อย่างไรก็ตาม เฟนด์ได้ขยับร่างกายของเขาเพียงเล็กน้อย เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีอย่าง่ายดาย ก่อนที่เขาจะเตะสวนกลับไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งเข้าตรงหน้าอกของชายคนนั้นทันที“อั่ก”ชายคนดังกล่าวได้พ่นเลือดออกมาจากพื้นห่างจากพื้นดินเพียงไม่กี่เมตร แล้วพุ่งกระแทกลงบนพื้นอย่างแรง ความรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงแผ่กระจากไปทั่วทุกอณูของร่างกายของเขา ราวกับว่ากระดูกทุกส่วนที่อยู่ในร่างกายของเขานั้นกำลังจะแตก"จริง ๆ ฉันไม่ได้เป็นคนทํา!"นีลจะกล้ายอมรับได้อย่างไรว่าเป็นตัวเขาเอง ถ้าเขายอมรับเท่ากับว่าเขากลายเป็นคนชั่วช้าและขี้ขลาดใช่ไหม?หากมีข่าวลืมออกมาว่า เขาจ้างนักเลงบางคนมาแย่งของชิ้นนี้หลังจากการประมูลล้มเหลว ก็จะทำให้ชื่อเสียงของตระกูลฮิวโก้เสียหายอย่างแน่นอน"แล้วนายก็ไม่กล้าที่จะยอมรับว่าสิ่งเหล่านี้นายเป็นคนทำงั้นหรือ? นายเป็นลูกผู้ชายแบบไหนกัน?”เฟนด์ใช้หลังมือตบลงไปที่หน้าของชายคนนั้นอีกครั้งคราวนี้เฟนด์ออกแรงมากกว่าเดิม ไม่นานนักใบหน้าของชายคนนั้นก็บวมขึ้น“แก ถ้าแกกล้าตีฉันอีกครั้งหนึ่ง ฉันจะไปบอกพ่อ ถ้าพ่อรู้เขาต้องไม่ปล่อยแกเอาไว้แน่…”“เพี๊ยะ!”"ฉันเป็นนายน้อยของตระกูลฮิวโก้…”“เพ
"พระเจ้า! นี่มันเกินไปแล้ว!"คืนนั้นอีวานกลับถึงบ้าน เขาพูดอย่างตื่นเต้นว่า "คุณปู่ครับ พ่อ ครับ ผมได้ยินข่าวที่น่าตกใจมากในช่วงเที่ยงวันนี้!""ข่าวอะไร?" นายใหญ่เทย์เลอร์ที่ไม่ค่อยได้ออกไปนอกบ้าน ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น"ผมได้ยินมาว่ามีทหารผ่านศึกได้ตบหน้านายน้อยนีลไปหลายครั้ง จนใบหน้าของเขาบวม นี่บ้าชะมัด!""บ้าจริง พวกเขาไม่รู้ว่าทหารผ่านศึกคนนั้นเป็นใคร เขากล้าขนาดนั้นเลย! ครอบครัวฮิวโก้เป็นครอบครัวชนขั้นสูงขั้นที่สอง เขาตบหน้านีลแบบนี้ เท่ากับว่าเขาไม่ได้ให้เกียรติครอบครัวฮิวโก้?"ขณะที่อิวานกำลังรินไวน์แดงให้ตัวเอง พร้อมกับพูดอย่างอารมณ์ดีว่า "นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินเกี่ยวกับลูกผู้ชายแบบนี้ เขาคือไอดอลของผม!""แค่ทหารผ่านศึกก็กล้าที่จะตบหน้านิล ถือเป็นการไม่ให้เกียรติครอบครัวฮิวโก้หรือไม่"ธีโอดอร์ไม่ค่อยเชื่อ เขาถามว่า "ข้อมูลของแกเชื่อถือได้หรือ?""น่าจะใช่ ผมได้ยินมาจากพ่อค้าก่อสร้างคนหนึ่ง เขาบอกว่าคน ๆ นี้มีพลังมาก เพราะเขาเกือบทําให้นีลร้องไห้เพราะโดนตบ"หลังจากอีวานจิบไวน์แดงเข้าไปแล้ว เขาก็วางมันลงอย่างอารมณ์ดี แล้วบอกว่า "เหนือสิ่งอื่นใด วันนี้มีการประมูลไ
