แชร์

บทที่ 1887

ผู้เขียน: โมเนโต้
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เขาไม่เคยคาดคิดว่าเฟนด์จะแต่งตั้งเขาเป็นผู้อาวุโสลำดับที่เก้าของเผ่าขึ้นมาดื้อ ๆ และวางแผนที่จะให้เขาดูแลนักเล่นแร่แปรธาตุรุ่นต่อไปของเผ่า อาจกล่าวได้ว่าเขาได้รับมอบหมายในงานที่สำคัญของเรา

"ไม่ต้องกังวล ในอนาคตคุณสามารถขอส่วนผสมที่คุณต้องการได้จากเผาโดยตรง เราจะร่วมมือกับคุณในเรื่องของการบ่มเพาะโอสถ แน่นอนว่าพลังยุทธของคุณก็จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเนื่องจากความแข็งแกร่งทางจิตใจของคุณจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก สิ่งนี้จะเป็นประโยชน์ต่อทักษะการบ่มเพาะโอสถของคุณไม่น้อยเลยทีเดียว!” เฟนด์คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และเอ่ยเสริม

"ไม่ต้องกังวล ผมจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อดูแลนักเล่นแร่แปรธาตุของเผ่าเรา” เควินพูดอย่างจริงจัง

“ใครจะไปรู้ว่าเรามีนักเล่นแร่แปรธาตุที่ทรงพลังอยู่ในเผ่าของเราด้วย? ฮ่าฮ่า… ผมนึกมาตลอดว่าจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุที่แข็งแกร่งเพียงคนเดียวเท่านั้น! แต่ปรากฎว่ามีนักเล่นแร่แปรธาตุอีกคนหนึ่งที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ขั้นต้นระดับสามอยู่ที่นี่ด้วย!” ออสตินและคนอื่น ๆ ตื่นเต้นเมื่อได้ยินเรื่องนี้ เดิมทีพวกเขาคิดว่าในเผ่าของพวกเขาจะมีนักเล่นแร่แปรธาตุแค่เพียงคนเดียวเสียอีก และยังนึกกังวลว่าเฟนด์ต
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application

บทที่เกี่ยวข้อง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1888

    “เกิดเรื่องนี้ขึ้นได้ยังไง? พวกเขาเดินทางไปถึงที่นั่นแล้วเหรอ? การต่อสู้เริ่มขึ้นแล้วงั้นเหรอ?” ผู้อาวุโสชายที่ยืนอยู่ข้างข้าง ๆ อ้าปากค้างหลังจากได้ยินสิ่งนี้ เขาก็มีสีหน้ามืดมนเช่นกันแต่นายท่านโลเดอร์พูดทั้งรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า… ไม่ใช่แค่เริ่มการต่อสู้หรอก ผมคิดว่าตอนนี้การต่อสู้น่าจะจบลงแล้วด้วยซ้ำ! แต่ผมก็ค่อนข้างอยากรู้ ว่าผู้คนที่มาจากดินแดนรกร้างกำลังซ่อนตัวอยู่ในตำหนักคลื่นเมฆาหรือกองทัพทั้งเก้ากันแน่? แต่ไม่ว่าพวกเขาจะซ่อนตัวอยู่ที่ไหน ตอนนี้พวกเขาก็คงถูกฆ่าไปแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ยังอดสงสัยไม่ได้อยู่ดี!”นายท่านโลเดอร์หยุดก่อนที่จะพูดต่อ “แน่นอน เพราะคุณมีสิทธิ์ที่จะไม่ตอบคำถาม พอถึงพวกคุณจะไม่บอกว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน แต่พอคนของพวกผมกลับมา เขาก็ต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ผมทราบอยู่ดี!”ผู้อาวุโสหญิงมีสีหน้ามืดมนอย่างมากบนใบหน้า เธอตอบกลับไปหลังจากเงียบไปสองสามวินาที “พวกเขาราวสามหมื่นคนไปที่ตำหนักคลื่นเมฆาและที่เหลืออยู่ที่กองทัพทั้งเก้า ไม่คิดเลยว่าพวกคุณได้ส่งตำหนักโลหิตแกร่งกล้าไปยังกองทัพทั้งเก้า หากเป็นเช่นนี้พวกเขาคงรอดกันไม่มากนัก หากพวกเขารอด ก็คงรอดไม่มากนักหรอก!”“คุณพูดถูก ผมเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1889

