“นั่นมันตำราโบราณเล่มนั้น!” เฟนด์ตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า เขาได้อ่านตำรานี้แล้ว และแม้ว่าเขาจะใช้เวลากับมันไปเพียงไม่กี่วัน แต่เขาก็ไม่ได้พบกับอะไรในตำรานี้เป็นพิเศษ นอกจากหญ้าวิญญาณและของอื่น ๆแต่ไม่คาดคิดเลยว่า หลังจากค้นคว้าลูกบอลหินทั้งเจ็ดนี้เป็นระยะเวลานาน ลำแสงที่เปล่งออกมาจากลูกบอลหินทั้งเจ็ดนี้จะสามารถดึงดูดตำราโบราณเล่มนี้ได้ทุกคนตกตะลึงเมื่อตำราโบราณถูกดูดกลืนเข้าไป มันลอยอยู่เหล่าเหนือลำแสงอยู่อย่างนั้นในไม่ช้าแสงสีทองก็ส่องออกมาจากตำราโบราณอึก!คนรอบข้างเงียบลงจนได้ยินเสียงคนกลืนน้ำลาย มันเงียบจนน่ากลัวทุกคนสงสัยว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอึกใจต่อจากนี้หรือไม่ในไม่ช้าลำแสงก็หายไปโดยไม่มีมีมีขลุ่ย ลูกบอลหินทั้งเจ็ดลูกคืนสภาพเป็นปกติอีกครั้งเมื่อตำราโบราณตกลงสู่พื้นพรึ่บ!เจ้าตำหนักอินทรีทะยานเป็นคนที่เร็วที่สุด ในพริบตาเดียวเขาพุ่งไปข้างหน้าและหยิบตำราโบราณขึ้นมาพรึ่บ! พรึ่บ! พรึ่บ!สมาชิกของตระกูลอื่น ๆ ล้อมเขาไว้ในทันที เพราะกลัวเขาจะหนีกริฟฟินยิ้มเจื่อน ๆ เมื่อรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “ทุกท่านอย่ากลัวไปเลย ผมแค่อยากจะดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในตำราเล่มนี้ห
แมทธิวกำหมัดแน่นและตอบอย่างไม่เต็มใจว่า “รอดูกันไปก่อน ถ้ารีบร้อนเข้าไปตอนนี้เราคงบ้าไปแล้ว มาดูกันว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไรหลังจากนี้”ไม่ห่างไปจากกันนัก โจเอลและคนอื่น ๆ จากตำหนักนภาก็งงงวยเช่นกัน เนื่องจากพวกเขาไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดอะไรขึ้นข้างใน อย่างไรก็ตาม พวกเขาสามารถรอได้เท่านั้นในทางกลับกันเฟนด์และคนอื่น ๆ จ้องมองไปที่ตำราโบราณขณะที่พวกเขาเริ่มอ่านมัน“โอสถและข้อมูลเกี่ยวกับโอสภแบบเม็ดหายไปหมดแล้ว!” หลังจากพลิกอ่านตำราโบราณไปหลายหน้า ใบหน้าของเควินดูประหลาดใจ จากนั้นเขาก็พูดต่อไปว่า “บนนั้นเขียนว่าอะไร?”ทุกคนเริ่มมองดูมันไปด้วยกัน และต่างก็ประหลาดใจหลังจากที่พวกเขาได้วิเคราะห์มัน"ถึงตัวฉันเอง… มีบันทึกในตำราเล่มนี้ว่าเมื่อหลายปีก่อนบนโลกนี้มีพลังฉีอยู่มากมาย และมีคนที่ได้ทะลวงไปสู่ระดับเทพสูงสุดหลายคน ยังมีระดับพลังยุทธที่สูงขึ้นอีกระดับหนึ่งและเป็นที่รู้จักกันในชื่อระดับทะลวงวิญญาณ ระดับเทพสูงสุดและระดับทะลวงวิญญาณนั้นแบ่งออกเป็นเก้าระดับ เริ่มตั้งแต่ระดับที่หนึ่งถึงระดับที่เก้า!”"ยิ่งไปกว่านั้น คนที่อยู่ในระดับเทพสูงสุดสามารถอยู่ได้ถึงสองร้อยปี ในขณะที่คนที่อยู่ในระด