อีวานส่ายหัวแล้วบอกว่า "หลังจากประมูลกันอย่างดุเดือด ไข่มุกเรืองแสงอันนี้ตกไปอยู่ในมือของหญิงลึกลับ เธอดูยังสาวและเธอยังชนะการประมูลในราคา 500 ล้านเหรียญ”“500 ล้านเหรียญ?”นายใหญ่เมย์เลอร์สูดลมหายใจเข้าอย่างแรงหลังจากได้ยินประโยคนี้ มันเป็นราคาที่จำต้องไม่ได้ ต่อให้ครอบครัวเทย์เลอร์รู้เรื่องการประมูลมาก่อน พวกเขาก็คงเข้าร่วมเพียงเพื่อแค่สนุกเท่านั้น พวกเขาไม่สามารถเอาเงินมากมายขนาดนั้นมาจ่ายให้กับไข่มุกเรื่องแสงอันนี้ได้แน่นอน ครอบครัวเทย์เลอร์มีเงิน แต่พวกเขาแค่ต้องเก็บทรัพย์สินไว้ เพื่อลงทุนในเชิงธุรกิจเท่านั้น ดังนั้นเงินทุนของพวกเขาจึงไม่ได้ใหญ่โตเท่าครอบครัวชนชั้นหนึ่งหรือสอง"ผู้หญิงที่ใช้เงินไป 500 ล้านเหรียญ เธอเป็นภรรยาของหัวหน้าครอบครัวชนชั้นสูงคนใดคนหนึ่งใช่หรือไม่?"ธีโอดอร์อึ้ง"ไม่น่าจะใช่ เธอสวมหน้ากากและแว่นตากันแดด ดูลึกลับมาก ผู้คนในเมืองต่างบอกว่าเธอมีหุ่นที่น่าทึ่ง เธออาจจะอายุยี่สิบกว่าแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าเธอมีฐานะและหน้าตาเป็นยังไง เธอทั้งร่ำรวยและมีอำนาจ!”"ฉันได้ยินมาว่า ตอนที่เธอออกจากงานประมูล ลูกน้องของ นีล ฮิวโก้ พาพวกมารุมเธอ พวกเขาอาจจะพยายามขโมยไข
หยุดพูดถึงเรื่องไอดอลได้แล้ว!" ธีโอดอร์จ้องมองลูกชายของเขาเองและกล่าวว่า "สําหรับครอบครัวชนชั้นสูงชั้นหนึ่งและชั้นสอง แน่นอนว่าพวกเขาจะรู้จักใครบางคนที่แข็งแกร่งคนนี้ใช่ไหม? หรือจะเป็น แดน เจมสัน ที่มาจากครอบครัวคลาร์ก พ่อได้ยินมาว่าเขาสามารถเอาชนะคนเป็นร้อยด้วยตัวคนเดียวได้!”"พ่อ แดนต้องไม่ใช่ไอดอลของผมอย่างแน่นอน!”"พ่อลองดูไอดอลของผมสิ เขาดูลึกลับและรักสันโดษมาก เขามีความกล้าที่จะต่อสู้กับกลุ่มคนที่ชั่วร้าย!”"ประการที่สอง เขาใส่รองเท้าแตะในการต่อสู้และสามารถจัดการพวกนั้นได้อย่างปลอดภัย ส่วนแดน ผมเคยได้ยินมาว่าเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ ดังนั้นผมเชื่อว่าคนที่กล้าต่อสู้กับตระกูลเทพเจ้ามังกรนั้นมีพลังมากกว่าแดนอย่างแน่นอน!" ยิ่งอีวานคิดเกี่ยวกับไอดอลลึกลับมากขึ้นเท่าไหร่ เขายิ่งหวังว่าเขาจะได้พบกับไอดอลของเขา "เฮ้อ น่าเสียดายสำหรับพวกเรา ถึงแม้ว่าเราจะมีบอดี้การ์ดเพียงไม่กี่คน แต่ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยม และก็ไม่มีใครแข็งแกร่งพอ”"ทุกวันนี้กว่าจะได้บอดี้การ์ดดี ๆ สักคน จะต้องใช้จ่ายเป็นแสนเหรียญ ในความเป็นจริงพวกเขาบางคนต้องการเงินมากกว่าหนึ่งล้านเหรียญสำหรับเงินเดือนของพวก
