“นายน้อยเทย์เลอร์ ไม่นะ! เราไม่ควร...” ซีน่าตกใจมากและสู้กลับ“ซีน่าคุณจะเป็นผู้หญิงของผม คุณจะได้ตามผมไปท่องเที่ยวเพื่อสนุกกับชีวิตตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป อีกอย่างผมสามารถซื้อทุกอย่างที่คุณชอบได้!”อีวานดื่มไวน์ไปมากและมันก็เป็นความจริงที่ว่าซีน่านั้นสวยและมีรูปร่างที่ยอดเยี่ยม ดูเหมือนว่าเขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้ สติเขาไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเพราะเริ่มเมาแล้ว“ม-ไม่...เราทำไม่ได้! เราเพิ่งเจอกันไม่นานมานี้เอง”“ความสัมพันธ์เกิดขึ้นเพราะความรู้สึกที่มีต่อกัน มันไม่เกี่ยวกับระยะเวลาที่เราได้พบกัน...”“นายน้อยเทย์เลอร์ ไม่! ฉันยังไม่พร้อมสำหรับเรื่องนี้!”“...” ซีน่าแอบดีใจและเธอก็ยอมเขาหลังจากปฏิเสธอย่างไม่เต็มใจประมาณครึ่งชั่วโมงต่อมาอีวานมองผู้หญิงที่อยู่บนเตียงอย่างพอใจ เขาสวมเสื้อผ้า “ที่รัก คุณเก่งจริง ๆ ไปช้อปปิ้งกันเถอะ ผมจะซื้อรถให้คุณ เป็นไง?”“ซื้อรถ?” ซีน่างงก่อนจะถามว่า “นายน้อยเทย์เลอร์ คุณนี่ตลกจริง ๆ ไม่ใช่ว่าฉันมาที่นี่ด้วยรถโรลส์-รอยซ์แฟนทอมเหรอ?”“นั่นไม่ใช่แค่เช่าเหรอ?” อีวานตกตะลึง ซีน่าเป็นผู้หญิงที่ขี้อวด ในความคิดของเขาเธอต้องเช่ารถโรลส์-รอยซ์แฟนทอมนั้นมาเพื
มุมปากของอีวานกระตุกเมื่อได้ยิน ถ้าเฟนด์มีเงินจริง ๆ มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะแกล้งเฟนด์ในงานวันเกิดของนายใหญ่เทย์เลอร์และไล่เขาออกจากบ้าน“อย่างไรก็ตามเฟนด์ได้มอบเงินยี่สิบล้านเหรียญให้กับฟีโอน่าซึ่งเป็นของขวัญหมั้นสำหรับเซเลน่าตามที่เขาสัญญากับฟีโอน่าไว้ก่อนหน้านี้!” ซีน่าพูดต่อ“เอาล่ะ ถ้าในอนาคตเฟนด์ได้รับเงิน คุณต้องบอกให้ผมทราบทันทีแม้ว่าจะเป็นเรื่องปกติที่ตระกูลเดรคจะจ่ายค่าจ้างล่วงหน้า ซึ่งถ้าคุณไม่รู้ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าคุณรู้คุณต้องบอกผม!” อีวานคิดเกี่ยวกับมันและเตือนซีน่า“ตกลงค่ะ นายน้อยเทย์เลอร์ฉันเข้าใจแล้ว!” ซีน่ากลอกตามองเขาอย่างหงุดหงิด หลังจากที่ได้พบกันเธอรู้สึกไม่ค่อยพอใจนิดหน่อย นี่เธอกลายเป็นสายลับและมีหน้าที่สืบข้อมูลมาบอกเขารึไง?“ผมบอกแล้วว่าไม่ต้องเรียกผมว่านายน้อยเทย์เลอร์ เรียกผมว่าอีวานก็พอ!” อีวานยิ้มและโอบไหล่ของเธอไว้ “ไปช้อปปิ้งกันเถอะ ผมจะซื้อกระเป๋าและนาฬิการาคาแพงให้คุณ เป็นไง?”“โอเคค่ะ แต่เราต้องไปทางด้านเหนือของเมือง เพราะถ้าเราอยู่ที่นี่เราอาจจะเจอกับเบ็นแล้วพวกเราจะไม่ถูกจับได้เหรอ?” ซีน่าคิดเกี่ยวกับมันและบอกเขา“จริงด้วยที่รัก คุณฉล