    ผู้อาวุโสชายพยักหน้าและพูดว่า “ตอนนี้กองทัพทั้งเก้าอาจจะมีปัญหา พวกเขามีศัตรูเข้าหามากมาย ในขณะที่พวกเขามีคนจากดินแดนรกร้างอยู่ด้วยเพียงไม่กี่แสนคนเท่านั้น แม้ว่าจำนวนของพวกมันจะนับว่าไม่น้อยแต่พลังการต่อสู้โดยรวมของพวกเขาก็อยู่ในระดับหนึ่งจากห้าดาวเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถต่อกรกับตำหนักโลหิตแกร่งกล้าได้ ดังนั้นผมจึงคาดการณ์ว่าคนของกองทัพทั้งเก้าจะหลบหนีได้ยาก!”“อ่า น่าเสียดายสำหรับอัจฉริยะอย่างเฟนด์ วู๊ด ฉันได้ยินจากคนของตำหนักคลื่นเมฆาว่าเขามีพรสวรรค์ในการต่อสู้ของเด็กนั่นน่าทึ่งมาก ช่างน่าเสียดาย!"ผู้อาวุโสหญิงถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้อีกครั้ง “เมื่อกลับไปถึง ฉันจะไปสำรวจจำนวนที่เหลือของสมาชิกตำหนักคลื่นเมฆา ฉันเชื่อว่าหากมีคนที่สามารถหลบหนีได้ พวกเขาจะไปที่ตำหนักของพวกเราเพื่อหาที่หลบภัย”“อืม งั้นก็กลับกันเถอะ!”หลังจากที่พวกเขาพูดคุยกันสักพัก พวกเขาก็กลับไปที่ตำหนักของตัวเองในขณะนั้นเฟนด์และคนอื่น ๆ ล้วนมีความสุขอย่างมาก พอตกกลางคืนก็เตรียมพักผ่อนกันตามสมควร“นี่มันสุดยอดไปเลยเราได้รับชัยชนะอย่างงดงาม!”เซเลน่าและเฟนด์นั่งอยู่ในลานบ้าน พวกเขามองไปยังดวงจันทร์บนท้องฟ้า แต่เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1890

    “ถ้าอย่างนั้นเดือนนี้คุณคงต้องพยายามอย่างหนัก หากพวกเขาส่งนักสู้ในขั้นที่เจ็ดระดับเทพสูงสุดมาจริง ๆ ด้วยระดับพลังยุทธและพลังการต่อสู้ในปัจจุบันของคุณคงเทียบอะไรกับพวกเขาไม่ได้!”หลังจากที่เซเลน่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอก็พูดว่า “อย่างน้อยคุณก็ต้องเข้าไปในขั้นที่สามหรือสี่ในระดับทะลวงวิญญาณ ใช่ไหม?”เฟนด์ยังพูดในขณะที่ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่แล้วล่ะ ถ้าผมใช้เพียงโอสถชั้นเลิศระดับสามในการบ่มเพาะตัวเอง แม้ว่าผมจะสามารถรักษาระดับการบ่มเพาะของตัวเองให้คงที่ได้ แต่อย่างมากผมก็คงจะสามารถทะลวงเข้าไปในขั้นที่สองระดับทะลวงวิญญาณได้เท่านั้น การสร้างความก้าวหน้าในขณะที่เราอยู่ในทะลวงวิญญาณนั้นยากกว่าเดิม เว้นแต่ผมจะ…”เฟนด์ไม่ได้พูดต่อจนจบประโยค แต่เซเลน่าก็เดาความคิดของเฟนด์ได้ “เว้นแต่คุณจะสามารถบ่มเพาะโอสถระดับสี่ได้สำเร็จในช่วงเดือนนี้ และหลังจากบ่มเพาะโอสถระดับสี่สำเร็จแล้วเท่านั้น ระดับการบ่มเพาะของคุณจึงจะสามารถเพิ่มขึ้นได้อย่างมาก ถูกไหม?”"ถูกต้อง!"เฟนด์พยักหน้าและจับมือเซเลน่า “นั่นเป็นเหตุผลที่คืนนี้ผมอาจไม่มีเวลาอยู่กับคุณ” เขากล่าว “ผมต้องบ่มเพาะตัวเองเพื่อพยายามรักษาระดับพลังย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1891

