หลังจากที่ตระกูลซีกเลอร์คุยกันอยู่พักหนึ่ง พวกเขาก็ทำตามคำแนะนำของเฟนด์ และลงจากภูเขาไป“คุณช่างมีน้ำใจเหลือเกิน นอกจากคุณจะไม่ได้เอาหญ้าวิญญาณของพวกเขาแล้ว คุณยังปล่อยพวกเขาไปอีกด้วย!”หลังจากที่พวกเขาจากไป เฮเลน่าก็มองไปที่เฟนด์และอดไม่ได้ที่จะยิ้มหวานออกมา“มันไม่ง่ายเลยที่พวกเขาจะอยู่รอดมาได้ไกลขนาดนี้ นอกจากนี้ การที่พวกเขามาเจอเราในตอนนี้ แต่ถ้าพวกเขาเจอตระกูลฮันท์ พวกเขาคงไม่รอดแม้ว่าระดับพลังยุทธของพวกเขาจะต่ำก็ตาม”ความสนใจของเฟนด์พุ่งตรงไปที่จุดสูงสุด ดวงตาของเขาดูเคร่งขรึมผิดปกติ ยิ่งพวกเขาเข้าใกล้จุดสูงสุดมากเท่าไหร่ โอกาสที่จะเจอตระกูลฮันต์ก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เป็นไปได้ว่าในที่สุดก็คงต้องต่อสู้กับพวกเขาทุกคนยังคงมุ่งหน้าเดินทางต่อไป และก็ผ่านไปอีกสองวัน เหลือเวลาอีกเพียงห้าวันเท่านั้นก่อนที่การแข่งขันจะจบลง ในที่สุดเฟนด์และคนอื่น ๆ ก็พบกลุ่มคนจำนวนมากในระยะไกลในตอนนั้นเอง เฟนด์และคนอื่น ๆ สามารถรวบรวมคนจำนวนมากจากตระกูลวู๊ด ตระกูลคาเบลโล และตระกูลแลงคาสเตอร์ รวมกันแล้วก็มีจำนวนประมาณแปดร้อยคน ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งมีประมาณหกร้อยคน“นายน้อยเฟนด์ นั่นพวกคนจากตระกูลฮันท์
“ใช่แล้ว นายน้อยคลาวด์ ผมเห็นกับตาตัวเองเลย! เขาฆ่านายน้อยลำดับที่สอง!”ชายคนนั้นโกรธจัด “แต่ผมเชื่อว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคุณหรอก คราวนี้เขาตายแน่!”“แน่นอน ฉันต้องแก้แค้นให้ได้!”สีหน้าของคลาวด์ยังแข็งกร้าวเช่นเคย “แต่ถ้าเขาแข็งแกร่งจริง ฉันอาจจะต้องสู้กับเขานาน เรามีจำนวนคนน้อยกว่า เมื่อฉันจัดการเขาเสร็จ เราอาจจะสูญเสียคนของเราไปหลายคน!”สมาชิกตระกูลเชิร์ชและสมาชิกตระกูลลาโกริโอมีท่าทางไม่ค่อยพอใจพวกเขาคิดว่า พวกเขาจะฆ่าอัจฉริยะของศัตรูได้อย่างง่ายดายด้วยการเป็นพันธมิตรกับตระกูลฮันท์ และตระกูลฮันท์ยังสัญญากับพวกเขาว่า พวกเขาจะได้รับผลประโยชน์มากมายเมื่อพวกเขาทำข้อตกลงเสร็จ จากนั้นพวกเขาก็จะรวมตัวกันและกำจัดพวกตระกูลวู๊ดและตระกูลแลงคาสเตอร์หลังจากนั้น พวกเขาก็จะกลายเป็นหนึ่งในตระกูลที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบสองหรือสามปี แน่นอนโดยที่ไม่นับตระกูลฮันท์พวกเขาไม่คิดว่าตระกูลวู๊ด ตระกูลแลงคาสเตอร์ และตระกูลคาเบลโล จะรวมตัวเป็นพันธมิตรกัน พวกเขายังมีลางสังหรณ์ว่าพันธมิตรอื่น ๆ จะเลือกพวกเขาก่อน หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาทั้งสองตระกูลจะต้องสูญเสียอย่างหนักแน่“มีอะไร? เราอยู่ที่นี่แล้ว