อีวานโกรธมาก เขาไม่คิดว่าเซซีเลียจะล้อเลียนเขาอย่างไม่เคารพแบบนี้ บ้าเอ๊ย!“อย่ามาล้อเล่นได้ไหม?” เขาจ้องไปที่เธอ“นั่นสิ? คุณเป็นถึงนายน้อยของตระกูลเทย์เลอร์ ตัวตนอันทรงเกียรติเช่นนี้... จะพูดล้อเล่นเรื่องแบบนี้ได้ยังไง? คราวหน้าฉันแนะนำให้คุณอย่าพูดเรื่องตลกแบบนี้อีก” เซซีเลียเยาะเย้ยเธอกำลังคบหากับนายน้อยจากครอบครัวชนชั้นสอง อีกไม่นานเธอก็จะได้แต่งงานกับเขาและเป็นภรรยาที่ร่ำรวย เมื่อถึงตอนนั้นอีวานก็จะกลายเป็นแค่เรื่องกล้วย ๆ และเธอก็ไม่ต้องทำงานกับเขาอีกต่อไป เธอรู้สึกดีมากเมื่อคิดแบบนั้นในทางตรงกันข้าม อีวานนั้นอยากชกเซซีเลีย!ทันใดนั้นนายใหญ่เทย์เลอร์ก็พูดขึ้นว่า “ฉันบอกแล้วว่านายจะต้องระวังปากไว้ให้ดีก่อนที่เราจะได้ทำสัญญา” เขาหยุดชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อ “เซเลน่าเป็นคนที่รักษาคำพูดเธอจะไม่ไม่ผิดคำพูดแน่ มันต้องมีเหตุผลที่ทำให้เธอไม่ได้มา”เมื่อพูดถึงตัวร้าย โทรศัพท์ของอีวานก็ดังขึ้น สายที่โทรเข้ามาคือเซเลน่า“เซเลน่า เทย์เลอร์ นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? ฉันรอคุณมาตลอดทั้งบ่าย คุณไปอยู่ที่ไหนมา คุณไม่รับสายเลย!”อีวานรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น ความโกรธทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่การแส
แน่นอน ใครจะไปสงสัยคนที่น่าสงสัยน้อยที่สุดกันล่ะ?“เอาล่ะคุณปู่ ตอนนี้หนูต้องวางสายแล้ว ให้อีวานมาเซ็นสัญญาพรุ่งนี้เช้านะคะ”“เฟนด์ฉลาดจริง ๆ ว่าไหม? เขามองกลลวงของเธอออก เล่นไปตามน้ำแล้วก็โต้ตอบ!” เซซีเลียอดไม่ได้ที่จะชมเชย“ขอบคุณพระเจ้าที่พวกเขาทั้งคู่ปลอดภัยดี เพราะถ้าเฟนด์ตายไคลี่จะไม่มีพ่อ!” ยูจีน เทย์เลอร์ในวัยสี่สิบถอนหายใจ“ถ้าเขาตายแล้วไง เขาก็แค่คนนอก เขาเป็นแค่บอดี้การ์ดที่หยาบคาย! เซเลน่าลูกพี่ลูกน้องของฉันเป็นผู้หญิงที่เก่งมาก เธอจะได้ผู้ชายคนใหม่” ในทางกลับกันอีวานไม่เห็นด้วย เขายังคงไม่ค่อยพอใจกับเงินที่เสียไปห้าสิบล้านเหรียญในการจ้างนักฆ่าชั้นยอดอย่างชาโดว์ แต่เธอกลับถูกเฟนด์ฆ่าแทน!ภารกิจก็ไม่สำเร็จแถมยังไม่ได้เงินคืนอีกเพราะนักฆ่าตายแล้ว!ห้าสิบล้านเหรียญนั้นหายวับไปในชั่วข้ามคืน พวกเขาจ่ายไปห้าสิบล้านเหรียญ... เพียงเพื่อดูว่าศัตรูยังมีชีวิตอยู่“อีวานระวังปากของเธอหน่อย พ่อเลี้ยงจะไม่มีวันปฏิบัติต่อลูกเลี้ยงเหมือนกับลูกของตัวเอง อีกอย่างตอนนี้เฟนด์ได้งานที่มั่นคงกับตระกูลเดรคแล้ว ใครจะบอกได้ว่าเขาจะไม่ประสบความสำเร็จในอนาคต? เฟนด์ เด็กหนุ่มคนนี้ฉันคิดว่าเขามี
