”นายน้อยวิลสัน คุณมาทำอะไรที่นี่” อีวานทักทายนายน้อยของตระกูลวิลสัน ทันทีที่สังเกตเห็นเขา “คุณพูดอะไรนะก่อนหน้านี้ นายน้อยวิลสัน? ห้าสิบล้าน? คุณยินดีที่จะเสนอห้าสิบล้านเหรียญ ยิ่งกว่าถูกรางวัลอีกใช่ไหม” ดวงตาของฟิโอน่าเต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย “คุณพูดจริงใช่ไหม?” เธอพูดออกมา อย่างหนึ่งที่เรารู้ว่า วิลสันและคาร์ก ต่างก็เป็นตระกูลชนชั้นสูง พูดง่าย ๆ ก็คือพวกเขาร่ำรวยกว่าตระกูลเทย์เลอร์เป็นอย่างมาก “แน่นอนคุณป้า เราดูเหมือนคนที่กลืนคำพูดของพวกเขาหรือไม่? ผมยังคงเป็นสมาชิกของตระกูลวิลสัน ดังนั้นผมทำตามคำพูดเสมอ!” นายน้อยวิลสันหัวเราะเบา ๆ ในขณะที่เขาพูด แต่เขาก็ชื่นชมรูปร่างที่สมบูรณ์แบบของเซเลน่า ในเวลาเดียวกัน เขาไม่สามารถห้ามตัวเองไม่ได้ที่จะแอบกลืนน้ำลาย นายน้อยวิลสันอ้วนมาก มากจนดูเหมือนหมู ไม่เพียงที่เป็นคนตะกละมากเท่านั้น แต่เขาก็มักมากในเรื่องผู้หญิงด้วยเช่นกัน เขารู้สึกหลงเสน่ห์ทันทีเมื่อได้สบตากับเซเลน่าและความงามที่ไม่มีตัวติบนเธอ เมื่อเขารู้ว่าเธอแต่งงานกับเด็กส่งของบ้าน และตั้งครรภ์ในเวลาต่อมาเขาก็โกรธมาก ถึงอย่างนั้นความงามของเซเลน่าก็ยังไม่จางหายไ
ขณะที่เจมส์ได้ฟังสิ่งที่พนักงานพูด เขาก็ไม่สามารถกลั้นหัวเราะอย่างขมขื่นได้ “เทพเจ้าแห่งสงครามอยู่เหนือการควบคุมของเราและมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้เรียนรู้ได้ดีขึ้น” เขากล่าว “ไม่ต้องพูดถึง นี่คือเทพเจ้าแห่งสงครามหญิง เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอชอบและไม่ชอบอะไร!” เขาหยุดพูดเมื่อหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมา เขากล่าวต่อว่า “ฉันกลัวว่าผู้อิทธิพลส่วนมากไม่ต้องการอะไรมากไปกว่าการพูดเยินยอให้แก่เทพแห่งสงคราม เมื่อเธอกลับมา โชคดีที่เราได้เรียนรู้จากการต่อสู้ของเธอในวันนี้มากมายและดูเหมือนว่าผู้อิทธิพลอื่น ๆ จะไม่รู้อะไรเลย” ชายวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าเขาพยักหน้าและพูดว่า "ของขวัญที่เราส่งไปให้ เทพเจ้าแห่งสงครามลาน่า เธอรับหรือไม่" “เฮ้อ ... ก็ยังไม่เลว เธอยอมรับการต้อนรับที่เราจัดให้เธอ แต่สำหรับเงินมันต่างกัน เธอไม่ได้สนใจมันเลย!” เจมส์หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ลาน่าดูเหมือนจะไม่ชอบเวลาที่มีคนพยายามประจบเธอ ไม่ต้องพูดถึงเราเองก็ไม่รู้ว่าจะต้องหว่านล้อมเธออย่างไร” ชายวัยกลางคนยังคงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็แปล่งประกายในขณะที่เขาพูดว่า “นายท่านคนคุณหมายถึงตั้งแต่ตอนนั้นคื
