อย่างไรก็ตาม ร่างกายของเขายังคงต่อสู้หวังจะตามความทรงจำของเขาให้ทัน เขายังคงต้องการการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับตัวให้ชินกับสภาพที่เป็นอยู่อย่างสมบูรณ์ เขาหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เขาเอื้อมมือออกไปและลบอักษาแห่งโอสถทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นทันใดนั้นน้ำเสียงกังวลของราฟาเอลก็ดังมาจากข้างนอก “เฟนด์! นายใช้เวลาอยู่ในนั้นพอหรือยัง นี่ก็ผ่านไปนานแล้วนะ ทีนี้นายรู้หรือยังว่านายไปถึงขั้นไหนแล้ว?“ออกมาเดี๋ยวนี้เลยได้หรือเปล่า? เวลาส่วนใหญ่ที่ผู้คนใช้กันในห้องรังสีแห่งโอสถคือสี่ชั่วโมง ถ้านายยังอยู่ข้างในนั้นนานกว่านี้ นายก็จะกินเวลาของคนอื่นไปด้วย”เฟนด์เลิกคิ้วอย่างตื่นเต้น กฎนี้ค่อนข้างน่าประหลาดใจสำหรับเขา ทุกคนสามารถใช้เวลาฝึกฝนในห้องรังสีแห่งโลหิตในแต่ละวันได้สี่ชั่วโมงตราบใดที่เขายังคงฝึกฝนทุกวัน ในเวลาเพียงไม่กี่วันเขาก็น่าจะสามารถพัฒนาไปได้ไม่น้อย!ด้วยเหตุนี้ เขาจึงหัวเราะเบา ๆ ขณะที่หันหลังกลับและเปิดประตูไป เขาเห็นราฟาเอลกำลังมองมาที่เขาด้วยคิ้วที่เลิกสูงและสายตามีนัยยะ สิ่งที่ทำให้เฟนด์ประหลาดใจก็คือกิลเบิร์ตเพื่อนเก่าของเขาอยู่ข้างหลังราฟาเอลด้วยกิลเบิร์ตมองเฟนด์ราวกับว่าเขาเป
“ผมจะบอกคุณเป็นครั้งสุดท้าย เลิกสร้างความรำคาญให้ผมไม่หยุดไม่หย่อนได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ที่ผมเล่นงานคุณไปคราวก่อนจะถือเป็นการเรียกน้ำย่อยเท่านั้น”คำพูดของเฟนด์เป็นการราดน้ำมันลงกองไฟ มันทำให้กิลเบิร์ตระเบิดอารมณ์ทันใดนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้าและตะโกนด้วยความโกรธ "เฟนด์! อย่าลำพองใจให้มันมากนัก ถึงแม้ว่าฉันจะเอาชนะนายในการต่อสู้ไม่ได้ แต่ฉันก็ยังมีวิธีจัดการกับนายอยู่ดี!"เฟนด์เม้มริมฝีปากและพูดด้วยท่าทีไม่แยแส “แน่จริงก็เอาเลย แต่ผมต้องขอเตือนคุณเอาไว้ก่อนเลยนะ ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้ยินอะไรแบบนี้จากปากของศัตรู และกลับกลายเป็นว่าพวกที่พูดแบบนี้นั่นแหละที่ต้องเป็นฝ่ายประสบกับโศกนาฏกรรมเสียเอง"หลังจากพูดอย่างนั้น เฟนด์ก็ตัดสินใจไม่ยอมเสียเวลาอีก เขาหันหลังกลับและจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งทั้งสองคนไว้เบื้องหลังกิลเบิร์ตโกรธเคืองต่อเฟนด์เป็นอย่างยิ่ง ร่างกายของเขาสั่นไปหมด สายตาของเขาจ้องมองไปที่แผ่นหลังของเฟนด์ นึกอยากจะเข้าไปจัดการเฟนด์อย่างหนักราฟาเอลเห็นว่าสถานการณ์ไม่ดีจึงรีบเอื้อมมือไปหยุดกิลเบิร์ตเอาไว้“กิลเบิร์ต ใจเย็น ๆ หมอนั่นมันโง่จะตาย ถ้าคุณตามไปสู้กับหมอนั้นล่ะก็ จ