“พี่กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่? ผู้หญิงลึกลับอะไรกัน? บอดี้การ์ด? แล้วทำไมเฟนด์ถึงไปอยู่ที่นั่นได้?หลังจากได้ยินพี่ชายของเธอบ่นพึมพำกับตัวเขาเอง ทันย่าก็รู้สึกงุนงงขึ้นมาทันที“เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้ ผมเลยคิดได้ว่า…” ทิโมธีมองไปที่กลุ่มคนมากมาย และเริ่มพูดถึงเหตุการณ์ในบ่ายวันนี้“เฟนด์ตบหน้านายน้องฮิวโก้จริงหรือ? หญิงสาวคนนั้นใช้เงิน 500 ล้านเหรียญเพื่อประมูลไข่มุกเรืองแสงนั่น? พระเจ้า! ฉันควรตามพี่ไปที่นั่นในวันนี้ ฉันไม่น่านอนตื่นสายแล้วพลาดการแสดงที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้!”ทันย่าตื่นเต้นกับเรื่องนี้มาก เธอยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจที่วันนี้ไม่ได้ตามพี่ชายไปประมูลงาน"เฟนด์เป็นเด็กเลี้ยงงั้นเหรอ? ฮ่า ๆ ไร้สาระสิ้นดี คนคิดแบบนั้นจริง ๆ เหรอนี่ เฟนด์มีเงินมากพอ อีกอย่างเราให้เงินเดือนเขาสูงถึง 20 ล้านเหรียญต่อเดือน มันเพียงพอสำหรับเขาแล้ว เขามีความจำเป็นที่จะต้องไปเป็นเด็กเลี้ยงหรือเปล่า?”เจมส์ เดรค ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าหากผู้หญิงคนนี้สวมหน้าเอาและแว่นตากันแดดเอาไว้ ฉันคิดว่าเธอมีภูมิหลังที่ซับซ้อนอย่างแน่นอน ส่วนเฟนด์นั้น ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะเป็นบอดี้การ์ดของเธอ พวกเขาคงเป็นเพื่
ยิ่งตอนนี้เจมส์นึกถึงเรื่องนี้ของเขาก็ยิ่งตื่นเต้น เขารู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้น่าจะแข็งแกร่งและน่ากลัวที่สุดในอาณาเขตกลางในขณะนี้นั้นคือ ลาน่า เซคส์ตั้งแต่ที่เฟนด์ไปเข้าร่วมงานประมูลกับเธอ มันทำให้เห็นว่าทั้งคู่นั้นมีความสนิทสนมกัน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง ๆ เขาก็พูดถูกทั้งหมด“ผมไม่เคยเจอ ลาน่า เซคส์ มาก่อน ดังนั้นผมจึงไม่กล้ายืนยันถึงเรื่องนั้น นี่เป็นแค่การคาดเดาของผมเท่านั้น” ทิโมธีพูดด้วยรอยยิ้ม“ฉันจะให้แกดูในตอนนี้ จะเอาภาพถ่ายของเทพเจ้าแห่งสงครามให้แกดู! มีภาพถ่ายของเก้ามหาเทพแห่งสงครามตั้งมากมาย!”เจมส์ไม่สนใจอาหารบนโต๊ะของเขาอีกต่อไป เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วเริ่มค้นหาหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เจอภาพถ่ายของลาน่า เขาจึงยื่นให้ทิโมธีดู “แกดูรูปนี้สิ เทพเจ้าแห่งสงครามเหล่านี้ไม่มีรูปที่ดูสบาย ๆ พวกเขามักจะแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหาร ลองดูลักษณะร่างกายของเธอ ว่าใช่เธอไหม?”ทิโมธีพิจารณารูปถ่ายอยู่สักพักแล้วพูดว่า “ความสูงขนาดเท่ากับเธอ!” หลังจากที่นายใหญ่ได้ยินดังนั้น เขาและเจมส์ก็มองหน้ากันก่อนที่จะหัวเราะ ดูเหมือนว่าพวกเขาจะพูดถูก อย่างไรก็ตามทิโมธีก็ขมวดคิ้วอยู่สักครู่หนึ่ง