ตอนแรกเซเลน่าคิดว่าแม่ของเธอจะช่วยเธอถือเสื้อผ้าไว้ในมือ แต่เธอกลับโยนสิ่งเหล่านั้นลงไปในทะเลสาบมันสายเกินไปแล้วเมื่อเธอรู้สึกตัว เสื้อผ้าทั้งสามชุดที่มีราคาเกือบสองแสนถูกโยนลงไปในทะเลสาบที่อยู่ข้างเธอ ช่างไร้มารยาท“แม่กำลังทำอะไรลงไป? นั่นมันเป็นของแท้! ใครบอกว่ามันเป็นของปลอม” เซเลน่าร้อนรนจนกระทืบ ด้วยความตกใจเธอรีบวิ่งไปในขณะที่ดวงตาของเธอเริ่มเป็นสีแดงและดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟาเน่ ได้เสื้อผ้าของเธอ หลังจากความยากลำบากทั้งหมดที่เธอต้องทนมาตลอดห้าปีที่ทั้งคู่แต่งงานกันในที่สุดเธอก็มีรสนิยมที่หรูหรา นั่นหมายความว่าความอดทนของเธอตลอดห้าปีที่ผ่านมาไม่ใช่เพื่ออะไร!“เรื่องจริง? ของพวกนั้นเป็นของแท้ได้ยังไง? และพวกเขาสามารถจ่ายเงินได้หรือไม่”ฟิโอน่าที่สงสัยเอามือกอดไว้ที่อกของเธอ เธอไม่มั่นใจว่าเฟนด์จะมีเงินมากขนาดนั้นเพื่อซื้อเสื้อผ้าแบรนด์ต่างประเทศให้ลูกสาวของเธอ“แม่ยายที่รัก นี่เป็นของแท้จริง ๆ เราซื้อจากร้านค้าที่มีแบรนด์เฉพาะของพวกเขา แบบนี้คงปลอมไม่ได้แล้วใช่ไหม”โจแอนที่ยืนอยู่ด้านข้างในที่สุดก็ลุกพรวด “คุณโยนเสื้อผ้าราคาเกือบสองแสนนี
“นายท่านครับ นายท่าน! ผมโทรไปหลายครั้งและในที่สุดฉันก็พบบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ทั้งหมดที่เกี่ยวกับเฟนด์มันประหลาดมาก!” สเปกเตอร์เฟซ ร้องเรียกเจมส์ขณะที่เขาวิ่งเข้ามาอย่างลนลาน “ประหลาดยังไง?” เจมส์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งที่สเปกเตอร์เฟซพูด เขาไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะอธิบายเรื่องของเฟนด์ ว่า ‘แปลกประหลาด’ “ลองดู นี่คือข้อมูลที่ฉันได้รับมาอย่างเหน็ดเหนื่อยจากคนที่อยู่ในแวดวงทหารเพื่อตรวจสอบเฟนด์” “มีเพียงชื่อหมายเลขประจำตัวของเขาและงานในอดีตของเขาในฐานะเด็กส่งของตามบ้าน หลังจากนั้นเขาก็กลายเป็นลูกเขยของตระกูลเทย์เลอร์ เขาถูกเกณฑ์ในวันที่สองของการแต่งงานและสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นเป็นสิ่งที่เราหาไม่พบ ห้าปีต่อมาเขาก็กลับไปในเมือง!” สเปกเตอร์เฟซขมวดคิ้วและพูดว่า “ไม่ใช่ข้อมูลส่วนตัวแปลก ๆ เหรอ? แม้แต่ข้อมูลในระหว่างการเกณฑ์ทหารของเขายังเป็นปริศนา แต่แผนกที่เขาถูกเกณฑ์เข้าก็ไม่เป็นที่รู้จักเช่นกัน ทั้งหมดที่เราพบก็คือแม่ของเขาชื่อโจแอน ซาเวียร์ ปัจจุบันทำงานเป็นคนทำความสะอาดในส่วนกลาง เราไม่มีอะไรกับพ่อของเขา!” “ไม่พบอะไรเกี่ยวกับพ่อของเขาและสถานการณ์ของเขาในระห