“ป่าไอเมฆา?” หลายคนงุนงงเมื่อได้ยินคำนี้ ป่าไอเมฆาเป็นสถานที่ที่พิเศษอย่างยิ่ง และแม้ว่ามันจะไม่ได้มีอันตรายมาก แต่หลังจากเข้าไปในป่านั้นหลายคนก็ไม่ได้กลับออกมา ยิ่งเดินเข้าไปในป่าลึกเท่าไหร่ก็ยิ่งยากที่จะกลับออกมาที่สำคัญกว่านั้น เมื่อเข้าถึงส่วนที่ลึกของป่าไอเมฆาแล้วก็จะไม่สามารถบินได้ เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของที่นั่นแตกต่างจากโลกภายนอกราวฟ้ากับเหวขณะที่สีหน้าของเขาดูงุนงงและมืดมน เขาหันไปหาเฟนด์และสารภาพว่า “แลนซ์และคนอื่น ๆ ไปที่ป่าไอเมฆา”เขายังคงมีความรู้สึกที่ซับซ้อนต่อแลนซ์ การกระทำของลิลลี่ทำให้เขาอับอาย และเขาก็ลงโทษลิลลี่ไปแล้วด้วยแต่ไม่คาดคิด ลิลลี่จะไม่สำนึกผิด แถมยังร่วมมือกับตระกูลลาโกริโอมาแว้งกัดตระกูลวู๊ดอีก นั่นคือเหตุผลที่ตระกูลลาโกริโอต้องหายไปทว่าแลนซ์ไม่ได้รับรู้ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ และเขาก็ไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมด ดังนั้นแนชจึงไม่รู้สึกเกลียดแลนซ์แน่นอน แลนซ์และคนอื่น ๆ จากตระกูลทั้งหลายได้หายตัวไป หลังจากที่พวกเขาไปที่ป่าไอเมฆา มีความเป็นไปได้สูงว่าพวกเขาคงจะตายอยู่ข้างในป่านั้นนานแล้วเขาไม่คิดว่าปลายทางสุดท้ายที่ลูกบอลหินทั้งเจ็ดลูกนี้นำ
“ใช่ และดูเหมือนว่าจะมีปรมาจารย์คนหนึ่งแอบฝึกฝนทักษะยุทธให้ลูกชายของตัวเอง และเขายังบอกลูกชายถึงหนทางการไปยังสถานที่นั้น เขาไม่คิดว่าลูกชายจะเป็นผู้นำของผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะยังไง การที่เราได้รับข่าวนี้และจะพบกับลูกบอลหินทั้งเจ็ดลูก เราก็พอมีหวัง!” แนชพยักหน้าและไม่อาจซ่อนความตื่นเต้นในดวงตาของเขาได้“เพื่อความปลอดภัย ทุกท่านโปรดนำลูกบอลหินของตัวเองกลับไปด้วย!” เฟนด์พูดขึ้นทันทีหลังจากที่เขาตระหนักได้ถึงความสำคัญของลูกบอลหินเหล่านั้น และตระกูลที่เป็นเจ้าของลูกบอลหินก็นำพวกเขากลับคืนไปเฟนด์มองไปที่บันทึกหน้าที่เหลือในตำราอีกครั้งและพูดว่า "ในตำราโบราณเล่มนี้ไม่ได้บันทึกอะไรไว้มากนัก มีการวาดแผนที่ในการเดินทางไปยังป่าไอเมฆาและเส้นทางคร่าว ๆ ของที่นั่น ด้วยการนำทางเหล่านี้ จะช่วยให้ปฏิบัติตามได้ไม่ยาก”“ฮ่า ฮ่า! มันยอดไปเลย! เราจะไปกันเมื่อไหร่? ไปกันเลยสิ! เพราะผมได้นำสมาชิกทุกคนในตระกูลที่อยู่ในระดับกึ่งเทพมาจนหมดแล้ว ทำไมเราไม่ไปเสียตั้งแต่ตอนที่เรามีกองกำลังใหญ่โตอยู่ด้วยล่ะ?” หัวหน้าตระกูลของหนึ่งในตระกูลลึกลับชั้นสองที่ทำข้อตกลงกับเฟนด์และคนอื่น ๆ ต้องการที่จะออกเดินทางอย่างรีบร้
