"เอาล่ะ! ไปกันเถอะ!"เฟนด์โบกมือและฝูงชนก็เดินออกไปอย่างมีระเบียบ ไม่นานพวกเขาก็มาถึงด้านล่างของภูเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับหมู่บ้าน "นายน้อยเฟนด์ บางครั้งกลุ่มโจรขี่ม้าก็จะไปหาทรัพยากรการต่อสู้ แต่ส่วนใหญ่จะมาปล้นพวกเรา บางครั้งพวกเขาก็รอเราตรงทางเข้าป่าที่เราไล่หาทรัพยากร บางคนจากตระกูลอื่นที่ไม่รู้จักพวกเขาก็จะโดนปล้นไปด้วย แต่ในสถานการณ์ปกติแล้ว พวกมันจะปล้นแต่ก็ไม่กล้ารุกรานตระกูลอื่น ดังนั้นส่วนใหญ่ก็ทนการรังแกจากพวกมันได้!"ระหว่างทางไปยอดเขาใหญ่ เมสันก็ไตร่ตรองกับอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา และพูดเสริมว่า "ดังนั้น ผมคิดว่ากลุ่มโจรขี่ม้าพวกนี้ได้เก็บทรัพยากรมากมายเอาไว้ ถ้าเราฆ่าพวกมันทั้งหมด เราก็จะได้ทรัพยากรนั้นมาด้วย!" "นายน้อยเฟนด์ ตอนที่เราบุกเข้าไปได้และจัดการพวกมันได้สำเร็จ คุณคิดว่าเป็นไปได้ไหมที่จะถือว่าเป็นหนึ่งในภารกิจหาทรัพยากร? และถ้าเราแบ่งครึ่งหนึ่งให้กับตระกูลหลักล่ะ?" ผู้อาวุโสอีกคนพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจ ผู้อาวุโสคนนี้ฉลาดและช่างสังเกต เขาเห็นความตั้งใจของหัวหน้าเมสันที่จะพูดเรื่องนี้ต่อหน้าเฟนด์อย่างตั้งใจ เมสันคิดเรื่องทรัพยากรจำนวนมากนี้อย่างเห็นได้ช
ภายในอาคารอิฐแห่งหนึ่ง มีชายวัยกลางคนที่น้ำลายไหลขณะอยู่เหนือร่างของหญิงสาวที่ถูกมัดอยู่บนเตียงและบาดเจ็บ ลำคอของเขาขยับเพื่อกลืนน้ำลาย"เป็นผู้หญิงที่น่าทึ่งมากเลยสินะ ไม่ใช่เหรอ?" ชายกลางคนลูบมือขณะเดินไปที่เตียงพร้อมกับยิ้มชั่วร้าย "ตัวเล็กตัวน้อยของฉัน ฉันคือหัวหน้าแห่งตำหนักลมหวน! ถ้าเธอได้เป็นผู้หญิงของฉัน ทำตามที่บอกและรับใช้ฉันอย่างดี เธอจะได้เป็นภรรยาของหัวหน้าตำหนักลมหวน!" หญิงสาวมองอีกฝ่ายด้วยความแค้นและเกลียดชัง "หัวหน้าอะไร ตำหนักอะไร? พวกแกก็เป็นแค่กลุ่มโจรขี่ม้า!" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด "ตอนนี้แกหน้าด้านเกินไปแล้ว! แกเคยปล้นแต่ของ ตอนนี้กล้าลักพาตัวคนแล้ว! คนอย่างพวกแกก็ได้แค่ชื่อกับอำนาจให้ตัวเอง หน้าไม่อายจริง ๆ! ตำหนักลมหวนเหรอ? ล้อกันเล่นหรือเปล่า? พวกแกควรได้ชื่อแบบนั้นเหรอ?"หัวหน้าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะตอบกลับไป "ฮี่ฮี่ฮี่! อย่าตัดสินคนจากภายนอกสิ! แม้ว่าเราจะดูตัวใหญ่และร่างหนา แต่ฉันก็เป็นสุภาพบุรุษที่โรแมนติกและอ่อนโยนคนหนึ่งนะ"จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปลูบแก้มของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา "อย่าห่วงไปเลย ถ้าเธอเริ่มคิดว่าจะตามฉัน ฉันสัญญาได้เลยว่าไม่ต้องกังวลกั
