เขาไม่สนว่าอีกฝ่ายจะเป็นใคร เพราะไม่ว่าใครก็ไม่ควรเปิดประตูห้องของเขาอย่างไร้มารยาทแบบนี้อยู่ดี หากเขาอยู่ระหว่างการซึมซับความทรงจำ การถูกรบกวนเช่นนี้อาจทำให้เขาสูญเสียการควบคุมไปได้!“นายใช่ไหม! ต้องเป็นนายแน่!” กิลเบิร์ตชี้ไปที่เฟนด์ ดวงตาของเขาแดงก่ำเฟนด์มองกิลเบิร์ตด้วยสายตาประหลาดใจ เพราะไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้กำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่กิลเบิร์ตหัวเราะอย่างเย็นชา "อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่านายทำอะไร!"เฟนด์รู้สึกราวกับกิลเบิร์ตเสียสติไปแล้ว เขาไม่เคยออกจากห้องตัวเองด้วยซ้ำ แล้วเขาจะทำอะไรได้? ใบหน้าของเฟนด์มืดลงอย่างสิ้นเชิง ด้วยเหตุเพราะข้อกล่าวหาแสนประหลาด และการที่กิลเบิร์ตบุกเข้ามาในห้องเขาอย่างหยาบคายดาบวิญญาณก่อตัวอยู่ในมือของเขา เฟนด์ตัดสินใจแล้วว่าจะสอนบทเรียนให้กับกิลเบิร์ตอย่างสาสมแม้ว่ามันจะขัดกับกฎก็ตาม!กิลเบิร์ตดูคล้ายจะโกรธจัด เขาสั่นไปทั้งตัว “ว่ามาสิ! แล้วรู้สึกผิดบ้างไหม? นายเป็นคนปล่อยข้อมูลออกไปใช่หรือเปล่า!”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออก เขาเอ่ยด้วยความโกรธว่า "สมองคุณมีปัญหาหรือเปล่า? กำลังพูดเรื่องอะไรกัน? รู้สึกผิดอะไร? ข้อมูลอะไร?"ร่างกายของกิลเบิร์ตสั่นเทิ้ม
"เจ็บโว้ย!" กิลเบิร์ตร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ทำให้ร่างกายขดตัวด้วยความเจ็บปวดเฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชาขณะที่เขาเดินออกจากประตู ในขณะนั้น กิลเบิร์ตก็นอนหดตัวกลมอยู่แล้ว นี่ยังถือว่าเฟนด์อดกลั้นพลังเอาไว้แล้ว เพราะหากก่อนหน้านี้เฟนด์ใช้พลังไปถึงสี่ในสิบส่วนแล้วล่ะก็ กิลเบิร์ตคงตายไปแล้วกิลเบิร์ตอาจมีพรสวรรค์ด้านการเล่นแร่แปรธาตุ แต่เขาคงไม่แม้แต่จะสามารถเอาชนะแนชในการต่อสู้ได้กิลเบิร์ตร้องด้วยความเจ็บปวด เขาหงายล้มลงไปอีกขณะพยายามลุกขึ้น เมื่อจอห์นได้ยินเสียงโกลาหลเขาก็รีบวิ่งมาดู จอห์นตกใจมากที่เห็นกิลเบิร์ตนอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยความเจ็บปวด หลังจากนั้นเขาก็รีบไปช่วยพยุงกิลเบิร์ตให้ลุกขึ้นจอห์นเหลือบมองเฟนด์ซึ่งยืนตัวตรงอยู่ กิลเบิร์ตได้จัดให้เฟนด์อยู่ในพื้นที่อันห่างไกลผู้คนอย่างไม่น่าเชื่อ จริง ๆ แล้วมันเป็นเพียงแค่โรงเก็บของอย่างที่เฟนด์คาดเอาไว้จริงๆ ด้วยเหตุนี้ จึงมีเพียงจอห์นเท่านั้นที่ได้เห็นกิลเบิร์ตถูกเล่นงานจนอยู่ในสภาพเช่นนี้เฟนด์พ่นลมหายใจออกมา “คุณนี่ถ้าไม่กล้าบ้าบิ่นก็คงตาบอด คุณคิดจะโจมตีผมก่อนที่คุณจะรู้ว่าผมอยู่ในระดับไหนเสียอีก คุณนี้มันไม่รู้จักเจียมเนื้อเจี
