แอนดรูว์ก็เช่นกัน เขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดีตอนที่ได้เห็นภรรยาทรุดลงไป “ไม่เข้าใจเหรอ? มันไม่เคยมีเงินอยู่ในกระเป๋า ทันย่าไม่เคยให้โบนัสเฟนด์ มันเป็นแผนเปิดโปงซีน่า”“ไปกันเถอะแม่ เรากลับบ้านกันก่อน ฉันเชื่อว่าเฟนด์จะเอาเงิน 3.8 ล้านกลับมาได้เร็ว ๆ นี้!”เซเลน่าช่วยพยุงแม่ขึ้นมาแล้วพาพ่อกับแม่กลับไปอย่างรวดเร็วเฟนด์มองทั้งสี่คนที่ค่อย ๆ ลุกขึ้น ใบหน้าของพวกเขาซีดเซียว เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “ไปกันเถอะ” เฟนด์พูด “พาฉันไปหาเจ้านายแก”“คุณช่วยเราไม่ได้เหรอครับ? เจ้านายจะฆ่าเราให้ตายถ้าเขารู้ว่าโดนทรยศ!”ชายคนหนึ่งวิงวอนทันทีด้วยความหวาดกลัวเข้าเส้นเลือด“เฮ้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะกระทืบแกจนตายเดี๋ยวนี้ถ้าไม่พาฉันไป!”เฟนด์ขู่ เขาหัวเราะเบา ๆ “ผมว่าคุณอย่าไปเลย” ชายอีกคนกล่าว “คุณดูแข็งแกร่งมาก แต่ถ้าคุณไป คุณอาจจะไม่ได้เงินคืนแต่จะตายอย่างอนาจแทน!”“พวกแกไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แค่พาไป ฉันจะไม่หยุดเพียงเพราะพวกแกต้องการ!”เฟนด์หัวเราะเบา ๆ เขาไม่เชื่อว่าเขาจะไม่สามารถจัดการกับโจรมอเตอร์ไซค์ได้“เอาล่ะ อย่าเสียใจถ้าไปถึงแล้ว เจ้านายของพวกเราโหดร้ายมากจริง ๆ อะไรก็ตามที่เขาเอา
“เฮ้ ได้เลย ครั้งนี้คุณจะได้ 6 แสน เป็นยอดรวมที่ดีเลยนะ!”นายน้อยฮาร์วีย์กล่าวพร้อมกับหัวเราะเบา ๆซีน่านั่งลงบนพื้น “ตอนแรกฉันเดทกับเบ็นเพราะฉันคิดว่าเขาคือคนตระกูลเทย์เลอร์ แม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกมาก็ตามเถอะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าตระกูลเขาจะไม่มีเงินเลย” เธอกล่าว “จากนั้นฉันก็คบเขามานานและค้นพบว่าตระกูลบ้านั่นไม่ค่อยมีเงินเท่าไร มันทำให้ฉันโกรธ มันเป็นการสูญเสียสำหรับฉันมาก!”เธอหยุดสักพักก่อนจะพูดต่อ “ถ้าฉันไม่เคยเล่นเกมออนไลน์กับเขาและถ้าเขาไม่ใช่เกมเมอร์ที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ฉันคงทิ้งเขาไปนานแล้ว ฉันไม่คิดเลยว่าการที่พี่เขยคนนั้นกลับมาจะทำให้ฉันมีโอกาสได้เงิน!”นายน้อยฮาร์วีย์เดินมาตรงหน้าเธอ เขากดเธอลงกับพื้นและจูบที่ริมฝีปากอย่างดุเดือด จากนั้นเขาก็ผละออกมาแล้วนั่งลงบนพื้นด้วยไม่พอใจ“แล้วเขาได้เอาเปรียบคุณรึเปล่าที่รัก?” "ไม่มีทาง สารรูปแบบนั้นปล่อยให้จับมือก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์แล้ว!”เธอกล่าวก่อนจับมือของนายน้อยฮาร์วีย์ไว้และเอนหัวพิงไหล่เขา “ฉันชอบคุณ ไอ้ชั่วคนนั้นไม่ได้อะไรไปเลย เขาแค่พาโอกาสมาให้ฉันได้เงิน เขาพาฉันไปกินข้าวเย็นกับตระกูลเทย์เลอร์ ถ้าฉันได้กลิ่นดี ๆ ของเทย์