"หัวหน้าเมสัน หมายความว่าไงที่พาคนพวกนี้มา?"เมื่อหัวหน้าของตำหนักลมหวนมาถึงใจกลาง ใบหน้าเขาก็นิ่งลงที่สุดทันที เขาไม่คิดว่าหัวหน้าสาขาของตระกูลวู๊ด เมสัน วู๊ดจะนำผู้อาวุโสและปรมาจารย์มาด้วย เขารู้ดีว่าคนของตระกูลสาขาไม่กล้าต่อกรกับพวกเขามาโดยตลอด เว้นแต่พวกวู๊ดจะมั่นใจในระดับหนึ่งว่าพวกเขาชนะการต่อสู้ นอกจากนั้น เขาก็รู้ดีว่าตระกูลหลักของตระกูลวู๊ดไม่เคยมาสนใจเรื่องนี้เลย ดังนั้นพวกเขาก็เลยไม่กล้าประมาทและโจมตีมา นอกจากนี้ สิ่งที่ทำให้อีกฝ่ายกลัวที่สุดเมื่อสู้กับตำหนักลมหวนคือการสูญเสียของพวกเขาเองที่ใหญ่มากจนกระทบกับตระกูลวู๊ดทั้งหมด มันไม่คุ้มเลย สิ่งเดียวที่หัวหน้าของตำหนักลมหวนไม่ได้คิดไว้คือเมสันพาใครสักคนมาด้วย เมสันสูดลมหายใจ เขาปรบมือเพื่อเป็นสัญญาณ ชายหลายคนของตระกูลวู๊ดก้าวเข้ามาโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้า พวกเขาโยนหัวของผู้พิทักษ์ลานิชกับพวกอันธพาลลงไปที่พื้น "แก..." ใบหน้าของหัวหน้าตำหนักลมหวนซีดทันที "หัวหน้าเมสัน นี่มันหมายความว่าไง? ฆ่าคนของเราได้ยังไงกัน? และฉันก็จำได้นะว่าไม่ได้ไปปล้นพวกนายเมื่อเร็ว ๆ นี้!" หัวหน้าพูดอย่างโกรธจัด "หัวหน้าเมสัน อย่าคิดนะว
"เวรเอ๊ย! ความแข็งแกร่งของขั้นกลางเทพแท้จริงงั้นเหรอ? นั่นด้วย.."นักสู้ที่ยิ่งใหญ่ของตำหนักลมหวนค่อย ๆ เบ้หน้าเมื่อได้ยินคำพูดของหัวหน้าในความเป็นจริง หัวหน้าตำหนักลมหวนเตือนพวกเขามาเสมอว่าเพราะตระกูลวู๊ดอยู่ใกล้กับพวกเขา จึงเป็นที่ยอมรับได้หากพวกเขาปล้นทรัพยากรไปบางส่วน แต่ก็ไม่ควรข้ามเส้นไปและทำให้พวกนั้นโกรธจัด อีกฝ่ายตัดสินใจต่อสู้กับพวกเขาเมื่อไหร่ พวกเขาก็สู้ไม่ได้เลยหัวหน้าเชื่อถ้าถ้าเป็นการปล้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เมสันก็จะอดทนเอาไว้ ในทางตรงกันข้าม สำหรับหลาย ๆ ตระกูล ถ้าพวกเขาออกไปตามทรัพยากรและวัสดุ คนในตำหนักลมหวนอาจจะทำตัวหยาบคายและประสาท เมื่อคนของตำหนักลมหวนเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่คนเดียวหรือเป็นกลุ่มเด็ก ๆ พวกเขาก็จะปล้นอย่างไม่ปราณี หลังจากที่ตระกูลอื่น ๆ และอีกหลายตระกูลไม่รู้ว่าตำหนักลมหวนอยู่ที่ไหน ดังนั้น แม้ว่าพวกเขาจะอยากล้างแค้น มันก็จะไม่ง่ายที่จะทำเช่นนั้น หัวหน้าของตำหนักลมหวนไม่คิดว่าที่ผู้พิทักษ์ลานิชและคนอื่น ๆ มุ่งไปที่ผู้อาวุโสของตระกูลวู๊ดนี่ไม่ได้หมายความว่าอยากตายแล้วจะหมายความว่าอะไร? สีหน้าของหัวหน้าซีดลงขึ้นไปอีก "เดี๋ยวก่อน!" เขากางแขนอย่างตื่นตระห