เซเลน่าไม่ได้บอกฟีโอน่าเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ เรื่องที่เธอเจอนักฆ่าและถูกลักพาตัวไป เพื่อที่ฟีโอน่าจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงดังนั้นเธอจึงแอบออกมาโทรศัพท์หลังจากอาหารเย็นไม่คิดว่าฟีโอน่าจะตามเธอออกมาที่สนามและได้ยินทุกอย่างที่เธอพูดทางโทรศัพท์“แม่ ไม่มีอะไรหรอก ตอนนี้หนูก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัยไม่ใช่เหรอ?” เซเลน่ายิ้มอย่างอึดอัดแต่มันดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเลยฟีโอน่าดุด้วยความโกรธ “กลับมา? เธอรู้ไหมว่ามันอันตรายแค่ไหน? ไอ้เวรเฟนด์...ถ้าไม่ใช่เพราะเขาสร้างปัญหาใครจะจ้างนักฆ่ามาฆ่าเขา?”จากนั้นเธอก็หันไปทางบ้านและตะโกนว่า “เฟนด์ ไอ้สารเลว! ออกไปจากที่นี่ซะ!”“แม่ เกิดอะไรขึ้น?” เฟนด์ถามด้วยรอยยิ้มขณะที่เดินไปหาพวกเขา“เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? เฮ้...ฉันได้ยินมาว่าวันนี้นายเจอนักฆ่า เธอถึงกับลักพาตัวและปลอมตัวเป็นลูกสาวของฉันด้วยเหรอ? นายไม่รู้หรอกว่านายกำลังเจอกับอะไร? นั่นคือนักฆ่าที่นายกำลังเผชิญอยู่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอฆ่าลูกสาวของฉัน ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของนาย นายสร้างปัญหาไปซะทุกที่! ถ้าไม่ใช่เพราะนายลูกสาวของฉันก็คงไม่ต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้!”ฟีโอน่าโกรธเมื่อเห็นเฟนด
ดังนั้นเซเลน่าจึงมั่นใจว่าเดนนิสไม่ได้มาที่นี่เพื่อฆ่าใครอย่างไรก็ตามเธอรู้สึกงุนงงกับการที่เขาฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลาไม่นาน เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในวันนั้นไม่ใช่เหรอเธอคิดว่าเดนนิสจะต้องนอนอยู่บนเตียงอย่างน้อยสองสัปดาห์ แต่ดูเขาสิ เขาเหมือนเด็กหนุ่มที่แข็งแรง!“คุณมาทำอะไรที่นี่?" ฟีโอน่ารู้สึกกลัวจึงถามออกไป “ถ้าคุณมาที่นี่เพื่อตามหาเฟนด์ ไปเถอะ มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรา ชัดเจนกับเป้าหมายของคุณเขาจะรับผิดชอบต่อสิ่งที่เขาทำ ปล่อยให้เขาเผชิญกับผลที่ตามมาไม่ใช่เรา ตกลงไหม?”เฟนด์ตกตะลึงกับการกระทำของแม่ยาย?“พี่ชาย ‘เฟนด์’ ฉันมาที่นี่เพื่อขอบคุณสำหรับวันนั้น!”เดนนิสตั้งใจจะคุกเข่าต่อหน้าเฟนด์แต่คิดว่ามันคงจะดีกว่าที่ไม่ทำเพราะอาจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเฟนด์ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงคำนับด้วยมือที่ประสานกันเฟนด์คิดว่ามันไม่จำเป็น เขารำคาญและพูดว่า “เอาล่ะ มันจบไปแล้วไม่มีอะไรต้องขอบคุณ อีกอย่างนั่นมันเป็นสถานการณ์ที่อันตรายมาก ถ้าฉันไม่ช่วยคุณฉันคงจะละอายใจ”“คุณพูดถูก...” เดนนิสยิ้มขณะยื่นกล่องให้เซเลน่า “พี่สาว เฟนด์ถือว่าเป็นพี่ชายของฉันแล้วเป็นเรื่องปกติที่ฉันจะเรียก