ราคาเหล่านั้นถือเป็นมาตรฐานที่ต่ำที่สุดด้วยซ้ำ ไม่มีใครรู้ว่าราคาสูงสุดของผลึกวิญญาณระดับเก้าจะมีมูลค่าเท่าไร ไม่ว่าจะมีมูลค่าเก้าสิบล้านหรือไม่ เฟนด์ก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อมที่สุด แนชรู้ว่าทุกสิ่งที่เฟนด์ทำคือการเตรียมการเข้าสู่หุบเขารกชัฎเขาขมวดคิ้วและพูดว่า “ที่แห่งนั้นไม่ใช่เพียงเข้าไปยากเท่านั้น แต่ยังอันตรายอีกด้วย เราจำเป็นต้องตามหากุญแจนั่นจริง ๆ เหรอ?”เฟนด์พยักหน้าโดยไม่ลังเล “จำเป็น หีบปะการังแดงเป็นสิ่งที่แม้แต่ผู้อาวุโสเหล่านั้นก็ยังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิง แม้ว่าผมจะอยู่ในทวีปเฮสเทียได้ค่อนข้างดี แต่นี่ไม่ใช่จุดหมายปลายทางสุดท้ายของผม มันเป็นเพียงบันไดก้าวแรกเท่านั้น เราจำเป็นต้องก้าวขึ้นไปให้สูงกว่านี้ และไม่อาจยอมแพ้ได้ เราไม่อาจละทิ้งโอกาสที่จะได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงกว่านี้ได้“ทั้งหีบปะการังแดงและสิ่งที่อยู่ในหีบปะการังแดง ผมต้องการมันทั้งหมด ความลับของมันยังกวนใจผมไม่เลิก”เนื่องจากเฟนด์พูดมากขนาดนั้น แนชจึงไม่ยอมหยุดเขา สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือถอนหายใจเบา ๆ ขณะเดินไปตบไหล่เฟนด์“พ่อรู้ว่าลูกมีหัวใจที่กล้าหาญ แต่พ่อรู้สึกได้แล้วว่าหนทางข้างหน้าจะต้องลำบากมาก ลู
เฟนด์ไม่ตอบเขา แต่ผลักประตูเปิดห้องรังสีแห่งโอสถไปอย่างใจเย็นแทน หลังจากมองดูการกระทำของอีกฝ่าย ราฟาเอลจึงไม่อาจสงบสติอารมณ์ได้อีกต่อไปแล้ว เขาอดไม่ได้ที่จะรีบวิ่งไปหาเฟนด์เขาเอื้อมมือออกไป ดึงเฟนด์กลับมาแล้วพูดว่า "เฟนด์ ฉันได้ยินมาว่านายไม่ได้รับคะแนนบุญเลยแม้แต่แต้มเดียวตั้งแต่นายเข้ามาในวิมานโอสถ ถูกต้องไหม?"เฟนด์สูดหายใจเข้าลึก ๆ เขาอยากจะตบราฟาเอลให้ประเด็นออกไปจริง ๆ แต่ถ้าเขาทำเช่นนั้นมันก็มีแต่จะทำให้เกิดปัญหาเขาจึงระงับความหงุดหงิดและความโกรธเอาไว้ แล้วพยักหน้ารับทันทีแน่นอนว่าเขาไม่สนใจคะแนนบุญอะไรพวกนั้นเลย สำหรับเฟนด์ สิ่งเหล่านั้นล้วนเป็นเรื่องไร้สาระ โอสถเพลิงสีชาดเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้คนที่นี่แต่เฟนด์มีโอสถแห่งสุญญะอยู่แล้ว โอสถเพลิงสีชาดจึงเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์อย่างเหลือเชื่อสำหรับเฟนด์ มันเป็นสิ่งที่ต่อให้คนพวกนี้จะมอบให้เขา เฟนด์ก็ไม่ต้องการ“ตอนนี้ยังไม่มีใครใช้ห้องรังสีโอสถ การที่ผมจะเข้าไปในนั้นไม่ได้รบกวนใคร เพราะงั้นปล่อยผมไปเถอะ ตกลงไหม? เพราะผมเองก็มีสิทธิ์ใช้ห้องนี้ด้วยเหมือนกันนี่” เฟนด์กล่าวราฟาเอลมองเฟนด์ ริมฝีปากของเขากระตุก เฟนด์ดูคล้ายจะบ้า