“บ้าเอ๊ย เราจะทำยังไงดีเมื่อต้องเผชิญหน้ากับนักสู้ระดับเทพแท้จริง?”บางคนตกใจมากจนน้าซีด สำหรับปรมาจารย์หรือคนที่อยู่ระดับกึ่งเทพ ไม่มีทางที่จะเอาชนะคนที่อยู่ในระดับเทพแท้จริงได้ ออร่าของเขาเพียงคนเดียวยังมีพลังมากขนาดนี้ มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะเข้าใกล้ตัวเขาผู้อาวุโสพลิกฝ่ามือและหยิบวัตถุที่มีลักษณะคล้ายกระดองเต่าขนาดเล็กออกมา เขาถ่ายพลังฉีเข้าไป กระดองเต่าก็เปล่งแสงวาบออกมาก่อนที่จะขยายขนาดใหญ่ขึ้นสิ่งนั้นคือโล่จริง ๆ ด้วยผู้อาวุโสยกโล่ขึ้นตรงหน้าเขาและถอนหายใจอย่างโล่งอก“แกมีสมบัตินี้อยู่จริงด้วย!”มันโรพูดไม่ออกเมื่อเห็นมัน ตามตรรกะแล้ว เขาควรจะเป็นคนที่ได้สมบัตินั้นมา เขาไม่คิดว่าผู้อาวุโสจะซ่อนมันไว้เพื่อตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาตกอยู่ในอันตราย ผู้อาวุโสคงไม่เอามันออกมา และมันโรก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าสมบัติดังกล่าวมีอยู่จริงปัง!มีการโจมตีโดนบนโล่ แต่เมื่อมองไปที่มัน ก็ไม่เห็นเหลือรอยขีดข่วนใด ๆ เหลือบนกระดองเต่าเลยทว่าการโจมตีที่ทรงพลังนั้นก็ทำให้เขาเซถอยหลังไปสองสามเมตรก่อนที่เขาจะกลับมาตั้งหลักได้อีกครั้งส่วนคนรอบข้าง แม้ว่าพวกเขาใช้ทักษะยุทธอย่าง
“ฉันต้องอดทนไว้!” มันโรพูดประโยคเดิมซ้ำ ๆ กับตัวเอง แต่ไม่ถึงหนึ่งวินาทีก่อนที่เขาจะได้พูดประโยคนั้นซ้ำ ทุกอย่างก็พังทลาย ทันทีที่ความคิดนั้นยึดมั่นอยู่ในใจของเขา ฉีอสรพิษยักษ์ก็พังทลายลงและค่อย ๆ จางหายไปในอากาศ แม้ว่าอสรพิษของเขาจะลบล้างการโจมตีส่วนใหญ่ของเฟนด์ได้สำเร็จ แต่การโจมตีที่เหลืออยู่ก็ยังคงทรงพลังและแข็งแกร่งอย่างน่าสะพรึงกลัว มันปะทะกับออร่าฉีวงกลมที่ป้องกันตัวของมันโรโดยตรงปัง! เสียงกระแทกเบากว่าเมื่อกี้ แต่โล่ของพลังฉีของมันโรก็ต้านทานการโจมตีของเฟนด์ไว้ได้เพียงสองสามวินาทีก่อนที่มันจะพังทลายลงและแตกละเอียยดเป็นชิ้น ๆ แม้ว่าหลังจากที่จะลบล้างการโจมตีของเฟนด์ด้วยออร่าฉีวงกลมที่ล้อมรอบตัว แต่การโจมตีที่แข็งแกร่งนั้นก็ยังเหลืออยู่เกือบหนึ่งในสิบ มันก็ระเบิดใส่ร่างของมันโรอย่างรุนแรง เลือดไหลทะลักออกมาจากปากของมันโร เขากระเด็นถอยหลังไป เหมือนลูกกระสุนปืนใหญ่ กระเด็นไปตกบนหลังคาบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากหลังของเขา กระแทกบนหลังคาจนเป็นรูแล้วตกลงบนพื้นของบ้าน “ฮึ่ม!” เหตุการณ์ตรงหน้าฟนด์ทำให้มุมปากของเขาหยักขึ้น และในวินาทีต่อมา เขาก็พุ่งตัวเข้าไปในบ้านด้วยความเร็ว