เมื่อแฮร์รี่พูดเช่นนี้ ออเรียลและกริฟฟินก็ไม่แสดงความคิดเห็นใด ๆ และเห็นด้วยอย่างไร้ข้อกังขาในไม่ช้าเหล่าปรมาจารย์ในห้องโถงก็เดินออกไปข้างนอกทีละคนผู้ที่รออยู่ข้างนอกซึ่งรอมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าข้างในนั้นเกิดอะไรขึ้น พวกเขาต้องการรู้ว่ามีใครสามารถทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดหรือพบเบาะแสเกี่ยวกับระดับเทพสูงสุดบ้างหรือไม่“เจ้าวิหาร เป็นอย่างไรบ้าง? ได้เรื่องอะไรหรือไม่? พวกคุณทะลวงข้ามขั้นไปแล้วหรือยัง?”“เจ้าวิหาร คุณได้ข้อมูลเกี่ยวกับระดับเทพสูงสุดหรือไม่? มีเบาะแสอะไรที่เป็นประโยชน์หรือเปล่า? ผมเห็นว่าพวกคุณทุกคนมีรอยยิ้มบนใบหน้า เช่นนั้นคงต้องมีข่าวดีแน่ ๆ ใช่ไหม?”เมื่อเห็นสมาชิกของพวกเขาออกมา สมาชิกของวิหารแห่งทวยเทพและราชาที่ไม่ได้ติดตามพวกเขาเข้าไปข้างในรีบเดินไปถามด้วยความคาดหวัง“หัวหน้าตระกูลเป็นยังไงบ้าง?” สมาชิกของตระกูลคาเบลโลเองก็ก้าวไปถามด้วยความตื่นเต้นอเล็กซานเดอร์มองไปที่ฝูงชนและพูดว่า “เราไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย ไว้ค่อยกลับไปคุยกัน”"อะไรนะ? คุณไม่ได้ข้อมูลอะไรเลยแม้แต่น้อยเหรอ?!” สมาชิกของตระกูลคาเบลโลรู้สึกผิดหวังเมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลังจาก
ชายคนหนึ่งยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “เจ้าตำหนัก” เขาหัวเราะเบา ๆ “ผมมีข่าวดี! ข่าวดี!""ข่าวดี?" โจเอลขมวดคิ้วและกวนทันที “บอกฉันมาเลยสิ!”“ฮ่าฮ่า! พวกเขาไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย ผมเห็นพวกเขาบางคนดูเศร้าหมองมาก” ชายคนนั้นพูด ความสุขปรากฏชัดในน้ำเสียง “ผมคิดว่าลูกบอลหินทั้งเจ็ดก็แค่ของไร้ประโยชน์ และเป็นไปได้ว่ามันคงไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการทะลวงเข้าสู่ระดับเทพสูงสุดเลย ทุกคนล้วนแล้วแต่เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์!”“นี่หมายความว่าไม่มีใครทะลวงไปถึงระดับเทพสูงสุดใช่หรือไม่? ถือเป็นข่าวดีจริง ๆ!” โจเอลรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อยทว่าเขารู้สึกผิดหวังอยู่ลึก ๆ เมื่อนึกไปได้ว่าดูเหมือนจะไม่มีโอกาสที่จะก้าวไปสู่ระดับเทพสูงสุดได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขาจะไม่มีโอกาสอีกต่อไปแล้วไม่ใช่หรือ?‘ระดับเทพสูงสุดไม่มีอยู่จริงงั้นหรือ?’ผู้อาวุโสคนหนึ่งยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “กลับกันเถอะ เจ้าตำหนัก ดูคนพวกนั้นสิ พวกเขาเริ่มจากไปแล้ว ผมคิดว่าเราควรกลับไปที่ชนเผ่าโบราณของเราดีกว่าจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ แน่นอนว่ายังดีที่ไม่มีใครทะลวงไปถึงระดับเทพสูงสุดได้ เพราะหากสมาชิกในตระกูลวู๊ดคนใดคนหนึ่งทะลวงเข้าสู่ระดับ
