข้อมือของเธอ! น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถบอกใครได้ว่าจอมพลเป็นบอดี้การ์ดของพวกเรา มันอึดอัดจริง ๆ ที่ฉันไม่สามารถคุยอวดเรื่องนี้กับเพื่อนของฉันได้”“อ่า เก็บไว้เป็นความลับเลยนะ มีอะไรให้อวดกัน?” เซเลน่า
“ไม่ เป็นไปไม่ได้ เธอไม่ใช่นักฆ่าอันดับห้าในเขตตะวันตกเฉียงใต้เหรอก? เธอไม่ได้อ้างว่าเธอสามารถเผชิญหน้ากับจอมพลได้เหรอ?”ผ่านไปครู่หนึ่งปากของเขากระตุกเล็กน้อยนีลหันไปหาอีวานแล้วพูดว่า “นายน้อยเทย์เลอร์ คุณไม่ได้ล้อเล่น? งั้นถ้าเขาไม่ถูกฆ่าตายแบบนี้คุณก็คงจะต้องเจอกับงานยากแน่ พระเจ้า การฆ่าเขาคงยากขึ้นไปอีก!”“นั่นสิ นายน้อยเทย์เลอร์คุณต้องล้อเล่นแน่เลย เธอยังแปลงโฉมได้ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ การกำจัดเฟนด์คงไม่ใช่เรื่องยาก จริงไหม?” เคนยังงุนงง“เฮ้อ บางทีถ้าเธอไม่ได้ปลอมตัวหรือมีวิธีการฆ่าที่ซับซ้อนเธออาจจะฆ่าเฟนด์ได้สำเร็จก็ได้! ใครจะไปคิดว่าผู้หญิงคนนั้นจะปลอมตัวเป็นเซเลน่าและลักพาตัวเธอไป? จากรูปแบบการฆ่าที่ผ่านมาเธอเธอจะต้องวางแผนฆ่าเฟนด์ต่อหน้าเซเลน่าแน่ แต่มีบางอย่างเกิดขึ้นในระหว่างนั้นผู้หญิงคนนั้นจึงเลิกเล่นและเฟนด์ก็รู้เรื่องนี้ ผลที่ตามมาก็คือเฟนด์ไม่เพียงแต่ไม่เปิดเผยตัวตนเธอแต่เขายังไปเล่นไปตามน้ำและฆ่าเธอโดยที่เธอไม่รู้ตัวเมื่อเขาจับได้ บอกฉันทีสิว่าถ้านักฆ่าไม่ได้เตรียมตัวไว้ มันก็เท่ากับว่าเธอตายฟรีไม่ใช่เหรอ?”อีวานเย้ยหยันและดื่มไวน์แดงอีกแก้วที่เพิ่งจะเติม “ช่าง
“ดีใจที่ได้เจอนายน้อยทั้งสอง นี่ฉันขอดื่มให้พวกคุณ!” ซีน่ายิ้มและรินไวน์แดงให้กับตัวเองแน่นอนว่าเธอมีความสุข สองคนนี้เป็นถึงนายน้อยของครอบครัวชนชั้นสอง การติดตามอีวานทำให้เธอสามารถติดต่อกับคนที่มีฐานะสูงกว่าได้ดีกว่าเบ็นอย่างแน่นอนในที่สุดซีน่า แจ็คสันก็ได้เข้าสู่สังคมของคนชนชั้นสูง“ซีน่า แจ็คสันทำไมฉันถึงรู้สึกว่าชื่อนี้คุ้น ๆ” เคนขมวดคิ้วขณะจิบไวน์แดงดวงตาของเขาเป็นประกายอย่างรวดเร็ว “อ๋อ ฉันจำได้แล้ว คุณไม่ใช่แฟนของเบ็น เทย์เลอร์ เหรอ?”“ฮ่าฮ่า ใช่ เธอเคยเป็นแต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นแล้ว!” อีวานหัวเราะ “ตอนนี้เธอเป็นผู้หญิงของฉัน แต่ที่ตอนนี้ เธอยังอยู่กับคนไร้ประโยชน์อย่างเบ็นก็เพื่อรวบรวมข้อมูลบางอย่างให้กับเรา อีกอย่างสำหรับบางสิ่งที่ฟีโอน่าทำให้เราไม่ได้ซีน่าสามารถทำได้อย่างแน่นอน!”ซีน่ากลอกตาเย้ายวนไปที่อีวาน “คุณใจร้ายมาก ฉันยังต้องทำอะไรอีก? ฉันคิดว่าคุณจะชวนฉันมาเที่ยวสนุกแต่กลับกลายเป็นว่าคุณอยากให้ฉันทำอะไรให้คุณ!”“ฮ่าฮ่า แน่นอนเรามาที่นี่เพื่อสนุก!” อีวานหัวเราะและกดจูบที่แก้มของซีน่าก่อนจะหยิบซองเล็ก ๆ ออกมา “นี่เป็นยาประเภทหนึ่ง แต่ไม่ต้องกังวลคนคนนั้นจะไม่ตายทันที