ดังนั้น เห็นได้ชัดว่าคนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ไม่ได้มาจากตระกูลคาเบลโล “อย่าบอกนะว่าเป็นโจรอีกกลุ่มหนึ่งที่จับตาดูพวกเขาอยู่?” ทันใดนั้น หัวใจของคุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลก็เต้นอย่างแรงเมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ เพราะยังไงซะ ไม่ว่าจะเป็นพวกกลุ่มโจรจากตำหนักลมหวนหรือจะเป็นพวกกลุ่มโจรอื่น พวกเขาก็ล้วนเป็นคนไม่ดี ปรากฏการณ์ปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้ที่แข็งแกร่งชอบรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า เป็นเรื่องธรรมดาของกลุ่มโจร ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะต้องมีกลุ่มโจรภูเขาอีกกลุ่มหนึ่งมาปล้นตำหนักลมหวนแน่ ภายในสองสามวินาทีนี้ ความคิดของคุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลวิ่งพล่านไปหมด หัวใจของเธอรู้สึกไม่สบายใจ ความหวาดกลัวของเธอก็เพิ่มสูงขึ้น เธอมีใบหน้างดงามที่สุดในบรรดาลูกสาวทั้งสามคนของตระกูลคาเบลโล แม้ว่าพี่สาวของเธอจะสวยด้วยเหมือนกันก็ตาม ยิ่งไปกว่านั้น นายน้อยคนอื่น ๆ หลายคนจากตระกูลลึกลับต่างก็ชื่นชอบเธอและอยากจะได้ตัวเธอ ถ้าหญิงสาวหน้าตาดีอย่างนี้ตกไปอยู่ในมือของกลุ่มโจรที่แข็งแกร่งกว่าอีกกลุ่มหนึ่ง มีความเป็นไปได้สูงที่เธอจะถูกจับไปเป็นภรรยาของหัวหน้าโจร เธอตกอยู่ในความสิ้นหวังและไม่สามารถ
เฟนด์ไม่สนใจเลยสักนิดแม้ว่าคุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลจะตกลงมาอย่างแรง เขายังคงเดินตรงไปหาเธอและตวัดดาบไปที่เธอ “ไม่ อย่านะ!” คุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลคิดว่านี่คงเป็นวันสุดท้ายของเธอ คิ้วของเธอขมวดเข้าหากัน เธอหลับตาลงและตะโกนออกมาสุดแรง ฟุ่บ! น่าเสียดายที่คุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลเข้าใจผิด เฟนด์ตวัดดาบในมือของเขา วินาทีต่อมา เชือกที่มัดเธอไว้ก็ขาดออก ไม่นานคุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลก็รู้สึกว่าเชือกที่มัดอยู่นั้นเหมือนจะคลายออก เธอจึงลืมตาขึ้นข้างหนึ่งเพื่อแอบดู ซึ่งเฟนด์ก็ได้ตัดเชือกไปแล้ว “คุณ... คุณไม่ได้จะฆ่าฉันเหรอ?” คุณหนูลำดับที่สามของตระกูลคาเบลโลถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่ไม่นานสีหน้าของเธอมืดลงอีกครั้ง “เดี๋ยวก่อน คุณต้องรู้ว่าฉันกินโอสถกระจายฉีและรู้ว่าฉันไม่สามารถควบคุมฉีในร่างกายเพื่อป้องกันตัวเองได้! นั่นคือเหตุผลที่คุณตัดเชือกแล้วปล่อยฉันไปใช่ไหม?” เธอสันนิษฐาน “ขอพูดตรง ๆ นะ ร่างกายอันงดงามที่คุณเห็นอยู่ตอนนี้ ไม่ใช่สิ่งที่คุณจะสัมผัสได้!” เฟนด์พูดไม่ออกอีกครั้ง “อย่างแรกเลยนะ ผมไม่ใช่ทั้งผู้ร้ายและไม่ใช่กลุ่มโจร อย่างที่สอง ผมแต