Share

บทที่ 2296

Author: โมเนโต้
ที่เนินเขาดังกล่าว ทั้งสองฝ่ายกำลังเตรียมพร้อมที่จะสู้กัน พวกเขามีทั้งหมดหกคน สามคนมาจากสำนักสหัสบรรณ และอีกสามคนมาจากสำนักวายชนม์ ไบรอนเป็นผู้นำของฝ่ายสำนักสหัสบรรณ เขาจำได้ว่าไบรอนเป็นศิษย์ฝีมือดีของสำนักสหัสบรรณ อันดับของเขาในสำนักค่อนข้างสูง

ความประทับใจเดียวของเฟนด์ที่มีต่อซาเมียนคือการทะเลาะกันครั้งก่อน แต่ที่เขารู้ เขาเป็นเพียงคนปากร้าย ที่มักจะวนเวียนอยู่รอบ ๆ กายของชายสวมหน้ากาก คอยเลียแข้งเลียขาเขา

เขาคงเป็นคนที่มีพลังพอสมควรถึงได้มีโอกาสเข้าประจบชายสวมหน้ากากได้ สาวกของสำนักวายชนม์ที่อยู่ภายใต้การปกครองของชายสวมหน้ากากในเวลานั้นค่อนข้างให้ความเคารพต่อซาเมียน แม้ว่าซาเมียนจะไม่ใช่หนึ่งในศิษย์ที่ถูกเลือก แต่ตำแหน่งศิษย์ภายในของเขาก็ถือว่าสูงพอสมควร

เฟนด์คิดกับตัวเองก่อนจะหันไปหาเฮย์เดน "พวกคุณรู้จักซาเมียน เนสไหม?"

เมื่อได้ยินดังนั้น ชายทั้งสามก็หันมามองเขา เฮย์เดนมองเฟนด์ด้วยสายตาที่รอบรู้ "ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณจะรู้จักซาเมียนด้วย"

เฟนด์พยักหน้า “ก็อย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้นั่นแหละ สำนักวายชนม์กับผมมีความแค้นต่อกัน ผมรู้จักบางคนที่มีตำแหน่งสูงกว่าเขา คุณคงเคยได้ยินคำ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2297

    เฮย์เดนถอนหายใจออกยาว เขาพุ่งตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ก่อนจะพุ่งไปด้านหน้า "ตามผมมา!" เขาหันกลับมาสั่งก่อนจะพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วภายในชั่วพริบตา เขาปรากฏตัวต่อหน้าไบรอน พรรคพวกของเขาตกใจกับการปรากฏตัวอย่างกะทันหันและถอยหนีไปสองสามก้าวเฮย์เดนมีความผูกพันกับชายอีกสองคนค่อนข้างมาก แน่นอนว่าชายทั้งสองลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ในที่สุดพวกเขาก็ติดตามไปอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทั้งอิเซยาห์และเฮย์เดนจากไปแล้ว หากพวกเขาสองคนยังอยู่ก็คงไม่ใช่เรื่องดีนักพวกเขาถอนหายใจและพุ่งตัวตามหลังไปอย่างใกล้ชิด เมื่อเห็นเฮย์เดน ไบรอนก็อุทานราวกับว่าเขาได้พบผู้ช่วยชีวิตของเขาแล้ว "ศิษย์น้องเฮย์เดน!"เฮย์เดนพยักหน้าและเดินข้าง ๆ ไบรอนโดยไม่พูดอะไรสักคำ เขายืดอกและก้าวไปยืนใกล้กับไบรอน เห็นได้ชัดว่าผู้มาเยือนตั้งใจเข้ามาเป็นกำลังเสริมซาเมียนขมวดคิ้วเมื่อเห็นการปรากฏตัวของเฮย์เดนเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน และหากมีเพียงเฮย์เดนคนเดียวก็คงจะดีไม่น้อย แต่เขากลับมีชายสามคนพ่วงมาด้วย เมื่อไบรอนมีผู้ช่วยเพิ่มอีกสี่คนเขาย่อมเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบอย่างแน่นอนแม้ว่าทั้งสี่คนจะไม่แข็งแกร่งเท่าเขา แต่อีกฝ่ายก็ยังสามารถเอาชนะเขาไ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2298