“อะไรนะ?”เมื่อฟีโอน่าได้ยินเช่นนั้นเธอก็ตกใจและสูดหายใจเข้าลึก ๆเธอก้าวไปข้างหน้าทันทีและจ้องไปที่เฟนด์อย่างโกรธจัด “เฟนด์นายบ้าไปแล้วเหรอ? ฉันบอกให้นายหาบอดี้การ์ดมาปกป้องลูกสาวของฉัน แต่นายเพิ่งหาได้โดยไม่ได้ตั้งใจ? นายรู้ไหมว่าเขาเป็นใคร? เขาเป็นเจ้าหน้าที่และเป็นจอมพลในตอนนั้น นายกำลังขอให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดเหรอ?”เมื่อพูดจบเธอก็ดึงเฟนด์ให้มายืนต่อหน้าเดนนิส “รีบไปขอโทษจอมพลเดนนิสซะ แม้ว่านายจะโชคดีที่เคยช่วยชีวิตเขาไว้โดยการให้ยาแก่เขา เขาก็แสดงความขอบคุณไปแล้ว นายมีสิทธิ์อะไรที่จะขอให้เขามาเป็นบอดี้การ์ดของนาย?ฟีโอน่ากลัวว่าจะเกือบตายเพราะเฟนด์ หมอนี่พูดแต่เรื่องไร้สาระจริง ๆ เขาไม่รู้ว่าจอมพลมีอำนาจขนาดไหน?ในฐานะที่เป็นเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งจอมพล คนมากมายย่อมต้องการที่จะตีสนิทกับพวกเขาอย่างไรก็ตาม ฟีโอน่าไม่คิดว่าเดนนิสจะยิ้มอย่างเฉยเมย “นั่นไม่ใช่ปัญหา ฉันจะปกป้องพี่สะใภ้อย่างลับ ๆ ถ้าคุณอยู่ใกล้ ๆ ฉันก็ไม่จำเป็น ฉันจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อปกป้องเธอเมื่อเธอเดินทางไปทำงานคนเดียวหรือเมื่อเธอออกไปข้างนอกตามลำพัง”“ตกลง เห็นด้วยกับเขาไหม?”ฟิโอน่าอ้าปากค้างเธอส
ฟีโอน่ายิ้มก่อนจะพูดว่า “ใช่แล้ว เดนนิส เชิญเข้าไปนั่งข้างใน คุณอยากดื่มอะไรไหม?”“ฮ่า ๆ ไม่ต้องหรอกมันสายแล้ว ฉันควรจะไปได้แล้ว!” เดนนิสหัวเราะและรีบขับรถออกไป“เซเลน่า ขอดูหน่อยว่ามันคืออะไร?” ฟีโอน่ามองกล่องที่อยู่ในมือของเซเลน่าเธออยากรู้แทบตายเซเลน่าเปิดกล่องและมองเข้าไปข้างใน “สร้อยข้อมือหยก ฉันคิดว่าวัสดุดูดีทีเดียวเกรงว่ามันจะมีค่าอย่างน้อยก็สองสามแสนเหรียญ”“ไม่น่าเชื่อ แพงมาก!” ฟีโอน่าสูดหายใจเข้าด้วยความเย็นเฉียบ “เดนนิสใจกว้างเกินไปแล้ว!”เมื่อพูดจบเธอก็หันไปสนใจเฟนด์ “เฟนด์ นายนี่โชคดีนักที่เคยช่วยชีวิตเดนนิสไว้ ในความคิดของฉันทักษะทางการแพทย์ของนายดีมาก นอกจากนี้เขายังเรียกนายว่าพี่ชายอีกด้วย ต้องเป็นพรจากพระเจ้าแน่!”“ผมก็แค่โชคดี!” เฟนหัวเราะก่อนจะเดินเข้าบ้านดูจากการเดินกลับเข้าไปของเฟนด์ฟีโอน่ายักไหล่และช่วยเซเลน่าสวมสร้อยข้อมือ “สร้อยข้อมือนี้ดูดีมากเมื่ออยู่บนข้อมือของเธอ! น่าเสียดายที่ฉันไม่สามารถบอกใครได้ว่าจอมพลเป็นบอดี้การ์ดของพวกเรา มันอึดอัดจริง ๆ ที่ฉันไม่สามารถคุยอวดเรื่องนี้กับเพื่อนของฉันได้”“อ่า เก็บไว้เป็นความลับเลยนะ มีอะไรให้อวดกัน?” เซเลน่า
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