“จริงด้วย นายน้อยเทย์เลอร์ ฉันคิดว่ามันคงจะดีกว่านะถ้าคุณแจ็คสันยังไม่ทำอะไรเร็ว ๆ นี้!”หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งนีลก็พูดต่อว่า “เขาเพิ่งพบกับนักฆ่า พวกเราทำให้เขารู้ตัวแล้วเฟนด์จะต้องคอยระวังตัวแน่ ถ้าเราลงมือทำอะไรตอนนี้ฉันกลัวว่าเราจะต้องเจอปัญหาถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาด!”ซีน่าพยักหน้า “ฉันเห็นด้วย โดยเฉพาะฉันที่มีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยดีกับเฟนด์เขาอาจระวังตัวจากฉันอยู่ อีกประเด็นคือเฟนด์เป็นคนฉลาด ไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับเขา ดังนั้นเราจึงควรรอสักพักจนกว่าพวกเขาจะคลายความระมัดระวัง!”อีวานคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูด “งั้นรอจนกว่าจะถึงวันเกิดครบรอบเจ็ดสิบปีของคุณปู่เทย์เลอร์ก่อน เมื่อถึงเวลานั้นถ้าเฟนด์จ่ายเงินชดเชยให้ฉันสิบล้านเหรียญไม่ได้ หรือหาของขวัญมูลค่าสิบล้านเหรียญมาไม่ได้เขาจะถูกบังคับให้หย่ากับเซเลน่าและถูกไล่ออกจากตระกูลเทย์เลอร์!”เมื่อพูดถึงเรื่องนี้อีวานก็ยิ้ม “ในกรณีที่เป็นอย่างนี้ก็ไม่จําเป็นต้องวางยาเขา แต่ถ้าเขาทําได้หลังจากงานเลี้ยงวันเกิดคุณค่อยคิดหาทางวางยาเขา จากนั้นหนึ่งเดือนเขาก็จะค่อย ๆ ตาย”“โอ้ ไม่นะ ถ้าเขาต้องหย่ากับเซเลน่าและถูกไล่ออกจากตระกูลเทย์เลอร
เดนนิสพูดด้วยรอยยิ้ม“พรุ่งนี้งานเริ่มกี่โมง? ฉันอาจจะแวะไปและมันคงจะดีถ้ามีแอลกอฮอล์ให้ดื่ม!”เฟนด์พูดหลังจากที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน“พิธีเปิดเริ่มตอนเที่ยง แต่ทุกคนน่าจะมาถึงเร็วกว่านั้น มาสักตอนประมาณสิบเอ็ดโมง!”เดนนิสจิบกาแฟที่อยู่ตรงหน้าเขา“อืมม ฉันจำได้ว่าราชาแห่งสงครามแม็กนัส ซัทเธอร์แลนด์น่าจะเป็นลูกศิษย์ของอีธาน!”เฟนด์พยักหน้า ทั้งสองคุยกันสักพักก่อนจะจากไปพวกเขาเพิ่งจะเดินออกมาจากร้านกาแฟ จู่ ๆ คุณทันย่าก็โทรมา“มีอะไรหรือเปล่าคุณทันย่า?”เฟนด์ถามทันทีหลังจากที่รับสาย“ตอนนี้คุณว่างไหม? นี่มันเพิ่งจะบ่ายเองอย่าบอกนะว่าคุณเลิกงานแล้ว? อีวอนน์กับฉันกำลังจะออกไปช้อปปิ้งแต่เราไม่อยากพาบอดี้การ์ดไปหลายคน! ดังนั้น...”น้ำเสียงของทันย่าบ่งบอกว่าเธอกำลังพยายามอธิบาย“ฮ่า ๆ ไม่มีปัญหา!”เฟนด์หัวเราะคิกคักไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เขาเป็นเพียงบอดี้การ์ดของตระกูลเดรค แต่ทันย่าก็ยังใช้น้ำเสียงสุภาพเรียบร้อยเพื่อคุยกับเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าถ้าเขาบอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็คงจะไม่มีใครเชื่อไม่นานเฟนด์ก็มาถึงหน้าประตูบ้านของตระกูลเดรค“ขึ้นรถเลย ครั้งนี้ฉันจะขับ
