เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีก แซมซั่นมองเฟนด์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "วู๊ด คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ถ้าคุณสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว คุณจะถูกฆ่าเอานะ!"เฟนด์ส่ายหน้าเล็กน้อย โดยไม่แยแสสิ่งที่แซมซั่นพูด ซาเมียนหัวเราะเสียงดังในขณะที่เขาชี้ไปที่เฟนด์ "นายมันบ้าไปแล้ว! นายนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย รูฟัส ไอ้สารเลวนี่กำลังท้าทายคุณอยู่ เพราะงั้นคุณไม่ต้องเมตตาอะไรเขาเลย คุณต้องทำให้เขาเห็นว่าคนที่มาหาเรื่องคุณจะต้องเจอกับอะไร!”รูฟัสดูราวกับไม่สนใจคำพูดของซาเมียน แต่คำพูดพวกนั้นทำให้รูฟัสโกรธเฟนด์ถึงขีดสุดได้สำเร็จ การถูกเด็กเหลือขออย่างเขาพูดจาท้าทายเช่นนั้น หากรูฟัสไม่ให้บทเรียนที่สาสมแก่เฟนด์ นั่นแปลว่าทักษะของเขายังไม่ดีพอด้วยเหตุนี้ เขาจึงเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ขณะที่เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยมีดาบอยู่ในมือ เขารีบวิ่งไปหาเฟนด์ และเฟนด์ก็ยิ้มเบา ๆ ขณะเอ่ยปากโดยไม่หันกลับไปมองว่า "พวกคนที่เหลือถอยไปไกล ๆ!"คนอื่น ๆ ต่างก็มีปฏิกิริยาทันทีเมื่อได้ยินเฟนด์พูดเช่นนั้น แม้ว่าทุกคนจะสงสัยในตัวเฟนด์ แต่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน และพวกเขาไม
เฟนด์เทียบอะไรกับรูฟัสไม่ได้เลย! เฟนด์เองก็ได้ยินคำโอ้อวดของซาเมียนเช่นกัน เฟนด์ยิ้มน้อย ๆ ทักษะระดับปฐพีอย่างนั้นเหรอ?นี่อาจจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ แต่มันกลับไม่สำคัญอะไรกับเฟนด์เลย!ดาบวิญญาณสามสิบห้าเล่มหลอมรวมอยู่ภายในดาบสีดำ แสงสีดำเปล่งประกายออกมาจากคมดาบ! ขณะที่ดาบของรูฟัสเหวี่ยงลงมาอย่างรุนแรง เฟนด์ก็โจมตีกลับไปเช่นกัน!ทุกคนได้ยินเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อทักษะแช่แข็งวิญญาณและทลายห้วงสุญญะปะทะกันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นแสงดำทมิฬก็กลืนกินแสงสีฟ้าอันเย็นเยือกจนหมดพวกเขาทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ และในเวลาเพียงครู่เดียวก็มีเสียงแตกร้าวดังขึ้นแสงสีฟ้าเย็นยะเยือกกระจายออกเป็นผลึกหิมะ พวกมันถูกลมพัดปลิวไปขณะร่วงลงกลับพื้น ทักษะทลายห้วงสุญญะของเฟนด์ไร้เทียมทาน หลังจากทำลายทักษะแช่แข็งวิญญาณ มันก็ฟาดฟันไปที่รูฟัสตั้งแต่ต้นจนจบ รูฟัสไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กสารเลวสวมหน้ากากตรงหน้าเขาเลย เขาได้แต่คิดว่าไม่มีทางที่ทักษะแช่แข็งวิญญาณของเขาจะถูกกำจัดลงเช่นนี้ป่านนี้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นควรจะกลายเป็นน้ำแข็ง และรูฟัสจะจัดการเตะเพื่อทำลายร่างของเจ้าเด็กเหลือข