“ฮึ่ม แกคิดว่าจะเอาชนะเราได้ด้วยจำนวนคนที่มีมากกว่าแค่นั้นเหรอ? มาดูกันว่าแกจะมีความสามารถหรือเปล่า!”คลาวด์ส่งเสียงคะคอกอย่างเย็นชา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม"จู่โจมได้!"ภายใต้คำสั่งของทั้งสามคน ทั้งสองฝ่ายจึงเริ่มปะทะกัน เพียงไม่กี่นาที คนจำนวนมากก็เริ่มล้มลง นอนตายอยู่บนพื้น“สู้ตาย นายน้อยฮันท์! พวกเราคงไม่รอดแล้ว!”ชายคนหนึ่งจากตระกูลเชิร์ชซึ่งอยู่ขั้นต้นของระดับเทพแท้จริงมองไปที่คู่ต่อสู้ของเขา สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวล เพราะยังไงซะ ไม่เพียงแต่พวกเขามีจำนวนน้อยกว่ากองกำลังของเฟนด์เท่านั้น แต่พวกเขายังมีนักสู้ในระดับเทพแท้จริงน้อยกว่าด้วยเมื่อเทียบกับอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้น วีนัสและแรนดัลล์ยังเป็นนักสู้ที่น่ากลัวซึ่งเก่งกว่านักสู้ที่มีระดับการฝึกฝนใกล้เคียงกันนั่นเป็นเหตุผลที่เขากังวล"ไม่ต้องกังวล อีกพักฉันจะไปช่วย ฉันแค่ต้องฆ่าไอ้คู่โสโครกสองคนนี้ก่อน ส่วนที่เหลือจะไม่มีปัญหา!”ริมฝีปากของคลาวด์โค้งเป็นรอยยิ้มไร้อารรมณ์ ในสายตาของเขา มีเพียงเฟนด์และเฮเลน่าเท่านั้นที่แข็งแกร่งพอจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา ส่วนที่เหลือก็เหมือนพวกน่ารำคาญที่เขาสามารถกำจัดได้โดยไม
“ฉันไม่คิดว่าลูกนอกสมรสจากแดนมนุษย์อย่างแกจะฆ่าน้องชายของฉันได้ แต่วันนี้ฉันจะแก้แค้นให้เขาเอง!”สายตาของคลาวด์จ้องเขม็ง ออร่าที่น่ากลัวออกมาจากร่างกายของเขา ในเสี้ยววินาที เขาก็โต้กลับด้วยการโจมตีของเขาเองในเวลาเดียวกันนั้นเอง นอกบาเรียสีฟ้าขนาดยักษ์ ความสนใจของทุกคนมุ่งไปที่จุดเดียวโดยเฉพาะตระกูลฮันท์ เควนตินและคนอื่น ๆ เขาคิดว่ากลุ่มแสงที่ใหญ่กว่าในกลุ่มคนทั้งสองฝ่ายคือคนของเขา เพราะยังไงซะ ก็มีข้อตกลงลับ ๆ ระหว่างตระกูลฮันท์ ตระกูลลาโกริโอ และตระกูลเชิร์ช เขาสัญญาว่าจะมอบหญ้าวิญญาณและโอสถให้กับอีกสองตระกูลหากพวกเขายังยึดมั่นในข้อตกลงเพื่อกำจัดอัจฉริยะจากตระกูลอื่น ๆนั่นเป็นเหตุผลที่ทั้งสามตระกูลค่อย ๆ ทยอยมารวมตัวกัน ในขณะที่ตระกูลอื่น ๆ ต่างตะเกียกตะกายเพื่อรวมตัวกันเอง พวกเขาร่วมมือกันเพื่อมุ่งเป้าไปที่อัจฉริยะจากตระกูลอื่น ๆ และมันก็ได้พบกับผลลัพธ์ที่ยอดเยี่ยมอย่างไรก็ตาม เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากที่จุดยักษ์ทั้งสองปะทะกัน การต่อสู้ก็เริ่มขึ้น“พวกเขากำลังต่อสู้กันอยู่ มีหลายคนจับมือกันด้วย ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ได้ประกอบด้วยตระกูลเดียว ไม่งั้นจำนวนคนคงไม่เยอะขนาดนี้”
“เฟนด์ มาโจมตีเขาด้วยกันเถอะ!”เฮเลน่ามองที่เฟนด์แล้วพูดกับเขา"ได้เลย!"เฟนด์พยักหน้า พวกเขาถือดาบและพุ่งเข้าหาฝ่ายตรงข้ามอีกครั้งครั้งนี้ เฮเลน่าใช้เทคนิคที่ทรงพลังแทน ออร่าดาบของเธอพุ่งออกไปราวกับดาวหางพุ่งทะลุท้องฟ้า ในขณะเดียวกัน เฟนด์ก็ใช้ ดาบอัคนี ทักษะการต่อสู้ขั้นต้นระดับสองเหมือนก่อนหน้านี้เขาเชื่อว่าคลาวด์คงไม่สามารถป้องกันการโจมตีสองครั้งพร้อมกันได้หากเขายังใช้เทคนิคเดิม“หมัดมังกรคู่!”