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสโมสลีย์จากวิหารราชวงศ์ศักดิ์สิทธิ์ก็พบความผิดปกติเช่นกัน ในไม่ช้าหลังจากหารือกันเป็นการภายในแล้ว พวกเขาก็แอบติดตามตระกูลลึกลับชั้นสามกลุ่มเล็ก ๆ ไปเช่นกันหลังจากบินไปครึ่งวัน สมาชิกของตระกูลลึกลับชั้นสามก็ถูกโจเอลและพรรคพวกขวางทางไว้“เจ้าตำหนักโจเอล อะไรกัน...ช่างบังเอิญจริง ๆ! บังเอิญเจอคุณในสถานที่แบบนี้ใช่ไหม?” ผู้คนจากตระกูลลึกลับชั้นสามต่างชะงักงันเมื่อสังเกตเห็นสมาชิกจำนวนมากจากตำหนักนภามาอยู่ต่อหน้าพวกเขา พวกเขาประหม่ามาก คนเหล่านี้มาที่นี่ด้วยเจตนาชั่วร้าย ไม่เช่นนั้นคงไม่ได้มาพบพวกเขาในพื้นที่รกร้างเช่นนี้?“ฮ่า ฮ่า… มันเป็นเรื่องบังเอิญจริง ๆ!” โจเอลพูดพลางหัวเราะในขณะที่เขาพินิจมองอีกฝ่าย “นายท่านเวสต์ ผมจะไม่อ้อมค้อมและเข้าประเด็นเลยแล้วกัน พวกคุณเพิ่งออกมาจากตระกูลวู๊ดและเราติดตามคุณมาตลอดทาง เพราะผมรู้ว่ามีพวกคุณไม่กี่คนที่ได้เข้าไป บอกผมเกี่ยวกับสถานการณ์ภายในมา”หัวหน้าตระกูลเวสต์มีสีหน้ามืดลงเล็กน้อยทันทีหลังจากที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาเงียบไปสองสามวินาทีก่อนจะตอบอย่างยิ้มแย้มว่า “เจ้าตำหนักโจเอล เราไปหาตระกูลวู๊ดก็จริง พวกเขาอนุญาตให้พวกเราเข
เมื่อตกใจกับพฤติกรรมของโจเอล นายท่านเวสต์ก็ยังยึดมั่นในความมีเมตตาที่เฟนด์มีต่อเขาและคนอื่น ๆอย่างไรก็ตาม โจเอลไม่ใช่คนที่จะถูกหลอกง่าย ๆ เพียงแค่เขาออกแรงบีบที่มือ เขาก็หักคอผู้อาวุโสได้แล้วพลั่ก!“ผู้อาวุโสลำดับที่ห้า!” หลายคนโกรธเมื่อเห็นสถานการณ์นี้และบางคนกำหมัดแน่น แต่พวกเขารู้ว่าพวกเขามีจำนวนคนไม่มากเมื่อเทียบกับคนของโจเอล พวกเขาไม่มีนักฝึกยุทธที่อยู่ในขั้นสูงสุดของระดับเทพแท้จริงด้วยซ้ำคน ๆ เดียวที่มีพลังยุทธสูงสุดในหมู่พวกเขาคือหัวหน้าตระกูลในขั้นสูงของระดับเทพแท้จริง พวกเขาจะต่อสู้กับผู้คนจากตำหนักนภาได้อย่างไร?“ฮึ่ม! ไม่อยากบอกเหรอ?” โจเอลเพิกเฉยต่อสายตาอันโกรธเกรี้ยวที่ส่งมาทางเขา ขณะที่เขาคว้าคอของผู้อาวุโสหญิงและยกเธอขึ้นจากพื้น “บอกเรามาให้หมดว่าพวกคุณรู้อะไรมาบ้าง หากคุณไม่พูด เธอจะต้องตายเป็นรายต่อไป!”"คุณยาย!" หญิงสาวกระวนกระวาย ดวงตาของเธอแดงก่ำ“เรา...เราไม่ได้โกหก!” นายท่านเวสต์ตวาด“ฮึ่ม!” โจเอลยิ้มเยาะในขณะที่เขากำมือแน่นและฆ่าผู้อาวุโสหญิง “คุณนี่ใจเย็นดีจริง ๆ เลยนะ นายท่านเวสต์ เขาจะเป็นรายต่อไป!”โจเอลสะบัดร่างของหญิงชราทิ้ง แล้วคว้าชายหนุ่มขึ้น