แต่คนในระดับนั้นกลับทำให้เห็นแล้วว่าเทียบอะไรกับวู๊ดไม่ได้เลย! วู๊ดเป็นใครกัน? ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับชายคนนี้มาก่อน?แซมซั่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ไม่แปลกเลยที่เขาเคยช่วยพวกเราเอาไว้ได้ ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เขาเก่งกาจมากจริง ๆ!"ในขณะนั้น อิเซยาห์ก็กลับมาตั้งสติได้อย่างช้า ๆ ริมฝีปากของเขาสั่นอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ไบรอนเบิกตากว้าง มองดูเฟนด์ที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยความไม่เชื่อซาเมียนดูเหมือนสติจะหลุดลอยไป เข้าอ้าปากค้าง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่พยางค์เดียว! ศิษย์ทุกคนจากสำนักวายชนม์ต่างก็อ้าปากค้างเหมือนกัน พวกเขาพูดอะไรไม่ออกเลย!พวกเขาตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นมากเกินไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เห็นรูฟัสผู้ไร้เทียมทานพ่ายแพ้ให้กับเด็กเหลือขอที่ไม่มีใครรู้จักเฟนด์เลิกคิ้วขึ้นขณะที่เขาจ้องมองซาเมียนอย่างเย็นชา ซาเมียนตัวสั่นขณะมองกลับไป เพราะรู้สึกเสียวสันหลังราวกับว่าเขาจะถูกเฟนด์ฆ่าในวินาทีต่อมาเขาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว และในขณะนั้นเอง น้ำเสียงสั่นเครือของรูฟัสก็ดังขึ้นว่า "ทำไมพวกนายยังไม่ช่วยพยุงฉันอีก!"เมื่อได้ยินเช่
ในตอนนั้นเขารู้สึกเสียใจกับทุกคำพูดของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่าหัวข้อการสนทนาของเขาอยู่ข้างเขามาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงประเมินอีกฝ่ายอย่างถึงพริกถึงขิงคำพูดของอิเซยาห์ทำให้เฮย์เดนและแซมซั่นตระหนักถึงเรื่องนั้นได้เช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำขณะที่พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง พวกเขาไม่ควรเปิดปากเลย!ไบรอนมองเฟนด์ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเฟนด์มาก่อน แต่ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจเฟนด์มากนัก เขาคิดว่าเฟนด์เป็นเพียงคนที่อยู่ขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดที่มีสายสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตเท่านั้น แต่ทว่าเฟนด์ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของเขาเป็นเพียงเรื่องไร้สาระเฟนด์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจำต้องปลอมตัวต่อไป เขาโยนหน้ากากที่อยู่บนใบหน้าทิ้งและเปิดเผยตัวเองต่อคนอื่น ๆ ทั้งสิบสามคนที่อยู่ตรงนั้นซาเมียนถอยกลับไปด้วยความกลัว เขากับเฟนด์มีประวัติต่อกันมากเกินไป นึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เขาได้ติดตามชายสวมหน้ากากไปโจมตีเฟนด์และพรรคพวกของเขามาก่อน เขาหยาบคายใส่เฟนด์อยู่เสมอต่อมา เฟนด์ได้แสดงให้เห็น