    เฟนด์ขยับเข้าไปใกล้เฮย์เดนมากขึ้น และพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “รูฟัสคนนี้คือใคร? เขามีตำแหน่งอะไรในสำนักวายชนม์?”เฟนด์มีความรู้เกี่ยวกับสำนักวายชนม์น้อยมาก เขารู้จักคนที่มาจากสำนักวายชนม์เพียงไม่กี่คนและนั่นคือขีดจำกัดของความรู้ของเขา สำหรับความเป็นไปภายในสำนักวายชนม์นั้น เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ แล้วเขาไม่รู้อะไรเลยนอกเหนือจากคนหลายคนที่อยู่เบื้องหน้า เขาจำได้แค่ชายสวมหน้ากากและชายที่ชื่อเลนนอน ทักษะของเลนนอนเทียบอะไรไม่ได้กับชายสวมหน้ากาก ส่วนทักษะของรูฟัสก็คงพอ ๆ กันมิฉะนั้น ซาเมียนจะไม่ปฏิบัติต่อรูฟัสด้วยความเคารพยำเกรงจนดูราวกับจะกระดิกหางใส่ผู้ชายคนนั้นเช่นนั้นแน่ เฮย์เดนมองเฟนด์ราวกับหงุดหงิดกับคำถามที่มาไม่หยุดของเฟนด์แต่พวกเขาก็ถือเป็นพันธมิตรกัน และในท้ายที่สุด เขาก็สงบสติอารมณ์ลงในขณะที่ตอบว่า "รูฟัสเป็นศิษย์ที่ถูกเลือกจากสำนักวายชนม์ และด้อยกว่าเลนนอนในด้านทักษะเท่านั้น"น้ำเสียงของเฮย์เดนฟังดูค่อนข้างจริงจัง เขามองรูฟัสราวกับว่าชายคนนั้นเป็นระเบิดเวลา เฟนด์เลิกคิ้ว เขาค่อนข้างเข้าใจในความรู้สึกของเฮย์เดนถ้ารูฟัสเป็นรองเพียงเลนนอนจริง ๆ รูฟัสก็ถือเป็นภัยคุกคามครั้งให

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2299

    น้ำเสียงของเขาหยาบคายอย่างไม่น่าเชื่อ แม้แต่เฟนด์ก็ยังรู้สึกโกรธเมื่อได้ยินเช่นนั้น ไม่ต้องพูดถึงคนอื่น ๆ เลยมือของไบรอนสั่นด้วยความโกรธ มือขวาของเขากำแน่น และมือซ้ายของเขาก็ดึงอาวุธออกจากแหวนยุทธ บรรยากาศตึงเครียดกลับมาอีกครั้ง การปะทะมีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อแซมซั่นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เขากระซิบขึ้นอย่างเสียไม่ได้ว่า "เราไม่มีทางรับมือกับรูฟัสได้ง่าย ๆ แน่ ในสำนักวายชนม์เขาตามหลังเลนนอนในแง่ของทักษะเท่านั้น และก่อนหน้านี้เลนนอนก็อยู่ในห้าอันดับแรกเสียด้วย"เลนนอนอาจตกรอบจากด่านทดสอบที่หกไปจนถึด่านทดสอบที่เก้า แต่เขาได้พิสูจน์ทักษะของตัวเองแล้วไม่มีใครกังขาในความแข็งแกร่งของเลนนอน ดังนั้นสำหรับคนที่อยู่ตามหลังเลนนอนเพียงเล็กน้อย ย่อมต้องแข็งแกร่งเช่นกันเห็นได้ชัดว่าพวกเขาเป็นฝ่ายเสียเปรียบ และไบรอนก็ได้รับบาดเจ็บมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว หากพวกเขาเริ่มต่อสู้กันขึ้นมา คงเป็นเรื่องยากที่ฝ่ายเขาจะได้เปรียบ และพวกเขาอาจถึงขั้นต้องเสียใครไปด้วย ทักษะของแซมซั่นน่าจะอ่อนแอที่สุดในบรรดาพวกเขาทั้งเจ็ด ดังนั้นถ้ามีคนตาย เขาก็คงเป็นหนึ่งในคนแรก ๆนั่นเป็นเหตุผลที่เขาเลือกที่จะพูดขึ้นก

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2300

    สำหรับพวกเขาแล้ว การพยายามเผชิญหน้ากับพวกเขาทั้งเจ็ดแบบตัวต่อตัวนั้นไม่ได้ส่งผลดีอะไรกับพวกเขาเลยแต่นับตั้งแต่ที่พวกเขาอยู่ที่นี่ พวกเขาก็ถูกดูถูกเหยียดหยามมามากมาย พวกเขาจะกล้ำกลืนความอัปยศแล้วจากไปอย่างง่ายดายได้อย่างไร?ใบหน้าของไบรอนมืดมนด้วยความโกรธอย่างไม่น่าเชื่อ เพื่อที่จะฆ่าอสูรก่อนหน้านี้ เขาจึงใช้พละกำลังของเขาไปไม่น้อย ไม่มีใครทานทนต่อความอับอายและยังต้องทนต่อความเจ็บปวดเช่นนี้ได้หรอกขณะที่ไบรอนคิดจะโต้แย้ง เขาก็ได้ยินเสียงจากชายคนที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นอย่างชัดเจน "จริง ๆ แล้วผมไม่อยากทำอะไรเลย แต่ผมทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ คุณชื่อรูฟัสใช่ไหม คุณที่เป็นคนที่จัดการได้ยากที่สุดจริง ๆ น่ะเหรอ?"คำพูดเหล่านั้นดึงดูดความสนใจของทุกคนได้สำเร็จ ทั้งฝั่งของสำนักวายชนม์และสำนักสหัสบรรณต่างมุ่งความสนใจไปที่เฟนด์เฟนด์ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว และสายตาของเขาก็จับจ้องไปที่รูฟัส รูฟัสยิ้มอย่างเย็นชา เขามองเฟนด์ได้อย่างไม่ชัดเจนนักเพื่อปกปิดตัวตนของเขา เฟนด์ได้ใช้พลังงานที่แท้จริงของเขาระงับพลังของตัวเอง แน่นอนว่าการระงับพลังดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว หากเขาต่อสู้เมื่อไหร่ ทุกคนก็จะสังเ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2301