พวกเขาไม่คิดว่าคลาวด์จะเก็บดาบเข้าฝักและกำหมัดแน่น และประกบหมัดเข้าหากันกรร!ทันใดนั้น มังกรยักษ์สองตัวที่ก่อตัวขึ้นจากฉีก็ลอยขึ้นไปในอากาศ พวกมันดูเหมือนกับว่าจะมีชีวิตจริง ๆ เกล็ดของพวกมันส่องประกายอย่างอันตราย หลังจากที่พวกมันคำรามแล้ว พวกมันก็พุ่งเข้าใส่เฟนด์กับเฮเลน่าทันทีปัง!การโจมตีของเฟนด์พุ่งใส่มันอย่างรวดเร็ว และปะทะหยุดนิ่งกับมังกรอยู่ครู่หนึ่งแต่ในอีกด้าน การโจมตีของเฮเลน่าทำได้เพียงแค่ชั่วครู่ก่อนที่มันจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ และไม่สามารถต้านทานได้อีกต่อไป มังกรที่พุ่งตรงมาหาเธอจึงลดลงเหลือครึ่งเดียว แต่แรงกระแทกที่เหลือมาอัดโดนเธอ ทำให้เธอกระเด็นถอยหลังไปหลายสิบเมตร
“เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์!”เฟนด์และเฮเลน่าสบตากัน ทันใดนั้นสายตาของพวกเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม“อะไรกัน? เริ่มกลัวแล้วเหรอ?"คลาวด์หัวเราะชอบใจ “ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะกลัวในตอนนี้ ฉันไม่ปล่อยแกไปแน่แม้ว่าแกจะคุกเข่าอ้อนวอนฉันก็ตาม วันนี้ฉันจะแก้แค้นให้น้องชายของฉัน!”หลังจากที่พูดจบ เขาก็กำหมัดแน่นและรวบรวมพลังฉีอีกครั้ง เสียงสะท้อนของฉีแข็งแกร่งกว่าครั้งก่อน“คลื่นประกายดาบ!”เฟนด์ไม่กล้าลดการป้องกันลง ดังนั้นเขาจึงใช้ทักษะการต่อสู้ขั้นสูงระดับสองของเขาทันใดนั้น พลังฉีและออร่าของดาบก็หลอมรวมเข้าด้วยกัน ก่อตัวเป็นดาบบินที่แหลมคมอย่างโหดเหี้ยม พุ่งออกไปพร้อมกับออร่าที่น่าสะพรึงกลัว“ทลายอินทรี!”เฮเลน่ายังใช้การโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของเธอ ขณะที่เธอตวัดดาบ พลังฉีของเธอก็รวมตัวกันเป็นรูปนกอินทรี กางปีกออกความยาวประมาณ 20 ฟุต มันส่งเสียงกรีดร้องที่น่ากลัวขณะที่มันพุ่งออกไปปัง!คลาวด์ใช้มังกรยักษ์สองตัวอีกครั้ง มังกรดูตัวใหญ่กว่าก่อนหน้านี้ พวกมันดูแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมากมังกรตัวหนึ่งชนเข้ากับการโจมตีของเฮเลน่า อินทรีที่น่ากลัวของเธอถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย และพลังที่เหลือจากมัง
มังกรที่ปะทะกับคลื่นประกายของเฟนด์นั้นคงอยู่ได้ไม่นาน เส้นใยพลังปรากฏขึ้นทุกที่ที่ดาบเชื่อมต่อกัน เกิดเสียงดังลั่นในอากาศและมันก็แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ในขณะเดียวกัน ยังมีดาบอีกหลายสิบเล่มที่หลงเหลือจากการโจมตีของเฟนด์ มันพุ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง“ไม่ ไม่มีทาง!”คลาวด์ส่ายหน้า ไม่อยากจะเชื่อภาพที่เห็นตรงหน้า สีหน้าของเขามืดมนราวกับมีเมฆมาปกคลุมใบหน้าเมื่อดาบพุ่งเข้ามาใกล้ คลาวด์ก็ขว้างโล่ฉีขึ้นมาป้องกันตัวเขาไว้ก่อนที่จะหมุนตัวและเหาะหนีไปฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!