เฟนด์เหลือบมองทุกคนก่อนที่จะถอนหายใจเบา ๆ “บุปผามอดม้วยเป็นของคุณ รีบไปเก็บมันเร็วเข้า”ใบหน้าของไบรอนแข็งทื่อ และในที่สุดก็คลายความกังวลของเขาได้ เขานึกว่าเฟนด์จะหยิบบุปผามอดม้วยไปเสียอีก เพราะอย่างไรเสีย บุปผามอดม้วยนี้ก็เป็นหญ้าวิญญาณระดับแปด ซึ่งแปลว่ามันมีคุณค่ามากแต่ทว่า เฟนด์ดูเหมือนจะไม่สนใจบุปผามอดม้วยเลย ไบรอนเก็บมันไว้ในกล่องหยกที่พวกเขาเตรียมไว้ทันที ก่อนจะใส่มันเข้าไปในแหวนยุทธของเขาเฟนด์ไม่อยากเสียเวลาพูดอะไรกับพวกเขามากจนเกินไป “ในเมื่อตัวตนของผมถูกเปิดเผยแล้ว เราแต่ละคนก็ควรไปตามทางของตัวเอง ตัวตนของผมจะทำให้พวกคุณตกอยู่ในอันตราย”หลังจากที่เฟนด์พูดจบ เขาก็หันหลังกลับเพื่อจากไป แต่ทว่าดูเหมือนแซมซั่นจะไม่เต็มใจแยกทางกับเฟนด์ เฟนด์บอกว่าการเปิดเผยตัวของเขาจะทำให้พวกเขาตกอยู่ในอันตราย แต่แซมซั่นไม่คิดอย่างนั้นเลยเขารู้สึกว่าการมีเฟนด์อยู่ด้วยนั้นปลอดภัยกว่ามากสำหรับพวกเขา เฟนด์ถือเป็นคนที่อยู่ในในสามอันดับแรกในบรรดาพวกเขาทั้งหมด ในด้านทักษะนั้นเฟนด์เป็นคนที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่ออย่างแน่นอน แซมซั่นจึงตัดสินใจเกาะติดเฟนด์ไว้ไม่ปล่อย“เฟนด์ ผมไม่เห็นด้วยกับคุณเล
เห็นได้ชัดว่าเฟนด์ไม่ใช่คนเดียวที่ได้กลิ่นคาวเลือดดังกล่าว คนอื่น ๆ มีสีหน้ากังวลขณะที่พวกเขาเริ่มมองไปรอบ ๆ กลิ่นคาวเลือดชัดเจนเกินไป บริเวณนี้เกิดการสังหารขึ้นอย่างแน่นอนไม่ใช่แค่หนึ่งหรือสองคนที่เสียชีวิตแน่ เพราะกลิ่นนี่รุนแรงกว่านั้นมากแซมซั่นมีสีหน้ามืดมนขณะที่เขาพูดว่า "แถวนี้ไม่มีศพอยู่ใกล้ ๆ แต่กลับมีกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งไปทั่ว เราควรเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องเลวร้ายสุด ๆ เอาไว้"การตัดสินของแซมซั่นไม่ต่างจากคนอื่น เมื่อทุกคนได้กลิ่นเลือด สีหน้าของพวกเขาก็มืดลงไม่ต่างกัน อิเซยาห์มองไปที่เฟนด์ และอยากจะพูดอะไรบางอย่าง และหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็กลืนคำที่เขาจะพูดลงคอไปเฮย์เดนมองดูสีหน้าสับสนของอิเซยาห์แล้วถอนหายใจด้วยความโกรธ เนื่องจากอิเซยาห์ไม่เต็มใจที่จะพูด เขาจะชิงพูดเสียเองเฮย์เดนเดินไปทางซ้ายของเฟนด์ “เฟนด์ คุณตัดสินใจเถอะ เราจะตามหาแหล่งที่มาของกลิ่นไหม?”เฟนด์พยักหน้า แล้วตอบเพียงสั้น ๆ ว่า“เอาสิ!”พวกเขาแยกทางกันค้นหาโดยใช้ญาณทิพย์ตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ พวกเขาแยกออกเป็นสี่ทิศหลัก และหลังจากนั้นไม่นานก็มีการเคลื่อนไหวทางทิศตะวันออกที่ซึ่งอิเซยาห์เป็นผู