ทิโมธีกำลังนึกถึงบางสิ่งบางอย่างและพูดว่า “ใช่ ใช่ ในตอนนั้นไมเคิล และครอบครัวรอยต่างก็ถามเธอว่า เธอเป็นใคร นอกเหนือจากการโต้แย้ง ผมก็ไม่ได้ทำอะไรอีก!” เจมส์ถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ถ้าอย่านั้นค่อยดีขึ้นหน่อย จำไว้ว่าเฟนด์กับผู้หญิงคนนั้น หรือใครก็ตามที่อยู่กับเฟนด์ เราจะต้องไม่ทำให้เขาขุ่นเคืองโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะไม่พอใจตระกูลเดรคของเรา จนเราอาจจะต้องออกจากอาณาเขตกลางเลยก็ได้”“ครับ ผมเข้าใจแล้ว!”ทิโมธีรู้สึกโล่งใจ เขารู้สึกขอบคุณตัวเอง ที่วันนี้เขาไม่ได้ก่อกวนพวกเขา ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะต้องลงเอยเหมือนกับ นีล ฮิวโก้ในขณะเดียวกัน นายใหญ่ฮิวโก้ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดในวันนี้นายใหญ่ฮิวโก้ พร้อมกับสมาขิกในครอบครัวคนอื่น ๆ มาประชุมกันที่บ้าน ส่วนทางด้านนีลนั้น ยืนหน้าบวมก้มหน้าก้มตาต่อหน้านายใหญ่ฮิวโก้“เด็กน้อย แกเป็นคนที่กล้าหาญไม่ใช่หรือ? ฉันเคยบอกแกกี่ครั้งแล้วว่าอย่าสร้างปัญหา แต่แกก็ไม่ฟัง! ยิ่งไปกว่านั้นแกยังจ้างคนไปดักปล้นไข่มุกเรืองแสงนั่นด้วยใช่ไหม? แกรู้ไหม แกทำให้ครอบครัวของเราต้องอับอาย!”นายน้อยฮิวโก้โกรธมากจนกำหมัดแน่นและดวงตาของเข
“พ่อ!”ซึ่งระหว่างที่นีลพูดอยู่นั้น เขาถูกนายใหญ่ฮิวโก้ หัวหน้าตระกูลฮิวโก้ตบเข้าที่ใบหน้าอย่างแรง ...ในขณะที่เฟนด์กับเซเลน่า กำลังขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าของเขากลับบ้าน "วันพรุ่งนี้ฉัน เราไปลงทะเบียนให้ไคลีเข้าเรียนที่โรงเรียนอนุบาลกันเถอะ!" เซเลน่าลงจากรถแล้วพูดกับเฟนด์“ตกลง ถ้าอย่างนั้นผมก็จะหยุดพักวันเดียวกับคุณเหมือนกัน!”เฟนด์ยิ้มตอบ"จริงเหรอ? แต่คุณทำงานแค่เพียงสองวัน เงินเดือนของคุณนั้นสูงมาก คุณจะขอลาล่วงหน้าได้หรือ? ถ้าคุณไม่ทำงานครอบครัวเดรคจะโกรธคุณไหม?”เมื่อเซเลน่าได้ยินสิ่งที่เขาพูด เธอขมวดคิ้วขณะที่เธอพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นเงินเดือนประจำวันของคุณก็ค่อนข้างสูง ถ้าอย่างนั้นพวกเขาจะไม่หักเงินจากการลาหยุดของคุณหนึ่งวันหรอกเหรอ?”เฟนด์นิ่งไปครู่หนึ่งและตอบว่า “มันไม่ใช่อย่างนั้น ผมบอกพวกเขาไปแล้วว่าจะไปก็ต่อเมื่อว่างเท่านั้น ถ้าพวกเขาจะหักเงินเดือนจากค่าจ้างของผมไปหนึ่งวัน ผมก็จะลาออกจากงาน!”เซเลนาถึงกับไปไม่เป็น เธอจ้องมองไปที่เฟนด์และพูดว่า “เงินเดือนแบบนั้นคุณจะลาออกแบบนั้นได้อย่างไร? ฉันไม่อยากได้ยินคนอื่นพูดว่า สามีของฉันไร้ประโยชน์ ต้องให้ฉันมาคอยดูแล!”“ฮ่า
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