ดาบบินนั้นรวดเร็วมาก สองเล่มพุ่งเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว แต่ก็ถูกโล่ของเขาขวางไว้ ส่วนอีกสองเล่มก็พุ่งเข้ามาและสุดท้ายโล่ก็แตกออกปัง!ดาบเล่มหนึ่งปักลงบนต้นขาของเขา เลือดไหลออกมาจากบาดแผลที่ถูกเจาะปัง!คลาวด์หลบดาบอีกเล่มหนึ่งได้ทัน แต่มันก็เฉือนแขนจนฉีกเสื้อของเขาขาดและทำให้เขามีบาดแผลอีกครั้ง"อ๊าก!"คลาวด์ร้องออกมา และรีบเหาะหนีอย่างเร็ว“ยังคิดจะหนีอีกเหรอ?”เฟนด์เก็บโล่เมื่อเขาเห็นว่าอีกฝ่ายพยายามที่จะหลบหนี เขาหยิบดาบขึ้นมาและไล่ตามฟุ่บ ฟุ่บ ฟุ่บ!คลาวด์เร็วมาก ในชั่วพริบตา เขาก็ลงจากภูเขาและพุ่งเข้าไปใน
“เราควรทำอย่างไรดี? เราจะมีปัญหา ถ้าเขาทะลวงเข้าสู่ระดับการฝึกฝนอื่นไปได้จริง ๆ และดูเหมือนว่าเขาได้ทำแบบนั้นไปแล้วด้วย ตอนนี้รังสีของเขารู้สึกแตกต่างไปจากเมื่อก่อน!”เฮเลน่ามองไปที่เฟนด์ เธอคิ้วขมวดด้วยความกังวลเฟนด์มองไปข้างหลังเขา “ถ้าเราสองคนเอาชนะเขาไม่ได้ คนอื่น ๆ ก็จะเดือดร้อน อย่างนั้นเราถึงได้เปรียบ แต่เราจะทำแบบนี้ต่อไปไม่ได้ คุณไปฆ่าทุกคนในสนามต่อสู้อื่น ส่วนผมจะคิดหาวิธีขัดขวางเขา!”"อะไรนะ!"เฮเลน่าสูดหายใจเข้าเต็มปอดหลังจากที่เธอได้ยินเช่นนั้น "บ้าเหรอ? ตอนนี้เราแทบจะจัดการกับเขาไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเราสองคนร่วมมือกัน เราคงทำเช่นนั้นไม่ได้ ถ้าคุณพยายามที่จะจัดการกับเขาคนเดียว คุณตายแน่!”เธอไม่คิดว่าเฟนด์จะยืนกรานเช่นนี้ “เราไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากฆ่าสมาชิกตระกูลฮันต์ ตระกูลเชิร์ชตระกูลลาโกริโอ” เขากล่าวพร้อมยิ้มอย่างขมขื่น “นี่เป็นโอกาสที่หาไม่ได้ง่าย ๆ หลังจากที่พวกเขาได้ฆ่าคนของเราไปขนาดนั้น เราปล่อยให้พวกเขาไปไม่ได้ อีกอย่างเราจะปล่อยให้คลาวด์รอดชีวิตไปไม่ได้เช่นกัน!”“ฉันรู้ว่าเราปล่อยเขาไปไม่ได้ แต่ขนาดเราสองคนร่วมมือกันก็ยังดูเหมือนจะไม่พอที่จะสู้กับเขาในร
ตราบใดที่มันไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการบ่มเพาะโอสถของเขา ทั้งสองคนจะทำอะไรตามต้องการก็ย่อมได้ สิ่งนั้นไม่กระทบอะไรกับเขาเลย“ถึงฉันจะดูแคลนหมอนี่ แต่เขาก็ยังกล้าเสมอ เขาก็คงจะมีความสามารถอยู่บ้าง เขาน่าจะผ่านสองขั้นตอนแรกได้อย่างไม่มีปัญหา” เกรย์สันพูดอย่างชัดเจนรูดี้มองไปที่เกรย์สันด้วยรอยยิ้มเย็นชาบนใบหน้าแล้วตอบว่า "นายดูมั่นใจกับหมอนี่มากเลยนะ ฉันจะคิดว่าทุกครั้งที่เขาพูดก่อนหน้านี้ล้วนเป็นเรื่องไร้สาระทั้งหมด“ฉันคิดว่าเขาอาจจะไปถึงขั้นที่สองก่อนที่เขาจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง! ฉันอยากเห็นจริง ๆ ว่าถ้าล้มเหลวขึ้นมา เด็กสารเลวคนนี้จะสู้หน้าเราได้ยังไง”เกรย์สันสูดหายใจเข้าลึก ๆ เขารู้สึกได้ว่าความโกรธของรูดี้ที่มีต่อเฟนด์นั้นลึกซึ้งกว่าของเขามากดวงตาของรูดี้ลุกเป็นไฟ เห็นได้ชัดว่าเขาเกลียดเฟนด์มากเพียงใดเกรย์สันหัวเราะอย่างเย็นชา "แล้วมาดูกันว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ฉันคิดว่าเขาน่าจะสามารถไปถึงขั้นตอนสุดท้ายได้ ถ้าเขาสามารถควบรวมอักขระทางยาได้ถึงร้อยเม็ดเขาก็น่าจะมาถึงระดับนั้น"หลังจากที่ทั้งสองพูดเรื่องเหล่านั้นออกมา พวกเขาก็ปิดปากเงียบพร้อม ๆ กับการมองดูเฟนด์โดยไม่พูดอะไรพวกเขามอง