เฟนด์มองไปที่กิลเบิร์ตโดยไม่พูดอะไรขณะที่กิลเบิร์ตจ้องมองเขาด้วยแววตาเกลียดชัง แม้หลังจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นแล้ว เฟนด์ก็ยังไม่เข้าใจว่ากิลเบิร์ตกำลังทำอะไรหรือพูดอะไรกันแน่เหตุใดกิลเบิร์ตจึงเข้ามาตวาดใส่เขาแบบนั้น? เหตุใดกิลเบิร์ตจึงกล่าวหาเขา? ในขณะนั้นเฟนด์ได้แต่หัวเราะกับคำขู่ของกิลเบิร์ต กิลเบิร์ตสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนหันกลับไปมองเดเมี่ยนด้วยความโกรธ“อย่ามัวแต่มายุ่งกับฉันอยู่นี่เลย ไปจัดการสิ่งที่เกิดขึ้นที่นั่นก่อน!”เดเมี่ยนหน้าซีด ความอึดอัดใจจากการถูกผลักออกไปก่อนหน้านี้ได้คลี่คลายไปไม่น้อยแล้ว เขาหันกลับมามองเฟนด์ก่อนจะหันกลับไปมองกิลเบิร์ตเดเมี่ยนพยักหน้า "ผมจะจัดการให้เรียบร้อยเดี๋ยวนี้ แต่...ผมเคยตรวจสอบมันมารอบนึงแล้ว มันไม่ผิดแน่"สีหน้าของกิลเบิร์ตแข็งทื่อ เขายังอยากจะอธิบายเพิ่มซักหนึ่งถึงสองประโยค แต่ก็ต้องกลืนคำพูดลงคอไปเขาเพียงพยักหน้าอย่างเย็นชา "เข้าใจแล้ว แต่เราจะวางเฉยต่อไปไม่ได้!"ในขณะที่เขาพูดอย่างนั้น กิลเบิร์ตไม่ได้มองเดเมี่ยนด้วยซ้ำ กิลเบิร์ตจ้องมองเฟนด์ตลอดเวลา แต่เฟนด์ค่อนข้างคุ้นเคยกับท่าทางแสดงความเกลียดชังนั้นแล้ว แทบทุกคนที่พยายามทำให้เฟนด
“คุณบุกเข้าไปในห้องพักของผมอย่างไม่มีเหตุผลสมควร คุณพยายามโจมตีผม แต่คุณมันอ่อนหัดอย่างไม่น่าเชื่อ ทีนี้นอกจากเอาชนะผมไม่ได้ยังมากล่าวหาผมแบบนี้อีก ไม่รู้เลยว่าหน้าคุณจะหนาได้ถึงขนาดนี้”มุมปากของจอห์นกระตุกเมื่อได้เห็นถึงความตรงไปตรงมาของเฟนด์ เขาเหลือบมองกิลเบิร์ตที่อยู่ข้าง ๆ อย่างอับอาย กิลเบิร์ตโกรธจนร่างกายของเขาสั่นไปหมด ดูคล้ายจะไม่ต้องการอะไรไปมากกว่าการพุ่งไปกัดเฟนด์เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชาขณะที่เขาพูดต่อ "ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมคุณถึงยังไม่ไปอีก คุณอยากจะพูดอะไรล่ะ คุณคิดว่าคุณจะเถียงผมชนะหรือไง คิดว่าจะเอาชนะผมในการต่อสู้ได้?"ใบหน้าของกิลเบิร์ตเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว เขาโกรธเฟนด์มากจนรู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิดเสียเดี๋ยวนี้ ความจริงแล้วคำพูดของเฟนด์นั้นถูกต้องทั้งหมด เขาไม่สามารถเอาชนะเฟนด์ได้ และไม่อาจเถียงเฟนด์ให้ชนะได้ด้วยการรั้งอยู่ที่นี่ไม่เป็นประโยชน์อะไรกับเขาเลยทั้งยังมีแต่จะทำให้เขาต้องขายหน้ายิ่งกว่าเก่า เขาหายใจเข้าลึก ๆ สักสองสามครั้งก่อนที่จะให้จอห์นช่วยพยุงเขาไปหลังจากเดินไปสองก้าว เขาก็ตะโกนโดยไม่หันกลับมามองว่า "ฉันจะกลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกในอีกไม่น