“ไม่มีทาง ฟีโอน่ากับแอนดรูว์แก่จะตาย ไม่มีทางที่สี่คนนั้นจะฉกของมาไม่ได้”ซีน่าขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ใบหน้าของเธอบูดบึ้งเมื่อเห็นว่าไม่มีกระเป๋า“ไร้ประโยชน์! ผู้ชายสี่คนปล้นกระเป๋าจากคนแก่ ๆ สองคนมาไม่ได้เหรอ?”ท่าทีของนายน้อยฮาร์วีย์แข็งกระด้าง เขาดูไม่พอใจมากแม้ว่าเงินสามล้านเหรียญจะไม่มากสำหรับเขา แต่เขาก็ไม่ชอบความล้มเหลว“เหมือนว่าจะมีมอเตอร์ไซค์สามคัน แต่มีคนซ้อนอยู่คันหนึ่งนะ!”ชายคนหนึ่งร้องขึ้นมาเมื่อรถเข้ามาใกล้มอเตอร์ไซค์ใกล้เข้ามา ทุกคนต่างไม่ไว้วางใจ ชายห้าคนลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์“จ เจ้านาย…”ชายคนหนึ่งมีแผลที่หน้าผาก เลือดไหลอาบใบหน้าของเขาเขาวิ่งไปหานายน้อยฮาร์วีย์ “เรา - เราไม่ได้กระเป๋ามา” เขากล่าวด้วยหวาดกลัวเจืออยู่ในน้ำเสียงของเขา “เราตกหลุมพราง!”“เปล่าประโยชน์สิ้นดี!”นายน้อยฮาร์วีย์เตะอย่างโหดเหี้ยมใส่ชายคนนั้น จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นเฟนด์ “นี่ใคร?” เขาถามลูกน้องทั้งสี่“ฟ เฟนด์? ทำไมคุณมาอยู่ที่นี่?”ดวงตาของซีน่าวูบไหว ท่าทีของเธอเปลี่ยนจากประหลาดใจเป็นหวาดกลัวเธอได้คิดทุกอย่างแล้ว เธอจำเป็นต้องหาเงินให้ตัวเอง แม้
เฟนด์จุดบุหรี่และสูบมันอย่างช้าๆ ก่อนจะพูดออกมาอย่างสบาย ๆ“โง่?”ซีน่าโกรธมากเมื่อเธอได้ยินเช่นนั้น “คุณเป็นแค่ทหาร ฉันรู้ว่าคุณเป็นนักรบที่มีฝีมือ เบ็นเคยบอกฉันมาก่อน แล้วยังไง? คุณก็เป็นแค่บอดี้การ์ด ไม่ได้ยอดเยี่ยมอะไรขนาดนั้น”เธอสะบัดแขน “ยังไงก็ตามฉันไม่มีเงิน ฉันต้องการเงิน และฉันก็อยากได้เงิน ฉันผิดหรอ?” เธอพูดต่อ “ฉันไม่คิดว่าตัวเองโง่ ฉันก็ได้เงิน 760,000 เหรียญจากการปล้นครั้งที่ผ่านมาไม่ใช่เหรอ?”เนื่องจากเฟนด์รู้เรื่องหมดแล้ว ซีน่าจึงตัดสินใจไม่เสแสร้งต่อ “คุณเข้าใจไหม? แล้วคุณจะทำอะไรฉันได้? เฮ้ มันจะดีกว่าถ้าคุณอยู่เฉยๆ การที่คุณมาที่นี่เท่ากับว่าคุณกำลังขุดหลุมฝังศพตัวเอง!”“เธออยู่กับเบ็นมานานขนาดนั้นแล้ว เธอไม่มีความรู้สึกใด ๆ กับเขาจริง ๆ เหรอ?”ความโกรธพุ่งขึ้นมาในตัวของเฟนด์ แม้ว่าเขาจะไม่ได้คุยอะไรกับเบ็นมากนัก แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเบ็นชอบซีน่าจริง ๆ และตั้งใจจะแต่งงานกับเธอ“หืม? ความรู้สึก? ความรู้สึกดีอะไร? พวกเขาเลี้ยงฉันไหม?”ซีน่ายกแขนขึ้นมากอดอก ใบหน้าของเธอปรากฏรอยยิ้มที่โหดร้ายเธอเหยียดยิ้ม “เขาก็เป็นแค่เครื่องมือ ถ้าเขาไม่ใช่เกมเมอร์ที่ยอดเยี่ยมแ