ผู้อาวุโสฮอร์สท์กระแอมเล็กน้อยในขณะที่เขาพูดต่อ “หลังจากที่เธอบ่มเพาะโอสถได้สำเร็จแล้ว ให้นำโอสถมาให้ฉันตรวจสอบ พวกเธอจะมีเวลาในการทดสอบทั้งสิ้นแปดชั่วโมง ถ้าเธอไม่สามารถบ่มเพาะโอสถได้ภายในแปดชั่วโมง ก็จะแปลว่าไม่ผ่านการทดสอบ ดังนั้นอย่าได้ช้าเกินไป”พวกเขาทั้งสามพยักหน้าแทบจะพร้อมกัน หลังจากผู้อาวุโสฮอร์สท์ให้คำแนะนำแล้ว เขาก็จัดให้มีคนงานสองสามคนคอยเป็นคนตรวจ มีผู้ดูแลยืนอยู่ด้านหลังทั้งสามคนเพื่อให้แน่ใจว่าพวกเขาจะไม่ทำอะไรผิดพลาดหลังจากนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็หันกลับมาและไปหาผู้สอบคนอื่น ๆ รูดี้หรี่ตาลง ขณะที่เขาเหลือบมองเฟนด์และพูดว่า "ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการบ่มเพาะโอสถระดับหกคือขั้นตอนสุดท้าย แต่ขั้นตอนแรกก็ไม่ง่ายเช่นกัน ถ้านายรู้ว่าทำไม่ได้ ก็อย่าทำให้ต้องสิ้นเปลืองวัตถุดิบเลย ของพวกนี้ล้วนมีราคาค่างวด ต่อให้นายจะขายตัวเองเป็นทาสก็ยังไม่พอให้ซื้อของพวกนี้!”เฟนด์ถอนหายใจออกเบา ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าเขาเบื่อเกินกว่าจะอ้าปากพูดด้วยซ้ำ เขาตัดสินใจที่จะเพิกเฉยต่อผู้ชายคนนั้นและทุกสิ่งที่จะออกมาจากปากเขา ถึงโต้ตอบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดี
เกรย์สันหรี่ตาลงขณะที่เขามองเฟนด์ด้วยความโกรธเช่นกัน เขาพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "ดูเหมือนว่าวันนี้ นายจะมาที่นี่เพื่อหาเรื่องขายหน้าให้กับตัวเองเท่านั้น"หลังจากพูดจบเกรย์สันก็หันหลังกลับและเงียบไป เสียงความขัดแย้งหยุดลง และทุกคนรอบ ๆ ก็เริ่มกระซิบกระซาบกันผู้อาวุโสฮอร์สท์มองเฟนด์อย่างมีความหมาย ราวกับว่าเขามองเฟนด์ในมุมมองที่ต่างออกไป ทันใดนั้นผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็อยากรู้เรื่องของเฟนด์อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ในขณะนั้นเขาไม่อาจพูดอะไรออกมาได้เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนได้จับกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็โบกมือแล้วพูดว่า "มากับฉัน!"ทุกคนติดตามผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปเป็นกลุ่ม ๆ ผู้อาวุโสฮอร์สท์เข้าไปในเรือวิญญาณ ภายในเรือเต็มไปด้วยผู้คนที่กำลังรีบร้อนพวกเขาเดินตามหลังผู้อาวุโสฮอร์สท์ไปอย่างใกล้ชิด เดินลัดเลาะไปตามทางก่อนจะมาถึงห้องกว้างขวางในที่สุด ห้องกว้างขวางมากจนเรียกได้ว่าห้องโถงเลยทีเดียวทันทีที่พวกเขาก้าวเข้าไปในห้อง ทุกคนก็สามารถสัมผัสได้ถึงรังสีของโอสถที่หนาแน่นรอบ ๆ บรรยากาศ พื้นที่ในห้องนี้ใหญ่เกินพอสำหรับพวกเขาแปดสิบคนเฟนด์ประเมินสถานการณ์เล็กน้อย ห้องนี้ใหญ่พอที่จะรองรับคน