เฟนด์ยังคงไม่หันกลับไปมอง และตอบเพียงสั้น ๆ ว่า "คุณถามมาตอนนี้ได้เลย"เมื่อเห็นท่าทางของเฟนด์ ราฟาเอลก็ไม่พอใจเล็กน้อย แต่เขาก็รู้ว่าผู้ชายคนนี้ไม่เคยไปยุ่มย่ามกับกิลเบิร์ตเลย และไม่เคยมายุ่งอะไรกับเขาด้วยดังนั้น เขาจึงระงับความโกรธในใจและถามออกไปว่า "นายเคยได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นกับกิลเบิร์ตบ้างไหม ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเรื่องดังกล่าวนั้นสร้างความโกลาหลมากทีเดียว พวกเขาทุกคนบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับนายด้วย…"ก่อนที่ราฟาเอลจะพูดจบ เฟนด์ก็พูดแทรกขึ้น "ผมไม่รู้อะไรเรื่องกิลเบิร์ตเลย นับตั้งแต่ที่ผมเข้ามาอยู่ในวิมานโอสถ ผมก็ไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง“นอกจากตอนที่กิลเบิร์ตพยายามหาเรื่องผมไม่กี่วันก่อน ผมก็ไม่ได้ทำอะไรเลย และไม่ว่าใครจะบอกว่าผมมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนั้นก็อย่าได้เชื่อพวกเขา เพราะผมไม่ได้ทำอะไรเลยจริง ๆ"หลังจากพูดจบ เฟนด์ก็ปิดประตูทันที ชายังอยู่ในมือของราฟาเอล เขาไม่อาจระงับความโกรธได้อีกต่อไปแล้ว “เจ้าสารเลวนี่…” เขากำลังจะก่นด่าอีกฝ่ายแต่ก็ไม่กล้า นั่นก็เพราะเฟนด์ไม่ใช่คนที่เขาจะล้อเล่นด้วยได้เฟนด์ไม่เคารพกิลเบิร์ตด้วยซ้ำ ถ้าราฟาเอลพูดอะไรที่ทำให้เฟนด์ไ
เขาดูคล้ายคนที่เพิ่งได้ยินเรื่องตลกที่สุดในชีวิตมา เฟนด์มองเขาอย่างสงบราวกับกำลังรอให้เสียงหัวเราะของอีกฝ่ายเงียบหายไปเร็ว ๆ หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ราฟาเอลก็ละล่ำละลักออกมาขณะหัวเราะไปด้วย "นายนี่บ้าไปแล้วจริง ๆ นี่หรือนายคิดว่าฉันจะยอมเชื่อว่านายสามารถควบรวมอักขระทางยาได้สองร้อยอักษรเพราะแค่นายมาที่นี่อย่างตรงเวลาเพียงไม่กี่วัน? นี่นายอยากให้ฉันช่วยหาวัตถุดิบสำหรับบ่มเพาะโอสถระดับหกเหรอ?“นายจะไร้เดียงสาเกินไปหน่อยหรือเปล่า? นายนี่มันไร้เดียงสาเป็นบ้า ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับนายแล้ว!”เฟนด์เลิกคิ้วขณะที่เขาหยิบแผ่นทองคำออกมาจากแหวนมัสตาร์ด ซี๊ด ก่อนโบกมันไปต่อหน้าราฟาเอลทันทีที่ราฟาเอลเห็นแผ่นทองคำนั้นเขาก็ดูคล้ายกับคนที่สมองหยุดทำงานไปแล้ว แม้แต่รอยยิ้มของเขาก็แข็งค้างบนใบหน้าอยู่อย่างนั้น เขาใช้เวลาอยู่นานกว่าที่จะฟื้นคืนสติกลับมาได้ดวงตาของเขาเบิกโพลงจนแทบจะหลุดออกมาจากเบ้า "นี่มันอะไรกัน?" เขาตะโกนเสียงดังเฟนด์เม้มริมฝีปากด้วยความโกรธเคือง ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องรอให้ราฟาเอลช่วยเขาหาวัตถุดิบสำหรับบ่มเพาะโอสถระดับหก เขาคงไม่สนผู้ชายคนนี้เฟนด์พูดออกมาว่า “คุณไม่รู้หรือว่านี่คืออ