“เย้ เย้! เราไปทานอาหารกันได้แล้ว!” ไคลีสวมชุดเจ้าหญิงตัวน้อยๆ ที่สวยงามในขณะที่เธอเล่นอย่างสนุกสนานในลานบ้าน “คุณผู้หญิงฉันจะไม่ร่วมงานกับพวกคุณ ฉันยังมีเรื่องที่ต้องเข้าทำ ดังนั้นฉันจะขอไปตอนนี้” เจนนี่ยิ้มให้เซเลน่า “เดทกับแฟนอีกครั้ง? โอ้คุณ เร็วเข้า!” เซเลน่าพูดด้วยรอยยิ้มที่มีความเมตตา โจแอลอาบน้ำเสร็จแล้วในขณะนั้น เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ที่เฟนด์ ซื้อให้เธอ เธอดูอ่อนกว่าวัยในช่วงสั้น ๆ แม้ว่าเธอจะอายุสี่สิบ แต่เธอก็ดูอ่อนเยาว์และสง่างามมากขึ้น โจแอนดูสวยงามอย่างง่ายดายและเธอก็มีความสง่างามตามธรรมชาติเช่นกัน แม้ว่าโดยปกติแล้วเธอจะแต่งกายด้วยเครื่องแบบที่สะดวกในการทำงาน แต่เธอก็ยังคงแสดงถึงความสง่างามส่วนตัวที่เป็นของเธอเท่านั้นและไม่มีใครอื่น ด้วยเหตุนี้เองที่พ่อของเฟนด์จึงตกหลุมรักเธอในตอนนั้น น่าเสียดาย… “แม่ คุณดูสวยมากในชุดนี้!” เซเลน่ายิ้มขณะมองโจแอน“โอ้ หยุดประจบฉัน ฉันแก่แล้ว!” โจแอนหัวเราะเบา ๆ ขณะที่เธอพูด ฟีโอน่าที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่สามารถกลั้นตัวเองจากการพึมพำขณะที่เธอเห็นฉากนั้นได้ “ฉันเป็นแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอหรือหล่อน?” เธอพึ
ภายในร้านอาหาร ฟีโอน่า ลูอิส โกรธมากจนใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงและหายใจฮึดฮัดเธอไม่เคยถูกล้อเลียนและดูถูกในตลอดห้าปีที่ผ่านมาถ้าไม่ใช่เพราะ เฟนด์ วู๊ด เฟนด์ วู๊ด เป็นต้นเหตุสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้น เพราะลูกเขยไร้ประโยชน์คนนี้ทันใดนั้น บรรยากาศก็ตึงเครียดมาก!ฟีโอน่านึกถึงนายน้อยคลาร์ก และนายน้อยวิลสัน ซึ่งเป็นเจ้านายรุ่นเยาว์ของครอบครัวชนชั้นสูง และร่ำรวยกว่าตระกูลเทย์เลอร์ เมื่อเธอนึกถึงเงินห้าสิบล้านที่นายน้อยวิลสัน ยินดีจ่ายเป็นของขวัญหมั้นหมายทั้งหมด สิ่งที่เธอต้องการคือไล่ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ออกไปจากหน้าเธอทันทีเธอเกลียดที่ไอ้เด็กเหลือขอคนนี้ มันเอาเปรียบลูกสาวของเธอที่เมาในคืนแต่งงานและจะไม่มีวันให้อภัยมันเด็ดขาด!สายตามากมายที่จับจ้องมาที่เขา เธอจึงอยากเห็นว่าเฟนด์จะจบเรื่องนี้อย่างไรมีข่าวลือว่าทหารผ่านศึกที่กลับมาจากสงครามจะได้รับโบนัสมากมาย แต่โดยทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณสองแสนถึงสามแสน ผู้ที่ได้รับมากกว่านั้นคือผู้ที่มีคุณงามความดีหรือผู้ที่มีตำแหน่ง อย่างเป็นทางการเห็นได้ชัดว่าเฟนด์ไม่ใช่คนแบบนั้นนอกจากนี้เขาอาจใช้เงินส่วนใหญ่ไปเพื่อทำให้ลูกสาวของเธอมีควา