พวกเขาถาโถมข้อกล่าวหาและดูหมิ่นมามากเกินไป ถึงเขาจะไม่อยากโต้เถียงกับคนพวกนี้ แต่เขาก็ยังถูกบังคับให้ต้องเงยหน้าขึ้นมาอย่างช้า ๆ อยู่วันยันค่ำเขามองเข้าไปในดวงตาของรูดี้ซึ่งเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ราวกับเขาเป็นเพียงแมลงในสายตาของรูดี้เฟนด์หัวเราะอย่างเย็นชา “แล้วนายได้ยินเสียงสุนัขที่เห่าดังที่สุดแล้วหรือยังล่ะ?”คำพูดเหล่านั้นสามารถเยาะเย้ยทุกคนที่นั่นได้สำเร็จ เขาเปรียบเทียบกิลเบิร์ตกับสุนัขและเย้ยหยันทุกคนที่ฟังสุนัขตัวนั้นเห่า มันทำให้การแสดงออกบนใบหน้าของทุกคนเปลี่ยนไปกิลเบิร์ตเกือบจะลืมความโกรธของตัวเองไปแล้ว เขาไม่อยากจะเชื่ออะไรด้วยซ้ำว่าเฟนด์จะสามารถขจัดคำดูถูกดูแคลนทั้งหมดลงได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นกิลเบิร์ตหันกลับมาจ้องมองเฟนด์ด้วยใบหน้าแดงก่ำจากความโกรธเขาอยากจะตะโกนกลับแต่ถูกรองเหรัญญิกปรามไว้ "ดูเหมือนว่านายจะไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบแล้วสินะ!"ประโยคนั้นเพียงประโยคเดียวก็ทำให้กิลเบิร์ตไม่อาจพูดอะไรออกมาได้อีก กิลเบิร์ตตระหนักได้แล้วว่าเขาได้ทำให้รองเหรัญญิกขุ่นเคืองอย่างหนักหากเขายังคงยืนกรานที่จะต่อปากต่อคำกับเฟนด์ รองเหรัญญิกอาจจะดึงเขาออกไปจริง ๆ แล้วเขาจะ
“สมองหมอนั่นจะต้องมีอะไรผิดปกติจริง ๆ นั่นแหละ เขาคิดจริง ๆ หรือว่าเขาอยู่ในระดับเดียวกับอีกสองคนที่อยู่ตรงหน้าเขา แค่เพราะไปยืนอยู่กลุ่มเดียวกัน? นั่นน่าจะตลกมากเกินไปหน่อยนะ…”“ฉันนึกว่าการทดสอบจะเข้มงวดและจริงจังเสียอีก ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้ ทำเอาฉันขำจนปวดท้องเลยล่ะ…”แอนดรูว์ขมวดคิ้วอย่างรู้สึกอับอาย รองเหรัญญิกโกรธจนตัวสั่นหลังจากได้ยินคำพูดของกิลเบิร์ต เขานึกอยากจะพุ่งตัวไปไปตบกิลเบิร์ตสักสองสามครั้งกิลเบิร์ตเพิกเฉยต่อชื่อเสียงของวิมานโอสถอย่างเห็นแก่ตัวที่สุด พวกเขาแทบอยากจะมุดดินหนี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นี่จะเป็นความอัปยศอดสูที่วิมานโอสถไม่อาจจำกัดทิ้งได้รองเหรัญญิกตะโกนออกไปว่า "หุบปากเดี๋ยวนี้! นายกำลังพูดเรื่องบ้าอะไร ถ้าไม่อยากเข้าร่วมการทดสอบ ก็ไสหัวไปซะ!"รองเหรัญญิกโกรธมาก ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น สีหน้าของเขาดูอดสูอย่างไม่น่าเชื่อ เขายังคิดจะฆ่ากิลเบิร์ตให้ตายเสียเดี๋ยวนี้ เมื่อถูกตำหนิเช่นนั้นก็ทำให้กิลเบิร์ตตระหนักได้ว่าเขาพูดผิดไปถึงกระนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะถอนคำพูดเหล่านั้นกลับคืนมา เขากระแอมเบา ๆ ก่อนที่จะรีบหันศีรษะไปซ้ายทีขวาที อย่างไม่กล้