    เมื่อดูจากสถานการณ์แล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่อาจแก้ไขอะไรได้อีก แซมซั่นมองเฟนด์ด้วยสีหน้าตื่นตระหนก "วู๊ด คุณบ้าไปแล้วหรือไง? ถ้าคุณสู้กับเขาแบบตัวต่อตัว คุณจะถูกฆ่าเอานะ!"เฟนด์ส่ายหน้าเล็กน้อย โดยไม่แยแสสิ่งที่แซมซั่นพูด ซาเมียนหัวเราะเสียงดังในขณะที่เขาชี้ไปที่เฟนด์ "นายมันบ้าไปแล้ว! นายนี่มันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย รูฟัส ไอ้สารเลวนี่กำลังท้าทายคุณอยู่ เพราะงั้นคุณไม่ต้องเมตตาอะไรเขาเลย คุณต้องทำให้เขาเห็นว่าคนที่มาหาเรื่องคุณจะต้องเจอกับอะไร!”รูฟัสดูราวกับไม่สนใจคำพูดของซาเมียน แต่คำพูดพวกนั้นทำให้รูฟัสโกรธเฟนด์ถึงขีดสุดได้สำเร็จ การถูกเด็กเหลือขออย่างเขาพูดจาท้าทายเช่นนั้น หากรูฟัสไม่ให้บทเรียนที่สาสมแก่เฟนด์ นั่นแปลว่าทักษะของเขายังไม่ดีพอด้วยเหตุนี้ เขาจึงเพิกเฉยต่อทุกสิ่งทุกอย่าง ขณะที่เขาพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยมีดาบอยู่ในมือ เขารีบวิ่งไปหาเฟนด์ และเฟนด์ก็ยิ้มเบา ๆ ขณะเอ่ยปากโดยไม่หันกลับไปมองว่า "พวกคนที่เหลือถอยไปไกล ๆ!"คนอื่น ๆ ต่างก็มีปฏิกิริยาทันทีเมื่อได้ยินเฟนด์พูดเช่นนั้น แม้ว่าทุกคนจะสงสัยในตัวเฟนด์ แต่การต่อสู้ระหว่างทั้งสองคนจะต้องรุนแรงอย่างแน่นอน และพวกเขาไม

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2302

    เฟนด์เทียบอะไรกับรูฟัสไม่ได้เลย! เฟนด์เองก็ได้ยินคำโอ้อวดของซาเมียนเช่นกัน เฟนด์ยิ้มน้อย ๆ ทักษะระดับปฐพีอย่างนั้นเหรอ?นี่อาจจะเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่สามารถทำได้ แต่มันกลับไม่สำคัญอะไรกับเฟนด์เลย!ดาบวิญญาณสามสิบห้าเล่มหลอมรวมอยู่ภายในดาบสีดำ แสงสีดำเปล่งประกายออกมาจากคมดาบ! ขณะที่ดาบของรูฟัสเหวี่ยงลงมาอย่างรุนแรง เฟนด์ก็โจมตีกลับไปเช่นกัน!ทุกคนได้ยินเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ เมื่อทักษะแช่แข็งวิญญาณและทลายห้วงสุญญะปะทะกันอย่างดุเดือด ทันใดนั้นแสงดำทมิฬก็กลืนกินแสงสีฟ้าอันเย็นเยือกจนหมดพวกเขาทั้งสองปะทะกันกลางอากาศ และในเวลาเพียงครู่เดียวก็มีเสียงแตกร้าวดังขึ้นแสงสีฟ้าเย็นยะเยือกกระจายออกเป็นผลึกหิมะ พวกมันถูกลมพัดปลิวไปขณะร่วงลงกลับพื้น ทักษะทลายห้วงสุญญะของเฟนด์ไร้เทียมทาน หลังจากทำลายทักษะแช่แข็งวิญญาณ มันก็ฟาดฟันไปที่รูฟัสตั้งแต่ต้นจนจบ รูฟัสไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับเด็กสารเลวสวมหน้ากากตรงหน้าเขาเลย เขาได้แต่คิดว่าไม่มีทางที่ทักษะแช่แข็งวิญญาณของเขาจะถูกกำจัดลงเช่นนี้ป่านนี้เจ้าเด็กเหลือขอนั่นควรจะกลายเป็นน้ำแข็ง และรูฟัสจะจัดการเตะเพื่อทำลายร่างของเจ้าเด็กเหลือข