“ตอนนี้ ผมได้รับมันมาแล้ว คุณสามารถนำแผ่นทองคำนี้ไปแลกเป็นวัตถุดิบสำหรับใช้ในการบ่มเพาะโอสถระดับหกสามอย่างนั้นมาได้”มือของราฟาเอลสั่น เขายังคงมีคำถามมากมายอยู่ในใจ แต่ก็ยังยอมรับแผ่นทองคำไป ใช้เวลาอยู่นานกว่าที่เขาจะเอ่ยขึ้นว่า "รออยู่ที่นี่นะ ฉันจะไปเอามันมาให้นายเอง"หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังไปพร้อมกับแผ่นทองคำในมือ เขากำลังจะไปแลกมัน แต่ในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าเฟนด์ก็ยื่นมือออกมาเพื่อหยุดเขาเอาไว้น้ำเสียงของเฟนด์ที่พูดฟังดูเย็นชา "ผมหวังว่าคุณจะไม่บอกใครในเรื่องนี้ เพราะถ้าหากคุณพูดออกไปแม้แต่คำเดียวผมจะชกคุณให้ตายเลย“ผมจะไม่ขอให้คุณทำอะไรมากมายหรอก สิ่งเดียวที่คุณต้องทำก็คือหุบปากเอาไว้ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าผมหมายถึงอะไร”ร่างกายของราฟาเอลแข็งทื่อไปทุกส่วน เขาอยากจะป่าวประกาศเรื่องนี้ออกไปอย่างที่สุด แต่คำพูดของเฟนด์ได้ทำลายความเป็นไปได้นั้นลงอย่างสิ้นเชิงเขาเข้าใจดีว่าเฟนด์ไม่ใช่คนที่เขาจะหาเรื่องด้วยได้ ถ้าเขาปล่อยข่าวนั้นออกมาจริง ๆ เฟนด์คงไม่ปล่อยเขาไป ราฟาเอลรีบพยักหน้าขณะที่เขาบอกกับเฟนด์ว่า "ไม่ต้องห่วง! ฉันจะไม่บอกใครในเรื่องนี้อย่างแน่นอน แล้วต่อให้ข้
“และอีกอย่าง นายรู้ไหมว่าพันธมิตรนักเล่นแร่แปรธาตุแห่งรัฐตอนกลางเป็นสถานที่แบบไหน ต่อให้นายจะมีความสามารถอยู่เล็กน้อย นายก็สู้ใครเขาไม่ได้หรอก ถ้านายได้ไปก็มีแต่จะทำให้วิมานโอสถต้องอับอายเปล่า ๆ!”คำพูดเหล่านั้นกระตุ้นกิลเบิร์ตได้อย่างมาก ก่อนหน้านี้ กิลเบิร์ตอาจเป็นแค่แมวแยกเขี้ยว แต่ด้วยคำพูดเหล่านั้น ตอนนี้เขาจึงกลายเป็นเสือที่ตั้งท่าจะกระโจนใส่อีกฝ่ายเขาเอื้อมมือออกไปและอยากจะบีบคอของอีกฝ่ายเอาไว้ แต่บัณฑิตคนอื่น ๆ ก็รีบเข้าไปห้าม และแยกพวกเขาทั้งสองออกจากกันเหตุการณ์นั้นเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย และไม่มีใครสามารถบอกได้ว่าใครเป็นใครเมื่อมองดูเหตุการณ์นั้น ริมฝีปากของเฟนด์ก็กระตุกอย่างพูดไม่ออก เขาหันกลับไปมองราฟาเอลซึ่งกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวด“นี่พวกเขาจะสู้กันจริง ๆ เหรอ…?”เฟนด์เลิกคิ้วมองราฟาเอลหลังจากที่เขาได้ยินเช่นนั้น ดูเหมือนว่าทั้งสองจะเก็บงำการแก้แค้นต่อกันมานานแล้ว ในตอนนั้นทั้งสองคนตาแดงก่ำ ในขณะที่นักเรียนที่อยู่รอบตัวพวกเขากำลังแยกพวกเขาออกจากกันอย่างวุ่นวายเมื่อมองดูความเกลียดชังในสายตาของกิลเบิร์ต เฟนด์ก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน กิลเบิร์ตรีบ