“แกฟังฉันนะ เปล่าประโยชน์แม้ว่าแกจะคุกเข่าและร้องขอชีวิตตอนนี้!”นักเลงพูดอย่างหยิ่งผยอง พวกเขามีคนจำนวนมากกว่า เขาไม่เชื่อว่าจะจัดการผู้ชายคนเดียวไม่ได้เพี๊ยะ!ในเสี้ยววินาทีเฟนด์ก็มาปรากฏตัวตรงหน้าเขา จากนั้นก็สะบัดมือ ส่งฝ่ามือให้หวดเข้าใส่ใบหน้าซีกหนึ่งของเขา “แก-”เขาสูดหายใจเข้าอย่างแรง นั่นเป็นวิธีที่เร็วเกินไป เขาไม่มีแม้แต่เวลาที่จะโต้กลับ เขาก็ถูกตบไปแล้วเขาหุบนิ้วลงกำหมัดเตรียมที่จะต่อยเฟนด์ ส่วนผู้ชายอีกคนก็พุ่งไปเข้ามาแต่เฟนด์คว้าแขนของเขาไว้ได้ในพริบตา และด้วยการเหวี่ยงที่รุนแรงเขาถูกส่งไปยังกลุ่มคนที่พุ่งเข้ามาจากนั้นเฟนด์ก็ปล่อยมือของเขา ทำให้เขาลอยไปชนต้นไม้ใกล้ ๆ อย่างแรง เลือดทะลักออกมาจากปากขณะที่เขาตกลงบนพื้นพร้อมกับเสียงดังก้อง“ไอ้พวกอ่อนแอ ฉันดูแลพวกแกอย่างดีทุกวัน แต่แกก็ยังไร้ประโยชน์ขนาดนี้!”เมื่อเห็นเช่นนั้นรูเบนก็รู้ว่าเฟนด์ไม่ใช่คนง่าย ๆ ที่จะเอาชนะได้ “พวกแกทุกคน จับมันไว้” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ “จับมันมาให้ไก้ ไม่ว่าจะต้องใช้สักกี่คน!”ทุกคนยกเว้นซีน่าและรูเบน ต่างวิ่งเข้าหาเฟนด์ชายคนก่อนหน้านี้ลุกขึ้นจากพื้นและพุ่งเข้าไปหาเฟนด์ด้วยเช่น
“แม้ว่าฉันจะไม่กลัวและใช้เพียงแค่ก้อนหินเล็ก ๆ แต่ฉันก็ยังสามารถเล่นกับแกได้”เฟนด์พูดเบา ๆ ราวกับว่าเขาไม่ได้สนใจผู้ชายคนอื่น“ไม่เลวเลย ฮ่า ๆ”รูเบนหัวเราะและยิงไปที่ต้นขาของเฟนด์สวบ!ในพริบตาเฟนด์เหวี่ยงแขนไปข้างหน้าพร้อมก้อนหินทั้งสองก้อนที่พุ่งออกไปก้อนหินก้อนหนึ่งกระแทกไปโดนกระสุนทำให้กระสุนเบี่ยงเบนไป ส่วนหินอีกก้อนพุ่งเข้าใส่มือข้างหนึ่งของรูเบน"อ๊าก!" รูเบนร้องเสียงหลงนิ้วที่ถูกกระแทกขาดทันทีราวกับโดนกระสุน นิ้วครึ่งหนึ่งตกลงบนพื้นความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้รูเบนร้องไห้ออกมาอย่างทรมาน ปืนหลุดจากมือของเขาและตกลงบนพื้น“เจ้านาย!”“นายน้อย!”คนที่เหลือจ้องไปที่สถานการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาสงสัยว่านี่เป็นเรื่องจริงเหรอ“แ-่งเอ๊ย! ฆ่ามัน!”รูเบนมองไปที่ปืนบนพื้นจากนั้นหันไปหาชายคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆเขา “หยิบปืนขึ้นมาแล้วฆ่าหมอนั่น!” เขาตะคอกชายคนนั้นรีบก้มลงหยิบปืนทันที ร่างกายของเขายังคงเต็มไปด้วยความตกใจ เขาไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญหรือเปล่าที่หินของหมอนั่นกระแทกโดนกระสุน ส่วนเรื่องนิ้วของรูเบนพวกเขามองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ชัดนัก พวกเขาสงสัยว่ากระสุนอ