เพราะงั้นจึงไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะไม่รู้จักเขา สิ่งเดียวที่คนรับใช้ต้องทำคือจำเสื้อผ้าที่เฟนด์ใส่อยู่เพื่อที่จะได้รู้ว่าเฟนด์คือใคร คนรับใช้พินิจมองเฟนด์ครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “คุณเป็นบัณฑิตคนที่สิบเอ็ดใช่หรือเปล่า?”เฟนด์รู้สึกตกใจเล็กน้อยกับชื่อใหม่ของตัวเอง บัณฑิตคนที่สิบเอ็ด? หลังจากคำพูดเหล่านั้นลอยอยู่ในหัวของเฟนด์สักพักหนึ่ง เขาก็เข้าใจทันทีแชนด์เลอร์เคยบอกเฟนด์มาก่อนแล้วว่าเขาเป็นนักเรียนคนที่สิบเอ็ดที่วิมานโอสถรับเข้าศึกษา คนรับใช้จึงเรียกเขาด้วยตำแหน่งเป็นธรรมดาเฟนด์พยักหน้า หลังจากที่คนรับใช้รับรู้ถึงตัวตนของเฟนด์อย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ตื่นตระหนกน้อยลง เขาเม้มริมฝีปาก เมื่อได้ยินมาก่อนหน้านี้ว่าบัณฑิตใหม่ไม่ลงรอยกับบัณฑิตรอง แต่ทว่าเฟนด์ก็ยังถือเป็นบัณฑิตของที่นี่พวกเขาเป็นเพียงคนรับใช้ธรรมดาเท่านั้น หากพวกเขาทำให้เฟนด์ขุ่นเคืองเนื่องจากคำพูดที่ไม่เหมาะสม พวกเขาอาจถูกไล่ออกเมื่อใดก็ได้ หากเฟนด์นำเรื่องนี้ไปฟ้องคนอื่นด้วยเหตุนี้ คนรับใช้จึงฝืนยิ้มและพูดว่า "มีอะไรหรือ บัณฑิตสิบเอ็ด?"เฟนด์พยักหน้า เขาไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับคนรับใช้ ดังนั้นเขาจึงถามอย่างตรงไปตรงมาว่า "ฉั
โดยไม่คาดคิด สายตาของเฟนด์สนใจเฉพาะห้องเล่นแร่แปรธาตุแต่ละห้องเท่านั้น ดูเหมือนว่าเฟนด์จะไม่ได้สังเกตเห็นราฟาเอลเลยราฟาเอลมีสีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อยขณะโยนผ้าลงบนโต๊ะ เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนพูดขึ้นว่า "นายต้องเป็นบัณฑิตลำดับที่สิบเอ็ดแน่"คำพูดของราฟาเอลดึงเฟนด์ออกจากห้วงความคิดของตัวเอง เฟนด์กระแอมเล็กน้อยแล้วพยักหน้า ราฟาเอลจ้องมองเฟนด์ด้วยความไม่พอใจอย่างเห็นได้ชัด“ฉันเป็นศิษย์พี่ของนาย เป็นศิษย์พี่ลำดับที่ห้าของนายไงล่ะ ฉันชื่อราฟาเอล แม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราพบกัน แต่ฉันก็ต้องขอเตือนนายเอาไว้ก่อน บัณฑิตที่นี่ต้องรู้จักเคารพคนอื่นเป็นพื้นฐาน แม้ว่าเราจะเป็นบัณฑิตร่วมสำนัก แต่ฉันก็ยังคงเป็นศิษย์พี่ของนายอยู่”ราฟาเอลอยากให้เฟนด์รู้ว่าเขาหยาบคายเกินไปหน่อย เพราะอย่างน้อยเฟนด์ก็ควรจะทักทายเขาก่อนที่เขาจะต้องเป็นฝ่ายเข้ามาเริ่มบทสนทนาเองเฟนด์ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย ราวกับว่าราฟาเอลไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาของเฟนด์ มันทำให้ราฟาเอลโกรธเล็กน้อย และเฟนด์ก็เข้าใจความหมายโดยนัยของคำพูดเหล่านั้นได้เขาถอนหายใจเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยสถานะของเฟนด์ คนอย่างราฟาเอลจึ