ทันย่าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เฟนด์คิดอะไรอยู่? เขาเป็นเพียงแค่บอดี้การ์ดยังมาเดินข้าง ๆ พวกเธอแถมเขายังเดินอยู่ระหว่างพวกเธอด้วย ไม่แปลกที่ทุกคนจะเข้าใจผิดตอนนี้เธอสงสัยว่าจริง ๆ แล้วเฟนด์คงไม่ได้ตั้งใจจริงหรือเปล่าหลังจากที่อีวอนน์ตะโกนเสร็จ เธอก็ส่ายหัวและกลอกตาไปที่เฟนด์ “ทำไมนายถึงเดินอยู่ระหว่างพวกเราฮะ? นายควรเดินอยู่ข้างหลังเรา นายไม่รู้เหรอ?”เฟนด์แสยะยิ้มเยาะเย้ย “ผมแค่กลัวจะถูกกล่าวหาว่ามองก้นของคุณถ้าผมเดินข้างหลัง อีกอย่างกระโปรงของคุณสั้นไปหน่อยนะวันนี้ มันคงจะไม่ดีถ้าผมเดินตามหลัง!”ใบหน้าของอีวอนน์แดงขึ้นทันทีเธอโกรธมากจนกัดฟันแน่น เธอรู้สึกเหมือนมีแรงกระตุ้นบางอย่างที่อธิบายไม่ถูก อยากจะพุ่งเข้าไปบีบคอหมอนี่ให้ตายไปซะจริง ๆ“เกิดอะไรขึ้น? เธอเป็นคนบอกให้ฉันโทรหาเขาและพาเขามาซื้อของกับเราไม่ใช่เหรออีวอนน์? ตอนนี้เธอเสียใจแล้วเหรอ?”ทันย่าหัวเราะเยาะจากที่ยืนอยู่ข้าง ๆ “เธอกลัวอะไร? เธอไม่ต้องกลัวถ้าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด”หลังจากที่เธอพูดจบทันย่าก็ควงแขนเฟนด์ “เราไม่ต้องกลัวที่จะถูกเข้าใจผิด” เธอพูด “ยังไงก็เถอะ ถ้าหากภรรยาของใครบางคนเห็นสิ
อีวอนน์พยักหน้า เป็นความจริงที่ตระกูลเดรคเป็นตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในอาณาเขตกลาง แม้แต่สี่ตระกูลที่ทรงอิทธิพลของที่นี่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตระกูลเดรคและยังไม่กล้ารุกรานพวกเขาเลย เธอจะต้องกลัวอะไร?เว้นเสียแต่ว่าเขาจะมาจากตระกูลที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองโลนยังไงเสียเมืองโลนก็ใหญ่กว่าอาณาเขตกลางสองสามเท่า แน่นอนว่าพวกเขามีอำนาจมากกว่า ชนชั้นสูงที่นั่นและแข็งแกร่งกว่าชนชั้นสูงของอาณาเขตกลาง ที่นั่นพวกเขามีพลังที่น่ากลัว มีเพียงความแข็งแกร่งระดับนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ตระกูลเดรคหวาดกลัวได้“จุ๊...จุ๊ อย่ามาโกหกต่อหน้าฉัน คุณสามารถจ้างบอดี้การ์ดได้แค่เพียงคนเดียว เฮ้ คิดว่าคุณจะทำให้ฉันกลัวได้เหรอ?”ฟลินน์หัวเราะคิกคัก “ตระกูลของฉันเป็นตระกูลชนชั้นสองจากเมืองโลน” เขาพูด “คุณคิดว่าไง? เริ่มกลัวแล้วใช่ไหม?”“ไม่น่าเชื่อ ชนชั้นสองเหรอ? ฉันกลัวมาก!”ทันย่าแกล้งทำเป็นกลัวเมื่อได้ยินอย่างนั้น“โอ้พระเจ้า ชนชั้นสอง พวกเราตายแน่พวกเราตายแน่เลย!”อีวอนน์ก็เล่นไปกับเธอด้วย“ฮ่า! ดีจริงที่คุณกลัว!”ฟลินน์คิดว่าพวกเขากลัวจริง ๆ จากนั้นก็ระเบิดหัวเราะ “ในเมื่อพวกคุณกลัวมาก จงมาเป็นผู้ห
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