ช่างน่าขำ มันคิดว่าเขาโง่จริง ๆ คิดจะใช้ชื่อของพรรคเทพเจ้าแห่งมังกรมาขู่ให้กลัวและมอบปืนออกไป นั่นมันก็เหมือนกับการขุดหลุมฝังศพตัวเอง“เฮ้ พ่อของฉันไม่มีวันยกโทษให้แกแน่ถ้าแกฆ่าฉัน แกควรคิดให้ดีกว่านี้!”รูเบนยิ้มอย่างไร้ความรู้สึกและพูด“ฉันแค่อยากได้เงิน 3.8 ล้านคืน ฉันไม่เคยคิดว่าแกจะอยากฆ่าฉัน แต่จากที่เห็น ฉันคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากฆ่าแกซะ!”เฟนด์ยิ้มอย่างเย็นชาก่อนจะพูดต่อ “สมมติว่าฉันฆ่าแกและทุกคนที่นี่ แกคิดว่าพ่อของแกจะรู้ว่าฉันทำอย่างงั้นเหรอ?”“เฮ้ จะลองก็ได้ถ้าแกไม่เชื่อ!”รูเบนหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “แกคิดจริง ๆเหรอว่าหลังจากออกไปที่เมืองด้วยรถมอเตอร์ไซด์ของลูกน้องฉัน แล้วตลอดทางจะไม่มีใครสังเกตเห็น?”“ไม่เลว!”เฟนด์ยิ้มกว้าง “ดังนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือกำจัดพรรคเทพเจ้าแห่งมังกรทั้งหมดจริงไหม? ไม่งั้นฉันคงนอนไม่หลับ!”หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้นเฟนด์ก็เล็งปืนไปที่ต้นขาของรูเบน และเปิดฉากยิงรูเบนกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดและล้มลง หน้าของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่กระเด็นออกมาเขาไม่คิดว่า หมอนี่จะโหดเหี้ยมขนาดนี้และยิงตรงมาที่เขา“อ๊าก!”คนที่เหลือต่างหวาดกลัวจนร้องเสีย
“นายน้อยฮาร์วีย์ใช่ไหม? ‘เฟนด์กล้าฆ่าฉันเหรอ?’ ตอนนี้แกคิดยังไงกับประโยคนี้?”รอยยิ้มเย็นฉายปรากฎบนใบหน้าของเฟนด์เขาพูดว่า “ถ้าแกคืนเงิน 3.8 ล้านเหรียญให้ฉันตั้งแต่ตอนที่ฉันถามครั้งแรก แต่ตอนนี้…”“ฉ-ฉันจะให้แก! โปรดไว้ชีวิตฉัน! ฉันขอร้องล่ะ!”รูเบนคุกเข่าต่อหน้าเฟนด์และร้องขอชีวิตที่น่าสมเพชของเขา ตอนนี้เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเขาโง่แค่ไหนที่ยั่วยุทหารผ่านศึกที่เคยผ่านประสบการณ์ที่โหดร้ายมาก่อน“ก็ได้ ฉันจะไว้ชีวิตแก แต่โทรหาพ่อสุดที่รักของแกและขอให้เขาส่งเงิน 3.8 ล้านเหรียญมาตอนนี้ ฉันต้องได้เห็นเงิน 3.8 ล้านเหรียญ ไม่น้อยไปกว่านี้!”“ฉันจะให้โอกาสแก แต่ฉันขอเตือนก่อนดีกว่าว่าแกไม่ควรเล่นอุบายสกปรกใด ๆ! เพราะมันไม่มีประโยชน์เลย ถ้าแกไม่อยากให้พรรคเทพเจ้าแห่งมังกรต้องตกที่นั่งลำบาก!”เฟนด์พูดต่อด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน ต้นขาของรูเบนมีบาดแผลฉกรรจ์ เลือดไหลทะลักออกมาจากแผลที่เกิดจากกระสุนปืนเขาเดินไปที่ต้นไม้ใหญ่และยืนอยู่ใต้ต้นไม้นั้นจุดบุหรี่สูบอย่างสบาย ๆและผ่อนคลายเขาจะไม่เมตตากับคนที่สมควรตายความหวังและความสุขลึก ๆ จุดประกายภายในใจของรูเบนขณะที่เขามองเฟนด์เดินจากไป เขาได้รับโอกา
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