    จากนั้นคีแรนอธิบายว่า “เมืองสกายดูลล์ไม่ใช่เมืองที่ใหญ่โตอะไรนัก แต่เป็นเมืองที่ค่อนข้างมีชื่อเสียง”“คุณกำลังบอกว่ามีนักเล่นแร่แปรธาตุอยู่ที่นั่น?”เฟนด์ตกใจมาก เขานึกถึงบางสิ่งอย่างรวดเร็วและถามคีแรนทันที“เมืองสกายดูลล์มีชื่อเสียงเพราะผู้คนในเมืองทะเลสาบแห่งนั้นล้วนให้ความนิยมในการเล่นแร่แปรธาตุ” คีแรนกล่าวยิ้ม ๆ “นอกจากนี้ที่นั่นยังเป็นสถานที่ที่นักเล่นแร่แปรธาตุมักไปซื้อขายแลกเปลี่ยนกัน จะมีผู้คนไปที่นั่นเพื่อขายหรือซื้อทรัพยากรที่ใช้ในการเล่นแร่แปรธาตุ รวมถึงเตาบ่มเพาะโอสถและแม้แต่สูตรการเล่นแร่แปรธาตุก็มีคนขายที่นั่น!”“มีสถานที่แบบนั้นด้วยเหรอ? ทำไมก่อนหน้านี้คนไม่พูดอะไรเลย?”เฟนด์รู้สึกตื่นเต้นหลังจากได้ยินเช่นนั้นคีแรนอธิบายอย่างรวดเร็ว “นายท่าน ผมเพิ่งรู้ว่าคุณเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุเมื่อวานนี้ อีกอย่างเมื่อวานเราก็มัวแต่ยุ่งเพราะเพิ่งต่อสู้กับศัตรูเสร็จ และหลังจากนั้นผมก็ยุ่งอยู่กับการเก็บกวาดของที่ริบมาจากสงคราม ผมไม่มีเวลาที่จะบอกคุณเรื่องนี้ แต่ถึงอย่างนั้นคนส่วนใหญ่ในเมืองสกายดูลล์ก็เป็นเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นต้นระดับหนึ่งหรือผู้ที่ต้องการเรียนรู้การเล่นแร่แปรธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1892