“โอ้ย อิ่มจัง มันอร่อยมาก ฉันไม่ได้กินอาหารดี ๆ แบบนี้มานานแล้ว!”ฟีโอน่ากินตามใจปาก เธอต้องทนทุกข์ทรมานมากตลอดห้าปีที่ผ่านมา ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้ เฟนด์ วู๊ด มันไม่เพียงทำให้ลูกสาวของเธอถูกขับออกจากครอบครัวเทย์เลอร์ แม้แต่คนแก่ทั้งสองก็ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นเดียวกันเป็นเวลาห้าปีแล้วที่เธอไม่ได้กินอาหารหรูหราแบบนี้ ห้าปีมาแล้ว!เธอไม่สนใจว่าเฟนด์จะมีเงินจ่ายค่าอาหารหรือไม่ ท้ายที่สุดแล้วคนที่ต้องทนทุกข์กับความลำบากใจนั้นไม่ใช่เธอ ท้ายที่สุดไม่มีใครขอให้เฟนด์ทำตัวร่ำรวยและเสนอที่จะจ่าย“ว้าว ฉันอิจฉาจัง! ฉันคาดว่าบิลของโต๊ะนี้ต้องอยู่ที่ประมาณสองแสน! นั่นคือไวน์แดงที่แพงที่สุดที่นี่!”ผู้คนส่วนใหญ่ที่โต๊ะรอบ ๆ พวกเขาพากันมองดูอาหารจานอร่อยบนโต๊ะและอิจฉาอย่างมาก“มันเยอะมากจริง ๆ โดยเฉพาะไวน์แดงยี่สิบขวด พวกเขาดื่มไปเพียงสองขวด โอ้! พวกเขาสั่งกันเยอะมาก พวกเขารวยจริง ๆ!” ชายคนหนึ่งคร่ำครวญ“เดี๋ยวก่อนดูผู้ชายคนนั้นสิ เขาดูเหมือนคนที่มีรายได้วันละล้านหรือเปล่า? เขาแต่งตัวตามปกติ เขามีเงินจ่ายบิลจริง ๆ หรือ? พวกเขาไม่ได้วางแผนที่จะกินอาหารฟรีใช่หรือไม่”ในทางกลับกันผู้หญิงคนหนึ่งสงสัย
"เยี่ยมมากเฟนด์ วู๊ด คุณไม่ใช่หรือที่ภูมิใจนำเสนอและบอกว่าคุณสามารถจ่ายบิลได้? คุณไม่ใช่หรือคนที่ขอให้ฉันสั่งอะไรก็ได้ที่ฉันต้องการ? ในที่สุดคุณก็ยอมรับว่าคุณไม่มีเงินใช่ไหม?“ถ้าคุณไม่มีเงินทำไมคุณต้องโอ้อวดเกินความสามารถเพื่อที่จะสร้างความประทับใจให้เรา เซเลน่าดูซะ คนนี้คู่ควรกับการที่เธอจะแต่งงานด้วยจริง ๆ หรือ”ฟีโอน่าโกรธมากในตอนนี้ เธอดึง แอนดรูว์ เทย์เลอร์ และพูดว่า “ไปกันเถอะ กลับกัน ทิ้งเขาไว้ที่นี่และดูว่าเขาจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เขาสมควรที่จะได้รับแล้ว ถึงจะถูกฆ่าก็ตาม ทำไมต้องบอกว่ารวยในเมื่อเขาไม่มีเงิน”“เฟนด์คุณทำให้เราผิดหวังจริงๆ!”แอนดรูว์ก็โกรธมากเช่นกัน “แค่บอกตามตรงว่าคุณไม่มีเงิน เราคงไม่ขายหน้าแบบนี้ คุณบอกว่าคุณมีเงิน และต้องการเลี้ยงเราด้วยอาหารแต่ความจริงคุณไม่มี เราจะมอบลูกสาวให้กับคนอย่างคุณได้อย่างไร”“เฟนด์เกิดอะไรขึ้น? จริงไหมที่คุณไม่มีเงิน”เซเลน่าหายใจเข้า - ออกลึก ๆ มองไปที่เฟนด์แล้วถามเฟนด์ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วส่งบิลเก็บเงินให้เซเลน่าดู แล้วพูดว่า “ไม่ใช่เพราะผมไม่มีเงิน เป็นเพราะไม่มีทางที่จะจ่ายบิลแบบนั้นจริง ๆ ให้ตายผมก็จะไม่จ่าย!”เซเ
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