ไม่มีใครรู้ดีไปกว่ารองเหรัญญิกว่าโอสถระดับหกหมายถึงสิ่งใด ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา วิมานโอสถรับบัณฑิตมาจำนวนนับไม่ถ้วน แต่มีไม่มากนักที่จะได้กลายเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกจริง ๆคอนสแตนซ์ยิ้มอย่างมีความหมายขณะที่เขาเอ่ยถาม "รองเหรัญญิกคนนี้มีความสามารถหลากหลายจริง ๆ ผมไม่อยากจะเชื่อเลยว่าวิมานโอสถจะมีอัจฉริยะกับเขาด้วย ผมไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนเลย"ริมฝีปากของรองเหรัญญิกกระตุก เขาต้องการอธิบายตัวเอง แต่ถ้าเขาบอกว่าเฟนด์ไม่สามารถสกัดโอสถระดับหกได้ และมีเพียงพรสวรรค์ในการสร้างอักขระทางยาเท่านั้น มันคงจะกลายเป็นเรื่องตลกครั้งใหญ่ และทุกคนคงจะหัวเราะเยาะวิมานโอสถเป็นแน่แต่ถ้าเขายังคงดื้อรั้นต่อไป พอถึงเวลาต้องบ่มเพาะโอสถ เฟนด์ก็จะเปิดเผยความจริงข้อนั้นออกมา เมื่อนั้นความอัปยศอดสูก็จะยิ่งหนักข้อขึ้นเขาถึงกับมือสั่น ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเขาไม่เคยรู้สึกเหมือนตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้มาก่อน เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกกักขังอยู่ในกำแพงอีกสองด้าน ทุกคนคิดว่ารองเหรัญญิกกำลังวางแผนที่จะใช้ความเงียบเพื่อตอบคำถามเมื่อเห็นกับตาว่ารองเหรัญญิกไม่ตอบอะไรออกมาแต่ทว่าคอนสแตนซ์คล้ายกับจะไม่เ
เฟนด์เป็นคนเดียวที่ยังคงยืนอยู่ ขณะนั้นเขาดูคล้ายกับกำลังลังเลและดูเหมือนกำลังรออะไรบางอย่างอยู่ ขณะที่รองเหรัญญิกพูดจบ ผู้อาวุโสฮอร์สท์ก็จ้องมองมาอย่างอยากรู้อยากเห็นแม้ว่าดวงตาของเขาจะดูเป็นประกายมากขนาดไหน แต่เฟนด์ก็ยังคงรู้สึกถึงความเฉียบคมภายใน ราวกับว่าเขาจะถูกตัดสิทธิ์หากเขาไม่ขยับริมฝีปากของเฟนด์กระตุกอย่างช่วยไม่ได้ เขารีรอต่อไปไม่ได้แล้ว จึงได้แต่เดินไปยังพื้นที่ที่เขาวางแผนไว้ก่อนหน้านี้ในตอนแรกเฟนด์ไม่ได้ดึงดูดความสนใจใครมากนัก เขาอาจจะเป็นคนสุดท้ายที่ปรากฏตัวขึ้น ไม่มีใครจำเขาได้ ต่อให้เขาจะมาจากวิมานโอสถ แต่นอกจากคนที่เคยพบเขาแล้ว ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใครขณะที่เขาเคลื่อนตัวไปทางทิศตะวันตกต่อไป ทุกคนก็เริ่มจ้องมองไปที่เขา ใบหน้าของรองเหรัญญิกก็ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นบูดบึ้งเมื่อเขาสังเกตเห็นว่าเฟนด์กำลังมุ่งหน้าไปทางใด“ผู้ชายคนนั้นคิดจะไปต่อหลังรูดี้หรือเปล่า? เขาคิดจะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกลั่นโอสถระดับหกด้วยหรือ?”“ก็คงเป็นแบบนั้น เว้นแต่เขาจะเป็นคนโง่เง่าที่ไม่ทันได้ฟังกฎการตัดสินให้ดี ไม่งั้นคงไม่เดินไปแบบนั้นหรอก เขาเป็นใคร ทำไมฉันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