    “คงไม่คิดเลยว่าจะมีสถานที่แบบนี้อยู่จริง ๆ! ที่นี่คือสวรรค์ของพวกเรานักเล่นแร่แปรธาตุ!”เควินมองไปที่ป้อมปราการขนาดย่อม ความตื่นเต้นเด่นชัดอยู่ในสีหน้าของเขาเมื่อทั้งสามเดินไปที่ทางเข้าเมือง พวกเขาก็ได้เห็นผู้คนมากมายขายของอยู่ที่ประตูเมือง“หญ้ามังกรฟ้าชั้นต้นระดับสอง ไม่ต้องใช้หญ้าวิญญาณเพื่อแลกเปลี่ยนกับสิ่งนี้ คุณต้องใช้ศิลาวิญญาณชั้นยอดหนึ่งร้อยก้อนเท่านั้น!”ชายร่างอ้วนเริ่มหาบสินค้าของเขาออกมาก่อนที่จะนั่งลงบนพื้น"แบบนี้เลยหรือ? ใช้ศิลาวิญญาณชั้นยอดหนึ่งร้อยก้อนเพื่อแลกกับหญ้ามังกรฟ้าเพียงก้านเดียว? นี่ไม่ใช่แค่ปอกลอกกันแล้ว? นายไม่โลภไปหน่อยหรือน้องชาย?”ที่นี่มีคนไม่กี่คนที่เดินผ่านไป และหนึ่งในนั้นก็เริ่มบ่นอบและดุฉายร่างอ้วนผู้นั้นชายคนนั้นเพียงแค่ยิ้มหวาน “คุณต้องไม่รู้แน่ว่ามันมีอายุหนึ่งพันปี พี่ชาย” เขากล่าว “มันอาจจะอยู่ในระดับที่ไม่สูง แต่ก็ไม่ง่ายที่จะหาหญ้าวิญญาณพบ ผมคิดว่าของที่มีอายุพันปีน่าจะคุ้มกับราคานั้น จริงไหม?”"หนึ่งพันปี? หากมีอายุหนึ่งพันปีจริง ๆ ก็นับว่าไม่ผิด การที่จะหาหญ้ามังกรฟ้าที่มีอายุกว่าร้อยปีนั้นนับว่าไม่ยาก แต่มันไม่ง่ายเลยที่จะหาหญ้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1893

    หญิงสาวมองไปที่ข้อความบนป้ายและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว “ทำไมฉันถึงไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับกองกำลังนี้เลย เผ่าเก้าเทพ? อย่าบอกนะว่าเป็นกองกำลังที่ยังไม่ถึงระดับสามด้วยซ้ำ?”เควินรีบลุกขึ้นทันทีเมื่อเห็นว่ามีคนเดินเข้ามา “กองกำลังของเราเพิ่งก่อตั้งได้ไม่นาน สาวน้อย” เขาแนะนำ “เราเพิ่งก่อตั้งตัวเองเมื่อวานนี้เอง แต่คุณไม่คิดว่ากองกำลังของเราน่าสนใจกว่าและมีศักยภาพในการเติบโตงั้นหรือ?”สีหน้าของหญิงสาวบิดเบี้ยวอย่างดูแคลนเมื่อเธอได้ยินสิ่งนี้ “ฉันอาจจะเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธทั่วไป แต่ฉันก็เป็นนักเล่นแร่แปรธาตุชั้นยอดระดับหนึ่งแล้ว ฉันมีพรสวรรค์ในการเล่นแร่แปรธาตุ ดังนั้นฉันไม่สนใจกองกำลังหน้าใหม่อย่างพวกคุณหรอก ฉันตั้งใจจะหาใครสักคนที่อย่างน้อยก็ต้องเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับชั้นต้นระดับสามมาสอนฉัน มีเพียงนักเล่นแร่แปรธาตุในระดับนั้นเท่านั้นที่จะสามารถสั่งสอนฉันได้!”ดวงตาของเควินเป็นประกายเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ “กองกำลังของเราเหมาะกับเธอที่สุดเลย สาวน้อย” เขาพูดพร้อมหัวเราะเบา ๆ “ฉันอาจไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุระดับสาม แต่ในไม่ช้าฉันจะพัฒนาไปถึงขั้นนั้นได้ ฉันอยู่ห่างจากขั้นนั้นเพียงแค่เอื้อมมือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1894

