“ตอนนี้ ผมได้รับมันมาแล้ว คุณสามารถนำแผ่นทองคำนี้ไปแลกเป็นวัตถุดิบสำหรับใช้ในการบ่มเพาะโอสถระดับหกสามอย่างนั้นมาได้”มือของราฟาเอลสั่น เขายังคงมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่ก็ยังยอมรับแผ่นทองคำไป ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า "รออยู่ที่นี่นะ ฉันจะไปเอามันมาให้นายเอง"หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังไปพร้อมกับแผ่นทองคำในมือ เขากำลังจะไปแลกมัน แต่ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเฟนด์ก็ยื่นมือออกมาเพื่อหยุดเขาเอาไว้น้ำเสียงของเฟนด์ที่พูดฟังดูเย็นชา "ผมหวังว่าคุณจะไม่บอกใครในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากคุณพูดออกไปแม้แต่คำเดียวผมจะชกคุณให้ตายเลย“ผมจะไม่ขอให้คุณทำอะไรมากมายหรอก สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือหุบปากเอาไว้ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าผมหมายถึงอะไร”ร่างกายของราฟาเอลแข็งทื่อไปทุกส่วน เขาอยากจะป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปอย่างที่สุด แต่คำพูดของเฟนด์ได้ทำลายความเป็นไปได้นั้นลงอย่างสิ้นเชิงเขาเข้าใจดีว่าเฟนด์ไม่ใช่คนที่เขาจะหาเรื่องด้วยได้ ถ้าเขาปล่อยข่าวนั้นออกมาจริง ๆ เฟนด์คงไม่ปล่อยเขาไป ราฟาเอลรีบพยักหน้าขณะที่เขาบอกกับเฟนด์ว่า "ไม่ต้องห่วง! ฉันจะไม่บอกใครในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แล้วต่อให้ข้
“และอีกอย่าง นายรู้ไหมว่าพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางเป็นสถานที่แบบไหน ต่อให้นายจะมีความสามารถอยู่เล็กน้อย นายก็สู้ใครเขาไม่ได้หรอก ถ้านายได้ไปก็มีแต่จะทำให้วิมานโอสถต้องอับอายเปล่า ๆ!”คำพูดเหล่านั้นกระตุ้นกิลเบิร์ตได้อย่างมาก ก่อนหน้านี้ กิลเบิร์ตอาจเป็นแค่แมวแยกเขี้ยว แต่ด้วยคำพูดเหล่านั้น ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นเสือที่ตั้งท่าจะกระโจนใส่อีกฝ่ายเขาเอื้อมมือออกไปและอยากจะบีบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่บัณฑิตคนอื่น ๆ ก็รีบเข้าไปห้าม และแยกพวกเขาทั้งสองออกจากกันเหตุการณ์นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย และไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครเป็นใครเมื่อมองดูเหตุการณ์นั้น ริมฝีปากของเฟนด์ก็กระตุกอย่างพูดไม่ออก เขาหันกลับไปมองราฟาเอลซึ่งกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด“นี่พวกเขาจะสู้กันจริง ๆ เหรอ…?”เฟนด์เลิกคิ้วมองราฟาเอลหลังจากที่เขาได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเก็บงำการแก้แค้นต่อกันมานานแล้ว ในตอนนั้นทั้งสองคนตาแดงก่ำ ในขณะที่นักเรียนที่อยู่รอบตัวพวกเขากำลังแยกพวกเขาออกจากกันอย่างวุ่นวายเมื่อมองดูความเกลียดชังในสายตาของกิลเบิร์ต เฟนด์ก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน กิลเบิร์ตรีบ
ราฟาเอลตกใจอย่างเห็นได้ชัดเมื่อได้ยินเสียงกระซิบที่ข้างหูจากเฟนด์ หลังจากที่เขาหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเขาก็หันกลับมาและพูดอย่างจริงจังว่า "นั่นก็จริง ฉันได้ยินมาว่าเขาจิตใจไม่ค่อยสงบนัก ดูเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่เป็นเรื่องอะไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน“และที่สำคัญดูเหมือนจะมีเหตุมาจากการขาดแคลนนักเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้น พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางจึงพยายามที่จะรับบัณฑิตชุดใหม่โดยเร็วที่สุดเพื่อเพิ่มจำนวนนักเล่นแร่แปรธาตุ”เมื่อได้ยินคำอธิบายนั้น เฟนด์ก็ชะงัก และสนใจเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาทำก็เพื่อให้ได้รับการแนะนำให้เข้าทำการทดสอบที่พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางได้วิมานโอสถอาจเป็นสถานที่ที่น่าทึ่งสำหรับบัณฑิตทั่วไป แต่มันเล็กเกินไปสำหรับคนอย่างเฟนด์ ด้วยเหตุนี้ เฟนด์จึงตัดสินใจได้ทันที นั่นทำให้แม้แต่สีหน้าท่าทางเขาก็เปลี่ยนไปด้วยราฟาเอลที่ให้ความสนใจเฟนด์มาตลอด ถึงกับตกตะลึงเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันของเฟนด์ ดูเหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ และหลังจากอดกลั้นอยู่กับตัวเองครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเขาก็โพล่งออกมาว่า "ดูเหมือนว่าน
รองเหรัญญิกหัวเราะอย่างเย็นชา “น่าอายจริง ๆ พวกนายทะเลาะกันต่อหน้าสหายบัณฑิต คิดว่ามันดูดีแล้วเหรอ? ทำไมไม่ปล่อยให้ทักษะของพวกนายเป็นเครื่องพิสูจน์แทนล่ะ? มามัวเล่นแง่กันจะเกิดประโยชน์อะไร!”คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะมีเป้าหมายที่ชัดเจน หลังจากเหรัญญิกพูดจบ เขาก็มองปราดไปที่กิลเบิร์ต กิลเบิร์ตสัมผัสได้ถึงสายตาดุดันของอีกฝ่าย และดูเหมือนจะหายใจไม่ออกเฟนด์รู้สึกอยากหัวเราะเมื่อเห็นสภาพของกิลเบิร์ต ก่อนหน้านี้กิลเบิร์ตทำตัวเหมือนไม่เกรงกลัวสิ่งใด และทำเหมือนกับว่าเขาเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในวิมานโอสถ แต่ทว่าเมื่อคนสำคัญจริง ๆ ปรากฏตัวขึ้น ตัวของเขาก็หดลงจนแทบไม่เหลืออะไรกิลเบิร์ตช่างไม่คุ้มค่าให้ชายตามองเสียจริงเฟนด์เคยทำร้ายกิลเบิร์ตก่อนหน้านี้และแสดงความเมตตาต่ออีกฝ่ายไปแล้ว เฟนด์น่าจะแสดงให้กิลเบิร์ตเห็นว่าเขาไม่ใช่คนที่ฝ่ายนั้นจะหาเรื่องได้กิลเบิร์ตรู้สึกได้ว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขานานเกินไปจนเขาต้องเหลียวมอง ก่อนจะพบกับสายตาจองหองของเฟนด์เข้าในขณะนั้น กิลเบิร์ตรู้สึกเหมือนถูกตบหลายครั้ง ในตอนนั้นเองที่ใบหน้าของเขาแดงขึ้นและดูคล้ายกับอยากจะฉีกร่างของเฟนด์ออกจากกันเ
“พวกนายทุกคนสามารถเข้าร่วมการคัดเลือกได้ คนแรกที่ควบแน่นอักขระทางยาได้สามร้อยอักษรจะถูกส่งไปยังพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลาง”นักเรียนทุกคนตกตะลึงกับสิ่งที่รองเหรัญญิกพูด พวกเขาจ้องมองเหรัญญิกด้วยสีหน้าสงสัย บัณฑิตร่างเตี้ยหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าหาญมากที่สุดที่เคยมีมาในชีวิตเอ่ยถามออกไปว่า “รองเหรัญญิก เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามรรคาแห่งโอสถเป็นเช่นใด แล้วเราจะควบแน่นอักขระทางยาได้ถึงสามร้อยอักษรได้อย่างไร ในบรรดาบัณฑิตทั้งสิบเอ็ดคน มีเพียงศิษย์พี่ใหญ่เท่านั้นที่เคยได้ศึกษาโอสถเพลิงสีชาด—”แต่เขาถูกขัดจังหวะก่อนจะพูดจบ“นายนี่มันโง่จริง ๆ นายคิดว่าทุกสิ่งที่นายเห็นเป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?”คำพูดเหล่านั้นทำให้บัณฑิตตัวเล็กตะลึง เขาดูท่าทางสับสน มองไปที่รองเหรัญญิก ก่อนที่จะมองไปที่นักเรียนคนอื่น ๆเฟนด์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ และเข้าใจในทันทีว่ารองเหรัญญิกหมายถึงอะไร ทันใดนั้นเขาก็จำได้ว่าเขาพบกับกิลเบิร์ตครั้งแรกที่เขาเข้าไปในห้องรังสีแห่งโอสถได้อย่างไรริมฝีปากของกิลเบิร์ตโค้งงอเป็นรอยยิ้มภาคภูมิใจ กิลเบิร์ตไม่ได้พูดอะไร หลังจากได้เห็นใบหน้าของเขาก็ทำให้ทุกคนได้