น่าเสียดายที่แจ็คสันไม่อาจตอบสนองต่อเฮย์เดนได้อีก จากศพทั้งเจ็ดศพที่ถูกโยนทิ้งอย่างไม่ใยดี สองศพมาจากตำหนักสองกษัตริย์ ในขณะที่อีกสองศพมาจากสำนักปฐมหายนะ และอีกสามศพที่เหลือมาจากสำนักสหัสบรรณแซมซั่นพบศิษย์จากสำนักปฐมหายนะที่เขาสนิทสนมและคุกเข่าลงมองดูพวกเขาด้วยความเจ็บปวด เสียงของอิเซยาห์แหบแห้งเล็กน้อยขณะที่เขาพูดว่า "นี่มันอะไรกัน ใครฆ่าพวกเขา เป็นคนหรือสัตว์อสูรกัน!"เฟนด์ถอนหายใจ สายตาของเขาขยับไปที่หน้าอกของริฟมีรูขนาดเท่ากำปั้น รอบบาดแผลไม่มีเลือดเลยแม้แต่น้อย มีเพียงสีดำบริเวณโดยรอบเท่านั้นมันดูคล้ายกับถูกไฟไหม้ หลังจากใช้ญาณทิพย์ของเขาสำรวจดู เขาก็รู้สึกได้ว่ามันมีกระแสไฟฟ้าอยู่จำนวนหนึ่ง เฟนด์จ้องมองไปที่ศพอื่น ๆ ขณะที่เขาตรวจสอบคนอื่น ๆ เขาสังเกตเห็นว่าพวกเขามีอาการบาดเจ็บที่เกิดจากอาวุธ เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ฝีมือของสัตว์อสูรอย่างแน่นอน พวกเขาถูกมนุษย์ด้วยกันฆ่าทิ้งเมื่อมองดูศพของริฟอีกครั้ง สีหน้าของเฟนด์ก็ดูมืดมนอย่างหนัก เขามองดูศพเหล่านั้นด้วยสายตาแปลกประหลาดริมฝีปากของอิเซยาห์สั่นเทิ้ม “ทำไมต้องฆ่าพวกเขาทุกคนด้วย? ที่คนพวกนั้นทำทั้งหมดนี่เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่
คนที่เหลือพยักหน้า เห็นด้วยกับสิ่งที่เฟนด์พูดเป็นอย่างมาก เฟนด์ค่อย ๆ ลุกขึ้นจากพื้นก่อนจะพูดต่อ “พวกเขามีกันทั้งหมดเจ็ดคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด แต่ทั้งเจ็ดคนรวมกันฝีมือก็นับว่าไม่ใช่ย่อย ถึงอย่างนั้น พวกเขาก็ยังต้องลงเอยเช่นนี้ และฝ่ายตรงข้ามฆ่าพวกเขาเหมือนกัน“ดูบาดแผลของแจ็คสันและริฟสิ พวกเขาถูกฆ่าตายในการโจมตีที่รวดเร็วเพียงครั้งเดียว โดยไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย “คนที่สามารถทำแบบนั้นได้ต้องเป็นคนที่เชี่ยวชาญมาก! และเพราะเชี่ยวชาญขนาดนั้น เขาต้องเป็นคนที่เรารู้จักดีแน่ เหมือนกับที่พวกคุณคาดเดากันก่อนหน้านี้นั่นแหละ เหตุผลของความขัดแย้งคงเริ่มต้นขึ้นเพราะของล้ำค่าที่ได้จากการกำจัดสัตว์อสูร“และเพราะอีกฝ่ายเป็นยอดฝีมือที่เราน่าจะรู้จักกันดี ทั้งเจ็ดคนก็คงรู้จักคนที่ฆ่าพวกเขาด้วย แล้วถ้าพวกเขารู้ถึงความแตกต่างทางทักษะระหว่างกัน พวกเขาก็คงไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม”ด้วยคำอธิบายของเฟนด์ อีกสามคนก็เริ่มเข้าใจเช่นกัน เพื่อให้สามารถฆ่าพวกเขาได้ในการโจมตีเพียงครั้งเดียว คู่ต่อสู้จึงไม่ใช่เพียงศิษย์ธรรมดา เขาคงจะเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกซึ่งมีทักษะที่สูงเป็นอย่างมากด้วยคนในระดั