    เมื่อเฟนด์พูดขึ้น สายตาหลายคู่ก็หันไปทางเขาทันที เมืองสกายดูลล์เป็นจุดหมายปลายทางของนักเล่นแร่แปรธาตุ และมีนักเล่นแร่แปรธาตุมากมายมารวมตัวกันที่นี่แม้ว่าที่มาที่นี่จะไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุไปเสียทั้งหมด แต่พวกเขาก็ยังรู้เรื่องการค้ามากมาย ในตอนนี้มีคนเรียกตัวเองว่านักเล่นแร่แปรธาตุระดับสาม ทุกคนจึงพากันเย้ยหยันเขาชายหนุ่มคนนี้คิดว่าพวกเขางี่เง่าไร้การศึกษาหรืออย่างไร? นักเล่นแร่แปรธาตุชั้นยอดระดับสาม? ในเมืองสกายดูลล์แห่งนี้มีให้เห็นไม่ถึงสองคนด้วยซ้ำ แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่คนดีเด่นอะไร แต่ก็ต้องปฏิบัติต่อนักเล่นแร่แปรธาตุขั้นยอดระดับสามด้วยความสุภาพเสมอยิ่งไปกว่านั้น นักเล่นแร่แปรธาตุชั้นยอดระดับสามสามารถบ่มเพาะโอสถที่จะช่วยผู้ที่อยู่ในระดับทะลวงวิญญาณได้ นักเล่นแร่แปรธาตุเป็นอาชีพที่ได้รับความเคารพนับถือในโลกของการบ่มเพาะตัวเอง และนักเล่นแร่แปรธาตุชั้นยอดระดับสามก็ถือเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงเหนือคนอื่นผู้คนล้อมรอบเฟนด์อย่างแน่นหนาในชั่วพริบตา ทุกสายตาจับจ้องมาที่เขามีแม้กระทั่งบางคนที่เริ่มพูดจาโหวกเหวกเสียงดัง ชายวัยกลางคนที่มีเคราแพะเล็ก ๆ พูดกับเฟนด์ว่า “หนุ่มน้อย นายคิดจะเล่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29
  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 1895

    “เขาต้องทำเพราะอยากอวดอ้างตัวเองแน่ วิธีการปรุงส่วนผสมของไอ้สารเลวนั้นก็นับว่าดีอยู่และเขาก็หน้าจะเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุที่มีระดับค่อนข้างสูง แต่เขาต้องไม่ใช่นักเล่นแร่แปรธาตุชั้นยอดระดับสามอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเขาไม่เตร็ดเตร่อยู่ตามถนนแบบนี้หรอก” ชายเคราแพะยืดคอออก และพูดจาเย้ยหยันการซุบซิบนินทาดำเนินไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด และทั้งหมดก็เข้าหูเควินและคีแรน พวกเขารั้งตัวเองไว้เพราะเห็นแก่การใหญ่ที่กำลังจะมาถึงแต่ประโยคสุดท้ายจากชายวัยกลางคนผู้มีเคราแพะพูดด้วยท่าทางหยิ่งยโสและเย้ยหยัน ไม่ใช่แค่การออกความคิดเห็นธรรมดาเควินส่งเสียงเย็นชาและจ้องไปที่ชายวัยกลางคนที่มีเคราแพะคนนั้น “เพียงเพราะคุณทำไม่ได้ ย่อมไม่ได้หมายความว่าคนอื่นจะทำไม่ได้ แค่รอดูก็แล้วกันว่าเขาจะทำสำเร็จหรือเปล่า? คุณเอาแต่พูดจาหาเรื่องไม่หยุด อยากจะมีเรื่องนักหรือไง?”เขาเคยหงุดหงิดผู้ชายคนนี้มาตั้งแต่แรก เขาพูดจายียวนมาตั้งแต่ต้น และยิ่งเขาพูด น้ำเสียงของเขาก็ยิ่งกระแนะกระแหนมากขึ้นระดับการบ่มเพาะของชายเคราแพะไม่สูงเท่าเควิน เป็นเรื่องปกติที่คนที่เชี่ยวชาญในการเล่นแร่แปรธาตุจะไม่สนใจเรื่องการบ่มเพาะระดับพลังยุทธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-10-29

บทล่าสุด

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2455

    ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2454

    ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2453

    เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2452

    พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2451

    “สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2450

    ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2449

    เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2448

    กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา

  • มหาเทพ แห่ง สงคราม   บทที่ 2447

    ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ

DMCA.com Protection Status