ทันใดนั้นเหล่าบัณฑิตก็หันหน้าไปมองกิลเบิร์ตอย่างไม่สบอารมณ์ “กิลเบิร์ต แอนดรูว์พูดจริงหรือเปล่า? สิ่งที่คุณพูดก่อนหน้านี้ไม่ได้เพื่อหวังดีต่อผมงั้นเหรอ! ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่คุณจะได้งานดี ๆ ไปทำเองงั้นสินะ!”ใบหน้าของกิลเบิร์ตมืดลงเมื่อถูกกล่าวหา เขารีบหันกลับมาหวังจะกอบกู้สถานการณ์ แต่แอนดรูว์กลับฉวยโอกาสนั้นไว้แทน “นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันบอกนายไงเล่าว่าพรสวรรค์ของนายอาจจะดีพอให้ได้เป็นบัณฑิตของพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลาง แต่นายต้องได้เป็นตัวแทนของวิมานโอสถ“จิตใจของนายทั้งเจ้าเล่ห์เพทุบายและไร้ยางอาย ถ้านายได้เข้าไปอยู่ในพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลาง นายจะไม่ทำให้วิมานโอสถต้องขายหน้าหรือ!” ในคำพูดประโยคสุดท้ายนั่น แอนดรูว์มองไปยังรองเหรัญญิก รองเหรัญญิกผงะและมองไปที่กิลเบิร์ตทันทีกิลเบิร์ตกลัวจนแข็งทื่อ เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายหน้าอย่างแรง “รองเหรัญญิก ฟังผมนะ คุณจะเชื่อสิ่งที่หมอนี่พูดไม่ได้ ผมไม่เคยทำอะไรเห็นแก่ตัวแบบนั้นมาก่อน!“ถึงแม้จะมีบางภารกิจที่ทั้งง่ายและให้ผลตอบแทนสูงสำหรับบัณฑิตใหม่ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้น“หากพวกเขาทำภารกิจพลาด นี้ก็
เฟนด์เบิกตากว้าง สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือความจริงที่ว่าในห้องรังสีแห่งโอสถไม่มีอะไรเลย มันเป็นเพียงห้องที่ว่างเปล่าอย่างสิ้นเชิงเท่านั้นก่อนหน้านี้มันถูกปกคลุมด้วยความมืดมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ ความมืดได้สลายหายไปและไม่ทิ้งอะไรไว้เลยโชคดีที่ห้องนี้มีพื้นที่มีขนาดใหญ่พอ แม้ว่ารองเหรัญญิกจะเรียกให้พวกเขาทั้งหมดเข้าไปข้างใน แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกอึดอัดแม้แต่น้อย พวกเขาทั้งหมดยืนอยู่ในห้องรังสีแห่งโอสถ กลิ่นของรังสีโอสถอันหนาแน่นคละคลุ้งเข้าจมูกของพวกเขา ห้อมล้อมร่างกายของพวกเขาทุกคนเฟนด์เลิกคิ้วอย่างสงสัย เขาได้แต่สงสัยว่าทำไมสถานที่นี้ถึงถูกปกคลุมไปด้วยความมืดทั้ง ๆ ที่มันว่างเปล่าถึงขนาดนี้ เหมือนกับว่าพวกเขากำลังซ่อนอะไรบางอย่างเอาไว้ก่อนหน้านี้เฟนด์ไม่ได้รู้สึกอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะมีอะไรแปลก ๆ ให้เขาต้องสังเกต แต่หลังจากเห็นเช่นนี้แล้ว เฟนด์ก็เริ่มสงสัยอนิจจา ถึงเขาจะต้องการหาคำตอบแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือการยืนเงียบ ๆ ที่มุม ๆ หนึ่งเพื่อทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่ลืมสิ่งที่ตัวเองสงสัยไปจนหมด เพื่อที่จะได้คอยหาคำตอบคลายทุกข้อสงสัยใ
หากไม่มีรองเหรัญญิกอยู่ที่นั่น บัณฑิตคนอื่น ๆ คงจะตะโกนและส่งเสียงเชียร์เพื่อสนับสนุนบุคคลของตัวเองไปแล้วเฟนด์มองไปด้านข้างอย่างพูดไม่ออก รองเหรัญญิกหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ "เริ่มได้!"เมื่อเขาส่งสัญญาณ จู่ ๆ เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้ ๆ ตอนที่ใบหน้าอันไม่คุ้นเคยจะเริ่มเดินไปทางทิศตะวันออกแต่ละย่างก้าวที่เขาเดินนั้นมั่นคงมาก แต่เขาดูไม่เหมือนกิลเบิร์ตซึ่งเดินออกไปด้วยความรู้สึกว่างเปล่า คล้ายกับว่าเขาไม่แยแสต่อใบหน้างุนงงที่ทุกคนมีต่อเขาเลยกิลเบิร์ตอ้าปากกว้าง "นายมาทำอะไรที่นี่?"เฟนด์เลิกคิ้วและตอบอย่างใจเย็น “แล้วนายล่ะ นายมาทำอะไรที่นี่?”เขายิงคำถามกลับไปยังกิลเบิร์ต ทำให้กิลเบิร์ตโกรธเพราะเหตุนี้ “ฉันมาที่นี่ก็เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าฉันแข็งแกร่งกว่าและมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะไปอยู่ที่พันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุในรัฐตอนกลางในฐานะบัณฑิต!” กิลเบิร์ตตะคอกคำพูดของกิลเบิร์ตเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งอย่างชัดเจนราวกับเขาเกิดมาสูงส่งกว่าคนทั่วไปเฟนด์พยักหน้าขณะที่เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบ “ฉันเองก็เหมือนกัน”ทุกคนตกตะลึงกับคำพูดของเฟนด์ และคำตอบของเขาก็ทำให้