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2303

    แต่คนในระดับนั้นกลับทำให้เห็นแล้วว่าเทียบอะไรกับวู๊ดไม่ได้เลย! วู๊ดเป็นใครกัน? ทำไมพวกเขาไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับชายคนนี้มาก่อน?แซมซั่นถอนหายใจด้วยความโล่งอก "ไม่แปลกเลยที่เขาเคยช่วยพวกเราเอาไว้ได้ ก่อนหน้านี้ผมคิดว่าเป็นแค่เรื่องบังเอิญ แต่เขาเก่งกาจมากจริง ๆ!"ในขณะนั้น อิเซยาห์ก็กลับมาตั้งสติได้อย่างช้า ๆ ริมฝีปากของเขาสั่นอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ไบรอนเบิกตากว้าง มองดูเฟนด์ที่ลอยอยู่ในอากาศด้วยความไม่เชื่อซาเมียนดูเหมือนสติจะหลุดลอยไป เข้าอ้าปากค้าง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแม้แต่พยางค์เดียว! ศิษย์ทุกคนจากสำนักวายชนม์ต่างก็อ้าปากค้างเหมือนกัน พวกเขาพูดอะไรไม่ออกเลย!พวกเขาตกใจกับสิ่งที่ตัวเองเพิ่งเห็นมากเกินไป เขาไม่เคยคิดเลยว่าชั่วชีวิตนี้จะได้เห็นรูฟัสผู้ไร้เทียมทานพ่ายแพ้ให้กับเด็กเหลือขอที่ไม่มีใครรู้จักเฟนด์เลิกคิ้วขึ้นขณะที่เขาจ้องมองซาเมียนอย่างเย็นชา ซาเมียนตัวสั่นขณะมองกลับไป เพราะรู้สึกเสียวสันหลังราวกับว่าเขาจะถูกเฟนด์ฆ่าในวินาทีต่อมาเขาอดไม่ได้ที่จะถอยหลังไปสองก้าว และในขณะนั้นเอง น้ำเสียงสั่นเครือของรูฟัสก็ดังขึ้นว่า "ทำไมพวกนายยังไม่ช่วยพยุงฉันอีก!"เมื่อได้ยินเช่

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2304

    ในตอนนั้นเขารู้สึกเสียใจกับทุกคำพูดของตัวเองเป็นอย่างมาก เขาไม่รู้เลยว่าหัวข้อการสนทนาของเขาอยู่ข้างเขามาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงประเมินอีกฝ่ายอย่างถึงพริกถึงขิงคำพูดของอิเซยาห์ทำให้เฮย์เดนและแซมซั่นตระหนักถึงเรื่องนั้นได้เช่นกัน ใบหน้าของพวกเขาแดงก่ำขณะที่พวกเขารู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้ง พวกเขาไม่ควรเปิดปากเลย!ไบรอนมองเฟนด์ด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาเคยมีปฏิสัมพันธ์กับเฟนด์มาก่อน แต่ในตอนนั้นเขาก็ไม่ได้สนใจเฟนด์มากนัก เขาคิดว่าเฟนด์เป็นเพียงคนที่อยู่ขั้นกลางของระดับแรกกำเนิดที่มีสายสัมพันธ์กับคนใหญ่คนโตเท่านั้น แต่ทว่าเฟนด์ได้พิสูจน์แล้วว่าความคิดของเขาเป็นเพียงเรื่องไร้สาระเฟนด์ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากตัวตนของเขาถูกเปิดเผยแล้ว จึงไม่มีเหตุผลอะไรที่เขาจำต้องปลอมตัวต่อไป เขาโยนหน้ากากที่อยู่บนใบหน้าทิ้งและเปิดเผยตัวเองต่อคนอื่น ๆ ทั้งสิบสามคนที่อยู่ตรงนั้นซาเมียนถอยกลับไปด้วยความกลัว เขากับเฟนด์มีประวัติต่อกันมากเกินไป นึกย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เขาได้ติดตามชายสวมหน้ากากไปโจมตีเฟนด์และพรรคพวกของเขามาก่อน เขาหยาบคายใส่เฟนด์อยู่เสมอต่อมา เฟนด์ได้แสดงให้เห็น

Latest chapter

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status