กิลเบิร์ตทำท่าราวกับกลืนแมลงวันเข้าไปสองสามตัว เขาคาดหวังว่ารองเหรัญญิกจะพูดคำเหล่านั้นกับเขาเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่ารองเหรัญญิกไม่ละสายตามามองเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียวรองเหรัญญิกฝากความหวังทั้งหมดไว้กับเฟนด์ราวกับว่ากิลเบิร์ตและแอนดรูว์มาที่นี่เพื่อเพิ่มจำนวนคนเท่านั้นแอนดรูว์มีสีหน้าขมขื่นเช่นกัน ในอดีตเขาขัดแย้งกับกิลเบิร์ตมามากมาย และความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็ไม่อาจพัฒนาไปในทางที่ดีได้แต่ต้องขอบคุณเฟนด์ที่ทำให้เขาสามารถวางเฉยต่อความแค้นทั้งหมดที่เคยมีได้แอนดรูว์พูดด้วยใบหน้าที่มืดมน “รองเหรัญญิก ดูเหมือนคุณจะฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่เฟนด์เลยนะ“แต่คุณก็น่าจะเตือนเฟนด์สักหน่อยว่าต่อให้เขาจะมีพรสวรรค์ค่อนข้างดี แต่ก็ไม่ควรหยิ่งผยองเกินไป”แอนดรูว์โกรธมากในขณะนั้นและอดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องเอ่ยคำดูแคลนที่สุดเช่นนั้นออกมากิลเบิร์ตกล่าวเสริมอย่างรีบร้อนทันที “แอนดรูว์พูดถูก แม้ว่าพรสวรรค์ของเฟนด์จะค่อนข้างดี แต่เขาก็ไม่ควรหยิ่งผยองนัก คำพูดพวกนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด”เฟนด์ถึงกับพูดไม่ออกเมื่อถูกคนทั้งสองเหยียบย่ำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเฟนด์ไม่ได้เอ่ยปากเลยสักคำ แล้วเขาจะเอาเวลา
ในตอนแรก คอนสแตนซ์และซีนย์เพียงยืนเคียงข้างกันโดยไม่สนใจเรื่องนี้ พวกเขาต้องการปล่อยให้สถานการณ์ดำเนินต่อไปอย่างที่ควรจะเป็น แต่เมื่อว่าเกรย์สันและรูดี้เริ่มเถียงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งสองคนก็ถูกบีบให้ต้องทำอะไรสักอย่างพวกเขาถูกบีบให้ต้องแยกรูดี้และเกรย์สันออกจากกัน นั่นก็เพราะ การทะเลาะกันของเด็ก ๆ ควรจะมีขีดจำกัด เพราะหากมันเกินขีดจำกัดไปแล้ว นั่นจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา นี่คือสิ่งที่รูดี้และเกรย์สันเองก็ไม่อยากเห็นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว ผู้อาวุโสฮอร์สท์นั่งบนเก้าอี้ ขณะมองดูการทะเลาะวิวาทและการพูดคุยกันอย่างเฉยเมย เมื่อหมดเวลาเขาก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้เสียงปรบมือดังขึ้นตอนที่เขาจะพูดว่า "เอาล่ะ หมดเวลาแล้ว ทุกคนต้องตัดสินใจได้แล้วว่าจะพิสูจน์ความสามารถของตัวเองยังไง”“ฉันไม่คิดว่าฉันจะต้องบอกอะไรพวกนายทุกอย่างหรอกนะ ตอนนี้ก็แยกออกเป็นกลุ่มเสีย ผู้ที่ต้องการรวมอักขระทางยาจะยืนอยู่ทางทิศตะวันออก“ผู้ที่ต้องการแยกแยะวัสดุสามารถยืนอยู่ตรงกลางได้เลย และหากจะพิสูจน์ตัวเองด้วยกันบ่มเพาะโอสถให้ไปยืนที่ทางทิศตะวันตก“ถึงอย่างนั้นฉันก็ต้องขอเตือนทุกคนก่อน หากทุกคนต้องการ