ริมฝีปากของเขากระตุกขณะที่เขาจ้องมองไปที่เฟนด์ เฟนด์ถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง คิดอยู่แล้วว่าเรื่องเช่นนี้จะต้องเกิดขึ้นเฟนด์ไม่มีอารมณ์จะมาเสียเวลากับราฟาเอลในตอนนี้ “สรุปคุณรู้หรือเปล่าว่าผมจะหาวัตถุดิบสำหรับบ่มเพาะโอสถระดับหกได้ที่ไหน? ผมอยากจะลองบ่มเพาะโอสถดู” เฟนด์พูดซ้ำครั้งนี้ เฟนด์พูดอย่างชัดถ้อยชัดคำ ราวกับว่าคำพูดทุกคำมีความสำคัญอย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อให้แน่ใจว่าราฟาเอลจะเข้าใจคำขอของเขา ราฟาเอลเข้าใจมันได้อย่างไม่ยากเย็น และความประหลาดใจในดวงตาของเขาก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นริมฝีปากของเขากระตุกอยู่นานก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความโกรธเคือง “บอกฉันทีสิ นายเมาหรือเปล่า?”ราฟาเอลหมดคำจะพูด เขาไม่รู้ว่าเด็กเหลือขอที่อยู่ตรงหน้าเขากำลังพูดถึงอะไร นักเล่นแร่แปรธาตุระดับห้าพยายามสกัดโอสถระดับหก ก่อนที่จะเรียนรู้มรรคาแห่งโอสถอย่างนั้นหรือ?แถมเด็กเหลือขอนี่ยังพูดราวกับมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีกด้วย ราฟาเอลยังนึกสงสัยว่าสมองของเฟนด์มีอะไรผิดปกติหรือเปล่าเฟนด์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งเดียวที่เขาจะได้รับจากคำพูดเหล่านั้นคือคำถามเกี่ยวกับสุขภาพจิตของเขา แต่เฟนด์กลับไม่ส
อย่างไรก็ตาม ผู้ชายที่ชื่อเฟนด์ที่อยู่ตรงหน้าเขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีอักขระทางยาอยู่มากน้อยเพียงใด หรือจะได้มันมาอย่างไรก็คงยังไม่รู้ นับภาษาอะไรกับการปรับแต่งโอสถให้ได้ถึงห้าในสิบส่วน และเหนือสิ่งอื่นใด เฟนด์ไม่เคยมีโอกาสได้ศึกษามรรคาแห่งโอสถมาก่อนอีกต่างหากเฟนด์เหลือบมองราฟาเอล “มีอักขระทางยาทั้งหมดหนึ่งล้านอักษร อักษรแต่ละตัวยังสามารถซ้อนทับกับอักษรอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่พิเศษขึ้นได้ด้วย”นี่เป็นความรู้ที่เฟนด์รู้อยู่แก่ใจ สิ่งเหล่านี้คือข้อมูลที่เขาสามารถดึงออกมาจากความทรงจำของเขาได้แบบสบาย ๆ แต่ราฟาเอลกลับมองว่าคำพูดของเขาเป็นเรื่องน่าขันและเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดังการหัวเราะนั้นดูเกินจริงอย่างไม่น่าเชื่อราวกับว่าเขากำลังฟังเรื่องที่ตลกที่สุดในโลกอยู่ เฟนด์ขมวดคิ้วแต่ไม่พูดอะไรราฟาเอลชี้ไปที่เฟนด์ “เฟนด์ นายนี่มันตลกจริง ๆ คงไม่คิดว่าฉันจะเชื่อในคำพูดไร้สาระของนายหรอกใช่ไหม“ถึงฉันจะไม่เคยศึกษามรรคาแห่งโอสถ แต่ฉันมีความรู้พื้นฐานในเรื่องเป็นอย่างดี อักขระทางยานับล้านงั้นเหรอ? นายนี่กล้าพูดได้ไม่อายปาก! ไม่กลัวจะถูกคนอื่นเขาหัวเราะเยาะหรือยังไง!”เฟนด์ขมวดคิ้วและไม่พูด